วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 23:46  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 23 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2009, 21:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2009, 21:34
โพสต์: 56


 ข้อมูลส่วนตัว


บัวศกล เขียน:
ที่น้องพลอยใส อ่านเจอเรื่องราวที่นำมาเสนอแล้วรู้สึกว่าดี

สรุปว่า น้องพลอยใส เชื่อไปตามเนื้อความเหล่านั้นรึยังจ๊ะ

:b16: :b16: :b16: :b53:


ก็เชื่อ70%ค่ะ อีก30%ไม่เชิงว่าไม่เชื่อแต่ว่าเฉยๆ คนที่เค้าปฏิบัติแล้วมี
ก็เคยเจอค่ะที่เจอไม่ใช่พวกแนวดูดวง เปิดตำหนักนะคะ เค้ามีก็เห็นเฉยๆ
แล้วก็ปฏิบัติของเค้าต่ออ่ะค่ะ คือเห็นว่า เวลาคนที่เค้าปฏิบัติกัน บางคนก็จะมี
แล้วแต่คน เพียงแค่นำมาเสนอ ว่าอย่าเชื่อว่าเราทำมากแล้วเราจะมีองค์กันทุกคน
บางคนมีบางคนไม่มีอ่ะค่ะ ยิ่งโดนทัก ยิ่งแอบดีใจ คิดว่ามีทรง หลงตัวเองไปใหญ่
ที่นำเสนอ เพราะอยากให้คิดไว้เป็นข้อป้องกันตัวไว้บ้างอ่าค่ะ ในอีกใจความคือ

อย่างมงาย

.....................................................
๐ การเป็นผู้ฟังบ้างก็ไม่เสียหายอะไร จะได้รู้ว่าสิ่งที่เข้าใจมากนั้นผิดหรือถูก ๐


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2009, 22:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2009, 19:25
โพสต์: 579

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เชื่อ70 อีก30 ไม่เชิงว่าไม่เชื่อ

คำว่าไม่เชิงว่าไม่เชื่อ ก็น่าจะถัวคิดรวมไปกับที่เชื่อไปแล้ว70

คงจะสรุปได้ว่า เชื่อไปแล้ว 99 เปอร์เซ็น

อีก 1 เปอร์เซ็น ก็คงอยู่ในระหว่าง การเหลือเอาไว้
เพื่อป้องกันใครจะมาว่างมงาย


เรื่องอย่างนี้ ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะรู้และเข้าใจมันแท้จริงได้ด้วยความคิด

และไม่ใช่สิ่งที่คนที่สามารถเห็นและสัมผัสโอปาติกะได้จะเข้าใจลึกไปถึงตัวระบบ
โครงสร้างและความเป็นไปตามที่เป็นจริงของมันได้ครบถ้วน

บางคนเห็นได้สัมผัสได้ รู้ได้ถึงการคงอยู่ของโอปาติกะ
แต่ก็ไม่สามารถรู้ถึง กระบวนการที่รู้และธรรมชาติของสิ่งที่ถูกรู้
เขาเห็น เขารู้ เขารู้สึก แต่เขาอาจไม่รู้จักสิ่งนั้นตามที่เป็นจริงก็ได้

บางบุคคล ไม่ได้เห็น ไม่ได้สัมผัสด้วยตนเอง
แต่สามารถขบคิดโดยอาศัยกรอบจาก ข้อมูลโดยรอบมาขบคิด
โดยอิงกฏเกณฑ์ความเป็นเหตุผลทางธรรมชาติ
ความรู้ที่ได้ จะดูมีเหตุผล น่าเชื่อถือ คิดตามได้
แต่ก็อาจจะมีบางส่วนที่ตรง จริง และบางส่วนยังไม่ตรง ยังไม่จริง

แม้บางบุคคลที่สัมผัสด้วยตนเอง และศึกษาจากข้อมูลโดยรอบมาประกอบ
จนเกิดความรู้ที่ดูน่าเชื่อถือ แต่ความรู้นั้นก็ยังเป็นความรู้ที่เกิดจากการขบคิดอยู่ดี
ความรู้ที่ได้ ยังจะเปลี่ยนใหม่ได้อีกหลายครั้งหลายหนถ้าเขาพัฒนาคุณธรรมสูงขึ้นไปเรื่อยๆ
และเขายังมีโอกาสเข้าใจผิด และผิดได้หลายครั้งหลายหน

เพราะความรู้อย่างที่นำมาแสดงนี้ อยู่ในข่าย อจินไตย
ไม่ใช่สิ่งที่จะแค่อาศัยการหยั่งคิดจึงรู้ได้แท้ รู้ได้ครบ รู้ได้ตรง

ดังนั้นคนที่ไม่ได้รู้จริงด้วยตนเอง ควรจะระวังมากที่สุด
หากจะต้องไปเกี่ยวข้องกับเรื่องอย่างนี้

จริงแล้วควรที่จะไม่เชื่อเลย และควรที่จะไม่ปฏิเสธการรับรู้

หากรับมาแล้วก็วางเอาไว้ มีโอกาสก็หยิบมาดู ดูเสร็จก็วางไว้ มีโอกาสก็หยิบมาดู

หากปฏิบัติไปด้วย และหยิบมาดูเรื่อยๆเมื่อมีโอกาส
จึงชื่อว่าเป็นผู้ไม่ประมาท ไม่หยาบลวกในทางธรรม


เชื่อเพราะรู้จริงก็ยังต้องระวัง เพราะความรู้ที่จริงแท้ก็อาจขยายขอบเขตกว้างขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้นจึงไม่ควรด่วนสรุปความครบถ้วนแม้ความรู้นั้นอยู่บนความจริง

เชื่อ ทั้งที่ตนเองก็ยังไม่รู้จริง เพียงแต่สิ่งนั้นดูแล้วน่าเชื่อ
สิ่งนี้ยิ่งต้องระวัง เพราะไม่ใช่การเชื่อด้วยปัญญา แต่เชื่อด้วยความรู้สึก


พอและ..........พร่ำยาวมากแค่ไหนก็ไม่อาจเปลี่ยนใจ ให้น้องพลอยใส เลิกเชื่อได้

:b39: :b39: :b39: :b39: :b39: :b39: :b39:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2009, 01:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2009, 21:34
โพสต์: 56


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณ พี่บัวศกล นะคะ ที่ให้คำชี้แนะ
หนูเข้าใจในความหวังดีของพี่นะคะ
แต่ไม่ใช่ว่าหนูจะดื้อ เอาความคิดตัวเอง
เป็นหลัก ใจหนูก็พร้อมเปิดกว้างเสมอค่ะ

แต่คือว่า หนูยังไม่ค่อยเข้าใจทะไหร่เลยค่ะ
ประสบการณ์ที่เจอคนมีองค์ ก็เจอกับตัวเอง
เป็นคนใกล้ตัวที่ไม่ใช่ใครอื่น คือ พ่อ แม่
และคนอื่นๆ

ถ้าสมมตินะคะ เชื่อตามเนื้อเรื่องที่นำเสนอ
บางทีพ่อแม่หนูอาจจะไม่ได้มีองค์ อาจจะ
เป็นสัมภเวสี หรือ อื่นๆ แต่ ความฝันของแม่
แม่นมาก แม่เคยทักเตี่ย(พ่อใหม่) ว่าจะไม่ได้
ดูใจกะคนๆนึงในวันที่เค้าเสีย ซึ่งเตี่ยเถียงคอเป็น
เอ็นเลยค่ะ เพราะว่าไม่เชื่อ ไปมาหากันทุกวัน
จะไม่ได้ดูใจได้ไง แต่พอถึงวันนั้นก็ เป็นอย่างที่
แม่บอกอ่าค่ะ นี่ไม่ใช่ฝันแรกที่เจอ แต่มีก่อนหน้านี้
เหมือนกันค่ะ เวลาแม่นั่งสมาธิ แม่จะพูดภาษาแปลกๆ
เสียงเปลี่ยนไป พูดรัวๆ (นั่งสมาธิในห้องพระหลังจาก
สวดมนต์เสร็จอ่าค่ะ) เด็กๆ ก็ไม่เข้าใจหรอกค่ะ
แต่ที่รู้ๆ คือแม่ทำของแม่คนเดียว ไม่มีไสยศาสตร์
มีเพียงไหว้พระสวดมนต์ นั่งสมาธิ แล้วจะเป็นเองอ่าค่ะ
ถ้าคิดนะคะ แม่จะทำเพื่ออะไรคะอย่างนั้นเพื่ออะไรล่ะคะ
ถ้าหากว่าคนในบ้านไม่เป็นเหมือนกัน หนูก็คงคิดว่าแม่ตัวเอง
บ้าไปแล้วมั้ง หรือโดนของ(งมงายอีกและ) ทั้งที่แม่ได้ห่าง
จากการสวดมนต์มาหลายปีแล้วนะคะ แต่พอแม่สวดก็เป็นอีกค่ะ

เหตุผลที่นำเสนอเรื่องนี้ เพราะเป็นคนเพิ่งจะปฏิบัติค่ะ เรียกว่า
เพิ่งจะเริ่มก็ได้ค่ะ คือไม่ได้อวดอะไรนะคะ คือคนในบ้านมีองค์
(แล้วแต่คนเชื่อนะคะ) คนนั้นปฏิบัติก็มีคนนี้ก็มี อีกคนเหมือน
สัมผัสได้ วันก่อนนู้นพี่แถวบ้านบอกเอาน้องไปดูดวงกับร่างทรง
ร่างทรงทักว่ามีองค์ ก็เลยคิดเพลินๆ ว่าตัวเองจะมีเหมือนกันไหม
(เริ่มอยากมี เหมือนกระแสฮิต เหอะๆ) ก็เลยลองศึกษาเปิดดู
ค้นหาเรื่องพวกนี้เลยได้เรื่องอย่างนี้ไว้เตือนใจค่ะ พออ่านเรื่องนี้
ส่วนตัวของหนู คือ เน้นปฏิบัติ จะมีก็มีเอง ไม่มีก็คือไม่มี ไม่ต้อง
อยาก ได้อ่านเรื่องนี้ก็เหมือนว่าจะได้เจอ
มุมลบไปในตัว เลยยิ่งทำให้คิดว่า ไม่อยากดีกว่า แต่ถ้าหาก
เค้าเลือกก็จะไม่ดื้อปฏิเสธ(ก็มีคนเล่าว่าปฏิเสธเค้า เค้าก็จะทำทุก
วิธีให้เรายอมรับ มะช่ายส่งเดชรับขันธ์ไรงั้นนะคะ ก็ไม่รุ้ว่ารับไง
แค่คิดไปงั้น งมงายอีกและ ) เหอะๆ


คือหนูไม่เข้าใจที่พี่พูดอ่ะค่ะ เพราะงง กับการที่เจอประสบการณ์
แบบนี้ มันงงๆยังไงไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ที่พูดไม่ได้จะล่วงเกิน
ไม่เชื่อคำพูดพี่นะคะ เพียงแต่อธิบายว่าหนูเจอมาอย่างไร
เท่านั้นอ่าค่ะ หนูอยากเข้าใจในสิ่งที่พี่พูดนะคะ
ด้วยความที่ไม่เข้าใจ ก็อยากจะเข้าใจค่ะ
การเข้าใจในสิ่งๆผิดแล้วไม่ฟังคนอื่น
ก็อาจจะทำให้หนูเดินทางไปแบบผิดๆก็ค่ะ หนูคิดอย่างนั้น
หากหนูเข้าใจในสิ่งที่พี่พูด มุมมองหนูอาจจะเป็นมันก็เป็นได้ค่ะ
อีกอย่างมันก็เป็นผลดีกับหนูด้วย และพี่ก็ไม่ได้หวังร้ายอะไร
:b18: :b18: :b18: :b18:

ถ้าไม่เป็นการรบกวน จะขอคุยกับพี่เป็นการส่วนตัว
ได้ไหมคะ พูดไปเหมือนเอาเรื่องของคนที่รักมาเผายังไงไม่รู้ค่ะ



ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นค่ะ ^^" ยังไงก็อย่าถือโทษ โกรธ เคือง หนูเลย
นะคะ หนูก็19ขวบ ยังด้อยประสบการณ์ เริ่มศึกษาธรรมเมื่อ พ.ค.
ที่ผ่านมา ปฏิบัติจริงเมื่อสัปดาห์ก่อนเองค่ะ เหอะๆ หลงผิดบ้าง
แต่พยายามอยู่ ><" (จะบอกว่าข้อความพวกนี้หนูแก้หลายครั้งมาก
เหอะๆ)

.....................................................
๐ การเป็นผู้ฟังบ้างก็ไม่เสียหายอะไร จะได้รู้ว่าสิ่งที่เข้าใจมากนั้นผิดหรือถูก ๐


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2009, 09:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2009, 19:25
โพสต์: 579

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอบน้องพลอยใสค่ะ

เรื่องราวที่ตัวเองได้เห็นได้เจอโดยตรงจากคนใกล้ชิด
เราก็แค่เพียงได้เห็นจริง ได้รู้ว่าเป็นจริง ได้รู้ว่าแปลกจริง
แต่เราก็ไมาสามรถรู้จริง และมั่นใจไปจริงๆว่า มันคืออะไร
นอกจากจะปักใจไปเองให้เชื่อไปทางใดทางหนึ่งที่เราคิดว่าน่าจะใช่
ทั้งที่เราก็ไม่ได้รู้จักมันจริงว่าทำไมถึงใช่

อาการที่พ่อแม่ของเราเป็นอยู่ เป็นสิ่งที่ยุคนี้ก็มีเป็นกันเยอะ
เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่จะอธิบายให้เข้าใจว่ามันคืออะไร เกิดจากอะไรแก้ยังไง
ชั่วชีวิตนี้ ก็เคยเจอมาเยอะ และเจอมาแล้วเกือบทุกอย่าง

หากเราต้องการความเจริญในธรรม ควรหลีกลี้หนีห่างการใส่ใจ การสนใจ
และการน้อมใจไปฝักใฝ่ เพราะบุคคลที่ปล่อยให้จิตมีช่องว่าง
ปล่อยให้จิตหลุดออกจากการควบคุมของสำนึกบ่อยๆ จิตจะเสียสมดุลย์
เสียธรรมชาติที่ปกติของสามัญมนุษย์ จิตที่ถูกน้อมเอียงให้ขาดสำนึก
จะเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติเพื่อพัฒนาชีวิตไปตามวิถีทางของมรรคผลนิพพาน

มีคนมากมายที่ไม่ต้องมีองค์ ก็สามารถทายทักอะไรได้ตรงได้แม่น
และเกิดความฝันบอกเหตุได้ เพราะทุกคนย่อมอยู่ภายใต้ข่ายของสายตา
ของเหล่าเทวดาผู้มีปรารถนาดีอยู่แล้วเป็นปกติ

ถึงแม้เราจะไม่เคยเป็นญาติกับเทวดาทั้งหลาย แต่ถ้าเราหมั่นสร้างความดี
เขาก็จะมาช่วยรักษาเรา

จริงแล้วไม่ค่อยอยากสนทนาเรื่องเทวดาเลย แต่กรณีย์ของพ่อแม่น้องพลอยใส
น่าจะจัดอยู่ในจำพวก คนจิตเบา คนประเภทนี้จะมีสังหรณ์แม่น
และมีระดับของคลื่นจิตที่มีปฏิกิริยา การแทนที่ด้วยจิตใต้สำนึกได้ง่าย

จิตอย่างนี้ถ้านิ่ง ล้า เพลีย หรือ เพลินๆ ความสมบุรณ์ของสำนึกที่เต็มร้อย
ก็จะหดลงสู่ภวังค์ได้ง่าย จะเกิดสภาพการทำงานควบคู่พร้อมกันของจิตใต้สำนึก
และจิตส่วนที่รู้ตัวทั่วพร้อม จิตอย่างนี้จะเกิดภาวะเหมือนมีอีกจิตซ้อนอยู่ทำงานคู่
กับอีกจิตหนึ่ง เป็นจิตเต็มสำนึกที่สามารถพูดคุยโต้ตอบกับจิตใต้สำนึกได้


และจิตใต้สำนึกโดยธรรมชาติของมันแล้ว จะมีประสิทธิภาพต่อการรู้เรื่องราว
ที่น่าอัศจรรย์ได้มากมาย แต่ก็มีบางครั้งและหลายครั้งที่ไม่ตรง และไม่จริง

ความน่าอัศจรรย์ และความยอกย้อนของระบบจิต อาจทำให้บุคคลเข้าใจว่า
มีเทวดาจากภายนอกมากระทำ แต่แท้แล้วเป็นจิตตัวเองล้วนๆ

แต่มันก็มีบุคคลที่ถูกแฝงด้วยโอปาติกะจริงๆ ซึ่งมีลักษณะทั้งที่คล้ายกับ
บุคคลที่เล่นกับใต้สำนึกตนเองก็มี หนักหนากว่านี้ก็มี
แต่ก็คงพอสมควรเพราะขี้เกียจอธิบาย

ยังไงเสียน้องพลอยใส ก็อย่าไปพิศสวาทมันเข้านะจ๊ะ
เดี๋ยวจิตจะเสียหาย กลายเป็นจิตที่ชำรุด แล้วจะยากต่อการทำให้คืนกลับ

โชคดีค่ะ

:b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b41:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2009, 11:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2009, 21:34
โพสต์: 56


 ข้อมูลส่วนตัว


บัวศกล เขียน:
ตอบน้องพลอยใสค่ะ

เรื่องราวที่ตัวเองได้เห็นได้เจอโดยตรงจากคนใกล้ชิด
เราก็แค่เพียงได้เห็นจริง ได้รู้ว่าเป็นจริง ได้รู้ว่าแปลกจริง
แต่เราก็ไมาสามรถรู้จริง และมั่นใจไปจริงๆว่า มันคืออะไร
นอกจากจะปักใจไปเองให้เชื่อไปทางใดทางหนึ่งที่เราคิดว่าน่าจะใช่
ทั้งที่เราก็ไม่ได้รู้จักมันจริงว่าทำไมถึงใช่

อาการที่พ่อแม่ของเราเป็นอยู่ เป็นสิ่งที่ยุคนี้ก็มีเป็นกันเยอะ
เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่จะอธิบายให้เข้าใจว่ามันคืออะไร เกิดจากอะไรแก้ยังไง
ชั่วชีวิตนี้ ก็เคยเจอมาเยอะ และเจอมาแล้วเกือบทุกอย่าง

หากเราต้องการความเจริญในธรรม ควรหลีกลี้หนีห่างการใส่ใจ การสนใจ
และการน้อมใจไปฝักใฝ่ เพราะบุคคลที่ปล่อยให้จิตมีช่องว่าง
ปล่อยให้จิตหลุดออกจากการควบคุมของสำนึกบ่อยๆ จิตจะเสียสมดุลย์
เสียธรรมชาติที่ปกติของสามัญมนุษย์ จิตที่ถูกน้อมเอียงให้ขาดสำนึก
จะเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติเพื่อพัฒนาชีวิตไปตามวิถีทางของมรรคผลนิพพาน

มีคนมากมายที่ไม่ต้องมีองค์ ก็สามารถทายทักอะไรได้ตรงได้แม่น
และเกิดความฝันบอกเหตุได้ เพราะทุกคนย่อมอยู่ภายใต้ข่ายของสายตา
ของเหล่าเทวดาผู้มีปรารถนาดีอยู่แล้วเป็นปกติ

ถึงแม้เราจะไม่เคยเป็นญาติกับเทวดาทั้งหลาย แต่ถ้าเราหมั่นสร้างความดี
เขาก็จะมาช่วยรักษาเรา

จริงแล้วไม่ค่อยอยากสนทนาเรื่องเทวดาเลย แต่กรณีย์ของพ่อแม่น้องพลอยใส
น่าจะจัดอยู่ในจำพวก คนจิตเบา คนประเภทนี้จะมีสังหรณ์แม่น
และมีระดับของคลื่นจิตที่มีปฏิกิริยา การแทนที่ด้วยจิตใต้สำนึกได้ง่าย

จิตอย่างนี้ถ้านิ่ง ล้า เพลีย หรือ เพลินๆ ความสมบุรณ์ของสำนึกที่เต็มร้อย
ก็จะหดลงสู่ภวังค์ได้ง่าย จะเกิดสภาพการทำงานควบคู่พร้อมกันของจิตใต้สำนึก
และจิตส่วนที่รู้ตัวทั่วพร้อม จิตอย่างนี้จะเกิดภาวะเหมือนมีอีกจิตซ้อนอยู่ทำงานคู่
กับอีกจิตหนึ่ง เป็นจิตเต็มสำนึกที่สามารถพูดคุยโต้ตอบกับจิตใต้สำนึกได้


และจิตใต้สำนึกโดยธรรมชาติของมันแล้ว จะมีประสิทธิภาพต่อการรู้เรื่องราว
ที่น่าอัศจรรย์ได้มากมาย แต่ก็มีบางครั้งและหลายครั้งที่ไม่ตรง และไม่จริง

ความน่าอัศจรรย์ และความยอกย้อนของระบบจิต อาจทำให้บุคคลเข้าใจว่า
มีเทวดาจากภายนอกมากระทำ แต่แท้แล้วเป็นจิตตัวเองล้วนๆ

แต่มันก็มีบุคคลที่ถูกแฝงด้วยโอปาติกะจริงๆ ซึ่งมีลักษณะทั้งที่คล้ายกับ
บุคคลที่เล่นกับใต้สำนึกตนเองก็มี หนักหนากว่านี้ก็มี
แต่ก็คงพอสมควรเพราะขี้เกียจอธิบาย

ยังไงเสียน้องพลอยใส ก็อย่าไปพิศสวาทมันเข้านะจ๊ะ
เดี๋ยวจิตจะเสียหาย กลายเป็นจิตที่ชำรุด แล้วจะยากต่อการทำให้คืนกลับ

โชคดีค่ะ

:b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b41:


ขอบคุณมากค่ะ ก่อนนอนก็นำเรื่องนี้กลับไปคิดเหมือนกันค่ะ
ตื่นมาก็คิดค่ะ ตอนนี้ก็พอเข้าใจบ้างแล้วค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะ ^^

.....................................................
๐ การเป็นผู้ฟังบ้างก็ไม่เสียหายอะไร จะได้รู้ว่าสิ่งที่เข้าใจมากนั้นผิดหรือถูก ๐


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 03:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2009, 21:34
โพสต์: 56


 ข้อมูลส่วนตัว


พี่ บัวศกล คะ สิ่งที่พี่ได้ชี้แนะหนู สามารถนำมาใช้คิดพิจารณาได้มากเลยค่ะ
เป็นประโยชน์มากๆ ขอบคุณมากๆนะคะ :b8: :b8:

**วันนี้ก็ได้นำข้อความพี่ให้แม่อ่าน แม่บอกว่าพี่ตอบเหมือนพระเลย หุหุ**

.....................................................
๐ การเป็นผู้ฟังบ้างก็ไม่เสียหายอะไร จะได้รู้ว่าสิ่งที่เข้าใจมากนั้นผิดหรือถูก ๐


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 12:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


ที่บัวศกลว่า ก็เป็นร่างทรงอีกประเภท ทางวิทย์เขาใช้คำว่า สะกดจิตตนเอง... ซึ่งก็มีทั้งตั้งใจสะกด และจิตเข้าภวังค์เอง
สรุปว่า ร่างทรงมี 3 ประเภท ทรงต้มหมู ทรงจากจิตอื่น และทรงจากจิตตนเอง...

ปล. เพิ่งรู้ว่า บัวศกลเป็นอิสตรี อิอิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 12:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ค. 2009, 20:44
โพสต์: 341

ที่อยู่: ภาคตระวันออก

 ข้อมูลส่วนตัว


[size=150]กามาวจรโสภณจิต คือ จิตที่ดีงามเป็นไปในกามภูมิ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
1 :b8: กามาวจรโสภณกุศลจิต :b42: หรือเรียกว่า มหากุสลจิต มี 8 ดวง
2 :b8: กามาวจรโสภณกุศลจิต :b42: หรือเรียกว่า มหาวิปากจิต มี 8 ดวง
3 :b8: กามาวจรโสภณกุศลจิต :b42: หรือเรียกว่า มหากิริยาจิต มี 8 ดวง


:b8: [size=150]มหากุศลจิต คือ จิตที่เป็นความดี มีจำนวนมากที่ใหญ่กว่ากุศลทั้งหลาย ยิ่งทำยิ่งเพิ่มพูนขึ้น มีธรรมชาติประหานอกุศล มีประโยชน์มาก กว่ากุศลอื่นๆ เพราะพระอริยเจ้าเหล่าใด ได้มีแล้วในอดีตกาล และจะมีในอนาคตกาล และปรากฎอยู่ในปัจจุบันนี้ ย่อมอาศัยมหากุศลจิต 8 ดวง นี้เป็นมูลเป็นบันใด แล้วเข้าสู่พระนิพพาน[ ดังจะแสดงชื่อดังต่อไปนี้

ดวงที่ 1 ชื่อว่า โสมนสฺสสหตํ ญาณสมฺปยุตํ อสงฺขาริกเมกํ
แปลว่า จิตมหากุศลที่เกิดพร้อมด้วยความดีใจ ประกอบด้วย ปัญญา โดยไม่มีการชักนำ 1 ดวง/size]/size] ดวงที่ 2 ชื่อว่า โสมมนสฺสสหคตํ ญาณสมฺปยุตฺตํ สสงฺขาริกเมกํ
แปลว่า จิตมหากุศลที่เกิดพร้อมด้วยดีใจ ประกอบด้วย ปัญญา โดยชักนำ 1 ดวง
ดวงที่ 3 ชื่อว่า โสมนสฺสสหตํ ญาณวิปฺปยุตฺตํ สสงฺขาริกเมกํ
แปลว่า ชื่อว่า จิตมหากุศลที่เกิดพร้อมด้วยความดีใจ ไม่ประกอบด้วย ปัญญา โดยไม่มีการชักนำ 1 ดวง ดวงที่ 4 ชื่อว่า โสมนสฺสสหตํ ญาณวิปฺปยุตฺตํ สสงฺขาริกเมกํ แปลว่า จิตมหากุศลที่เกิดพร้อมด้วยความดีใจ ไม่ประกอบด้วย ปัญญา โดยไม่มีการชักนำ 1 ดวง ดวงที่ 5 ชื่อว่า อุเปกฺขาสหคตํ ญาณสมฺปยุตฺตํ สสงฺขาริกเมกํ แปลว่า จิตมหากุศลที่เกิดพร้อมด้วยความเฉยๆ ประกอบด้วย ปัญญา โดยไม่มีการชักนำ 1 ดวง ดวงที่ 6 ชื่อว่า อุเปกฺขาสหคตํ ญาณสมฺปยุตฺตํ สสงฺขาริกเมกํ แปลว่า
จิตมหากุศลที่เกิดพร้อมความเฉยๆ ประกอบด้วย ปัญญา โดยไม่มีการชักนำ 1 ดวง ดวงที่ 7 ชื่อว่า โสมนสฺสสหตํ ญาณวิปฺปยุตฺตํ สสงฺขาริกเมกํ แปลว่า จิตมหากุศลที่เกิดพร้อมด้วยความวางเฉยๆไม่ประกอบด้วย ปัญญา โดยไม่มีการชักนำ 1 ดวง ดวงที่ 7 ชื่อว่า อุเปกฺขาสหคตํ ญาณสมฺปยุตฺตํ สสงฺขาริกเมกํ แปลว่า จิตมหากุศลที่เกิดพร้อมด้วยความวางเฉยๆไม่ ประกอบด้วย ปัญญา โดยไม่มีการชักนำ 1 ดวง ดวงที่ 8 ชื่อว่า อุเปกฺขาสหคตํ ญาณสมฺปยุตฺตํ สสงฺขาริกเมกํ แปลว่า จิตมหากุศลที่เกิดพร้อมด้วยความวางเฉยๆไม่ ประกอบด้วย ปัญญา โดยไม่มีการชักนำ 1 ดวง

:b42: :b42: เทพบุตร :b43: :b25:

:b8: ขอทุกท่านมีดวงตาเห็นธรรมทุกท่านเทอญ :b42:

.....................................................
การให้ธรรมะเป็นทานชนะการให้ท้งปวง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 23 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 200 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร