วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 01:56  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 30 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2009, 09:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 เม.ย. 2009, 06:18
โพสต์: 731

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทุกอาชีพ ทุกชีวิต มีคุณค่าเสมอ ถ้าเราตั้งใจประพฤติปฏิบัติตนด้วยสติ ปัญญา
ให้เราตระหนักในบทบาทและหน้าที่ของตนเอง ทุ่มเทจิตใจ กำลังกาย กำลังสติปัญญา เพื่อให้งานในหน้าที่บรรลุวัตถุประสงค์ขององค์กรนั้น ในหลวงท่านทรงตรัสว่าข้าราชการทุกหมู่เหล่า ทุกระดับชั้น ต่างมีความสำคัญต่อชาติ บ้านเมืองด้วยกันทั้งสิ้น :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2009, 10:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ทิฐิสองอย่าง


1. ทิฐิที่เชื่อว่า การทำให้กายเป็นสุข ใจก้จะเป็นสุขด้วย
เช่นการทำให้ตนเองอยู่ในสถานะที่ดี ไม่เดือดร้อน แล้วใจจะเป้นสุข
แต่ภายหลังปรากฏว่าหนีความจริงไม่พ้น คือยังคงมีความทุกข์อยู่
ไม่ใช่ทุกข์เพราะอดอยาก นอนลำบาก เงินไม่มีอะไรทำนองนั้นนะ
แต่คนรวยแล้ว สบายแล้ว ก้มีทุกข์แบบของเขาเหมือนกัน ไม่มีใครหนีพ้น
ดังนั้นทิฐิที่เชื่อว่าการทำให้กายเป้นสุข แล้วใจจะเป็นสุขนี้ จึงไม่จริง
ทิฏฐิประเภทนี้เข้าทำนองพิณสายหย่ิอน กามสุขัลนุโยค


2. ทิฐิที่เชื่ิอว่า การทำให้ใจเป้นสุข กายจะเป้นสุขด้วย
ได้แก้การบังคับบัญชาจิตใจให้ยอมรับสิ่งต่างๆให้เป้นความสุข (หลอกตัวเอง)
เช่นคนที่คิดว่าเราต้องพยามทำใจรักในสิง่ที่เป้นอยู่ พอเพียงอะไรทำนองนั้น
พอบังคับได้ ก็มีความสุข ว่าเราบังคับจิตใจได้ (อัตกิลมถานุโยค)
เหมือนข้าราชการแบบที่เขาไม่ได้ชอบงานที่ทำเท่าไหร่ แต่เมื่อไปไหนไม่ได้ ก้ต้องทำใจให้เป็นสุข กดข่มความทุกข์เอาไว้ แล้วเข้าใจว่านี่คือความพอเพียง เป้นฉันทะ


3. ทิฐิที่ 3 เป้นทิฐิของทางสายกลาง
การทำการงานที่ควรแก่จิตใจ จิตใจควรแก่การงาน
อธิบายโดยอย่างง่ายว่า เช่นการทำในสิง่ที่รัก จึงมีความสุข
เมื่อใจเป้นสุขอย่างแท้จริง แม้กายลำบากก้จะยังมีความสุขอยู่ได้
(ไม่หมือนข้อ 2 นะ / ข้อ 2 คือหลอกตัวเองให้รัก บังคับให้ตัวเ้องรัก บิดเบือนความจริง)

ยกตัวอย่างกรณีชั้นครู คือพระอรหันต์ที่เข้าผ่าตัด
"กายป่วยอย่างไร ใจไม่กระทบ"
เรียกว่า กายลำบาก แต่ยังสบายใจอยู่ได้

หรือตัวอย่างทั่วไปคืิอคนที่เขามีความสุขในการใช้ชีวิต บางทีอาชีพเขาไม่ได้ดีเิลิศ
แต่อยู่อย่างมีความสุข เพราะรู้จักวางใจไว้ถูกการถูกงาน


ทีนี้ถ้าบุญมากหน่อย เราก้จะสบายกายไปด้วย เพราะแรงบุญ
เหมือนพระสิวลี ไปไหนไม่เคยอดข้าวอดน้ำ เพราะแรงบุญ


คนบางคนที่เป้นคนหัวดี เลยเรียนอะไรก็ได้ สุดท้ายก็เรียนมา 5 ปริญญา
พอลองทำงานก็ได้ผลดีนะ คือการงานดี สบาย ไม่ลำบาก
แต่ไม่มีความสุขสักที เพราะไม่รู้ว่าใจตัวเองต้องการอะไร เลยหิวดะเลย หิวความสำเร้จมาก เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่อิ่มสักที เพราะไม่รู้ว่ากินอะไรแล้วจะอิ่ม
กายสบายมากๆ แต่ใจไม่สบายเลย หิวตลอด น่ากลัวนะ

----------------

ผมชอบวัฒนะธรรมบางอย่างของอเมริกัน
คือจบไฮสกูลแล้วเขาไม่ได้ตารีตาเหลือกเรียนปริญญากัน
กลับออกไปท่องโลกสักปีสองปี ไปค้นหาตัวเอง ไปลองทำนี่ทำนั่นดู
พอเจอปั๊บคราวนี้ก็กางใบใส่เกียร์หมาลิ่วๆเลย
แต่ก็ล้มหายตายจากก็มีมาก เพราะขาด "คนนำทาง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2009, 17:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b1: คุณชาติสยามแนะนำได้เยี่ยมเลยค่ะ :b12:
ก็รู้สึกเหมือนกันนะคะว่า ใจต้องรักที่จะเรียน ที่จะทำงาน ก็จะพาไปสู่ความสำเร็จ
:b48: แบบตัวเราสมัยก่อนต้องจบปริญญา รับจากในหลวงนะ บ้านนั้ยสุดยอด
เราจบรัฐศาสตร์แบบจบไปงั้นๆ ใจอยากเรียนตัดเสื้อ เสริมสวยชอบมากๆ แต่พ่อไม่ให้ :b2:
จบมาโดนสอนหนังสือ วิชาภาษาอังกฤษในร.ร.เอกชน ไม่มีความสุขเลย สงสารเด็กรุ่นนั้นจัง :b2:
ทุกวันนี้มีกิจการเล็กๆ อยู่แบบแก้เซ็ง รู้สึกชีวิตที่ผ่านมาไม่ work เลยค่ะ
:b48: ตอนนี้เลยมากังวลกับลูก เพราะตัวเราเป็นบทเรียนที่ติดลบ เคยถูกจัสรรชีวิตมาในตอนนั้น
เลยไม่อยากให้เด็กๆมาเป็นเหมือนเราไงคะ ก็จะปล่อยเค้าไปตามที่ต้องการ
แต่เค้าก็ต้องการให้เราช่วยชี้แนะ หรือเพราะเค้ายังค้นหาตัวเองไม่เจอ
ลูกคนโตเอ็นปีนี้ยังถามแม่ หนูจะเรียนอะไรดี :b10: เค้าก็ไม่รู้ค่ะ บางทีก็บอกอยากเป็นแอร์
เราก็ว่ามันจะไม่น่ารุ่งณ.เวลานี้ อยากให้เรียนกฎหมายก็กลัวเถียงสู้ผู้ชายไม่ได้ :b10:
ไม่อยากเรียนบัญชี มีแต่ตัวเลข :b10: สับสน..สับสนค่ะ
:b48: ที่ถามอีกคนเป็นหมอ เค้าก็ชอบนิดๆ :b6: :b6: กลัวผ่าตัดคนไข้ตายถูกฟ้อง.... :b5:ข่าวก็มีบ่อยๆเราเลยกลัวน่ะค่ะจะเป็นนักวิจัยก็กลัวหางานยาก...... :b6: :b5:
เนี่ยนะคะแบบนี้ วิตกจริต แน่...แน่ :b12:
เพียงอยากปรึกษาเพื่อนๆในลานนี้ เผื่อใครมีประสบการณ์ อยากรู้อาชีพในเวลานี้ เพราะเราก็เหมือน
จะเป็นแม่บ้านเสียมากกว่าค่ะ ความรู้แค่หางอึ่ง.....จริงๆค่ะ :b32:
:b48: หลายท่านที่ตอบมาก็ช่วยเป็นแนวทางให้เราตัดสินใจได้ค่ะ แบบภาษิตโบราณค่ะ
:b34: คนเดียวหัวหาย ใช้ได้ไม๊คะ :b34: :b34: :b32:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2009, 18:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ o.wan ลองให้ลูกไปถามฝ่ายแนะแนวนะครับ
ให้เขาถามหา "แบบทดสอบความถนัดทางอาชีพ" หรือชื่ออะไรทำนองนี้แหละครับ

ลักษณะจะเป็นเหมือนข้อสอบที่ดูไม่ make sense เท่าไหร่
เหมือนตอบแบบสอบถามธรรมดาๆ

ข้อสอบพวกนี้มีขายด้วย ตามร้านหนังสือแบบเรียน ให้ไปซื้อมาลองทำหลายๆสำนัก
ทำให้เยอะๆเลย แล้วอย่าไปกะเกณฑ์ว่าต้องเอาคะแนนนะ ต้องซื่อสัตย์กับใจตัวเอง

ปกติข้อสอบพวกนี้ เวลาเราตรวจคะแนนตัวเอง
เขาจะลิสต์มาให้เลยว่ามีอาชีพอะไรบ้าง


แล้วพอทำเยอะๆ หลายๆสำนัก ก็มาลองดูว่ามันมีแนวโน้มไปทางไหน
แล้วค่อยๆทำความรู้จักกับอาชีพในแนวโน้มนั้นๆ


ผมเคยทำนะ แต่ตอนนั้นไม่ค่อยเชื่อ หน้า $$$ มากเลย
กลัวทำอาชีพที่ไม่ได้เงิน เลยไม่สน
ปรากฏว่าเราโกหกตัวเอง แต่ข้อสอบมันฟ้องตั้งแต่ตอน ม.4 ม.5 แล้วว่าเราควรไปทางนั้น
ซึ่งพอมา"ปูนนี้" มารู้สึกตัวอีกที มายอมรับความจริงอีกที ก็ปรากฏว่าสายไป
อาชีพที่เขาแนะผมคืออาชีพทางการพูด พิธีกร การแสดง ทางการสื่อสารมวลชน!!
แต่ทุกวันนี้อยู่อาชีพที่อยู่กันคนละโยชน์เลย


เห็นไหมว่า "งก" แล้วก็"นั่งเทียน"อยู่กับบ้านว่าเราจะทำิอาชีพอะไรดีมันอันตรายขนาดไหน
เดี๋ยวนี้อาชีพมีมากมายมหาศาลจริง ไม่ได้มีแต่ หมอ วิศวะ แพทย์ พยาบาล แอร์โฮสเตส
อาชีพพวกนั้นเอาไว้ให้เด็กเล็กเขาตอบเอาขนมวันเด็กดีกว่า
เราต้องเปิดโลกทรรศน์ให้มากกว่านี้

ผมชอบวัฒนธรรมอเมริกันอีกอย่างหนึ่ง ดีมากเลย
คือเขาจะเอาพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กให้ห้องนั่นแหละ มาแนะนำอาชีพของแต่ละคน
ซึ่งก็ร้อยพ่อ พันอาชีพ มากเลย เด็กๆเลยได้รู้จักอาชีพเยอะแยะไปหมด
ไม่เหมือนพวกเรา นึกถึงอาชีพทีไรก็มีอยู่แค่นี้แหละ หมอ พยาบาล วิศวะ แอร์

คนหนึ่งที่ผมรู้จักเรื่องราวของเขานะ เขาเป็น "ผู้ชายนะฮ้า" แต่พ่อเป็นนายตำรวจ
เขาไม่ถูกกับพ่อมากเลย แล้วก็กบฏพอสมควร คือไม่เอาพ่อเลย พ่อให้ทำให้เป็นอะไรไม่เอา
ถึงกับหนีออกมาอยู่ข้างนอกเลย แล้วทำตามใจรัก คือไป"จัดดอกไม้"
ตอนเขาเรียน เขาทำไปตามใจ เขาไม่เคยรู้เหมือนกันว่ามันจะไปสุดทางขนาดไหน

ถามตอนนี้ ... คุณ o.wan คิดว่าจัดดอกไม้เฉยๆ มันได้เงินขนาดไหนอะ คงคิดเหมือนผมตอนนั้น เราอาจจะคิดกะลาครอบของเราว่า
อย่างมากก้พออยู่ได้ใช่ไหม นี่คือดีที่สุดที่เรา "คิดในกะลาของเรา"

แต่ปรากฏว่าคนคนนี้เขาจัดดอกไม้ลีละแสนทีละล้าน
งานเล็กสุดคือจัดดอกไม้งานแต่ง กะโหลกกะลาไม่กล้าจ้างเขานะ ต้องงานเศรษฐีถึงจะสู้ราคาเขาได้
งานใหฐ่สุดคือจัดสวนงาน "พืชสวนโลก"
นี่ขนาดเขากินงบกันมา 6 ทอดแล้วนะ ตัวเขายังได้เป็นล้านๆ จบงานซื้อรถคันนึง
อายุ 30 ต้นๆนี่เอง
เขาอยู่อย่างสบาย กับสิ่งที่รัก สุขทั้งใจ สุขทั้งกาย
แล้วแฟนผู้ชายเขาแต่ละคนนะ อย่างกะนายแบบปกหนังสือ... นี่แค่จัดดอกไม้นะ...


ผมอ่านเรื่องอิทธิบาท 4 ของพระพุทธเจ้าแล้วผมก็ถึงทึ่งในปัญญาของพระพุทธเจ้าสุดจะพรรณา
จะมีใครในโลกนี้สามารถฟันธงออกมาสั่นๆง่ายๆว่าสุตรสำเร็จของทุกอาชีพ ทุกคน ทุกชาติ ทุกภาษานี้ คืออะไร ท่านฟันธงออกมาได้อย่างสั่น ง่าย

ยิ่งตอนสวดพระธรรมคุณ ถึงคำว่า .. อกาลิโก ...
ก็ยิ่งทึ่งว่าหลักอิทธิบาท 4 ของพระพุทธเจ้ามันไร้กาลเวลาจริงๆ
เป็นจริงตลอดเวลาจริงๆ เอาไปใช้ได้ทั้งบุคคล องค์กร ประเทศ ทุกชาติ ทุกวัฒนะธรรม


อ่านหนังสือพวก how to success ทีไร ผมก็นึกหัวเราะนักขียนพวกนี้อยู่ว่า
พวกนี้แค่เกาๆแก้คันๆเท่านั้น อย่างเรื่อง the secret อะไรนั่น ผมขำมากเลย
คือให้"คอยคิดว่าอยากจะได้อะไร แล้วมันจะมา" ฮามากก
ของพวกนี้มันใช้ได้กับบางคน บางสถานการณ์เท่านั้น ใช้ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
จริงกับสังคมหนึ่ง ไม่จริงกับสังคมหนึ่ง

อิทธิบาท 4 กรณีนำใช้กับประเทศนี่นะ ก้คือทำในสิ่งที่ประเทศไทยรัก
อะไรล่ะที่ประเทศไทยรัก... ก้คือสิ่งที่ประชาชนนั่นแหละรัก
ประชาชนคือใคร .... ก้คือแต่ละคนนั่นแหละ
แต่ละคนเขารักอะไรก็ต้องส่งเสริม อยากเป่ายางเล่นหมากเก็บ ก้ต้องส่งเสริม อย่าไปดูถูกเขา
เห็นฝรั่งมันจัด Guitar Air ไหมอ่ะ ไร้สาระมากกกก แต่มันก้คือ entertainment ที่มีมูลค่าทางการตลาด

แต่นี่ประเทศไทยเรา หมายถึงรัฐบาล
ชอบคิดๆเอาว่า เราอยากเป้นอย่างนั้น อยากเป็นอย่างนี้ แล้วก็ตะบี้ตะบันทำกัน
4 ปีก็อยากเป็นอย่างนั้นที 4 ปีหน้าที่อยากเป็นอันใหม่ ยิ่งมาเจอสถานะการณ์
คราวนี้เปลี่ยนปีเว้นปีเลย แถมมี"ลืมคิด" "เกียร์ว่าง" อีกเป็นปีๆ โอย กรุ้ม
เห็นช้างขี้ ก็อยากขี้ตามช้าง อยากเป็นเสือ อยากเป็นมังกร สารพัด ไม่ดูตัวเอง

แต่ว่า เราอุตส่าห์ขายข้าวเป็นที่หนึ่งของโลกนะ
นี่ขนาดชาวนาทั้งโดนเหยียบ ทั้งกดขี่ ทั้งโกง ทั้งเพิกเฉย ทั้งไม่สนใจชาวนานะ
แต่ชาวนาเชาปากกัดตีนถีบกมาได้ขนาดนี้ ได้ส่งออกเป็นที่หนึ่งของโลก
นี่ถ้าส่งเสริมจริงๆจังๆนะ อื้อหือ

แต่ไม่รู้เป็นไร ขายข้าวมันไม่เท่ห์มั๊ง เลยพากันอยากจะเป็นนู่นเป้นนี่
เพราะต้องการสื่อสารว่าตัวกุของกูนี้เก่ง แปลก ใหม่ จะได้คะแนนนิยมกัน
จะได้มีหน้ามีตาในสังคมว่าตัวกุของกูนี้ทันสมัย เป้นนักบริหารที่เก่ง ขึ้นปกฟอร์จูนอะไรอย่างนั้น

อย่าให้ผมเป็นนายกมั่งละกัน มีเงินเท่าไหร่ผมจะจับส่งเด็กออกไปเรียนให้หมดเลย
จะเรียนบ้าๆบอๆอะๆไรก้ตาม ถ้าใจรักผมจะส่งเรียนให้หมดเลย
5 ปีเท่านั้นแหละ เริ่มเห็นผล
10 ปีเริ่มคืนทุน
20 ปี ประเมิณค่าไม่ได้ หาที่เก็บเงินไม่ทันก็แล้วกัน

ลองคิดง่ายๆ จา พนม ยีรัม นี้ทำเงินเข้าประเทศเท่าไหร่
นี่เขาทำในสิ่งที่รักแล้วประสพผลสำเร็จ นี่แค่คนเดียวนะ
มีมหาลัยที่ไหนสอนสตัีนท์หรือเปล่า มีปริญญาสตั๊นไหม ไม่มีนะ
เขาปากกัดตีนถีบหาความรู้เอาเองทั้งนั้น

เราบินไปดูหอคอยไอเฟล ปีนึงๆมีคนไปไม่รู้กี่ล้านคน
ถามว่าแต่ละคนใช้จ่ายเท่าไหร่ในการมาดูแต่ละครั้ง แล้วหอคอยนี้อยู่อีกกี่ปี
หอคอยนี้เป็นผลงานของศิลปินคนเดียวนะ ที่คิดทำขึ้นมา
ค่าสร้างไม่ต้องพูดเลย คืนทุนไปตั้งนานแล้ว ตอนนี้มันมีมูลค่าประเมินไม่ได้แล้ว มากขนาดนั้น

คิดดูสิว่าส่งเด็กออกไปเรียน หรือส่งเสริมให้คนทำในสิง่ที่รักสัก 1 ล้านคน
ขอแค่ 100 คนที่เป็นระดับ genious รายได้มันก็เลี้ยงทั้งล้านคนได้แล้ว

แล้วรัฐบาลสบายจะตาย ไม่ต้องคิดให้ปวดหัว คนเหล่านี้เขารวมกันคิด เขาทำ เขาพัฒนากันเอง
ไปในทางเขาเอง รัฐมีหน้าที่ใส่ปุ๋ยพรวนดินให้ทันเขาโตก็แล้วกัน

อิทธิบาท 4 นี่สะเทือนโลกนะ
แต่ทำไมไม่ค่อยสนใจกันก็ไม่รู้

ขอระบายบ้างนะ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2009, 16:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b16: ขอบคุณนะคะคุณชาติสยาม ได้อ่านที่คุณอธิบาย+ระบาย :b1: มา ทำให้ได้ข้อคิดดีค่ะ
จะไปลองหาซื้อหนังสือแถวๆ ร้านซีเอ็ด มานะคะ
ที่จริงตามร.ร ช่วงนี้ก็จะมีการแนะแนวด้วยน่ะค่ะ แต่ก็เหมือนที่เรารู้ๆ เรียนคณะนี้....
จบมาทำอาชีพนี้.....เราก็รู้นะคะ ทำไมเค้าไม่เปลี่ยนบ้างนะคะ
แบบเรียนคณะนี้...จบมาตกงานมากที่สุด คณะนี้คนจบมากที่สุด หรืออาชีพในยุคเศรษฐกิจแบบนี้
ควรเรียนอะไร จริงๆแล้วเด็กอายุ ขนาด 17-18 เค้าก็ยังไม่ค่อยมีความรู้กับการงานพื้นฐานอาชีพ
เท่าไหร่นะคะ :b6: เพราะคนไทยเราเลี้ยงแบบชี้ทางเสียส่วนใหญ่
:b48: หลายคนที่จบมาแล้ว ทำงานแล้วเพิ่งรู้ว่าไม่ชอบงานนี้ เราเลยคิดว่าหรือ
น่าจะปล่อยไปตามชะตาชีวิตก็ดีนะคะ :b32: เอาแบบฟ้าลิขิตน่ะค่ะ จะได้ไม่เครียด :b16:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2009, 19:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


O.wan เขียน:
เราเลยคิดว่าหรือ
น่าจะปล่อยไปตามชะตาชีวิตก็ดีนะคะ :b32: เอาแบบฟ้าลิขิตน่ะค่ะ จะได้ไม่เครียด :b16:


:b5: อันนี้น่ากัวยิ่งก่าโดนบังคับเรียนอีกนะเนียะคับ
หย่อนไป

:b5: :b5: :b5: :b2: :b2:

ลองคิดแบบนี้ดูนะคับ
... ไม่ใช่ว่าเราคิดว่า..."เรียนอะไรในยุคนี้ ถึงจะอยู่รอด"


แต่อยากจะชวนคิดแบบนี้....

"อีก 50 ปีข้างหน้า ฉันจะต้องอยู่กับสิ่งนี้ ฉันจะเรียนอะไร"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2009, 07:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติสยาม เขียน:
O.wan เขียน:
เราเลยคิดว่าหรือ
น่าจะปล่อยไปตามชะตาชีวิตก็ดีนะคะ :b32: เอาแบบฟ้าลิขิตน่ะค่ะ จะได้ไม่เครียด :b16:


:b5: อันนี้น่ากัวยิ่งก่าโดนบังคับเรียนอีกนะเนียะคับ
หย่อนไป

:b5: :b5: :b5: :b2: :b2:

ลองคิดแบบนี้ดูนะคับ
... ไม่ใช่ว่าเราคิดว่า..."เรียนอะไรในยุคนี้ ถึงจะอยู่รอด"


แต่อยากจะชวนคิดแบบนี้....

"อีก 50 ปีข้างหน้า ฉันจะต้องอยู่กับสิ่งนี้ ฉันจะเรียนอะไร"

:b1: ขอเล่าเรื่องเด็กนักเรียนปัจจุบันนี้ ให้คุณชาติสยามฟัง อาจจะเคยรู้มาบ้างหรือเปล่าค่ะ
เผื่อมีหลาน อาจเจอปัญหานี้ :b7:
:b48: เด็กที่จะสอบเอ็นปีนี้ อย่างน้อยต้องเรียนกวดวิชามาแล้ว 3 ปี :b31: :b31: ยิ่งปีนี้หนักสุดๆ
แถมยังมีโค้งสุดท้ายก่อนสอบ 3วัน 7วัน เราเคยได้ยินทุกยุคสมัยว่า ไม่ต้องเรียนกวดวิชา
ร.ร มีครูที่มีความรู้สอนได้ แต่จริงๆ ผู้ที่พอมีอันจะกิน หรือไม่ค่อยมีต่างก็กระเสือกกระสนหาเงิน
มาเรียนพิเศษ ซึ่งคอร์สหนึ่งขั้นต่ำ 3,000- ซึ่งครูที่สอนในร.ร กวดวิชา ก็มาจากร.ร ระดับต้น
ของประเทศ (อันนี้ดูได้จากโบรชัวร์ของร.ร) เพราะเค้าจะบรรยายสรรพคุณไว้เพื่อเรียกนักเรียน :b4:
:b48: เพื่อแข่งขันกันเข้ามหาลัยในระดับต้นๆ ของเมืองไทย ยิ่งมหาลัยมีชื่อ+เกรดเฉลี่ย 3up
รับลองค่ะเตะฝุ่นไม่นาน แต่จบมหาลัยรองๆลงมา ยิ่งมหาลัยที่เพิ่งเปลี่ยนมาจากวิทยาลัย ถ้าไม่พ่วงเกียรตินิยมมาด้วย รับลองไม่พ้นนักวิจัยฝุ่น นี่เรื่องจริงเพราะเราอยู่ในช่วงนี้มีหลานอยู่ 4-5 คน
ทั้งจบแล้วหางาน กำลังจะจบ เพิ่งเข้า เรารู้ดีค่ะ
:b48:แล้วเด็กที่เรียนกวดวิชานะคะ ไม่เหมือนสมัยเราเรียนที่เดียวทุกวิชา สมัยนี้แยกเป็นร.รเป็นวิชา
และจากวิชา ก็ยังแยกย่อยเป็นเรื่อง เช่นเลข ก็แยกเป็นแคลคูลัส แยกเป็นตรีโกน เป็นความน่าจะเป็นฯ
แบบนี้เลยนะคะ เด็กก็ต้องเรียนทั้งรวม+เรียนทั้งแยก ไม่งั้นไม่ได้เลย...ช้างเผือกสมัยนี้แทบไม่มีนะคะ
สังเกตได้จากเด็กที่สอบเอ็นได้ต้นๆ หรือที่หนึ่งของแต่ละสถาบัน โรงเรียนก็จะเอารูป+ชื่อ :b17: มาโชว์แสดงความสามารถในการติวเด็กเข้าได้ ซึ่งเด็กเหล่านี้ก็จะมีรูปโชว์ อย่างน้อย2-3 ร.ร :b17:
ที่พ่อแม่ยอมเสียเงินเพื่อการแข่งขันในการมีชีวิตอยู่ของลูกในอนาคต นี่คือเรื่องจริงณ.เวลานี้นะคะ
:b48: ยังมีประเภทไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไร ลงทุนให้ลูก+พี่เลี้ยงนั่งเครื่องบินมา เช้าวันเสาร์
และเรียนพิเศษและพักโรงแรมแถวสยามเลย เพื่อเรียนวันอาทิตย์ และนั่งเครื่องกับตอนเย็น
ทำแบบนี้ตลอด 3 ปี (มีต่อ)

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


แก้ไขล่าสุดโดย O.wan เมื่อ 30 มิ.ย. 2009, 20:40, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2009, 08:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b48: และเด็กที่บ้านอยู่กรุงเทพและปริมณฑล+อยุธยา+ราชบุรี+ระยอง พวกนี้ก็มีแยะนะคะที่
ขับรถพาลูกมาเรียนพิเศษและนั่งคอยเป็นวันๆ หรือบางคนเช่าอพาร์เม้นท์ทิ้งไว้เลย 3 ปี ยอมเสียเงิน
เพื่อลูกได้มีที่พักในวันเสาร์-อาทิตย์ และช่วงปิดเทอมกลาง+เทอมใหญ่ ซึ่งไม่สามารถหาได้เลย
(ถ้าช่วงเปิดเทอมเค้าคงเอาไว้ให้แมลงสาปวิ่งเล่น น่ะค่ะ :b32: :b9: )
และพ่อแม่พวกนี้นะคะเค้ามีความภูมิใจมากเลย (สังเกตจากเวลาพูดคุยกัน)
ที่เค้าคิดว่านี่แหละคือสิ่งที่ใครอีกหลายๆคนไม่สามารถ ทุ่มเทให้ลูกขนาดนี้

เรามีเพื่อนสามีอยู่ นราธิวาสจะมาทุกปิดเทอมและหาที่พักไม่ได้ เพราะเค้าจองกัน 3 ปี
ต้องไปนอนโรงแรม 2 ดาว วันละ 600 เดือนละ 18,000 - เราเคยถามนะว่าทำไมไม่เรียนที่หาดใหญ่
หรือสุราษฯ ทั้งที่ใกล้กว่า เค้าบอกว่าลูกไม่อยากเรียนวีดีโอ (จะมีวีดีโอในโรงเรียนเหล่านี้ ชึ่งมีทุกภาค)
:b13: แต่เชื่อไม๊คะ มาเรียนที่นี่ก็ไม่ได้เรียนห้องสดหรอกนะคะ แค่ห้องถ่ายทอดสด นะคะ :b34:
(มีต่อค่ะ)

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2009, 17:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b48: เด็กที่ไม่มีศักยภาพพื้นฐานพอไม่มีโอกาสแบบนี้เลยค่ะ ลูกเราก็เคยเรียนพิเศษกวดวิชา
แต่ไม่มากขนาดนี้นะคะ แต่มันมีผลในการสอบนะคะ เพราะแนวข้อสอบแบบนี้ในร.รกวดวิชามีให้ทำ
อย่างน้องเด็กก็มีโอกาสผ่านแนวมา และแนวมาจากไหนรู้ไม๊คะ ก็จะมาจากเด็กที่ไปสอบมาแล้วจำ
ออกมาขายตามร.รกวดวิชาไงคะ ใครจำมาได้มากแล้วมาให้ร.รก่อนก็รับ..... :b21: ไปเลย
:b48: นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของวงจรการเรียนก่อนเอ็นฯค่ะ ที่เราเล่ามานี้ก็เพียงแค่ส่วนหนึ่งที่เรา
ได้เจอกับตัวเอง มันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงทำให้เรายอมรับว่ากังวล กับการเรียนของเด็กๆในอนาคต
ว่ามันจะเป็นอย่างไรอีก แล้วยิ่งถ้าจบไปทำงานแล้วอาชีพก็สำคัญ ..... :b6:
:b48:นี่เป็นการเล่าสู่กันฟังน่ะค่ะ หลายท่านอาจจะนึกไม่ถึงว่า....อะไรจะขนาดนี้ :b23:
มันเป็นเรื่องจริงนะค่ะ :b4: :b4:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2009, 20:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อูย สมัยเราว่าโหดใช้ได้ สมัยนี้ขนาดนี้เลยนะคับนี่ :b5:
เป็นเด็กไทยนี่เครียดจัง :b5:

เป็นพ่อแม่ของเด็กไทยยิ่งเครียดเข้าไปอีก แต่ก็ต้องทำเนาะ
เพราะขยันแล้วสบายจริง ดีกว่าไม่ทำอะไร :b32:

ผมไม่มีลูก เลยอาจจะรู้สึกไม่เท่าคนมีลูกเองจริงๆอะเนาะ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2009, 20:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติสยาม เขียน:
อูย สมัยเราว่าโหดใช้ได้ สมัยนี้ขนาดนี้เลยนะคับนี่ :b5:
เป็นเด็กไทยนี่เครียดจัง :b5:

เป็นพ่อแม่ของเด็กไทยยิ่งเครียดเข้าไปอีก แต่ก็ต้องทำเนาะ
เพราะขยันแล้วสบายจริง ดีกว่าไม่ทำอะไร :b32:

ผมไม่มีลูก เลยอาจจะรู้สึกไม่เท่าคนมีลูกเองจริงๆอะเนาะ :b32:

:b1: เราว่าถ้าคุณชาติสยามมี.... :b21: จริงเวลานั้นเค้าคงเป็น :b21: ที่โชคดีนะคะ
เพราะคุณเป็นคนที่ เราว่ามีโลกทัศน์ที่กว้างดีนะมีเหตุมีผลในตัวเอง เป็นคนหนุ่มที่เหมาะกับโลกสมัยนี้
และยังมีอีกหลายๆ ท่านในลานนี้ด้วยค่ะที่เหมือนคุณ ถ้าเราไม่เข้ามาลานนี้นะ
เราก็เหมือนอยู่คนละซีกโลกกับคุณเลย คือโดยทั่วไปคนที่ศึกษาธรรมะในความคิดเราสมัยโน้น
ผู้ชายก็น่าจะ 50 ขึ้นนะ เราก็เคยไปวัดบ่อยๆ ก็เจอหนุ่มๆมาวัดกันแบบ....แค่มาทำบุญน่ะ
แต่ที่มาสนทนาธรรมกันแบบดุ :b5: เดือด :b14: แบบในลานนี้ แบบความรู้ไม่มีใครเกินใครได้เลย :b4:
อ่านแล้วรู้สึกทึ่งจริงๆค่ะ ขนาดเราปาเข้าไป :b21: ยังรู้แบบงูๆปลาๆเลย
:b48: อย่างไร ก็ต้องขอขอบคุณในความเป็นกัลยาณมิตรที่คุณมีให้ ตั้งแต่เริ่มเข้ามาที่นี่
จนถึงเวลานี้ และคงต้องเมื่อยนิ้วในการตอบความ :b10: อีกต่อๆไปนะคะ :b8:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ค. 2009, 05:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




0d3d0807d6e0eaf428fa5ae2ecfe15d0_raw.gif
0d3d0807d6e0eaf428fa5ae2ecfe15d0_raw.gif [ 47.97 KiB | เปิดดู 4162 ครั้ง ]
ตั้งแต่ลูก...ปิ๊กบ้าน คุณ O.wan ลืมลานธรรม :b32:

ทำเอาลานเทสะเทือนเลยนะครับ

http://www.imeem.com/people/ScxdkBM/mus ... UN/06-mp3/

หายไปหลายวันแล้ว หรือว่ายุ่งๆอยู่ครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ค. 2009, 08:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ตั้งแต่ลูก...ปิ๊กบ้าน คุณ O.wan ลืมลานธรรม :b32:

ทำเอาลานเทสะเทือนเลยนะครับ

http://www.imeem.com/people/ScxdkBM/mus ... UN/06-mp3/

หายไปหลายวันแล้ว หรือว่ายุ่งๆอยู่ครับ

:b16: สวัสดีค่ะคุณกรัชกาย ขอบคุณนะคะสำหรับเพลงหวานๆ+ดอกไม้สวยน่ารัก :b27:
คงเข้าใจผิดมังคะที่ลานจะสะเทือนที่เราหายไป คุณกรัชกาย(พระเอก)ตัวจริงต่างหากถ้าคุณหายไป
คงต้องจ้าง FBI ตามแน่ๆๆ เรามันแค่ตัวประกอบน่ะค่ะ :b32:
:b48: ตอนนี้ก็กำลังวุ่นๆกับการกลับมาเรียนของเค้าอยู่น่ะค่ะ สมัยนี้ตามข่าวการศึกษายุคโลกาภิวัตร
ไม่ทัน ตกรอบแน่ ยังไงก็ขอขอบคุณนะคะที่ยังอุตส่าห์นึกถึง. :b8:
:b1: คุณกรัชกายว่าตอนนี้คุณ taktay แอบไปนอนฟังเพลง ลานเทสะเทือน
อยู่ที่ไกลๆสักแห่งแน่เลย :b32: :b32:
คิดถึงเมืองไทยก็กลับมาเยี่ยมเยียนกันบ้างนะคะ :b16:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ค. 2009, 08:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
สวัสดีค่ะคุณกรัชกาย ขอบคุณนะคะสำหรับเพลงหวานๆ+ดอกไม้สวยน่ารัก :b27:
คงเข้าใจผิดมังคะที่ลานจะสะเทือนที่เราหายไป คุณกรัชกาย(พระเอก)ตัวจริงต่างหากถ้าคุณหายไป
คงต้องจ้าง FBI ตามแน่ๆๆ เรามันแค่ตัวประกอบน่ะค่ะ

ตอนนี้ก็กำลังวุ่นๆกับการกลับมาเรียนของเค้าอยู่น่ะค่ะ สมัยนี้ตามข่าวการศึกษายุคโลกาภิวัตร
ไม่ทัน ตกรอบแน่ ยังไงก็ขอขอบคุณนะคะที่ยังอุตส่าห์นึกถึง.

คุณกรัชกายว่าตอนนี้คุณ taktay แอบไปนอนฟังเพลง ลานเทสะเทือน
อยู่ที่ไกลๆสักแห่งแน่เลย
คิดถึงเมืองไทยก็กลับมาเยี่ยมเยียนกันบ้างนะคะ




คงเข้าใจผิดมังคะที่ลานจะสะเทือนที่เราหายไป คุณกรัชกาย(พระเอก)ตัวจริงต่างหากถ้าคุณหายไป
คงต้องจ้าง FBI ตามแน่ๆๆ เรามันแค่ตัวประกอบน่ะค่ะ


ไม่น่าผิดครับ :b1:

หากต้องการให้หนัง ละคร เรื่องนั้นๆ ครบเครื่องหนัง ก็ต้องมีทั้งพระเอก นางเอก ตัวอิจฉา (ยัยตัวร้าย)
และตัวประกอบอื่นๆ ด้วย
เหมือนชีวิตครอบครัว ต้องประกอบด้วยพ่อแม่ลูก จึงจะเป็นครอบครัวมาตรฐาน

พูดถึงการศึกษาบ้านเรา คงต้องมองไปที่รัฐบาลแต่ละสมัยๆ เพราะเป็นผู้ร่างนโยบายบริหารประเทศ
แล้วมองเข้าไปในกระทรวงศึกษา ฯ ว่าสร้างปัญหาที่มีผลกระทบต่อเด็ก ต่อผู้ปรกครองทุกๆปีไม่เคยว่างเว้น
กรรมของประเทศไทยครับ :b7:

คุณ taktay ขอเพลง “สามหัวใจ” แล้วครับ ฟังๆเพลงนี้แล้ว เนื้อเพลงเหมือน มี...สามเส้า
สามส่วนอยู่
จะเปิดเพลง...ให้อีก ก็เกรงว่าจะสะเทือนใจ แต่มีความหมายต่อบ้านใหญ่มากมาย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ค. 2009, 16:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 เม.ย. 2009, 19:55
โพสต์: 548

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติสยาม เขียน:
.....
อิทธิบาท 4 นี่สะเทือนโลกนะ
แต่ทำไมไม่ค่อยสนใจกันก็ไม่รู้

ขอระบายบ้างนะ :b32:


โอ้...ผมนั่งอ่านไปแล้วอดที่จะแอบหัวเราะไม่ได้...
เพราะไม่ค่อยได้เจอคุณในมาดนี้
ระบายความอัดอั้นตันใจซะ...
ถ้ามีอีกก็ระบายอีกได้นะครับ...ผมนั่งอ่านแล้วรู้สึกเพลินดี
เพราะคุณก็เป็นคนหนึ่งที่มีมุมดี ๆ มากมาย...
...


:b41: :b41: :b41:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 30 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 121 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร