ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
โรควุ้นในตาเสื่อม http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=23262 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 |
เจ้าของ: | Passa [ 24 มิ.ย. 2009, 17:55 ] |
หัวข้อกระทู้: | โรควุ้นในตาเสื่อม |
ผมเป็นโรควุ้นในตาเสื่อม จะทำำใจอย่างไรดีครับ คือยังเป็นไม่ค่อยเท่าไหร่ อาการยังไม่ถึงขั้นหนัก แต่ใจว้าวุ่นกังวลตลอดเวลา คิดแล้วจะเป็นบ้าทุกที ทำใจยอมรับไม่ได้... จิตเครียด จิตวิตก จะทำใจอย่างไรไม่ให้เป็นทุกข์ดีครับ มันทุกข์เพราะว่าหาทางแก้ไม่ได้ (ทางแก้คือหยุดใช้คอมพ์ฯ นาน ๆ แต่ว่า... ตอนนี้มันเป็นแล้ว แล้วจิตก็ทุกข์ตลอดทั้งวัน) ทำเช่นไรดีครับ ขอบคุณครับ ![]() |
เจ้าของ: | yahoo [ 24 มิ.ย. 2009, 17:57 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โรควุ้นในตาเสื่อม |
อาการเป็นอย่างไรอยู่ครับ แล้วอนาคตอาการจะเป็นอย่างไร และวิธีการรักษาล่ะครับ... |
เจ้าของ: | Passa [ 24 มิ.ย. 2009, 18:52 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โรควุ้นในตาเสื่อม |
มีวุ้นใส ๆ ตลอดเวลาที่ดูท้องฟ้า อ่านหนังสือ หรือมองสีขาว (แม้แต่มองคอมพิวเตอร์) ตอนมืด ๆ รู้สึกว่ามีแสงแว้บ ๆ ขึ้นมาครับ โรคนี้ไม่มีวิธีการรักษา นอกจากทำให้มันไม่แย่ลงไปกว่าเดิม (เท่าที่ผมเข้าใจครับ) แต่โรคที่ผมเป็นอยู่อีกโรคคือโรคจิต ซึ่งเกิดจากโรคนี้แหละครับ ![]() |
เจ้าของ: | คนไร้สาระ [ 24 มิ.ย. 2009, 19:07 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โรควุ้นในตาเสื่อม |
![]() ![]() แต่เข้าไปอ่านอาการของโรคนี้ โรคนี้รักษายากพอสมควร ต้องระวัง เรื่องการ ใช้สายตาให้มาก ๆ โดยเฉพาะเรื่องคอมฯ หรือการเพ่ง จ้องอะไรนาน ๆ ![]() ไว้ยอมรับมัน ถึงมันจะยากก็ตาม คงจะไหลมาแต่เหตุค่ะ อย่าให้ลุกลามไปเป็นโรคจิตอย่างที่คุณบอกเลยน่ะ เป็นห่วงค่ะ ![]() |
เจ้าของ: | Passa [ 24 มิ.ย. 2009, 19:08 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โรควุ้นในตาเสื่อม |
คนไร้สาระ เขียน: :b8: สาธุ ค่ะ คุณPassa ![]() แต่เข้าไปอ่านอาการของโรคนี้ โรคนี้รักษายากพอสมควร ต้องระวัง เรื่องการ ใช้สายตาให้มาก ๆ โดยเฉพาะเรื่องคอมฯ หรือการเพ่ง จ้องอะไรนาน ๆ ![]() ไว้ยอมรับมัน ถึงมันจะยากก็ตาม คงจะไหลมาแต่เหตุค่ะ อย่าให้ลุกลามไปเป็นโรคจิตอย่างที่คุณบอกเลยน่ะ เป็นห่วงค่ะ ![]() ขอบพระคุณครับ ![]() |
เจ้าของ: | คนไร้สาระ [ 24 มิ.ย. 2009, 19:19 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โรควุ้นในตาเสื่อม |
![]() โรควุ้นในตาเสื่อม (Viteous Floaters) การดูแล เมื่อเกิด อาการ ขึ้น 1. พยายามอย่าเครียด 2. นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ถ้าให้ดีไม่เกิน 4 ทุ่ม หรือ อย่างมากเที่ยงคืน 3. อย่า ออกแรงหนัก 4. อย่า หักโหมงาน 5. พยายาม อย่าหันหน้า เร็วๆ ให้ทำ อะไรช้าๆ ลงบ้าง 6. ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ อย่าให้ขาด วิตามิน และ เกลือแร่..... ![]() ผนังจอประสาทตา หลุดลอกมากไปกว่านี้ ![]() ใช้สายตาให้น้อยลง คิดว่าคงเป็นประโยชน์บ้างค่ะ |
เจ้าของ: | yahoo [ 24 มิ.ย. 2009, 19:41 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โรควุ้นในตาเสื่อม |
โอ้...เป็นทั้งสองข้างหรือเป็นข้างเดียวครับ เพิ่งทราบว่าเป็นหรือครับ หรือทราบมานานแล้ว นี่ผมกำลังซักมากเกินไปรึเปล่าครับ... |
เจ้าของ: | Passa [ 24 มิ.ย. 2009, 19:53 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โรควุ้นในตาเสื่อม |
เป็นทั้งสองข้างและเป็นมาประมาณเกินหนึ่งปีแล้วครับ (ตอนแรกยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร ตอนหลังเพิ่งมาทราบ แต่ก็ทราบมานานแล้วเหมือนกัน) |
เจ้าของ: | yahoo [ 24 มิ.ย. 2009, 20:11 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โรควุ้นในตาเสื่อม |
Passa เขียน: แต่โรคที่ผมเป็นอยู่อีกโรคคือโรคจิต ซึ่งเกิดจากโรคนี้แหละครับ ![]() ทุกครั้งที่ผมคิดว่าตนเองกำลังเผชิญหน้ากับสิ่งที่แย่ ๆ ผมจะพูดกับตัวเองเสมอว่า เอาน่ะ...ไม่มีอะไรจะแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว และมันก็จริง...ครับ ความคิดอย่างคนซื่อบื้อ ๆ ของผม มันกลายเป็นอุบายที่ทำให้ผมยอมรับและอยู่กับปัจจุบันอย่างยิ่งยวด เพราะผมไม่คิดที่จะนึกถึงอดีต... และไม่คาดหวังเลยว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร... กล้าที่จะเผชิญหน้ากับทุกข์ ณ ปัจจุบัน ไปตามเรื่องตามราว ในวันนี้ผมก็คงได้แต่ให้กำลังใจ และจะให้กำลังใจคุณทุกครั้งที่มีโอกาสนะครับ... ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | อมิตาพุทธ [ 24 มิ.ย. 2009, 21:02 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โรควุ้นในตาเสื่อม |
เข้ามาให้กำลังใจครับ ![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | คนไร้สาระ [ 25 มิ.ย. 2009, 05:25 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โรควุ้นในตาเสื่อม |
yahoo เขียน: ทุกครั้งที่ผมคิดว่าตนเองกำลังเผชิญหน้ากับสิ่งที่แย่ ๆ ผมจะพูดกับตัวเองเสมอว่า เอาน่ะ...ไม่มีอะไรจะแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว และมันก็จริง...ครับ ความคิดอย่างคนซื่อบื้อ ๆ ของผม มันกลายเป็นอุบายที่ทำให้ผมยอมรับและอยู่กับปัจจุบันอย่างยิ่งยวด เพราะผมไม่คิดที่จะนึกถึงอดีต... และไม่คาดหวังเลยว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร... กล้าที่จะเผชิญหน้ากับทุกข์ ณ ปัจจุบัน ไปตามเรื่องตามราว ในวันนี้ผมก็คงได้แต่ให้กำลังใจ และจะให้กำลังใจคุณทุกครั้งที่มีโอกาสนะครับ... ![]() ![]() ![]() ![]() ตัวเองด้วย ชอบกับความคิดนี้ค่ะ ![]() |
เจ้าของ: | -dd- [ 25 มิ.ย. 2009, 12:40 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โรควุ้นในตาเสื่อม |
คุณ Passa ปรึกษาหมอหรือยังครับ เท่าที่ดูใน internet เห็นมีวิธีรักษาได้ด้วยการผ่าตัดและเลเซอร์.. อย่างไรก็ตาม ขออนุญาตแนะนำให้คุณPassa พยายามทำบุญประเภท บริจาคแว่นตา หรือเงินช่วยเหลือคนป่วย โรคตา มูลนิธิตา ให้/ถวายหลอดไฟ เทียนแสงสว่างเป็นทานเสมอๆ ฯลฯให้บ่อยๆ นอกเหนือจากการเจริญกุศลอื่นๆและการดูแลตาตามคำแนะนำของแพทย์.. ทุกครั้ง ให้ตั้งเจตนาว่า ขอให้ผู้อื่นมีตาดี สามารถมองเห็นได้ชัดเจน ให้หายจากโรคตาทุกชนิด อย่าได้มีปัญหาในการมองเห็นด้วยประการทั้งปวง.เป็นต้น ส่วนเรื่องโรคจิตที่ตามมาติดๆนั้น คุณ Passaย่อมทราบดีว่าเพราะความคิดปริวิตกของเราเอง อันเป็นอกุศลคือฟุ้งซ่านผสมโทสะ เมื่อจิตไม่ดี เขามีอำนาจส่งผลต่อรูปกายด้วยที่ชาวบ้านรู้จักกันว่าโรคเครียดเป็นผลให้รูปที่เกี่ยวข้องเสียหายไปด้วย จึงพึงเข้าใจเรื่องที่เราต้องมีโรคนี้มิใช่เพราะเหตุใหม่ในปัจจุบันอย่างเดียว แต่มีกรรมเก่าอีกส่วนหนึ่งด้วย ดังนั้น แม้ในความขวนขวายที่จะรักษาให้ดี หากผลออกมาไม่ได้ดังหวัง ก็ควรรักษาใจอย่าให้เสียไปพร้อมตานะครับ..จะมากไปไหมหากจะแนะนำให้พิจารณาว่า ดูเถิด ตาอันเราเห็นว่ามันดีมันคือของเรา เราดูแลมันอย่างดีที่สุดแล้วแต่มันยังบังอาจกลายเป็นอื่นได้ มันช่างนำมาแต่ทุกข์โทษแก่เราถึงปานนี้แท้จริงหากมันเป็นของเราจริงเราคงต้องควบคุมมันไม่ให้เสียหายได้สินะ...แม้ส่วนอื่นๆก็เช่นกัน ดูใจสิ มันก็ยังฟุ้งวิตกไม่หยุดหย่อนเลย ห้ามเท่าไรๆก็ไม่ฟัง อะไรจะทรยศเราได้เท่าขันธ์๕ของเราเป็นไม่มีเลย ควรแล้วที่จะเบื่อหน่าย..เป็นต้น(แต่ยังชอบแกงส้มดอกแคชามนั้นอยู่ก็จะมีลิ้นให้เจ็บลิ้นหรือถูกเขาเอาไปทำสตูลิ้นกันร่ำไป..เฮ้อ!--บ่นตัวเองครับ.) ![]() ขอให้มั่นใจว่า บุคคลไรๆ ผู้ยังกุศลให้ถึงพร้อม แม้เขาปรารถนาสิ่งใดเขาย่อมได้สมหวัง เพราะชื่อว่ากุศลหมายถึงความฉลาดในการทำเพื่อประโยชน์สุขแก่ตนทั้งในภพนี้และภพหน้าครับ.. ขอเป็นกำลังใจให้ด้วยคนนะครับ ![]() ![]() ![]() ขออนุญาตบอกบุญตรงนี้ด้วยครับ ![]() http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=10&t=23251 |
เจ้าของ: | ลูกโป่ง [ 25 มิ.ย. 2009, 13:26 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โรควุ้นในตาเสื่อม |
ขอเป็นกำลังให้คุณ Passa นะคะ อย่ากังวลมากไปมากนะคะ...ทำใจสบายๆ ปรึกษาคุณหมอ และดูแลตัวเองให้มากขึ้นนะคะ ![]() ![]() ลูกโป่งขออนุญาตนำความรู้เรื่องนี้มาลงให้ผู้อื่นได้ทราบเบื้องต้นนะคะ โรควุ้นในลูกตาเสื่อม : โรคสำหรับคนยุคไอที ได้รับ Forward E-Mail ฉบับนี้มา หลังจากไปตรวจแล้วคุณหมอบอกว่าผมเป็นโรคนี้ที่ตาข้างซ้าย ไปหาหมออีกคน เขาจ่ายวิตามินเอมาให้ทานครับ คงต้องลองดูก่อน คุยกับคุณหมอโจ ชาว Bloggang เรียกโรคนี้ว่า Vitreous degeneration ลองอ่านดูนะครับ วุ้นในลูกตาเสื่อม คนใช้คอมพิวเตอร์ต้องอ่าน? Written by panmanee Friday, 06 June 2008 11:17 'โรควุ้นในลูกตาเสื่อม' คนที่เล่นคอมพ์เกือบทุกคน เป็นโรค 'วุ้นในลูกตาเสื่อม' ตอนนี้ในประเทศไทย มีคนเป็นโรคนี้ถึง 14 ล้านคนแล้ว จากข้อมูลทางหนังสือพิมพ์ (นี่เฉพาะแค่ที่มีข้อมูลบันทึกไว้ คนที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นจะมากขนาดไหน?) อาการก็คือ ! คุณจะเห็นเป็นคราบดำๆ เหมือนหยากใย่ ลอยไปลอยมาเหมือนคราบที่ติดกระจก จะเห็นชัดกต่อเมื่อ คุณมองไปยังภาพแบล็คกราวนด์ที่มีสีสว่าง เช่น ท้องฟ้าขาวๆ ฝาห้องขาวๆ ฝาห้องน้ำขาวๆ จะเห็นเป็นคราบดำๆ ลอยไปลอยมา ถ้าอาการมากกว่านั้นก็คือ ประสาทตาฉีกขาด คุณจะมองเห็นแสงแฟลชในที่มืด ไม่ว่าหลับตาหรือลืมตา (น่ากลัวมากๆ) และถึงขั้นนี้จะต้องผ่าตัด ซึ่งไม่มีอะไรรับประกันว่าจะดีเหมือนเดิม จะตาบอดหรือไม่?) สาเหตุของโรคนี้คือ ! 'การใช้สายตามากเกินไป' (เล่นคอม) แต่ก่อนโรคนี้จะเกิดกับผู้สูงอายุ หรือ คนที่มีอาชีพใช้ที่สายตามากๆ เช่น ช่างเจียระไนเพชรพลอย ! ที่ต้องใช้สายตาเพ่งมากๆ แต่เดี๋ยวนี้คนเป็นโรควุ้นในลูกตาเสื่อมกันมากเพราะเล่นเนต หรือ เล่นคอม (คุณฟังไม่ผิดหรอก เดี๋ยวนี้คนเป็นโรคนี้กันมากเพราะเล่นคอมนี่แหละ) ถามว่าทำไม คนเล่นเนต เล่นคอม ถึงเป็นกันมาก? ไม่ ว่าคุณจะเล่นเนต, เล่นเกมส์, อ่านไดอารี่, อ่านบทความ, อ่านหนังสือหรืออะไรก็ตาม ที่อยู่บนจอคอมพิวเตอร์ ล้วนทำให้สายตาคุณเสียได้ทั้งสิ้นเพราะว่า ถ้าคุณอ่านหนังสือที่เป็นแผ่นกระดาษธรรมดาๆ 'ระยะห่างระหว่าง ลูกตา กับ ตัวหนังสือ จะคงที่แน่นอน เพราะขอบของตัวหนังสือจะคมชัด ทำให้สมองกะระยะโฟกัสได้ถูกต้องแน่นอนกว่า กล้ามเนื้อและประสาทตาจึงทำงานค่อนข้างคงที่ แต่ ! ตัวหนังสือบนจอคอมพิวเตอร์นั้น มีลักษณะเป็นจุดๆ ประกอบกัน เหมือนแขวนลอยบนจอ ขอบของตัวหนังสือไม่คมชัด สมองจะสับสนในการปรับระยะโฟกัส ( เพราะจอแก้ว จะมีความหนาของแก้ว แต่เรามองผ่านมันไป ) (จอ LCD เราก็ต้องมองผ่านเข้าไปเหมือนกัน ตัวหนังสือไม่ได้ติดอยู่ด้านบนเหมือน อยู่บนแผ่นกระดาษ) การปรับระยะโฟกัสจึงไม่แน่นอน บวกกับ ลักษณะการอ่านหนังสือในคอมนั้น จะต้องใช้เม้าส์จิ้ม ลากแถบด้านข้างจอ เพื่อเลื่อนบรรทัดหนังสือขึ้นลง เพื่อที่จะอ่านบรรทัดด้านล่างได้หรือไม่ก้อ ใช้ลูกหมุนที่อยู่บนเม้าส์หมุนเพื่อเลื่อนบรรทัดหนังสือ แต่ การเลื่อนบรรทัดนี้ ไม่เหมือนกับการอ่านหนังสือจากแผ่นกระดาษ ที่แขนกับคอเราจะปรับการมองขึ้นลงโดยอัตโนมัติ มีระยะที่แน่นอน สัมพันธ์กัน แต่ว่าการเลื่อนบรรทัดด้วยแถบด้านข้าง หรือลูกกลิ้งบนม้าส์นั้น มันจะมีลักษณะการเลื่อนแบบกระตุกๆ (คุณสังเกตุดู ) มันจึงทำให้ปวดตามากๆ เพราะจะต้องลากลูกตา เลื่อนตามบรรทัดที่กระตุกๆ นั้นไปตลอด บวกกับ การพิมพ์ตัวหนังสือนั้น บางทีคุณต้องก้มเพื่อมองนิ้ว ว่ากดตำแหน่งบนแป้นพิมพ์ถูกตัวอักษรหรือไม่ ทำให้เดี๋ยวก้ม เดี๋ยวเงย ลูกตาปรับโฟกัสบ่อยเกิน ทำให้ลูกตาทำงานหนัก กว่าจะพิมพ์งานเสร็จ คุณจะปวดตามากๆ ตัวอย่างเช่นกรณีเด็กนักศึกษา เร่งพิมพ์รายงานส่งอาจารย์ ติดต่อกันข้ามคืน ! สองสามวัน ตาจะปวดมากๆ รวมทั้งเวลาการเปิดใช้โปรแกรม word ในการพิมพ์ตัวหนังสือมักจะมีสีพื้นที่เป็นสีขาวสว่าง (ที่นิยมก็คือ ตัวหนังสือสีดำบนพื้นสีขาว) สีพื้นที่สว่างจ้านี่เอง ทำให้ตาคุณจะเกิดอาการแพ้แสง ถ้ามีการพิมพ์ติดต่อกันนานๆ เพราะจ้องจอสีขาวนานเกินไป หรือไม่ก็คนที่ชอบเล่นเกมส์บ่อย ๆ มักจะมีการปรับแสงสว่าง เพราะเวลาเล่นเกมส์ ภาพพื้นหลังของเกมส์มักจะมืดๆ ภาพแสดงของจอประสาทตาที่หลุดลอกออกมา แยกชั้นออกจากส่วนหลังของลูกตา สรุปก็คือ 1. การมองตัวหนังสือที่แขวนลอยอยู่ในจอ โฟกัสไม่แน่นอน กล้ามเนื้อลูกตาทำงานหนัก 'ทำให้สายตาเสีย' 2. การเลื่อนตัวหนังสือและแถบบรรทัด ในหน้าคอม หรือ หน้าเนต มันจะเลื่อนแบบเป็นกระตุกๆ ทำให้สายตาเสีย การกระตุกๆ ของแถบบรรทัดนี่เอง ที่ทำให้สายตาเสีย 3. การก้มๆเงยๆ มองแป้นพิมพ์ และมองจอคอม กลับไปกลับมา 'ทำให้สายตาเสีย ' 4. การปรับจอภาพที่! มีแสงสว่างจ้า มากเกินไปโดยไม่รู้ตัว 'ทำให้สายตาเสีย' (คล้ายๆ กับการเปิดดูทีวี ในห้องมืดๆ เป็นประจำ แล้วทำให้สายตาเสียน่ะเอง อย่างเดียวกัน) 5. การใช้จอคอม ที่มีความกว้างมากเกิน !! (จอคอมกว้างๆ นั้น เหมาะสำหรับการดูภาพ ดูหนัง แต่ไม่เหมาะกับการดูตัวหนังสือ !!) พราะว่า สายตาคนเรานั้นมีระยะการมองตัวอักษรที่ 1 ฟุต (12นิ้ว) แต่จอคอมสมัยใหม่ กลับมีความกว้าง 17 นิ้ว 19 นิ้ว หรือมากกว่านั้น ซึ่งมันกว้างเกินระยะกวาดสายตามอง จากขอบหนึ่งไปสู่ อีกขอบหนึ่ง (ทำให้ปวดทั้งคอ ทั้งลูกตา) ถามกลับไปว่า ทำไม กระดาษเอกสาร ที่ใช้ในการอ่านการเขียนทั่วไปจึงมีขนาด A4 ? คำตอบ ก็คือ ความกว้างของกระดาษ A4 ไม่กว้างเกินไป กำลังพอดีกับการกวาดสายตามอง และเป็นคำตอบเดียวกับที่ว่าทำไมขนาดของจอคอมคุณที่ใช้ ไม่ควรเกิน 15 นิ้ว นั่นเอง ส่วนมากคนทั่วไป มักจะคิดไม่ถึงว่า การเล่นคอมทุกวันนั้น จะเป็นสาเหตุใหญ่ที่สามารถทำให้ตาบอดได้ ถ้าเกิดอาการรุนแรงเพราะกว่าจะรู้ตัวแล้วไปหาหมอ หมอก็อาจจะบอกว่า คุณไม่สามารถรักษาหายได้แล้ว และต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเท่านั้น!!! ****************** อ้างอิงจาก http://www.fwdder.com/topic/9673 ช่วงนี้เลยพยายามลดการใช้คอมฯ ลงครับ รักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ ใครมีข้อมูลเพิ่มเติม แนวทางแก้ไขป้องกัน บอกกันด้วยนะครับ ขอบคุณครับ ไปตรวจเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลจักษุรัตนิน ปรากฎว่ามีเส้นเลือดอุดตันที่จอประสาทตาแทน โรคเยอะดีจัง ตอนนี้ติดตามผล คุณหมอว่าจะหายเอง คัดลอกจาก...คุณคนขับช้า http://www.bloggang.com/viewdiary.php?i ... 10&gblog=6 ![]() ![]() ![]() ข้อมูลเพิ่มเติม... http://www.thaioptometry.net/modules.ph ... t=279#7964 http://www.jeban.com/viewtopic.php?t=35289 ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | แมวขาวมณี [ 25 มิ.ย. 2009, 13:40 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โรควุ้นในตาเสื่อม |
yahoo เขียน: Passa เขียน: แต่โรคที่ผมเป็นอยู่อีกโรคคือโรคจิต ซึ่งเกิดจากโรคนี้แหละครับ ![]() ทุกครั้งที่ผมคิดว่าตนเองกำลังเผชิญหน้ากับสิ่งที่แย่ ๆ ผมจะพูดกับตัวเองเสมอว่า เอาน่ะ...ไม่มีอะไรจะแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว และมันก็จริง...ครับ ความคิดอย่างคนซื่อบื้อ ๆ ของผม มันกลายเป็นอุบายที่ทำให้ผมยอมรับและอยู่กับปัจจุบันอย่างยิ่งยวด เพราะผมไม่คิดที่จะนึกถึงอดีต... และไม่คาดหวังเลยว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร... กล้าที่จะเผชิญหน้ากับทุกข์ ณ ปัจจุบัน ไปตามเรื่องตามราว ในวันนี้ผมก็คงได้แต่ให้กำลังใจ และจะให้กำลังใจคุณทุกครั้งที่มีโอกาสนะครับ... ![]() ![]() ![]() และอีกหนึ่ง กำลังใจค่ะ ห่างจากคอมฯ ให้ไกล ๆ หลาย ๆ วัน นาน ๆ มาเจอกันที ก็ได้ค่ะ ยังไงก็ ส่งใจและความปรารถนาดี มาให้กันได้เสมอนะคะ ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | natdanai [ 26 มิ.ย. 2009, 00:04 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โรควุ้นในตาเสื่อม |
อย่าไปฝึก กษิน นะครับ ![]() ![]() อย่างที่ ท่านแมวขาว บอกนั่นแหละครับ ใช้สายตาให้มันน้อยหน่อยครับ ![]() ![]() แล้วก็ไปปรึกษากับหมอ อย่างที่ท่าน dd แนะนำ ส่วนกระผมก็ขอแนะนำให้รักษาสุขภาพกายให้แข็งแรงครับ หยุดเล่นคอมพ์ หรือกิจกรรมที่ใช้สายตา(เดาว่าท่านคงใช้เวลาว่างในการอ่านหนังสือ และค้นคว้าหาความรู้ใส่ตัว... ![]() ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |