ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
พระสงฆ์สมัยนี้... http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=22753 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | Passa [ 02 มิ.ย. 2009, 20:38 ] | ||||||
หัวข้อกระทู้: | พระสงฆ์สมัยนี้... | ||||||
ท่านคิดอย่างไรกับรูปภาพด้านล่างนี้:
|
เจ้าของ: | คนขวางโลก [ 02 มิ.ย. 2009, 20:48 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระสงฆ์สมัยนี้... |
ก็แค่พวก มิจฉาทิฐิ ปล่อยเขาไป |
เจ้าของ: | ชาติสยาม [ 02 มิ.ย. 2009, 21:08 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระสงฆ์สมัยนี้... |
ก็เป็นความจริงที่ต้องยอมรับ ยอมรับว่ามันมี ยอมรับว่ามันเป้นธรรมดา ถ้าเราไม่ยอมรับความจริง เราก้จะไม่พอใจ เพราะใจเรามันบอกว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ควรมี แต่ในโลกความเป้นจริงมันต้องมีอยู่อย่างนี้ ปฏิเสธความจริงไม่ได้ ยิ่งเราติดดีมากเท่าไหร่เราก้จะรู้สึกว่าเราเหนือกว่าเขา ดีกว่าเขามาก ส่วนเขานั้นชั่วมาก น่าสมเภทเป็นต้น |
เจ้าของ: | Passa [ 02 มิ.ย. 2009, 21:23 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระสงฆ์สมัยนี้... |
ชาติสยาม เขียน: ก็เป็นความจริงที่ต้องยอมรับ ยอมรับว่ามันมี ยอมรับว่ามันเป้นธรรมดา ถ้าเราไม่ยอมรับความจริง เราก้จะไม่พอใจ เพราะใจเรามันบอกว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ควรมี แต่ในโลกความเป้นจริงมันต้องมีอยู่อย่างนี้ ปฏิเสธความจริงไม่ได้ ยิ่งเราติดดีมากเท่าไหร่เราก้จะรู้สึกว่าเราเหนือกว่าเขา ดีกว่าเขามาก ส่วนเขานั้นชั่วมาก น่าสมเภทเป็นต้น ครับ จะพยายามครับ... แต่ว่าผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าดีกว่าเขามากหรอกครับ ยังเป็นปุถุชนอยู่ |
เจ้าของ: | natdanai [ 02 มิ.ย. 2009, 21:28 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระสงฆ์สมัยนี้... |
คิดว่า....เป็นเรื่องปกติครับ....มีดำ มีขาว ไม่ดำไม่ขาวก็มี มีดี มีเลว ไม่ดีไม่เลวก็มี (มีเกิด มีตาย ไม่เกิดไม่ตายก็มี) |
เจ้าของ: | อมิตาพุทธ [ 02 มิ.ย. 2009, 21:34 ] | |||
หัวข้อกระทู้: | Re: พระสงฆ์สมัยนี้... | |||
อืม..ก็นะครับ ขอแก้ไขข้อมูลนิดหน่อย รูปแรก เป็นภาพที่พระธิเบต กำลังวาด แมนดาล่า ครับ แมนดาล่าคืออะไร คำว่า “แมนดาล่า” ในภาษาทิเบตคือ “kyil-khor” มีความหมายตามรูปศัพท์ว่า “ซึ่งล้อมรอบจุดศูนย์กลาง” โดยทั่วไปแล้ว แมนดาล่าจะถูกแสดงไว้เป็นรูปแบบสองมิติ ซึ่งโดยปกติก็จะทำจากกระดาษ สิ่งทอ และผงทรายย้อมสี และโดยเฉพาะสำหรับแมนดาล่าทรายจะมีชื่อเรียกว่า dul-tson-kyil-khor ในภาษาทิเบต ซึ่งแปลว่า “แมนดาล่าที่ทำจากผงสี” แมนดาล่าคือการแสดงออกแห่งสภาวะของการรู้แจ้งอย่างถ่องแท้ และถูกนำมาใช้เป็นเครื่องช่วยในการทำสมาธิ แมนดาล่ายังถูกสร้างขึ้นสำหรับพิธีกรรมรับเข้าที่อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิระดับสูงจะเป็นผู้อนุญาตให้ศิษย์ชั้นสูงเข้าร่วมในการฝึกสมาธิตามแนวตันตระ ทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตอยู่ ณ ใจกลางแมนดาล่า และตัวแมนดาล่าเองล้วนได้รับการยอมรับว่า เป็นรูปแบบการแสดงออกอันบริสุทธิ์ของจิตใจที่รู้แจ้งอย่างเต็มเปี่ยมของพระพุทธเจ้าในเชิงสัญลักษณ์แล้ว สิ่งศักดิ์สิทธิ์คือผู้ให้การยอมรับ ส่วนแมนดาล่าก็คือสถานที่ซึ่งประกอบการยอมรับตลอดพิธีกรรมยอมรับนี้ เมล็ดพันธุ์แห่งความรู้แจ้งจะถูกปลูกฝังไว้ภายในจิตใจแต่ละบุคคล และจากนั้นก็จะได้รับการหล่อเลี้ยงโดยกระบวนการอันทรงพลังของการประจักษ์ถึงและการพิจารณาแมนดาล่า กำหนดขั้นตอนของพิธีกรรม 1) พิธีกรรมเริ่มต้นการปลุกเสก พระเริ่มพิธีด้วยการปลุกเสกพื้นที่จะใช้ในการวาดแมนดาล่าทราย 2) ทำการร่างลายเส้นวิมานสวรรค์ ภายหลังจากพิธีปลุกเสก พระก็จะเริ่มร่างลวดลายของแมนดาล่าทันที โดยปกติขั้นตอนนี้จะใช้เวลาอย่างน้อยสามชั่วโมงจึงจะแล้วเสร็จ 3) การสร้างแมนดาล่าทรายอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตลอดช่วงเวลาที่สร้างแมนดาล่านี้ พระจะเทเม็ดทรายนับล้านเม็ดจากกรวยโลหะแบบดั้งเดิมที่เรียกว่า chak-pur แมนดาล่าที่เสร็จสมบูรณ์แล้วจะมีขนาดประมาณ 5x5 ฟุต และใช้เวลาสามถึงห้าวันเต็มๆ ในการทำงาน 4) การสร้างแมนดาล่าให้เสร็จสมบูรณ์ การสร้างแมนดาล่าทรายจะเสร็จสิ้นลงโดยพระจะทำพิธีปลุกเสกอีกครั้งหนึ่ง และหลังจากนั้นแมนดาล่าทรายก็จะถูกเก็บรักษาไว้เป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งปี สำหรับให้ผู้มาเข้าชมและเพื่อเป็นการฝึกปฏิบัติทางจิตใจ สำหรับในประเทศไทย ตอนนี้มีพระภิกษุณีจากเนปาลมาทำ แมนดาล่า ที่วัดธรรมปัญญาราม บ้านบางม่วง ซอยโรงเจ ตำบลบางช้าง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม 73110 จะได้รับการเก็บรักษาไว้ ณ แท่นยกพื้นเดิมโดยจะครอบไว้ในกรอบกระจกเป็นเวลา 1 ปี และเปิดโอกาสให้เข้าชมและ อธิษฐานขอพร ก่อนที่จะทำลายทิ้งตามธรรมเนียมปฏิบัติ ใครไม่เคยเห็นแวะไปชมได้ เอามาบอกเป็นความรู้รอบตัวน่ะครับ เดี๋ยวจะนึกว่า พระท่านนั่งเล่มเกม ปล.1.พระทิเบต จีวรแดงๆ บางนิกาย สามารถแต่งงานได้นะครับ ปล.2.บางครั้ง เราก็อย่าเพิ่งเชื่อ ในสิ่งที่เห็น
|
เจ้าของ: | walaiporn [ 03 มิ.ย. 2009, 07:26 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระสงฆ์สมัยนี้... |
ถูกค่ะคุณ Passa ที่คุณบอกว่า ยังเป็นปุถุชนธรรมดาอยู่ แต่คุณไม่นำภาพมานำเสนอก็ได้ไม่ใช่หรือคะ .. |
เจ้าของ: | วรานนท์ [ 03 มิ.ย. 2009, 21:59 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระสงฆ์สมัยนี้... |
ที่เห็นในภาพถ้าผมจำไม่ผิดคงจะเป็นพระธิเบต องค์ดลัยลามะเป็นนักบวชองค์เดียวที่เป็นผู้นำประเทศ มิอิทธิพลมากทางการเมืองและเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของชาวธิเบต ที่สำคัญธิเบตถือนิกายมหายาน นิกายของเขา จะถือปฏิบัติตามสถานที่นั้น ๆ เรียกว่าเข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันที่เป็นอยู่ ส่วนของเราเถรวาท คือปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระเถระ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งสอนใด ๆ ทั้งสิ้น จะเห็นได้ว่าพระธิเบตไปอยู่ในสถานที่ได้ เขาจะทำตัวให้กลมกลื่น เข้ากับขนบธรรมเนียมประเพณีของสถานที่นั้นได้เป็นอย่างดี ที่เราเห็นในรูปจึงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับพระธิเบตครับ |
เจ้าของ: | ธนารินทร์ [ 03 มิ.ย. 2009, 23:24 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระสงฆ์สมัยนี้... |
โอ้น่าเห็นใจมาก เกิดผิดที่ผิดทาง ต้องการทำดีแต่ไม่มีใครสั่งสอน คนไทยโชคดีมากที่มีพระอรหันต์ พระอริยเจ้า แต่อย่าเพิกเฉยเสียล่ะให้รีบหาครูบาอาจารย์ร่ำเรียนวิชาเสีย ถึงทีเราจะได้ไม่เป็นแบบเขา |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 04 มิ.ย. 2009, 10:06 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระสงฆ์สมัยนี้... |
เห็นแต่รูป..ไม่เห็นจิต จึงตู่เขาถูกผิด ตามประสา เห็นแต่รูป..ขาดปัญญา เหมือนแกว่งขา หาเสี้ยน ทิ้มแทงตน ให้เห็นรูป...สักแต่เห็น เห็นให้เป็น เกิดปัญญา แก่ตัวหนอ ให้เห็นรูป..แล้วรู้พอ ไม่ปรุงต่อ ก่อตัณหา มาในใจ เราจะไปรู้อะไรกับใจเขา คิดไป เป็นตุ เป็นตะ ตามคติตน จะดีหรือ ? ขอความเป็นบัณฑิต..ปรากฏกับทุก ๆ ท่าน |
เจ้าของ: | damjao [ 04 มิ.ย. 2009, 10:36 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระสงฆ์สมัยนี้... |
พระสงฆ์เป็นเนื้อนาบุญของโลก กรรมใดใครก่อต้องได้รับผลของกรรมนั้น สอดคล้องกับ กัมมุนา วัตตะตี โลโก |
เจ้าของ: | อมิตาพุทธ [ 04 มิ.ย. 2009, 10:40 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระสงฆ์สมัยนี้... |
"สามัคคีวงการศาสนาทุกศาสนา... แต่ละศาสนาช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ปลุกเร้าซึ่งกันและกัน อย่าได้ดูหมิ่นดูแคลนซึ่งกันและกัน การกล่าวหาซึ่งกันและกันว่าของตัวเป็นสัมมาทิฐิ ของผู้อื่นเป็นมิจฉาทิฐิ ของตัวเป็นพระ ของคนอื่นเป็นมาร ของตัวสูงส่ง ของผู้อื่นต่ำต้อย ของตัวมีค่า ของผู้อื่นไร้ค่า จับเอาจุดอ่อนข้อด้อยผิวเผินด้านเดียวของฝ่ายตรงข้ามโจมตี ไม่หยุดบ่อนทำลายวิถีแห่งธรรมซึ่งกันและกัน เป็นสิ่งที่ไม่ควรอย่างยิ่ง วิถีแห่งพุทธกว้างใหญ่ไพศาล มีธรรมวิถี 84,000 วิถี ทุกศาสนาล้วนเป็นอริยสัจ ผู้ถือปฏิบัติได้ มิจฉาทิฐิจะกลับกลายเป็นสัมมาทิฐิ มารกลับเป็นพระ เล็กสามารถไปสู่ใหญ่ จะต้องช่วยเหลือกันด้วยภราดรภาพ กำจัดมิจฉาทิฐิ ผดุงสัมมาทิฐิจึงเป็นสัมโพธิญาณแห่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า" |
เจ้าของ: | Passa [ 06 มิ.ย. 2009, 22:50 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระสงฆ์สมัยนี้... |
อมิตาพุทธ เขียน: อืม..ก็นะครับ ขอแก้ไขข้อมูลนิดหน่อย รูปแรก เป็นภาพที่พระธิเบต กำลังวาด แมนดาล่า ครับ แมนดาล่าคืออะไร คำว่า “แมนดาล่า” ในภาษาทิเบตคือ “kyil-khor” มีความหมายตามรูปศัพท์ว่า “ซึ่งล้อมรอบจุดศูนย์กลาง” โดยทั่วไปแล้ว แมนดาล่าจะถูกแสดงไว้เป็นรูปแบบสองมิติ ซึ่งโดยปกติก็จะทำจากกระดาษ สิ่งทอ และผงทรายย้อมสี และโดยเฉพาะสำหรับแมนดาล่าทรายจะมีชื่อเรียกว่า dul-tson-kyil-khor ในภาษาทิเบต ซึ่งแปลว่า “แมนดาล่าที่ทำจากผงสี” แมนดาล่าคือการแสดงออกแห่งสภาวะของการรู้แจ้งอย่างถ่องแท้ และถูกนำมาใช้เป็นเครื่องช่วยในการทำสมาธิ แมนดาล่ายังถูกสร้างขึ้นสำหรับพิธีกรรมรับเข้าที่อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิระดับสูงจะเป็นผู้อนุญาตให้ศิษย์ชั้นสูงเข้าร่วมในการฝึกสมาธิตามแนวตันตระ ทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตอยู่ ณ ใจกลางแมนดาล่า และตัวแมนดาล่าเองล้วนได้รับการยอมรับว่า เป็นรูปแบบการแสดงออกอันบริสุทธิ์ของจิตใจที่รู้แจ้งอย่างเต็มเปี่ยมของพระพุทธเจ้าในเชิงสัญลักษณ์แล้ว สิ่งศักดิ์สิทธิ์คือผู้ให้การยอมรับ ส่วนแมนดาล่าก็คือสถานที่ซึ่งประกอบการยอมรับตลอดพิธีกรรมยอมรับนี้ เมล็ดพันธุ์แห่งความรู้แจ้งจะถูกปลูกฝังไว้ภายในจิตใจแต่ละบุคคล และจากนั้นก็จะได้รับการหล่อเลี้ยงโดยกระบวนการอันทรงพลังของการประจักษ์ถึงและการพิจารณาแมนดาล่า กำหนดขั้นตอนของพิธีกรรม 1) พิธีกรรมเริ่มต้นการปลุกเสก พระเริ่มพิธีด้วยการปลุกเสกพื้นที่จะใช้ในการวาดแมนดาล่าทราย 2) ทำการร่างลายเส้นวิมานสวรรค์ ภายหลังจากพิธีปลุกเสก พระก็จะเริ่มร่างลวดลายของแมนดาล่าทันที โดยปกติขั้นตอนนี้จะใช้เวลาอย่างน้อยสามชั่วโมงจึงจะแล้วเสร็จ 3) การสร้างแมนดาล่าทรายอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตลอดช่วงเวลาที่สร้างแมนดาล่านี้ พระจะเทเม็ดทรายนับล้านเม็ดจากกรวยโลหะแบบดั้งเดิมที่เรียกว่า chak-pur แมนดาล่าที่เสร็จสมบูรณ์แล้วจะมีขนาดประมาณ 5x5 ฟุต และใช้เวลาสามถึงห้าวันเต็มๆ ในการทำงาน 4) การสร้างแมนดาล่าให้เสร็จสมบูรณ์ การสร้างแมนดาล่าทรายจะเสร็จสิ้นลงโดยพระจะทำพิธีปลุกเสกอีกครั้งหนึ่ง และหลังจากนั้นแมนดาล่าทรายก็จะถูกเก็บรักษาไว้เป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งปี สำหรับให้ผู้มาเข้าชมและเพื่อเป็นการฝึกปฏิบัติทางจิตใจ สำหรับในประเทศไทย ตอนนี้มีพระภิกษุณีจากเนปาลมาทำ แมนดาล่า ที่วัดธรรมปัญญาราม บ้านบางม่วง ซอยโรงเจ ตำบลบางช้าง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม 73110 จะได้รับการเก็บรักษาไว้ ณ แท่นยกพื้นเดิมโดยจะครอบไว้ในกรอบกระจกเป็นเวลา 1 ปี และเปิดโอกาสให้เข้าชมและ อธิษฐานขอพร ก่อนที่จะทำลายทิ้งตามธรรมเนียมปฏิบัติ ใครไม่เคยเห็นแวะไปชมได้ เอามาบอกเป็นความรู้รอบตัวน่ะครับ เดี๋ยวจะนึกว่า พระท่านนั่งเล่มเกม ปล.1.พระทิเบต จีวรแดงๆ บางนิกาย สามารถแต่งงานได้นะครับ ปล.2.บางครั้ง เราก็อย่าเพิ่งเชื่อ ในสิ่งที่เห็น ขออภัยด้วยคร้าบ... |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |