ผมสงสัยว่าการศึกษาธรรมะมากๆ (อ่านหนังสือ) หรือพูดคุยธรรมะ กับ การนั่งสมาธิ อะไรจะทำให้เราเข้าใจธรรมะได้มากกว่ากันเพราะว่ามีบางคนบอกกับผมว่าให้นั่งสมาธิมากๆ แล้วสมาธิจะสอนเราเอง แต่ผมว่าถ้าเราไม่ศึกษาแล้วเราจะเข้าใจธรรมะได้อย่างไร แต่เขาบอกว่าความรู้ไม่ใช้ปัญญา ผมขอกรุณาผู้รู้ช่วยอธิบายให้ผมเข้าใจน่อยครับ

เห็นด้วยกับคุณ walaiporn ค่ะ ลงมือทำได้ไปเลยค่ะ

เราเองก็มือใหม่เหมือนกันค่ะ แรกๆ ก็ไม่รู้จะเริ่มยังไงเช่นกัน
อ่านธรรมะก็ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน มึนๆ งงๆ

ได้ไปอ่านบทความของท่านว.วชิรเมธีค่ะ ท่านเล่าถึงการสอนธรรมะให้กับนักศึกษาแลกเปลี่ยนต่างประเทศ
ท่านเล่าว่าท่านไม่เก่งภาษาอังกฤษก็เลยนำนักเรียนนั่งสมาธิซะเลย ท่านบอกว่าคุณไม่ต้องทำอะไร คุณมาเรียนพุทธศาสนา ทำสองอย่าง หายใจเข้า อีกอย่างหายใจออก

ด้วยความที่เราก็ไม่ค่อยรู้อะไรมากนัก ศึกษาธรรมะเราก็ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน
หนังสือก็อ่านเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง เราก็เลยลองเริ่มหัดจากสิ่งที่เราเข้าใจง่ายก่อนค่ะ
ก็คือหายใจเข้า หายใจออก เรื่องที่คิดว่าง่ายก็ไม่ง่ายอย่างที่คิดค่ะ

แต่เมื่อมีเหตุไม่คาดคิด หรือความทุกข์เข้ามา เราจะรู้สึกขอบคุณ และมีศรัทธามากขึ้นค่ะ
เราเองก็อธิบายไม่เก่ง แต่สิ่งเหล่านี้เราก็ได้พบมากับตัวเองเช่นกันค่ะ
ไม่ลองไม่รู้ ลองธรรมะไม่มีอะไรเสียหาย ถ้าทำแล้วคิดว่ามันไม่ดี ก็เลิกทำ

ตอนนี้เราหัดทำสมาธิ และก็ศึกษาธรรมไปด้วย
ไม่ได้ศึกษาที่ไหนไกล ก็จากการวนเวียนอ่านบทความมั่ง อ่านกระทู้ที่กัลยานมิตรใจดีมาโพสไว้มั่ง
บางทีก็หนังสือที่ไปยืนอ่านบ้าง ซื้อมาบ้าง แค่นี้แหละค่ะ

เวลาอ่านๆ ตาลายก็แวะไปดูสูตรอาหารของคุณ walaiporn บ้าง ไปฟังเพลงตามคุณกรัชกายบ้าง
เปลี่ยนอิริยาบทกันไปค่ะ

๑.สุตมยปัญญา ปัญญาเกิดจากการสดับ เล่าเรียนหรือถ่ายทอดต่อกันมา
๒.จินตามยปัญญา ปัญญาเกิดจากการคิด การพิจารณาหาเหตุผลด้วยตนเอง
๓.ภาวนามยปัญญา ปัญญาเกิดจากลงมือปฏิบัติฝึกหัดอบรม

การสดับตรับฟัง การคิดหาเหตุผล การฝึกฝนอบรมจิต ล้วนทำให้เกิดปัญญา เกิดความรู้ทั้งสิ้น แต่จะหยาบประณีตเป็นลำดับๆ ไป

ปัญญาขั้นที่ ๓ ท่านว่าได้แก่ สมาปนฺนสฺส ปัญฺญา -ปัญญาของผู้ประกอบหรือเข้าถึง หรือ ปัญญาที่เกิดจากสมาธิ
แต่ถ้าเอาความหมายอย่างทั่วไป น่าจะแปลว่า ปัญญาของผู้ลงมือทำ ลงมือปฏิบัติ หรือทำกิจนั้นจริงๆ

ผมขอขอบคุณสมาชิกทุกท่านที่ได้อธิบายและชี้แนะให้กับผม อนุโมทนาบุญในกุศลจิตของทุกๆท่าน (ทานใดไม่เท่ากับให้ธรรมะเป็นทาน)

ปัญญา (wisdom) ย่อมเกิดจากการปฏิบัติสมาธิที่มีสติ สัมปชัญญะ ครอบครองกายวาจาใจ อยู่ตลอดเวลา (ไม่ประมาท) จึงจะเกิดปัญญาที่ถูกต้อง ไม่ลำเอียงไปในทางที่ผิด เชิญแวะเยี่ยมเว็บไซต์ siripat.com ในบทความเกี่ยวกับการพัฒนาปัญญาเชิงพุทธและวิทยาการการจัดการสมัยใหม่ เพื่อเพิ่มมุมมองหลาย ๆ มุม ที่ลิงค์ http://siripat.com/Yonisomanasikarn.asp แต่ต้องลงทะเบียนเป็นสมาชิกก่อน จึงจะสามารถดาว์นโหลดไฟล์บทความทั้งหมดได้ ขอให้ประสบความสำเร็จในการเจริญปัญญา

...ถ้าเราไม่ศึกษาแล้วเราจะเข้าใจธรรมะ ได้อย่างไร...
เราจึงต้องศึกษา...เพื่อให้เข้าใจ ธรรมะ
ธรรมะเป็นเรื่องเข้าใจง่าย เป็นธรรมชาติของทุกสรรพสิ่ง (มีความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ไม่คงทน ไม่น่ายึดถือ)
แต่ที่ยากคือการปฏิบัติ ให้บรรลุในสิ่งที่เราเข้าใจนั้น วิธีปฏิบัติขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง

ขอแนะนำให้คุณ yuttana.99 หมั่นศึกษาวิธีปฏิบัติ และทำแบบฝึกหัดไปพร้อมๆ กัน
ความสงสัยแก้ได้ด้วยการศึกษาและลงมือทำค่ะ

ถ้าสนใจการปฏิบัติ สมาธิ - วิปัสสนา แมวขาวฯ มีหนังสือของท่านปราโมทย์ ปาโมชฺโช เรื่อง ทางเอก ให้อ่านค่ะ (คิดว่าคงยังไม่ได้อ่าน..?) ส่งที่อยู่ได้ที่ เมล์ นี้ mahalaph@hotmail.com นะคะ

โอวาทธรรม หลวงปู่ ชา สุภัทโท

http://www.mahamakuta.inet.co.th/practi ... ml#mk722_8

จำเป็นไหมที่จะต้องนั่งภาวนาให้นานๆ

ไม่จำเป็นต้องนั่งภาวนานานนับเป็นหลายๆ ชั่วโมง บางคนคิดว่ายิ่งนั่งภาวนานานเท่าใดก็จะยิ่ง เกิดปัญญามากเท่านั้น ผมเคยเห็นไก่กกอยู่ในรังของมันทั้งวันนับเป็นวันๆ ปัญญาที่แท้เกิดจากการที่เรา มีสติในทุกๆ อิริยาบถ การฝึกปฏิบัติของท่านต้องเริ่มขึ้นทันทีที่ท่านตื่นนอนตอนเช้า และต้องปฏิบัติ ให้ต่อเนื่องไปจนกระทั่งนอนหลับไป อย่าไปห่วงว่าท่านต้องนั่งภาวนาให้นานๆ สิ่งสำคัญก็คือท่าน เพียงแต่เฝ้าดูไม่ว่าท่านจะเดินอยู่ หรือนั่งอยู่ หรือกำลังเข้าห้องน้ำอยู่
แต่ละคนต่างก็มีทางชีวิตของตนเอง บางคนต้องตายเมื่อมีอายุ ๕๐ ปี บางคนเมื่ออายุ ๖๕ ปี และบางคนเมื่ออายุ ๙๐ ปี ฉันใดก็ฉันนั้น ปฏิปทาของท่านทั้งหลายก็ไม่เหมือนกัน อย่าคิดมาก หรือกังวลใจในเรื่องนี้เลย จงพยายามมีสติและปล่อยทุกสิ่งให้เป็นไปตามปกติของมัน แล้วจิตของท่านก็จะสงบมากขึ้นๆ ในสิ่งแวดล้อมทั้งปวง มันจะสงบนิ่งเหมือนหนองน้ำใสในป่า ที่ซึ่งบรรดาสัตว์ป่าที่สวยงาม และหายากจะมาดื่มน้ำในสระนั้น ท่านจะเข้าใจถึงสภาวะธรรมของสิ่งทั้งปวง (สังขาร) ในโลกอย่างแจ่มชัด ท่านจะได้เห็นความอัศจรรย์และแปลกประหาดทั้งหลายเกิดขึ้นและดับไป แต่ท่านก็จะยังคงสงบอยู่เช่นเดิม ปัญหาทั้งหลายจะบังเกิดขึ้นแต่ท่านจะรู้ทันมันได้ทันที นี่แหละคือศานติสุขของพระพุทธเจ้า

การนั่งสมาธินาน ๆ นั้น ทำให้เกิดปัญญาใช่หรือไม่ ?
ตอบว่า ไม่ใช่

ปัญญาเกิดแต่ การคิด การฟัง การอ่าน การพิจารณาไตร่ตรองใคร่ครวญ ในแต่ละเรื่อง ในแต่ละสิ่งจนเข้าใจ
สมาธิ ไม่ให้คิด ไม่ให้พิจารณอะไรทั้งสิ้น มุ่งความสงบของใจ เป็นสำคัญ

แต่ สมาธิกับปัญญานี้ เกี่ยวเนื่องถึงกัน เกื้อหนุนซึ่งกันและกัน

พอจะเปรียบเทียบได้ว่า :--
สมาธิ คือ การพักผ่อนเอาแรง เอากำลังกาย ให้เข้มแข็ง แข็งแรง
ปัญญา คือ มีดคือขวานที่คมกล้า ลับมาอย่างดี (ด้วยสุตะและจินตามัยปัญญา)

เหมือนบุคคลผู้มีกำลัง ร่างกายแข็งแรง มีมีดมีขวานอันคมกริบอยู่ในมือ
การฟันหญ้าถางพง (ฆ่ากิเลส) ย่อมง่ายดายรวดเร็วและว่องไว

ท่านจึงว่า สมาธิคือฐานอันเลิศของปัญญา

เจริญธรรม

ทางเอก หนา 1" จำนวน 340 หน้า
กำลังดำเนินการจัดส่งมาให้ค่ะ

อนุโมทนาสาธุ

มาแก้ไข ขยายรูปให้ชัดๆ เจ้าข้า

หนังสือดีมากๆเล่มนึง

ใช่ครับ ปัญญาที่เกิดจากการเจริญภาวนา(นั่งสมาธิ) เมื่อจิตรวมศูนย์ จิตสงบจะเข้าถึงสภาวะธรรม
เราเรียกว่า "ภาวนามยปัญญา"

คุณ pimz ให้ส่งไปที่ไหนคะ ขอที่อยู่ด้วยค่ะ

สาธุค่ะ

คุณแมวขาวมณี ครับ
หนังสือยังพอจะเหลือไหมครับ
มีเพื่อนคนนึงเขาอยากได้น่ะครับ