วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 07:32  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2009, 13:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ย. 2008, 19:18
โพสต์: 160

ที่อยู่: นนทบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


รบกวนถามท่านผู้รู้ด้วยครับ :b12:

ในศีล ๘ มีข้อไม่ให้ฟังดนตรีอยู่ด้วย (เคยถามไปแล้ว) ผมเข้าใจว่า มันเป็นการหลงในเสียง (สมมุติ) ดังนั้น มันเป็นบาปใช่ไหมครับ

สรุป การเล่นดนตรี การฟังดนตรี เป็นอกุศลกรรมหรือไม่

ฉะนั้นแล้ว ดนตรีที่มีจุดประสงค์เพื่อบำบัดผู้ป่วย ผู้ที่เล่นดนตรีเพราะชอบเล่นไม่ได้เห็นแก่เงิน ดนตรีที่พัฒนาสมอง ดนตรีที่ใช้กล่อมเด็กนอน ฯลฯ เป็นกุศลกรรม หรือ อกุศลกรรมครับ อาชีพที่ร้องเพลงเพื่อให้มีจะกิน (เช่น ผู้ยากไร้ตามท้องถนน ลิเก ฯลฯ) เป็นสัมมาอาชีวะ หรือมิจฉาอาชีวะครับ

ดังนั้น เราควรยุ่งเกี่ยว หรือ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับดนตรี ควรเรียน หรือ ไม่ควรเรียน (แต่ผมเรียนไปแล้ว สายเกินแก้แล้วครับ :b5: )

อีกทั้ง ศิลปะ (หลงในภาพ) การแสดง ละครเวที ฯลฯ จัดว่าเป็นการทำบาปหรือไม่ เราควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือไม่ครับ

รบกวนท่านผู้รู้ตอบด้วยครับ และหากมันเป็นบาป บาปที่เราทำไปแล้ว ทำบุญอะไรได้บ้างครับ :b8:

.....................................................
สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2009, 14:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 15:08
โพสต์: 162

ที่อยู่: ปราจีนบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


แหะๆขอตอบแบบผู้ไม่รู้นะครับ เพราะยังไม่เคยแบบในหลักสูตรปริยัติเท่าไหร่
มีแค่ปฏิบัติบ้างเท่านั้น :b16:

ผมว่าดนตรีนี่เป็นของกลางๆนะ เหมือนอาหารน่ะ ถ้าจะลดละก็ต้องงดอาหาร
เพื่อเป็นตบะ(เครื่องเผากิเลส) แล้วก็จะมีเวลาเจริญธรรมมากขึ้น ทีนี้ถ้าเป็นระดับ
ศีลห้าก็จะยังไม่ต้องถึงขั้นนี้ ก็สามารถพัฒนาจิตใจไปได้เหมือนกัน มีจิตใจที่สามารถ
ที่จะทำภาวนาเจริญสติปัฏฐานสี่ได้ :b1:

ที่นี้เมื่อเราพัฒนาไประดับหนึ่งเราจะเห็นเองว่า การที่เราติดเสียงดนตรีทำให้เราขาดสติ
เสียเวลา จิตใจขาดความตั้งมั่น เรามุ่งในขั้นที่สูงขึ้นไป เราสามาถถอยออกมาเพื่อพัฒนา
จิตของเราต่อไปได้ :b4:

ความจริงคนที่มีความรู้ด้านดนตรีก็สามารถเผยแพร่ศาสนาให้เยาวชนได้ ผมยังเห็นโอกาส
ตรงนี้เปิดกว้างอยู่ ยังไงเราสามารถทำไปพร้อมกันได้แน่นอนครับ :b41:

.....................................................
สติคือธรรมคุ้มครองโลก

มีสติรู้กายและใจลงเป็นปัจจุบัน

เมื่อใดมีสติเมื่อนั้นมีความเพียร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2009, 14:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุโมทนาคุณ Passa กับคำถามครับ ผมขออนุญาตแสดงความเห็นตามความเข้าใจดังนี้

อ้างคำพูด:
ในศีล ๘ มีข้อไม่ให้ฟังดนตรีอยู่ด้วย (เคยถามไปแล้ว) ผมเข้าใจว่า มันเป็นการหลงในเสียง (สมมุติ) ดังนั้น มันเป็นบาปใช่ไหมครับ


ศีล ๘ นั้นมุ่งให้เป็นฐานแห่งพรหมจรรย์ของหมู่สัตว์ วัตถประสงค์อันใหญ่หลวงแห่งการประกาศพระศาสนาของพระพุทธองค์นั้น เพราะท่านเล็งเห็นประโยชน์อย่างยิ่งของเหล่าหมู่สัตว์ทั้งหลาย ได้แก่ปรมัตถประโยชน์ อันเป็นประโยชน์แห่งการสิ้นทุกข์ สิ้นการเกิด เข้าถึงพรหมจรรย์นั่นเอง...
ด้วยเหตุนี้ ศีล ๘ จึงเป็นศีลที่เป็นพื้นฐานของพรหมจรรย์นั้น จึงมีข้อเว้น ข้อห้าม อันเพื่อเป็นการละออกจากกามมาประกอบด้วย เพื่อเป็นการสละเยื่อใยของบุคคลทั้งหลายที่เกี่ยวข้อง ผูกมัดอย่างเหนียวแน่นด้วยกามคุณอารมณ์ทั้งปวง.....

มันเป็นการหลงในเสียง (สมมุติ) ดังนั้น มันเป็นบาปใช่ไหมครับ [/color]
-- [color=#000000]ตรงนี้พึงพิจารณาว่าฟังแล้วเกิดความยินดีติดใจ ชวนหลงไหลในกามคุณคือรูปเสียงกลิ่นรสหรือผัสสะใหม หากใช่นี่คือความเป็นไปกับกิเลส ย่อมตกไปอยู่ในฝักฝ่ายแห่งอกุศลทั้งสิ้น

แต่หากฟังแล้ว เกิดความคิดกลัวภัยในวัฏฏะ เห็นโทษแห่งกาม เกิดเนกขัมมะวิตกตรึกถึงการประพฤติพรหมจรรย์ได้ หรือเห็นธรรมะประการใดประการหนึ่ง ย่อมชื่อว่าดนตรีนั้นเป็นปัจจัยแก่กุศลได้ เช่นพระพุทธองค์ได้ยินเสียงพิณก็ทรงคิดได้ว่าการประพฤติตึงหรือหย่อนเกินไปย่อมไม่ใช่ทาง จึงทรงค้นหา"ทางสายกลาง"จนสำเร็จพระโพธิญานได้ หรือพระสารีบุตรและพระโมคคัลนะเมื่อยังเป็นฆราวาสเที่ยวชมการละเล่นอยู่ แล้วเกิดความคิดว่าคนที่เเสดงอยู่ทั้งหมดก็จะตายไปไม่เกิน๑๐๐ปี แล้วท่านเองเล่าก็จะตายเช่นกัน เกิดสังเวชในภัยแห่งสงสารจึงตัดสินใจออกแสวงหาครูอาจารย์ เป็นต้น

อ้างคำพูด:
สรุป การเล่นดนตรี การฟังดนตรี เป็นอกุศลกรรมหรือไม่


ตอบแล้วข้างบนครับ

อ้างคำพูด:
ฉะนั้นแล้ว ดนตรีที่มีจุดประสงค์เพื่อบำบัดผู้ป่วย ผู้ที่เล่นดนตรีเพราะชอบเล่นไม่ได้เห็นแก่เงิน ดนตรีที่พัฒนาสมอง ดนตรีที่ใช้กล่อมเด็กนอน ฯลฯ เป็นกุศลกรรม หรือ อกุศลกรรมครับ อาชีพที่ร้องเพลงเพื่อให้มีจะกิน (เช่น ผู้ยากไร้ตามท้องถนน ลิเก ฯลฯ) เป็นสัมมาอาชีวะ หรือมิจฉาอาชีวะครับ


เทียบเคียงจากข้อมูลข้างบนจะพอทราบว่าเป็นกุศลหรืออกุศล และขอเพิ่มรายละเอียดย่อยว่า..

ดนตรีที่มีจุดประสงค์เพื่อบำบัดผู้ป่วย--เจตนาที่จะบำบัดนั้นเป็นกุศล แต่วิธีการนั้นเป็นกุศลหรือไม่อยู่ที่ว่า ..

1. คนไข้ฟังดนตรีแล้วเคลิบเคลิ้มหลงเพลิดเพลินคลายความเครียดได้ แต่ก็เป็นไปด้วยตัณหาและโมหะอยู่ไม่เข้าใจทุกข์ เหตุที่ทำให้ทุกข์ หลักกรรมหรือปัจจยาการใดๆเลย เพ่งเล็งหนักขึ้นไปว่านี่เรา กายของเรา ฯลฯ ดังนี้ชื่อว่าดนตรีนั้นเพิ่มพูนกิเลสให้ผู้อื่นอยู่ อานิสงค์อาจทำให้ได้รับฟังเสียงที่ดีแล้วหลงใหลไปจนกิเลสท่วม ทับจนหนัก เป็นผู้มีความชำนาญยิ่งเช่นนักแต่งเพลงนักดนตรีมีชื่อก้องโลก เช่น Bethoven ดูเถิดขนาดหูหนวกยังแต่งเพลงได้ไพเราะจนเราติดใจกันก็ยังได้ นี่เรียกว่าสร้างสมอุปนิสัยไว้จนชำนาญมาก ถามว่าท่านเหล่านี้จะรังเกียจดนตรีเข้าถึงความเบื่อหน่ายดนตรีได้ง่ายไหม ? คงเหมือนจะให้ปลามาอาศัยบนบก ย่อมไม่ใช่ฐานะที่จะเป็นได้ครับ..

2. คนไข้ฟังดนตรีแล้วเกิดความปล่อยวางด้วยเกิดโยนิโสมนัสสิการว่า ร่างกายนี้ย่อมตกอยู่ในกระบวนการไตรลักษณ์ หรือเกิดความเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ มิใช่ด้วยความงมงายว่าเหล่านี้มีอิทธิปาฏิหาริย์ จะมาปิ๊งให้ความเจ็บไข้ของตนหายไปนี่ย่อมเป็นฝ่ายกุศล

ผู้ที่เล่นดนตรีเพราะชอบเล่นไม่ได้เห็นแก่เงิน ดนตรีที่พัฒนาสมอง ดนตรีที่ใช้กล่อมเด็กนอน ฯลฯ เป็นกุศลกรรม หรือ อกุศลกรรมครับ อาชีพที่ร้องเพลงเพื่อให้มีจะกิน (เช่น ผู้ยากไร้ตามท้องถนน ลิเก ฯลฯ) เป็นสัมมาอาชีวะ หรือมิจฉาอาชีวะครับ-เอาข้อมูลข้างบนมาวัดดู จะได้รับคำตอบครับ..ที่่ว่าชอบนี้หากถามตรงๆว่าชอบเพราะเหตุไร ก็จะตอบตนเองได้ว่าเป็นกุศลหรืออกุศล..

อ้างคำพูด:
ดังนั้น เราควรยุ่งเกี่ยว หรือ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับดนตรี ควรเรียน หรือ ไม่ควรเรียน (แต่ผมเรียนไปแล้ว สายเกินแก้แล้วครับ
..

อันนี้ต้องตรวจสอบตนเองว่ามีความเร่งรีบอยากออกจากวัฏฏะมากน้อยเพียงไรนะครับ หากต้องการขัดเกลาตนให้กิเลสบางลง สมควรจะดำเนินในทางใดก็เจริญการนั้นตามกำลังเพียรไปครับ..
หากคิดว่าไม่เป็นไร..ก็อย่าลืมข้อที่ว่าจิตเขาเก่งเรื่องการสั่งสมอุปนิสัยสันดานไว้ด้วย เพราะจะเป็นอุปการะแก่โยนิโสมนัสสิการได้ในภายหน้า..

อ้างคำพูด:
อีกทั้ง ศิลปะ (หลงในภาพ) การแสดง ละครเวที ฯลฯ จัดว่าเป็นการทำบาปหรือไม่ เราควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือไม่ครับ


ใช้หลักการทำนองเดียวกับดนตรีมาพิจารณาครับ

อ้างคำพูด:
หากมันเป็นบาป บาปที่เราทำไปแล้ว ทำบุญอะไรได้บ้างครับ


เรียกว่าบาปจนน่ากลัวจริงๆด้วย ขออนุญาตแนะนำว่า เจริญบุญยกิริยา๑๐ให้ถึงพร้อม ทุกครั้งที่ทำบุญแล้วตั้งอธิษฐานว่า ด้วยบุญนี้ ขอให้ข้าพเจ้าเป็นผู้ปราศจากโลภะโทสะโมหะ ไม่ลุ่มหลงขาดสติในการละเล่นทั้งปวง ขอให้มีปัญญาเห็นโทษภัยของความหลงมัวเมาในทุกๆสิ่งที่เป็นความบันเทิงและไม่บันเทิง..นี่อาจจะช่วยได้ เหมือนตั้งเจตนาปกป้องตนเองไว้ ส่วนอย่างอื่นก็มีการพิจารณาให้เห็นโทษภัยของความ เพลินติดข้อง หรือพิจารณาเหตุปัจจัยของผัสสะจากดนตรี เพราะเรามักหลีกเลี่ยงสิ่งที่เห็นว่ามีโทษ และทำสิ่งที่คิดว่าดีเสมอ แต่ถ้ามันยากมากก็ศีล๕น่ะแหละ รักษาให้มั่นคงไว้ ..

การจะได้มนุษย์สมบัติ หรือเทวสมบัติอันได้แก่การได้ไปเกิดในสวรรค์นั้น...แม้เพียงการรักษาศีล ๕ ด้วยดีนั้น บุคคลทั้งหลายย่อมถึงประโยชน์เช่นนั้นได้..เพราะการรักษาศีล ๕ นั้น เราจะต้องทำสุจริตกรรมอันได้แก่กุศลกรรมบถด้วย จึงจะรักษาศีล ๕ ไว้ได้ด้วยดี..ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า แม้บุคคลในศาสนาอื่นก็พึงได้ประโยชน์อย่างนี้เช่นกัน...

ขอขอบคุณและเจริญธรรมครับ
:b8: :b53: :b53: :b53:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2009, 14:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มี.ค. 2009, 20:48
โพสต์: 744


 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องนี้ก็ไม่ทราบว่าจะตอบอย่างไรนะงับ

เคยได้ยินอาจารย์บอกว่า

หลงน้อย ไปเป็น สัตว์เดรัจฉาน

หลงมากไป นรก

.....................................................
“เวลาทำสมาธิ ให้ระลึกลมหายใจเข้าออก ให้รู้ลมหายใจเข้าออก ไม่ต้องบังคับลมหายใจ ตามรู้ลมหายใจเข้าออก สงบก็รู้ ไม่สงบก็รู้ สงบก็ไม่ยินดี ไม่สงบก็ไม่ยินร้าย ไม่เอาทั้งสงบและไม่สงบ เอาแค่รู้ตามความเป็นจริงของสภาวธรรมปัจจุบันนั้น”

ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อคลายกำหนัด
เป็นไปเพื่อไม่ประกอบสัตว์ไว้
เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเลส
เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย
เป็นไปเพื่อสันโดษ
เป็นไปเพื่อความสงัดจากหมู่คณะ
เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร
เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2009, 19:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ย. 2008, 19:18
โพสต์: 160

ที่อยู่: นนทบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: ขอบพระคุณทุกท่านที่กรุณาช่วยตอบครับ

.....................................................
สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2009, 19:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.พ. 2009, 01:02
โพสต์: 337


 ข้อมูลส่วนตัว


:b41: :b41: :b41: :b42: :b42: :b42: :b41: :b41: :b41:

สวัสดีครับ คุณ Passa ขอมาร่วมแสดงความเห็นครับ :b12:

การมีเจตนา เว้นจากการฟ้อนรำขับร้อง ประโคมดนตรี และประดับร่างกายด้วยดอกไม้ของหอม เครื่องประดับ เครื่องทา เครื่องย้อม ใดๆ ก็ ล้วนแต่ เพราะว่าการดังกล่าว เป็นเครื่องบำรุงบำเรอในกามคุณ อันอาจจักยังให้เรา ขาดจากการรักษาพรหมจรรย์ได้โดยง่าย ศีลข้อ ๗ รักษาเพื่อไม่ให้ฟุ้งซ่าน หลงมัวเมา ทำให้เสียเวลาปฏิบัติธรรม ไม่ติดในความเพลิดเพลิน ภาษาธรรมะ ท่านเรียกว่าเป็นบ่วงของมาร

ศีล ๘ มีไว้เพื่อสนับสนุนการภาวนา ถ้ามีศีล ๘ แล้วใจจะสงบในระดับหนึ่ง ไม่ว้าวุ่นขุ่นมัวกับการแสวงหา รูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะชนิดต่างๆ ซึ่งไม่ได้เป็นความสุขที่แท้จริง เป็นความสุขที่ฉาบฉวย เป็นความสุขที่ไม่จีรังถาวร จะเน้นให้หาความสุขจากการทำจิตใจให้สงบ ดับกิเลสดับตัณหา และให้ละเว้นจากการหาความสุขจากทางรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะ

การรักษาศีล ๘ นั้นเป็นผลดีต่อตัวผู้ปฏิบัติโดยตรง ศีล ๘ เป็นศีลที่มุ่งเน้นที่การฝึกตนเอง ให้สามารถมีชีวิตอยู่อย่างเรียบง่าย โดยไม่แสวงหาสิ่งเสพ แต่ฝึกให้สามารถอยู่อย่างมีความสุขกับสิ่งง่ายๆเท่าที่จำเป็น การรับประทานอาหารแต่พอเหมาะ การนอนบนพื้น การงดฟังเพลง ดูหนังละคร การงดการเสริมแต่งร่างกายด้วยเครื่องประดับน้ำหอม หรือแม้แต่การเสพสุขจากเพศสัมพันธ์ การรักษาศีล ๘ จึงเป็นเหมือนการยกตัวเองออกจากสิ่งล่อ สิ่งลวงทั้งหลาย และสร้างอิสระให้กับตนเอง ให้เป็นคนมีความสุขได้ง่าย

นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนา มาลาคนฺธวิเลปนธารณมณฺฑนวิภูสนฏฺฐานา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ
(ข้าพเจ้าสมาทานซึ่งสิกขาบท คือ เว้นจากพูด ฟัง ฟ้อนรำ ขับร้องและประโคมเครื่องดนตรีต่าง ๆ และดูการเล่นที่เป็นข้าศึกแก่กุศล และทัดทรงตกแต่งร่างกายด้วยเครื่องประดับและดอกไม้ของหอม เครื่องทาเครื่องย้อม ผัดผิวให้งามต่าง ๆ)

อานิสงส์ของศีลอยู่ที่การตั้งใจรักษา ไม่ใช่เพราะยังไม่มีโอกาสที่จะละเมิดศีล ดังนั้นถ้าเราตั้งใจรักษาศีลจริงๆ เราก็ต้องพยายามที่จะเว้นตามข้อศีลนั้นๆ ไม่ใช่ว่าไม่ฟังเพลงเพราะไม่ได้ยิน พอได้ยินแล้วพยายามฟังหรือร้องตาม ทำใจฟุ้งซ่านไปตามเพลง อย่างนี้ไม่ได้เรียกว่าพยายามจะถือศีลเลย ถ้าเราตั้งใจรักษาศีล ๘ แล้วเผลอไป ช่างมัน เมื่อนึกได้ให้รีบตั้งใจถือศีลใหม่ทันที แล้วย้ำเตือนตัวเองอีกสักทีว่าเราจะทำให้ดีกว่าเดิม งด เว้น พิจารณา และมีสติ และถึงพร้อมในการรักษาพรหมจรรย์ แต่ถ้ามีความขัดข้องจริง ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องรักษาศีล ๘ นี่ครับ แค่ศีล ๕ ก็เป็นมนุษย์ที่ประเสริฐอยู่แล้ว

เจริญในธรรมครับ :b8: :b8: :b8:

:b41: :b41: :b41: :b42: :b42: :b42: :b41: :b41: :b41:


.....................................................
ราตรีของผู้ตื่นอยู่นาน...โยชน์ของผู้ล้าแล้วไกล


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2009, 20:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


Passa เขียน:
รบกวนถามท่านผู้รู้ด้วยครับ :b12:

ในศีล ๘ มีข้อไม่ให้ฟังดนตรีอยู่ด้วย (เคยถามไปแล้ว) ผมเข้าใจว่า มันเป็นการหลงในเสียง (สมมุติ) ดังนั้น มันเป็นบาปใช่ไหมครับ
สรุป การเล่นดนตรี การฟังดนตรี เป็นอกุศลกรรมหรือไม่
ฉะนั้นแล้ว ดนตรีที่มีจุดประสงค์เพื่อบำบัดผู้ป่วย ผู้ที่เล่นดนตรีเพราะชอบเล่นไม่ได้เห็นแก่เงิน ดนตรีที่พัฒนาสมอง ดนตรีที่ใช้กล่อมเด็กนอน ฯลฯ เป็นกุศลกรรม หรือ อกุศลกรรมครับ อาชีพที่ร้องเพลงเพื่อให้มีจะกิน (เช่น ผู้ยากไร้ตามท้องถนน ลิเก ฯลฯ) เป็นสัมมาอาชีวะ หรือมิจฉาอาชีวะครับดังนั้น เราควรยุ่งเกี่ยว หรือ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับดนตรี ควรเรียน หรือ ไม่ควรเรียน (แต่ผมเรียนไปแล้ว สายเกินแก้แล้วครับ :b5: )
อีกทั้ง ศิลปะ (หลงในภาพ) การแสดง ละครเวที ฯลฯ จัดว่าเป็นการทำบาปหรือไม่ เราควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือไม่ครับ
รบกวนท่านผู้รู้ตอบด้วยครับ และหากมันเป็นบาป บาปที่เราทำไปแล้ว ทำบุญอะไรได้บ้างครับ :b8:

ถ้าไม่ได้ถือศีล 8 อยู่ก็ไม่บาป และไม่เป็นอกุศลครับ

ดนตรีที่มีเจตนาอันไม่เบียดเบียนผู้ที่เล่นดนตรีเหล่านั้นไม่ถือว่าเป็นอกุศลกรรมครับ
อาชีพที่มีเจตนาอันไม่เบียดเบียนผู้ที่ประกอบอาชีพนั้นย่อมเป็นสัมมาอาชีพครับ
สรุปแล้วก็ไม่บาปครับ...จะทำบุญอะไรก็ทำเถิดครับ ได้ทั้งนั้นครับถ้าไม่เบียดเบียนใคร :b32:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 74 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร