วันเวลาปัจจุบัน 16 มิ.ย. 2024, 13:34  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 30 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2009, 16:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b48: อยากขอความเห็นขอท่านๆที่พอจะมีความรู้ เกี่ยวกับการเป็นหมอ
:b10: สงสัยค่ะว่า การที่เราจะให้ลูกเรียนหมอรักษาโรค ในปัจจุบันนี้เป็นอาชีพที่ดีหรือไม่ :b10:
เพราะเวลาพาลูกไปหาคุณหมอที่สนิทกัน หมอก็จะพูดกับลูกว่า เรียนอย่างอื่นดีกว่าอย่าเรียนหมอนะ
:b5: เหนื่อย เครียด ถ้าหมอเลือกได้จะไปเรียนวิศวะ :b7: ดูซิ....หมอยังไม่ให้ลูกเรียนเลย
:b7: หลายครั้งที่เราได้ยินหมอพูดแบบนี้ และก็มีหมอหลายคนที่ไม่ให้ลูกหมอค่ะ
ยังมีอ่านเจอใน wibe อีกมากมาย ที่รุ่นพี่เตือนรุ่นน้องถึงอาชีพนี้ เพราะต้องเรียนหนัก เรียนนาน
เรียนจบต้องมาใช้ทุน กว่าจะไป ประกอบอาชีพได้อิสระ และถูกฟ้องร้องมากมาย :b2: :b2:
:b48: แต่ในส่วนตัวแล้ว ใจจริงก็ชอบอาชีพนี้นะคะ เพราะมั่นคง มีเกียรติ มีเงิน
และได้ช่วยเหลือคนมากมาย ปรกติเราชอบช่วยคนอยู่แล้วก็เลยมีความรู้สึกดี :b1: :b1:
คิดว่าถ้ามีคนในครอบครัวเป็นหมอ พี่ๆ น้องๆ ญาติๆก็จะพลอยสบายไปด้วยยามเจ็บป่วย
:b48: เพื่อนๆลูกมีคุณพ่อ แม่ที่เป็นหมอหลายคนค่ะ ครึ่งหนึ่งเวลาเราคุยกัน
ก็เคี่ยวเข็นให้ลูกเป็นแบบเค้า แต่ก็มีเกือบครึ่งที่ไม่ให้ยึดอาชีพนี้
:b48: ถามเด็กๆพวกนี้ บางคนก็ตอบว่าพ่อ แม่ อยากให้เรียนก็เรียนได้
:b48: ถ้าถามลูกเราเค้าก็จะถามว่า แม่ว่าดีไม๊ เพราะเค้าก็ไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง
มีทั้งเพื่อนที่อยากเรียนเอง+พ่อแม่อยาก+ไม่รู้ว่าจะเรียนอะไร
:b10: เราเองก็สับสนมากๆ เวลานี้เพราะมันเป็นการตัดสินอนาคตของลูกเรา
สามีเราคนรุ่นเก่าก็ว่าหมอดีที่สุด มีเกียรติ มีเงิน แต่เราว่าไม่มีเวลาให้ครอบครัวนะคะ
:b48: เลยอยากให้คุณที่พอมีประสบการณ์ หรือมีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ เล่าสู่กันฟังน่ะค่ะ
ทั้งที่มีประสบการณ์ที่ดี และแย่ๆก็อยากฟังค่ะ อย่างน้อยเราจะได้ให้เค้าตัดสินใจเอง
ในสิ่งที่ดีที่สุด เพื่ออนาคตของหลานในลานธรรมจักรนี้ ( :b21: เกี่ยวกันไม๊เนี่ย :b13: :b13:
)

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2009, 20:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ม.ค. 2009, 02:20
โพสต์: 1387

ที่อยู่: สัพพะโลก

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุญาต ย้ายกระทู้มาห้อง สนทนาธรรมทั่วไป นะครับ คุณ O.wan :b1:
เห็นไปตั้งกระทู้ไว้ ที่ห้อง นานาสาระ ซึ่งคนเข้าไปดูน้อย อาจจะเห็นกระทู้ไม่ทั่วถึง :b8:

.....................................................
ผู้มีจิตเมตตาจะไม่มีศัตรู ผู้มีสติปัญญาจะไม่เกิดทุกข์.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2009, 21:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2006, 20:52
โพสต์: 1210

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


O.wan เขียน:
:b48: หมอก็จะพูดกับลูกว่า เรียนอย่างอื่นดีกว่าอย่าเรียนหมอนะ
:b5: เหนื่อย เครียด ถ้าหมอเลือกได้จะไปเรียนวิศวะ :b7: ดูซิ....หมอยังไม่ให้ลูกเรียนเลย
:b7: หลายครั้งที่เราได้ยินหมอพูดแบบนี้ และก็มีหมอหลายคนที่ไม่ให้ลูกหมอค่ะ
ยังมีอ่านเจอใน wibe อีกมากมาย ที่รุ่นพี่เตือนรุ่นน้องถึงอาชีพนี้ เพราะต้องเรียนหนัก เรียนนาน
เรียนจบต้องมาใช้ทุน กว่าจะไป ประกอบอาชีพได้อิสระ และถูกฟ้องร้องมากมาย :b2:
......................................................................................

มืออาชีพก็ได้แนะนำคุณแล้วนี่คะ

แล้วคุณก็ตอบเองสร็จแล้วอ่ะค่ะ

แต่ในส่วนตัวแล้ว ใจจริงก็ชอบอาชีพนี้นะคะ เพราะมั่นคง มีเกียรติ มีเงิน
และได้ช่วยเหลือคนมากมาย ปรกติเราชอบช่วยคนอยู่แล้วก็เลยมีความรู้สึกดี :b1: :b1:
คิดว่าถ้ามีคนในครอบครัวเป็นหมอ พี่ๆ น้องๆ ญาติๆก็จะพลอยสบายไปด้วยยามเจ็บป่วย


การเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นสัจจะธรรม ของโลก อย่างหนึ่ง
ทุกคนมีกรรมเป็นของ ๆ ตน อย่างหนึ่ง

สาธุ

.....................................................
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธรรมา อนัตตา...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2009, 21:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


แหมคุณ o.wan

ผมอุตส่าห์เล่าเรื่องอิทธิบาทให้ฟังตั้งดิบตั้งดี
ไหงมาตกม้าตายอีกแล้วนะคับนี่


ตัวเด็กเองต้องถามตัวเองว่าชอบจริงๆไหม
จะตกลงปลงใจเป้นหมอจริงๆไหม
ถ้าตกลงปลงใจ ก็ต้องไม่กลัวอุปสรรค

คนเราทำอะไรก็ตาม ถ้าใจรักจะทำ ทำแล้วมันจะัมีความสุข
จะไม่รู้สึกว่าทำงาน แต่จะรู้สึกว่ามีความสุข ยิ่งยากยิ่งชอบ อะไรไปอย่างนั้น
ดังนั้น คำตอบทั้งหมดมันอยู่ที่ตัวเด็กว่ารู้จักอาชีพนี้แค่ไหน
แล้วเขาชอบจริงๆไหม ถ้าเขาชอบก้จบ

ส่วนเรื่องที่ว่าเหนื่อย ถูกฟ้อง ใช้ทุน
อันนี้ก้ต้องมาคิดทีละเปราะ

เรื่องถูกฟ้องนี้ ปัญหาหลักคือหมอไม่ค่อยสื่อสารกับคนไข้
ขี้เกียจอธิบายว่าอะไรเป้นอะไร ซึ่งเป็นปัญหากับหมอที่อายุขึ้นเลข 3 เลข 4
ทัศนคติคนยุคนั้น "บางส่วน"เขาไม่เอา Service Mind มาใช้
เวลาไปหา ถามนิดเดียว แล้วก็ไม่พูด เขียนใบสั่งยา จบ
บางคนเป้นโรคอะไรยังไม่รู้เลย รู้แต่ว่าต้องจ่ายเงินแล้วกินยาให้หมด
หมอก็คิดว่าตัวเป็นเทพเจ้าแล้ว มีแต่คนมากราบมาไหว้ ไม่ต้องเอาอกเอาใจใคร

แต่หมอสมัยใหม่เขาสอนใหม่แล้ว เขาสอนให้สื่อสารกับคนไข้ พูดกับคนไข้
อย่างผมไปหาหมอ ยังประทับใจหมอเด็กไม่หาย
หมอสมัยใหม่ที่เพิ่งจบเดี๋ยวนี้เขาถามว่า "จะให้หมอรักษายังไง" .. "กังวลอะไรไหม"
แล้วเขาก็สอบอาการละเอียด เราจะเล่าอะไรก็เล่า จะบ่นอะไรก็บ่น เขาก้ฟังหมด
แล้วเวลาเขาตรวจ เขาก็พูดตลอดว่า เขากำลังตรวจอะไร
เขาจะรักษาอย่างนี้อย่างนั้น จะโอเคไหม หมอจะสั่งยาแก้ปวดนะมียาอยู่แล้วหรือยัง
โหย... สมัยนี้หมอดี หมอเรียนรู้แล้วว่าที่อมผนำ มันทำให้คนเขาสงสัยว่าหมอทำคนตาย

ไม่เชื่อไปดูเคสที่เป็นข่าวๆ ร้อยทั้งร้อย หมอเป็นพวกใบ้
หรือไม่ก็โม้ไปเลย ว่าอันนี้ได้ผลแน่นอน คุณไม่ใช่หมอนะต้องเชื่อผม ฯลฯ
เป็นพวกไม่สื่อสาร หรือสื่อสารทางเดียว ไม่ฟังใคร

ทีนี้ถ้ากลัวถูกฟ้อง เราก้ต้องให้เขาเลือกสิ
เรารักษาและแนะนำไปตามหลักวิชาของเรา มาตรฐานวิชา
แล้วเขาจะเลือกเอาทางไหนก็ให้เขารับความเสี่ยงเอง
แล้วก็อย่าไปรับประกันชีวิตใครเอาลาภสักการะ เอาหน้าเอาตา พูดไปตามความจริง
รู้จักเผื่อหลือเผื่อขาด ใครจะฟ้อง ฟ้องไป แต่ไม่ชนะหรอก เพราะเวลาพิสูจน์ความกัน
เราก็แค่พิสูจนืว่าทำตามมาตรฐานวิชา ทำดีที่สุดแล้ว

ส่วนเรื่องใช้ทุน อันนี้ก็ให้ตัวคนเรียนต้องเข้าใจว่า
การเรียนแพทย์ รัฐบาลออกเงินให้ทั้งนั้น
เพราะถ้าไปเรียนด้วยเงินตัวเอง หมอประเทศนี้คงมีแค่หยิบมือเดียว
เงินรัฐ ก็คือเงินภาษี คือเงินของเรา ชองเพื่อนร่วมชาติเรา ที่เขากันมาไว้ให้เราเรียน
เขากันมาเป้นพิเศษเพื่อฝากความหวังไว้กับคนที่สามารถจะมาเป็นหมอได้
อุปมาเหมิือนคนในหมู่บ้านหนึ่ง ทั้งหมู่บ้านแร้นแค้นกันดาน ต้องการคนแข็งแรงคนหนึ่ง
ออกเดินทางไปขอความช่วยเหลือ เขาก็เลยลงขันกัน
ทั้งๆที่ข้าวน้ำก้แทบไม่มีจะกินนะ แต่ว่าทุกคนยอมสละ ยอมที่จะอด ยอมเจียดเงิน เจียดข้าว เจียดน้ำคนละนิดคนละหน่อย เอามารวมกันแล้วเอาไปให้ชายหนุ่มแข็งแรงคนนี้ได้กินให้อิ่ม ห่อปิ่นโตด้วย ไว้กินระหว่างทาง
เพราะทั้งหมู่บ้านเขาฝากความหวังกับใครไม่ได้ เขาหวังพึ่งชายหนุ่มแข็งแรงคนนี้

คนจะเรียนหมอ ก้ต้องคิดไว้เสมอว่าเราคือชายหนุ่มแข็งแรงคนนี้
หมอ ไม่ใช่ว่าใครก็เรียนได้ มันแพง และต้องฉลาดแบบยอดคน ถึงจะมารักษาคน
ต้องนึกถึงความเสียสละของประชาชนด้วยว่าเขาอุตส่าห์เจียดข้าวเจียดน้ำให้เราได้เรียน
ด้วยความหวังว่าเราอุตส่าห์เรียนได้ ก็จะได้เรียนแล้วมาช่วยเขา
ลำพังลองไปเรียนด้วยเงินตัวเอง รับรอง มี 10 ล้านก็ไม่พอ
อย่างอาจารย์ใหญ่ คุณจะ"ซื้อ" ศพใครมาเรียนได้
ถ้าไม่มีอาจารย์หมอที่เสียสละมาสอน แทนที่จะไปเอาเงินเอาทองมากๆที่อื่น
เราจะเอาความรู้ดีๆที่ไหนได้

แต่เรากลับไปดีดลูกคิด ว่ากี่บาท กี่ปี เอาเวลาไปทำคลินิกผิวหนังได้เงินเยอะกว่า
รวยกว่า อันนี้คนมันหัวดีแต่ใจไม่ดี ไม่มีจิตเสียสละ ไม่ละเอียดละออในความดี
คิดอะไรหยาบๆ ลวกๆ พอให้ตัวได้สบาย ไม่นึกถึงคนอื่นเท่าไหร่
อันนี้ก้จะกลายมาเป็นหมอที่โดนฟ้องนั่นแหละ เพราะไม่ค่อยนึกถึงใจเขาใจเรา
เอาแต่นึกๆคิดๆอยู่คนเดียว ทั้งโลกก็มีแต่ตัวฉัน ของฉัน ความคิดฉัน ความมั่นใจของฉัน
คนอื่นฉันไม่สน มั่นอกมั่นใจตัวเองเกินไปว่าถูกแล้ว ดีแล้ว สุดท้ายก็ประมาท แล้วก็เลยผิดพลาด แล้วก็โดนฟ้อง

ถ้าจะเรียนหมอ มันต้องมีจิตแบบพระโพธิสัตว์
คือกะจะ"ทำให้"อย่างเดียว ไม่ใช่มา"ทำเอา"
พวกทำให้จะมีความสุข เหมือนทำทานนั่นแหละ
เช่นช่วยชีวิตคนยามตกยาก มันจะปิติทั้งคนให้คนรับ อิ่มอยู่ตลอด

พวกทำเอา มันจะหิวตลอด เพราะมัวแต่คิดว่าจะเอาอะไร มีแต่จะโกยเข้ามาถมใจตัวเอง
บางคนอิ่มเงินแล้วเบื่อ เริ่มหิวชื่อเสียง เริ่มหิวอะไรที่มันซับซ้อนขึ้นไปอีก นี่คือมาทำเอา
จิตมันโลภ อยากจะเอาเข้าอย่างเดียว

สุดท้ายก็เรื่องพ่อแม่รังแกฉัน
รู้ว่าห่วงลูก แต่เพราะห่วงนี่แหละ เลยเป็นการทำร้ายลูก
เพราะเราไปบงการความคิดจิตใจลูก ด้วยทิฐิของเรา

อย่างแม่ผม ถึงวันนี้ก็มาเสียใจที่เมื่อก่อนมาบังคับเราต่างๆนาๆ
แต่พอผ่านกาลเวลามา ถึงรู้ว่าตัวเองคิดผิด ถึงยอมรับว่าตัวเองโลกแคบ ไม่ฟังลูก เพราะคิดว่าลูกรู้ไม่เท่าเรา ลูกเลือกหนทางไม่ถูกหรอก ลูกจะไปรู้อะไร
แต่มาวันนี้ มารู้สึกตัวก็สายไป เสียใจว่าไปบงการลูกแต่ว่ามันไม่เป้นไปอย่างที่เขาเชื่อ

ในขณะเดียวกัน พ่อแม่เพื่อนผม เป็นคนชนบทซือ ไม่รู้เรื่องราวอะไรของโลกทั้งสิ้นทั้งปวง
เลยไม่รู้จะแนะนำอะไรลูก ได้แต่บอกว่า อะไรลูกทำแล้วมีความสุขก็ทำไปเถอะ เรียนอะไรชอบอะไรก็ทำไป ทางนี้จะกัดฟันส่งให้
ลูกเลยมีอิสระที่จะเลือกเอาที่ชอบ ปรากฏว่าทุกวันนี้ทำงานเหมือนเล่น
ชอบท้าทาย ยิ่งยากยิ่งชอบ ชอบแก้ปัญหา เพราะเขาชอบในวิชาของเรา
อายุไม่เท่าไหร่แต่เป็นใหญ่เป็นโตแล้ว พ่อแม่ขายที่นาไปเท่าไหร่ ตอนนี้ซื้อกลับมาหมด แถมกว้านซื้อเพิ่มปลูกยางอีกต่างหาก อีก 10 ข้างหน้า รวยจนเละตุ้มเปะอย่างไม่ต้องสงสัยเพราะยางมันเริ่มกรีดได้


พ่อแม่ฉลาด พาลูกลำบาก
พ่อแม่โง่ กลับทำให้ลูกสบาย

พ่อแม่ฉลาด มีความคิดมาก ทิฐิมาก แล้วชอบยึดถือความคิดที่ตัวสร้าง ว่าต้องดี ต้องใช้

พ่อแม่โง่ ไม่รู้จะเอาความคิดอะไรมาผลิตทิฐิ เลยไม่มีทิฐิอะไรให้ยึดถือ
เลยไม่มีทิฐิอะไรจะไปวุ่นวายกับลูก ลูกเลยสบาย

ต้นกล้าที่มันงอกในป่าโปร่ง มันรับแสงรับน้ำเต็มที่ มันก็โตดี
ธรรมชาติต้นไม้มันก็มีหน้าที่โต

ต้นกล้าที่มันเกิดในป่าทึบ มีแต่ทิฐิบดบังบงการเอาไว้หมด
เลยไม่ค่อยโต ไม่ค่อยแข็งแรง เจริญเติบโตไม่ค่อยได้
ต้นไม้ที่สูงใหญ่กว่ามันเอาไปหมด คิดแทนหมด เลือกแทนหมด


อาจจะเคืองใจนะ แต่ก็อย่าถือผมเลย
พูดแล้วเหมือนด่าจริง
เพราะไปสะท้อนความความบกพร่องของผู้คน เขาจะนึกว่าเราแอบด่า
ที่จริงแค่พูดไปตามความจริง เผอิญความจริงอันนี้มัน hit
เป็นกันเกือบทุกบ้าน

:b21: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2009, 21:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มี.ค. 2009, 20:48
โพสต์: 744


 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติสยาม เขียน:
แหมคุณ o.wan

ผมอุตส่าห์เล่าเรื่องอิทธิบาทให้ฟังตั้งดิบตั้งดี
ไหงมาตกม้าตายอีกแล้วนะคับนี่


ตัวเด็กเองต้องถามตัวเองว่าชอบจริงๆไหม
จะตกลงปลงใจเป้นหมอจริงๆไหม
ถ้าตกลงปลงใจ ก็ต้องไม่กลัวอุปสรรค

คนเราทำอะไรก็ตาม ถ้าใจรักจะทำ ทำแล้วมันจะัมีความสุข
จะไม่รู้สึกว่าทำงาน แต่จะรู้สึกว่ามีความสุข ยิ่งยากยิ่งชอบ อะไรไปอย่างนั้น
ดังนั้น คำตอบทั้งหมดมันอยู่ที่ตัวเด็กว่ารู้จักอาชีพนี้แค่ไหน
แล้วเขาชอบจริงๆไหม ถ้าเขาชอบก้จบ

ส่วนเรื่องที่ว่าเหนื่อย ถูกฟ้อง ใช้ทุน
อันนี้ก้ต้องมาคิดทีละเปราะ

เรื่องถูกฟ้องนี้ ปัญหาหลักคือหมอไม่ค่อยสื่อสารกับคนไข้
ขี้เกียจอธิบายว่าอะไรเป้นอะไร ซึ่งเป้นปัญหากับหมอที่อายุขึ้นเลข 3 เลข 4
ทัศนคติคนยุคนั้น "บางส่วน"เขาไม่เอา Service Mind มาใช้
เวลาไปหา ถามนิดเดียว แล้วก็ไม่พูด เขียนใบสั่งยา จบ
บางคนเป้นโรคอะไรยังไม่รู้เลย รู้แต่ว่าต้องจ่ายเงินแล้วกินยาให้หมด
หมอก็คิดว่าตัวเป็นเทพเจ้าแล้ว มีแต่คนมากราบมาไหว้ ไม่ต้องเอาอกเอาใจใคร

แต่หมอสมัยใหม่เขาสอนใหม่แล้ว เขาสอนให้สื่อสารกับคนไข้ พูดกับคนไข้
อย่างผมไปหาหมอ ยังประทับใจหมอเด็กไม่หาย
หมอสมัยใหม่ที่เพิ่งจบเดี๋ยวนี้เขาถามว่า "จะให้หมอรักษายังไง" .. "กังวลอะไรไหม"
แล้วเขาก็สอบอาการละเอียด เราจะเล่าอะไรก็เล่า จะบ่นอะไรก้บ่น เขาก้ฟังหมด
แล้วเวลาเขาตรวจ เขาก็พูดตลอดว่า เขากำลังตรวจอะไร
เขาจะรักษาอย่างนี้อย่างนั้น จะโอเคไหม หมอจะสั่งยาแก้ปวดนะมียาอยู่ปล้วหรือยัง
โหย... สมัยนี้หมอดี หมอเรียนรู้แล้วว่าที่อมพนำ มันทำให้คนเขาสงสัยว่าหมอทำคนตาย

ไม่เชื่อไปดูเคสที่เป็นข่าวๆ ร้อยทั้งร้อย หมอเป็นพวกใบ้
หรือไม่ก็โม้ไปเลย ว่าอันนี้ได้ผลแน่นอน คุณไม่ใช่หมอนะต้องเชื่อผม ฯลฯ
เป็นพวกไม่สื่อสาร หรือสื่อสารทางเดียว ไม่ฟังใคร

ทีนี้ถ้ากลัวถูกฟ้อง เราก้ต้องให้เขาเลือกสิ
เรารักษาและแนะนำไปตามหลักวิชาของเรา มาตรฐานวิชา
แล้วเขาจะเลือกเอาทางไหนก็ให้เขารับความเสี่ยงเอง
แล้วก็อย่าไปรับประกันชีวิตใครเอาลาภสักการะ เอาหน้าเอาตา พูดไปตามความจริง
รู้จักเผื่อหลือเผื่อขาด ใครจะฟ้อง ฟ้องไป แต่ไม่ชนะหรอก เพราะเวลาพิสูจน์ความกัน
เราก็แค่พิสูจนืว่าทำตามมาตรฐานวิชา ทำดีที่สุดแล้ว

ส่วนเรื่องใช้ทุน อันนี้ก็ให้ตัวคนเรียนต้องเข้าใจว่า
การเรียนแพทย์ รัฐบาลออกเงินให้ทั้งนั้น
เพราะถ้าไปเรียนด้วยเงินตัวเอง หมอประเทศนี้คงมีแค่หยิบมือเดียว
เงินรัฐ ก็คือเงินภาษี คือเงินของเรา ชองเพื่อนร่วมชาติเรา ที่เขากันมาไว้ให้เราเรียน
เขากันมาเป้นพิเศษเพื่อฝากความหวังไว้กับคนที่สามารถจะมาเป็นหมอได้
อุปมาเหมิือนคนในหมู่บ้านหนึ่ง ทั้งหมู่บ้านแร้นแค้นกันดาน ต้องการคนแข็งแรงคนหนึ่ง
ออกเดินทางไปขอความช่วยเหลือ เขาก็เลยลงขันกัน
ทั้งๆที่ข้าวน้ำก้แทบไม่มีจะกินนะ แต่ว่าทุกคนยอมสละ ยอมที่จะอด ยอมเจีบดเงิน เจียดข้างว เจียดน้ำคนละนิดคนละหน่อย เอามารวมกันแล้วเอาไปให้ชายหนุ่มแข็งแรงนคนนี้ได้กินให้อิ่ม ห่อปิ่นโตด้วย ไว้กินระหว่างทาง
เพราะทั้งหมู่บ้านเขาฝากความหวังกับใครไม่ได้ เขาหวังพึ่งชายหนุ่มแข็งแรงคนนี้

คนจะเรียนหมอ ก้ต้องคิดไว้เสมอว่าเราคือชายหนุ่มแข็งแรงคนนี้
หมอ ไม่ใช่ว่าใครก็เรียนได้ มันแพง และต้องฉลาดแบบยอดคน ถึงจะมารักษาคน
ต้องนึกถึงความเสียสละของประชาชนด้วยว่าเขาอุตส่าห์เจียดข้าวเจียดน้ำให้เราได้เรียน
ด้วยความหวังว่าเราอุตส่าหฺเรียนได้ ก็จะได้เรียนแล้วมาช่วยเขา
ลำพังลองไปเรียนด้วยเงินตัวเอง รับรอง มี 10 ล้านก็ไม่พอ
อย่างอาจารย์ใหญ่ คุณจะ"ซื้อ" ศพใครมาเรียนได้
ถ้าไม่มีอาจารย์หมอที่เสียสละมาสอน แทนที่จะไปเอาเงินเอาทองมากๆที่อื่น
เราจะเอาความรู้ดีๆที่ไหนได้

แต่เรากลับไปดีดลูกคิด ว่ากี่บาท กี่ปี เอาเวลาไปทำคลินิกผิวหนังได้เงินเยอะกว่า
รวยกว่า อันนี้คนมันหัวดีแต่ใจไม่ดี ไม่มีจิตเสียสละ ไม่ละเอียดละออในความดี
คิดอะไรหยาบๆ ลวกๆ พอให้ตัวได้สบาย ไม่นึกถึงคนอื่นเท่าไหร่
อันนี้ก้จะกลายมาเป้นหมอที่โดนฟ้องนั่นแหละ เพราะไม่ค่อยนึกถึงใจเขาใจเรา
เอาแต่นึกๆคิดๆอยู่คนเดียว ทั้งโลกก็มีแต่ตัวฉัน ของฉัน ความคิดฉัน ความมั่นใจของฉัน
คนอื่นฉันไม่สน มั่นอกมั่นใจตัวเองเกินไปว่าถูกแล้ว ดีแล้ว สุดท้ายก็ประมาท แล้วก็เลยผิดพลาด แล้วก็โดนฟ้อง

ถ้าจะเรียนหมอ มันต้องมีจิตแบบพระโพธิสัตว์
คือกะจะ"ทำให้"อย่างเดียว ไม่ใช่มา"ทำเอา"
พวกทำให้จะมีความสุข เหมือนทำทานนั่นแหละ
เช่นช่วยชีวิตคนยามตกยาก มันจะปิติทั้งคนให้คนรับ อิ่มอยู่ตลอด

พวกทำเอา มันจะหิวตลอด เพราะมัวแต่คิดว่าจะเอาอะไร มีแต่จะโกยเข้ามาถมใจตัวเอง
บางคนอิ่มเงินแล้วเบื่อ เริ่มหิวชื่อเสียง เริ่มหิวอะไรที่มันซับซ้อนขึ้นไปอีก นี่คือมาทำเอา
จิตมันโลภ อยากจะเอาเข้าอย่างเดียว

สุดท้ายก็เรื่องพ่อแม่รังแกฉัน
รู้ว่าห่วงลูก แต่เพราะห่วงนี่แหละ เลยเป้นการทำร้ายลูก
เพราะเราไปบงการความคิดจิตใจลูก ด้วยทิฐิของเรา

อย่างแม่ผม ถึงวันนี้ก็มาเสียใจที่เมื่อก่อนมาบังคับเราต่างๆนาๆ
แต่พอผ่านกาลเวลามา ถึงรู้ว่าตัวเองคิดผิด ถึงยอมรับว่าตัวเองโลกแคบ ไม่ฟังลูก เพราะคิดว่าลูกรู้ไม่เท่าเรา ลูกเลือกหนทางไม่ถูกหรอก ลูกจะไปรู้อะไร
แต่มาวันนี้ มารู้สึกตัวก็สายไป เสียใจว่าไปบงการลูกแต่ว่ามันไม่เป้นไปอย่างที่เขาเชื่อ

ในขณะเดียวกัน พ่อแม่เพื่นผม เป้นคนชนบทซือ ไม่รู้เรื่องราวอะไรของโลกทั้งสิ้นทั้งปวง
เลยไม่รู้จะแนะนำอะไรลูก ได้แต่บอกว่า อะไรลูกทำแล้วมีความสุขก็ทำไปเถอะ เรียนอะไรชอบอะไรก็ทำไป ทางนี้จะกัดฟันส่งให้
ลูกเลยมีอิสระที่จะเลือกเอาที่ชอบ ปรากฏว่าทุกวันนี้ทำงานเหมือนเล่น
ชอบท้าทาย ยิ่งยากยิ่งชอบ ชอบแก้ปัญหา เพราะเขาชอบในวิชาของเรา
อายุไม่เท่าไหร่แต่เป็นใหญ่เป็นโตแล้ว พ่อแม่ขายที่นาไปเท่าไหร่ ตอนนี้ซื้อกลับมาหมด แถมกว้านซื้อเพิ่มปลูกยางอีกต่างหาก อีก 10 ข้างหน้า รวยจนเละตุ้มเปะอย่างไม่ต้องสงสัยเพราะยางมันเริ่มกรีดได้


พ่อแม่ฉลาด พาลูกลำบาก
พ่อแม่โง่ กลับทำให้ลูกสบาย

พ่อแม่ฉลาด มีความคิดมาก ทิฐิมาก แล้วชอบยึดถือความคิดที่ตัวสร้าง ว่าต้องดี ต้องใช้

พ่อแม่โง่ ไม่รู้จะเอาความคิดอะไรมาผลิตทิฐิ เลยไม่มีทิฐิอะไรให้ยึดถือ
เลยไม่มีทิฐิอะไรจะไปวุ่นวายกับลูก ลูกเลยสบาย

ต้นกล้าที่มันงอกในป่าโปร่ง มันรับแสงรับน้ำเต็มที่ มันก้โตดี
ธรรมชาติต้นไม้มันก็มีหน้าที่โต

ต้นกล้าที่มันเกิดในป่าทึบ มีแต่ทิฐิบดบังบงการเอาไว้หมด
เลยไม่ค่อยโต ไม่ค่อยแข็งแรง เจริญเติบโตไม่ค่อยได้
ต้นไม้ที่สูงใหญ่กว่ามันเอาไปหมด คิดแทนหมด เลือกแทนหมด


อาจจะเคืองใจนะ แต่ก็อย่าถือผมเลย
พูดแล้วเหมือนด่าจริง
เพราะไปสะท้อนความความบกพร่องของผู้คน เขาจะนึกว่าเราแอบด่า
ที่จริงแค่พูดไปตามความจริง เผอิญความจริงอันนี้มัน hit
เป็นกันเกือบทุกบ้าน

:b21: :b8:



สาธุ แบบนี้ตอบได้ถูกแล้วงับ

.....................................................
“เวลาทำสมาธิ ให้ระลึกลมหายใจเข้าออก ให้รู้ลมหายใจเข้าออก ไม่ต้องบังคับลมหายใจ ตามรู้ลมหายใจเข้าออก สงบก็รู้ ไม่สงบก็รู้ สงบก็ไม่ยินดี ไม่สงบก็ไม่ยินร้าย ไม่เอาทั้งสงบและไม่สงบ เอาแค่รู้ตามความเป็นจริงของสภาวธรรมปัจจุบันนั้น”

ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อคลายกำหนัด
เป็นไปเพื่อไม่ประกอบสัตว์ไว้
เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเลส
เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย
เป็นไปเพื่อสันโดษ
เป็นไปเพื่อความสงัดจากหมู่คณะ
เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร
เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2009, 21:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติสยาม เขียน:
คนเราทำอะไรก็ตาม ถ้าใจรักจะทำ ทำแล้วมันจะัมีความสุข
จะไม่รู้สึกว่าทำงาน แต่จะรู้สึกว่ามีความสุข

...พูดเหมือน ท่านนายกอภิสิทธิ์ เลย.... :b32: :b32:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2009, 21:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


ก่อนที่จะให้เรียนหมอ ดูว่ามีใจเป็นหมอหรือเปล่า ถ้าอาชีพเป็นหมอ ใจไม่เป็นหมอ อาจจะเป็นหมอที่ดี
ไม่ได้ ค่อยๆคิดครับ เดี๋ยวดีเอง :b12: :b12:

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มิ.ย. 2009, 01:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


ข้อเสนอแนะทุกอย่างคุณชาติสยามให้มาเกือบเต็มหมดแล้ว
ขอเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นจริงมาให้ประกอบเรื่องอีกนิดหน่อยนะค่ะ
มีคนในหมู่บ้านที่ดิฉันอยู่ มีลูกชายสี่คน คนโตอยากเป็นตำรวจ
แต่สอบไม่ได้ เพราะมีปัญหาเรื่องความสูง เขาเสียใจมากกินเหล้า
เมาตลอดวัน จนกระทั่งต่อมาก็เสียชีวิต ส่วนคนที่สามเป็นคนที่เรียน
เก่งมาก สอบติดทุกอย่างที่เข้าแข่งขัน เขาอยากเรียนไฟฟ้า แต่พ่อ
แม่อยากให้เป็นครู เพราะคนโบราณมักจะมีความรู้สึกที่ดีกับอาชีพครู
เขาก็เรียนเพราะไม่กล้าขัดใจพ่อแม่ ไปเรียนวิทยาลัยครู ได้เกือบสองปี
ปรากฎว่าเรียนไม่จบ มีอาการทางจิต ตอนแรกๆก็แค่ไม่พูดไม่จากับใคร
หลังๆ ชักเพี้ยนหนัก ขึ้นไปอยู่บนต้นไม้บ้าง นั่งแก้ผ้าหลับตาภาวนาบ้าง

เป็นวันๆ อยู่ในท่าเดิม บางวันก็คิดว่าตัวเองเป็นสายลับ เคจีบี บ้าง จนอาจารย์
ที่สอนต้องให้พักการเรียน และมาปรึกษาหาสาเหตุกับทางครอบครัว อาจารย์
เล่าว่าเขาอยู่ที่วิทยาลัย ไม่เคยพูดกับใครเลย ไม่มีเพื่อน ไม่เล่น ไม่สนใจใคร
แต่วิชาที่เรียน ตัวหนังสือทุกประโยคในตำราเรียน เขาจำได้ทุกประโยคทุกหน้า
สมองเป็นเลิศ ก็ต้องพาไปบำบัดจิต หมอรักษาอยู่ตั้งนานกว่าจะสรุปออกมาได้
ว่าเขาเสียใจที่อยากเรียนไฟฟ้า แต่ไม่ได้เรียน เพราะเขาไม่เคยพูด ทำทุกอย่าง
ตามที่พ่อแม่ต้องการ ดูภายนอกนึกว่าเขาไม่เป็นอะไร แต่อาการภายในเหมือนคน
ที่มีบาดแผล มันค่อยๆกว้างขึ้น กว้างขึ้น พอเห็นคนอื่นที่เขาได้ไปเรียนตามที่ต้องการ
ก็ยิ่งคิดมาก จนในที่สุดก็เรียนอะไรก็ไม่ได้ ต้องออกมาอยู่กับบ้าน ยิ่งไปกันใหญ่
ผิดหวังรอบสองอีก เพราะอยากทำงานที่มีหน้ามีตา ก็ทำไม่ได้อีก เข้าๆออกๆ
โรงพยาบาลโรคจิต เป็นสิบๆปี ตอนนี้เสียชีวิตแล้ว เสียดายสมองเขามาก ถ้าเขาได้
เรียนในสิ่งที่เขาชอบ เราก็จะได้พลเมืองที่ดี เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน แทนที่คนบ้า
ชีวิตเป็นของเขา คนเราต้องมีชิวิตอยู่กับงานมากกว่าครึ่งชีวิต ให้เขา
เลือกอาชีพที่เขาอยากเป็นดีกว่า อาชีพที่เราพ่อแม่อยากให้เขาเป็น หรืออยากมีลูก
เป็นไม่ดีกว่าหรือค่ะ? สงสารเขาค่ะ

:b41: :b41: :b42: :b41: :b41:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มิ.ย. 2009, 13:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: ค่ะคุณชาติสยาม ไม่รู้สึกเคืองเลยค่ะสบายใจได้ ชอบคำตอบของคุณนะคะ มีเหตุ+ผล
ให้ได้คิดทบทวน :b23: หลายๆรอบเพื่อสิ่งที่ดี
:b10: แต่ที่สับสนเพราะความที่ลูกก็ยังไม่รู้ค่ะ ว่าเค้าชอบไม๊ คือตอนนี้เค้าอยู่ม.ปลาย
ในโรงเรียนนี้ส่งเสริมให้เด็กเป็นนักวิทยาศาสตร์+หมอ เสียส่วนใหญ่ เด็กจะเรียนหนักมาก
และลูกเป็นเด็กกิจกรรมด้วย ดูเค้าไม่มีเวลาพักเลยแต่เค้าก็เลือกเองที่จะมาเรียนตรงนี้
เค้าก็จะถามแม่บ่อยๆว่าเค้าจะเรียนอะไรดี ย้อนถามเค้าๆก็ตอบเค้าเรียนได้ถ้าแม่ว่าดี
:b48: ถามชอบหมอไม๊ก็เฉยๆเรียนได้ ถามอยากเป็นนักวิจัยไม๊ก็เรียนได้ :b23: :b23:
ก็เลยจะนั่งอ่าน mail หลากหลาย ความคิดเลยทำให้เหมือนไม้หลักปักเลนน่ะค่ะ
ลูกเล่าว่า มีแม่เพื่อนเป็นหมอรักษาหน้าบอกกับเค้าว่า ชอบหรือไม่เรียนหมอไว้ก่อน
จบแล้วค่อยคิดอีกที เรียนหมอสามารถไปทำอาชีพอื่นได้ แต่เรียนอาชีพอื่นมาเป็นหมอไม่ได้
:b21:
และเด็กๆกลุ่มนี้ก็เห็นด้วยกับไอเดียนี้เลย
:b48:เราสอนเค้าว่าคิดอย่างนี้ไม่ถูก เพราะคนที่เค้าอยากเป็นหมอจริงๆ แต่อาจสอบเข้าไม่ได้
แล้วคนไม่คิดชอบอาชีพนี้แต่สอบได้เรียนไปงั้นๆ เท่ากับไปตัดอนาคตคนที่สอบไม่ติด
เราก็เลยอยากอ่านความคิดของหลายๆท่าน ในเรื่องหมอนี้น่ะค่ะ :b31: :b31:
:b48:ปรกติเป็นคนที่เลี้ยงลูกแบบตามสบายน่ะค่ะ เค้าเลยแบบแม่ว่าไงว่าตามกัน :b6: :b6:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มิ.ย. 2009, 14:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


อมิตาพุทธ เขียน:
ขออนุญาต ย้ายกระทู้มาห้อง สนทนาธรรมทั่วไป นะครับ คุณ O.wan :b1:
เห็นไปตั้งกระทู้ไว้ ที่ห้อง นานาสาระ ซึ่งคนเข้าไปดูน้อย อาจจะเห็นกระทู้ไม่ทั่วถึง :b8:

:b8: :b8: คุณอามิตาพุทธ ที่ไปตั้งตรงนานาสาระ เพราะรู้สึกเกรงใจท่านผู้ที่เค้า อยากศึกษาธรรมะ
แต่เหมือนเอาเรื่องส่วนตัวมาถามน่ะค่ะ กลัวไม่เหมาะกับบอร์ดนี้น่ะค่ะเลยแอบเอาไปไว้ตรงนั้น :b3:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มิ.ย. 2009, 15:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


แมวขาวมณี เขียน:
O.wan เขียน:
:b48: หมอก็จะพูดกับลูกว่า เรียนอย่างอื่นดีกว่าอย่าเรียนหมอนะ
:b5: เหนื่อย เครียด ถ้าหมอเลือกได้จะไปเรียนวิศวะ :b7: ดูซิ....หมอยังไม่ให้ลูกเรียนเลย
:b7: หลายครั้งที่เราได้ยินหมอพูดแบบนี้ และก็มีหมอหลายคนที่ไม่ให้ลูกหมอค่ะ
ยังมีอ่านเจอใน wibe อีกมากมาย ที่รุ่นพี่เตือนรุ่นน้องถึงอาชีพนี้ เพราะต้องเรียนหนัก เรียนนาน
เรียนจบต้องมาใช้ทุน กว่าจะไป ประกอบอาชีพได้อิสระ และถูกฟ้องร้องมากมาย :b2:
......................................................................................

มืออาชีพก็ได้แนะนำคุณแล้วนี่คะ

แล้วคุณก็ตอบเองสร็จแล้วอ่ะค่ะ

แต่ในส่วนตัวแล้ว ใจจริงก็ชอบอาชีพนี้นะคะ เพราะมั่นคง มีเกียรติ มีเงิน
และได้ช่วยเหลือคนมากมาย ปรกติเราชอบช่วยคนอยู่แล้วก็เลยมีความรู้สึกดี :b1: :b1:
คิดว่าถ้ามีคนในครอบครัวเป็นหมอ พี่ๆ น้องๆ ญาติๆก็จะพลอยสบายไปด้วยยามเจ็บป่วย


การเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นสัจจะธรรม ของโลก อย่างหนึ่ง
ทุกคนมีกรรมเป็นของ ๆ ตน อย่างหนึ่ง

สาธุ

:b8: คุณแมวขาวมณี ตอนนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจเลยค่ะ รอคำตอบคุณแมวน่ะค่ะ ฮุฮุฮุ :b9:
:b48: ทุกคนมีกรรมเป็นของ ๆ ตน อย่างหนึ่ง
ที่คุณบอกเรารู้เชื่อเลยค่ะ แบบมากๆๆด้วย
เรารู้สึกได้จากลูกค่ะ คือเราก็เลี้ยวพวกเค้าแบบธรรมดา แต่สอนเรื่องความกตัญญูเป็นสิ่งสำคัญ
ให้เป็นคนดี พ่อ+แม่คือพระอรหันต์ที่สำคัญที่สุด ในวัยนี้เรื่องเรียนต้องมาก่อน
:b48: คุณแมวขาวมณี มีความคิดดีๆแนะนำ หน่อยซิคะ เพราะความคิดตอนนี้สับสน
เพราะมัน50/50 น่ะค่ะ :b13: :b13: :b13: :b13:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


แก้ไขล่าสุดโดย O.wan เมื่อ 27 มิ.ย. 2009, 17:30, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2009, 09:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2006, 20:52
โพสต์: 1210

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


O.wan เขียน:

:b48: คุณแมวขาวมณี อ่านแล้ว มีความคิดดีๆแนะนำ หน่อยซิคะ เพราะความคิดตอนนี้สับสน
เพราะมัน50/50 น่ะค่ะ :b13: :b13: :b13: :b13:


ขออนุญาต นำคำแนะนำของเพื่อน ๆ มาบอกเล่านะคะ

ถ้าเด็กมีความพร้อม ( ทุน+สติปัญญา+เวลา+ใจ ) ก็ได้โอกาสที่จะเรียน
ที่เพื่อน ๆ (ทั้งที่เป็น นายแพทย์ + ผอ.รพ.) คุยกับแมวขาวฯ เรื่องการ แนะนำลูก ๆ ของเค้า ทั้งที่เรียนดี และ ปานกลาง หลายปีมาแล้ว คือ

1.ให้เรียน แพทย์ เป็นอาชีพก่อน เหตุผลจบแล้วมีงานทำ ทำแล้วได้ทั้งเกียรติ ได้เงินเยอะ มีสถานภาพทางสังคมที่ดี เป็นที่ยอมรับในสังคม เป็นที่พึ่งแก่ญาตได้ ข้อเสียคือ เหนื่อย บางครั้งการตัดสินใจในการรักษาเสี่ยงต่อมโนธรรม

2.เรียนสิ่งที่ตนเองชอบภายหลัง เพราะมีอาชีพแล้ว ก็มีเงิน ที่จะเรียนอะไรก็ได้

เด็ก ๆ ชอบและสนใจ คอมพิวเตอร์อยากเป็นโปรแกรมเมอร์ แต่คุณพ่อแนะนำลูกแบบนี้
แล้วแพทย์ที่นี่หลายท่านก็แนะนำทำนองนี้แหละค่ะ

คือบอกเป้าหมายของชีวิต การดำเนินชีวิตในทางโลก(ที่ต้องการแต่ สุข สรรเสริญ ลาภ ยศ)ให้ชัดเจน
พอเค้าเข้าใจ ชีวิตที่เหลือ เค้าก็จะไม่สั่นคลอน
เพราะการเรียนทุกวิชาชีพ ต้องใช้ กำลังใจ กำลังสติปัญญา ความอุตสาหะ ด้วยกันทั้งนั้น

เมื่อเลือกที่จะเรียนแล้ว ก็ต้องเรียนให้รู้ ใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อตน และผู้อื่น

สติปัญญาของคนเราไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอกค่ะ(มีเพียงกลุ่มน้อยที่เป็น อัจฉริยะ) แต่ที่ต่างคือ
กรรมที่ทำมาต่างกัน

หวังว่าคงพอมีประโยชน์บ้างนะคะ

ร่างกายนี้ รูปนี้ มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นธรรมดา ประโยชน์อะไรที่จะมาคอยเยียวยา รักษา ให้ยืนยง คงอยู่ สำหรับแมวขาวฯ อาชีพนี้ ไร้สาระค่ะ


สาธุค่ะ คุณ 0.wan

.....................................................
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธรรมา อนัตตา...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2009, 10:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2006, 20:52
โพสต์: 1210

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
viewtopic.php?p=118615&thanks=118615&to_id=12980#p118615

ทรัพย์สินที่แท้จริงของคนเรา
คือการบำเพ็ญบุญสร้างกุศล

จากโพส ของคุณ คนไร้สาระ
อนุโมทนาสาธุค่ะ

.....................................................
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธรรมา อนัตตา...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2009, 16:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 เม.ย. 2009, 06:18
โพสต์: 731

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอกราบอนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุ.....................


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2009, 17:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 พ.ค. 2009, 11:31
โพสต์: 149


 ข้อมูลส่วนตัว


จริงๆมันต้องขึ้นอยู่กับความรักกับความชอบเป็นอันดับแรก

แล้วพี่ถามลูกของคุณพี่หรือยังคะว่าเค้าอยากเป็นหมอรึป่าว

เป็นเรื่องธรรมดาที่คนเป็นคุณแม่ก็ต้องเครียด ตื่นเต้น กังวล กับช่วงนี้ของลูกมาก

แต่ไม่ว่าอาชีพใดๆสามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้ทั้งนั้นนะคะ


มีรุ่นพี่หลายๆคนเล่าให้ฟังนะคะ แม้ตอนเรียนเรียนได้เกรดดีมาก แต่พอไปทำงาน

เค้ากลับไม่ประสบความสำเร็จในการทำงาน เพราะเรียนกับทำงานมันไม่เหมือนกัน

หรือพี่บางคนเรียนจบวิศวะมา แต่กลับไม่ได้ใช้วิชาชีพที่ตัวเองเรียนมาในการประกอบอาชีพเลย

คือไปทำธุรกิจส่วนตัวบ้าง หรือได้งานที่ไม่ตรงกับสายงานที่เรียนมาบ้าง

อีกอย่างที่พี่เชื่อในเรื่องกรรมดีของลูกพี่นะคะ ถ้าพี่เชื่อเช่นนี้แล้วก็ไม่น่าจะเป็นกังวลอะไรมาก


:b45: :b45: :b51: :b52: :b53: :b45: :b45:

.....................................................
ธรรมมะนี้คือการมีชีวิตเพื่อที่จะเรียนรู้ความจริงของชีวิต
ทุกอย่างล้วนไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ตั้งอยู่ไม่ได้
หากยังยึดติด ไม่ปล่อยวาง ย่อมยังเป็นทุกข์


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 30 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 13 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร