ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
มหานิกาย ? http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=22698 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | murano [ 31 พ.ค. 2009, 21:43 ] |
หัวข้อกระทู้: | มหานิกาย ? |
เข้าใจว่า มหานิกายก็คือมหายาน ไม่รู้ว่าโดยหลักๆ แล้วเป็นยังไง เอาแบบคร่าวๆ เช่น ถ้าพูดถึงเถรวาท เราก็มักนึกถึงการฟังเทศน์ฟังธรรม ถือศีลห้า เข้าวัดทำบุญทำทาน มีการนั่งสมาธิกรรมฐาน แล้วมหานิกายล่ะ... แล้วพุทธภูมิคืออะำไร |
เจ้าของ: | ningnong [ 31 พ.ค. 2009, 23:41 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มหานิกาย ? |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() เอาแบบคร่าว ๆ นะครับ มหานิกายไม่ใช่มหายาน......... (ข้อมูลจากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี) มหานิกาย เป็นคำเรียกนิกาย(กลุ่ม)ของพระสงฆ์ไทยสายเถรวาทลัทธิลังกาวงศ์ ซึ่งเป็นพระสงฆ์ส่วนใหญ่ในประเทศไทย เป็นฝ่ายคันถธุระ เดิมนั้น คำเรียกแบ่งแยกพระสงฆ์สายเถรวาทในประเทศไทยออกเป็น "มหานิกาย" และ "ธรรมยุตินิกาย" ยังไม่มี เนื่องจากคณะพระสงฆ์ไทยในสมัยโบราณ ก่อนหน้าที่จะมีการจัดตั้งคณะธรรมยุติขึ้น ในสมัยรัชกาลที่ 3 นั้น ไม่มีการแบ่งแยกออกเป็นนิกายต่าง ๆ โดยส่วนใหญ่พระสงฆ์ไทยนั้นล้วนแต่เป็นเถรวาท สายลังกาวงศ์ ซึ่งสืบทอดมาแต่สมัยสุโขทัยทั้งสิ้น ต่อมาเมื่อพระวชิรญาณเถระ หรือเจ้าฟ้ามงกุฏ (พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4) ได้ก่อตั้งนิกายธรรมยุติขึ้น ในปี พ.ศ. 2376 แยกออกจากคณะพระสงฆ์ไทยที่มีมาแต่เดิมซึ่งเป็นพระสงฆ์ส่วนใหญ่ในสมัยนั้น จึงทำให้เกิดคำเรียกพระสงฆ์ส่วนใหญ่ในประเทศไทยที่เป็นสายเถรวาท (สายลังกาวงศ์เดิม) ว่า "พระส่วนมาก" หรือ "มหานิกาย" นั่นเอง ซึ่งคำ "มหานิกาย" (บาลี : mahānikāya, สันสกฤต: महानिकाय) มาจากธาตุศัพท์ภาษาบาลี มหา + นิกาย แปลว่าพวกมาก กล่าวโดยสรุป มหานิกายก็คือ "พระสงฆ์ฯ ส่วนใหญ่ในประเทศไทยที่ไม่ใช่พระสงฆ์ธรรมยุตินิกาย" ส่วน มหายาน นั้น ต้องท้าวความว่าพระพุทธศาสนาแบบที่เรานับถือกันอยู่ ซึ่งสืบต่อมาในประเทศไทยนี้ เรียกว่าพระพุทธศาสนาเถรวาท หรือบางทีก็ถูก เรียกว่า หินยาน ซึ่งตั้งอยู่บนฐานของคำสอนที่รักษามาในพระไตรปิฎกภาษาบาลี พระไตรปิฎกภาษาบาลีของเถรวาทนี้เป็นที่ยอมรับกันว่าเป็นคำสอนดั้งเดิมแท้ของพระพุทธเจ้า เก่าแก่ ที่สุดเท่าที่จะสืบหาได้ แล้วรักษากันมาอย่างเคร่งครัด ทั้งแม่นยำที่สุด และครบถ้วนที่สุด เวลานี้ในโลกก็รู้กันอยู่ว่าพระพุทธศาสนามีนิกายใหญ่ 2 นิกาย คือ เถรวาท กับมหายาน นอกจากพระพุทธศาสนาแบบเถรวาทอย่างของเรานี้ ก็มีพระพุทธศาสนาแบบมหายาน ที่มีในประเทศแถบเอเชียภาคเหนือ อย่าง ญี่ปุ่น จีน เกาหลี มองโกเลีย เป็นต้น รวมทั้งทิเบตซึ่งมักจะไม่ยอมเรียกตนเป็นมหายาน แต่เรียกตนว่าวัชรยาน กลายเป็น 3 นิกาย ครับ...มหานิกาย กับ มหายาน จึงเป็นคนละอย่าง ไม่ใช่อย่างเดียวกัน ตามที่เข้าใจ ส่วนคำว่า พุทธภูมิ นั้น พุทธภูมิ เท่าที่ทราบ หมายถึง ภาวะความเป็นพระพุทธเจ้า อย่างในหมู่ผู้ศึกษาและปฏิบัติธรรม จะพูดกันว่า ผู้ที่ปรารถนาพุทธภูมิ ซึ่งเข้าใจกันในหมู่คณะ ว่าหมายถึงผู้ที่ปรารถนาคือตั้งจิตปรารถนาที่จะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต ดังนั้น คำว่าพุทธภูมิ ก็จะจำกัดเฉพาะผู้ปรารถนาความเป็นพระพุทธเจ้า เพื่อจะได้ตรัสรู้ธรรมเพื่อออกจากทุกข์ และนำธรรมนั้นมาโปรดสรรพสัตว์ให้ได้พลอยพ้นทุกข์ตามได้ด้วย บางทีก็อาจหมายถึงดินแดนแห่งธรรม มีสารคดีท่องเที่ยวชวนไปท่องแดนพุทธภูมิอยู่บ่อยครั้ง....ครับ เอาแบบคร่าว ๆ แล้วกัน ![]() ![]() เจริญในธรรมครับ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | natdanai [ 31 พ.ค. 2009, 23:48 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มหานิกาย ? |
![]() ![]() ![]() เสียดายจัง...."ท่านพลศักดิ์"....ไม่น่าเลย ![]() ![]() ไม่งั้นคงได้คำตอบไปแล้ว... ![]() ![]() ถ้าจะตอบว่าเป็นศาสนาพุทธเหมือนกันจะคิดว่าเรากวนวัยรุ่น(teen)รึป่าวล่ะนี่ ![]() ![]() อ้างคำพูด: ถ้าพูดถึงเถรวาท เราก็มักนึกถึงการฟังเทศน์ฟังธรรม ถือศีลห้า เข้าวัดทำบุญทำทาน มีการนั่งสมาธิกรรมฐาน คือว่าศาสนาพุทธนิกายไหนๆก็มีอย่างนี้ทั้งนั้น เพราะการฝึกกรรมฐานนั้นเป็นวิธีเดียวที่จะเข้าถึงธรรมที่พระพุทธเจ้าได้พบ ดังที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า "เมื่อเรายังไม่พบญาณ เราได้ท่องเที่ยวไปในวัฎฏสงสารเป็นเอนกชาติ" ญาณนั้นก็คือ วิปัสนาญาณ เป็นที่สุดของสมถะกรรมฐาน ส่วนพุทธภูมิคือ ภูมิของพระพุทธเจ้าครับ ผู้ที่ปราถนาพุทธภูมินั้นก็จะต้องมาตรัสเป็นพระพุทธเจ้าครับ แต่ก็ต้องสร้างบารมีนานมากๆ |
เจ้าของ: | murano [ 01 มิ.ย. 2009, 08:24 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มหานิกาย ? |
เดิมเข้าใจว่า มหายานจะเน้นเทพเจ้า เช่น เทพกวนอิม เวลาเข้าวัดก็จะเข้าไปเพื่อเคารพหรือทำบุญ กับเทพองค์ใดองค์หนึ่ง ไม่ได้ทำบุญกับพระ (แบบสังฆทานของเถรวาท) คือ... พระเป็นรองจากเทพ (ในเถรวาท พระกับเทพเป็นอิสระต่อกัน) ในคนทั่วไปก็ไม่มีการนั่งสมาธิ แต่จะเน้นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ แบบพระโพธิสัตว์ ไม่รู้เข้าใจถูกหรือเปล่า ![]() ![]() ![]() แล้วธรรมยุติ ต่างจากมหานิกายตรงไหน... แล้ววัชรยาน ? |
เจ้าของ: | อมิตาพุทธ [ 01 มิ.ย. 2009, 09:52 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มหานิกาย ? |
ธรรมยุติ หรือ ธรรมยุติก เป็นนิกายหนึ่งของพระสงฆ์ในประเทศไทย เป็นฝ่าย วิปัสสนาธุระ ตั้งขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยพระวชิรญาณเถระ ( เจ้าฟ้ามงกุฏ : พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ) และใน รัชกาลที่ 5 พ.ศ. 2445 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการ ให้ประกาศใช้พระราชบัญญัติลักษณะการปกครองคณะสงฆ์ขึ้น เป็นครั้งแรกในประเทศไทย พระราชบัญญัติฉบับนี้มีชื่อว่า “พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ รศ.121” มีสาระสำคัญคือได้ยกสถานะคณะธรรมยุติ ให้เป็นนิกายอย่างถูกต้องตามกฎหมาย การแยกออกเป็น 2 นิกายในไทยนั้น เกิดจากการเรียกชื่อของทางราชการ ไม่ได้เกิดจากความแตกแยกแต่อย่างใด "ก่อนรัชกาลที่ 2 เสด็จสวรรคตไม่นาน สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามงกุฎทรงผนวชอยู่ที่วัดมหาธาตุ พอรัชกาลที่ 2 เสด็จสวรรคต บรรดาพระบรมวงศานุวงศ์จึงถวายราชสมบัติแด่กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ (พระองค์เจ้าชายทับ) พระเชษฐาธิราชต่างพระราชมารดาของเจ้าฟ้ามงกุฎ เจ้าฟ้ามงกุฎจึงต้องดำรงเพศเป็นพระภิกษุต่อมาอีก 27 พรรษา เมื่อไม่ได้ครองราชย์แล้ว พระภิกษุเจ้าฟ้ามงกุฎจึงทรงฝักใฝ่ในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ทรงเห็นพระภิกษุ ในสมัยนั้นปฏิบัติย่อหย่อนเป็นอันมาก ถูกจับสึกปีละหลายร้อยรูป จึงทรงดำริให้พระสงฆ์ปฏิบัติเคร่งครัดขึ้น โดยพระองค์และคณะทรงกระทำเป็นตัวอย่างเรียกว่า คณะธรรมยุติกา ไม่ได้ตั้งเป็นนิกาย และปฏิบัติเช่นนี้ ตลอดจนรัชกาลที่ 3 เสด็จสวรรคตและพระบรมวงศานุวงศ์ตลอดจนขุนนางผู้ใหญ่กราบทูลให้ทรงลาผนวชเสวยราชสมบัติ และทรงปฏิบัติตาม พระสงฆ์คณะธรรมยุติกาก็คงปฏิบัติเคร่งครัดเช่นเดิม และขยายตัวออกไปมาก ทั้งได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บริหารคณะสงฆ์ ตั้งแต่ระดับสมเด็จพระสังฆราช เจ้าคณะมณฑล เจ้าคณะจังหวัดเป็นต้น ถึงสมัยรัชกาลที่ 5 ทางราชการได้เรียกชื่อใหม่ คือ คณะธรรมยุติกา เรียกว่าธรรมยุติกนิกาย พระสงฆ์นอกนั้น ซึ่งมีจำนวนมากเรียกว่ามหานิกาย นิกายของพระสงฆ์ในประเทศไทยจึงเกิดขึ้นเพราะการเรียกชื่อของทางราชการ หาได้เกิดเพราะความแตกแยกกันไม่" |
เจ้าของ: | อมิตาพุทธ [ 01 มิ.ย. 2009, 10:24 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มหานิกาย ? |
ประวัติพุทธศาสนาโดยย่อ โดยเฉพาะพุทธศาสนาฝ่ายมหายานและวัชรยานของทิเบต คำสอนของพระพุทธเจ้าในช่วงที่พระองค์ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 หมวดใหญ่ๆ 1 กลุ่มคำสอนซึ่งถูกจารึกไปเป็นภาษาบาลี อันเป็นพื้นฐานสำคัญของ ฝ่ายเถรวาท ซึ่งเน้น หนักทาง ด้านวินัย 2 กลุ่มคำสอนของฝ่ายมหายาน ซึ่งถูกจารึกเป็นภาษาสันสกฤต เน้นหนักใน ความเมตตา และห่วงใยผู้อื่น 3 กลุ่มคำสอนตันตระ อันเป็นพื้นฐานสำคัญของวัชรยานหรือมนตรยานหรือตันตรยาน ซึ่งมีวิธีการปฏิบัติ มีคุณสมบัติพิเศษและสามารถนำไปสู่การรู้แจ้งในเวลาอันสั้น คำสอนในกลุ่มวัชรยานพระพุทธเจ้าได้สอน ไว้แก่กลุ่มศิษย์ในแวดวงอันจำกัด แต่พระองค์ท่านก็ได้มีพุทธทำนายว่า คำสอนวัชรยานจะมีการเผยแพร่ในอนาคตกาลซึ่งจะมีบุคคลรู้แจ้งบรรลุเกิดขึ้นในกาลข้างหน้า สั่งสอนอบรม ฉะนั้นคำสอนวัชรยานจึงไม่ได้มีความเป็นพุทธะน้อยกว่าคำสอนอีก 2 กลุ่ม แม้จะแพร่หลายไม่มากนักในสมัยนั้น หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพานไปแล้ว ความแตกต่างในการตีความคำสอนและคิดเห็นซึ่งเกิดจากการรับคำสอนซึ่งต่างกันในรายละเอียดปลีกย่อยตามกลุ่มตามสภาพ จึงเป็นที่มาของความขัดแย้งในปรัชญาแนวความคิด ความขัดแย้งเริ่มมากขึ้นตามเวลาจนทำให้มีนิกายต่างๆเกิด ใหม่ขึ้นมา มีแนวทางการปฏิบัติที่ไม่เหมือนกันเกิดขึ้นอย่างชัดเจน ตัวอย่าง เช่นในฝ่ายเถรวาทในยุคนั้นแบ่งเป็น18 นิกายมหายานก็มีการแบ่งเป็นนิกายต่างๆ แบ่งเป็น3สายใหญ่ และเมื่อมหายานเข้าสู่ประเทศจีนก็แบ่งเป็นนิกายต่างๆมากมาย ในแต่ละนิกายก็มีข้อแตกต่างในเชิงปรัชญาซึ่งในวัชรยานก็เช่นกัน แนวปรัชญาและแนวปฏิบัติหลายอย่าง เริ่มต้นเกิดขึ้นจากบุคคลเพียงคน เดียว เท่านั้น ในยุคหลังต่อมาคำสอนที่แตกต่างกันเหล่านี้ได้มีการเผยแพร่ออกไปทั่วอินเดียและต่างประเทศที่อิทธิพลของพุทธศาสนาแพร่ไปถึงเช่นอาเซียกลาง อาเซียตะวันออก อาเซียใต้ ไปไกลสุดถึงอินโดนีเซียบางนิกายก็สูญหายไปไม่เหลือ บางนิกายก็เข้ารวมกับนิกายอื่นเกิดเป็นนิกาย ใหม่ขึ้นจนถึงคริสต์ศตวรรษที่13การมาเยือนของศาสนาอิสลามและการเปลี่ยนแปลงในเชิงการเมืองในคาบสมุทรอินเดียทำให้พุทธธรรมมีอันต้องหายไปจากประเทศผู้ให้กำเนิด กลับกลายเป็น ประเทศอื่นๆที่ได้รับคำสอนเก็บรักษาไว้เช่นเถรวาทเก็บรักษาไว้ในลังกา พม่า ไทย กัมพูชา มหายานเก็บรักษาใน จีน ญี่ปุ่น เกาหลีประเทศในกลุ่มอินโดจีน วัชรยานส่วนใหญ่เก็บไว้ในประเทศทิเบตและแถบหิมาลัย ประเทศทิเบตถือว่าเป็นโชคดี 2 ชั้น ทิเบตถือว่าเป็นหนึ่ง ในไม่กี่ประประเทศที่มีการปฏิบัติคำสอนวัชรยานอยู่อย่างสมบูรณ์แบบและทิเบตเป็นประเทศเดียวที่มีการเก็บรักษาคำสอนทั้งหมดอย่างสมบูรณ์(ทั้งหมดคือทั้งเถรวาท มหายานและวัชรยาน) รายละเอียด ลองไปอ่านที่เว็บนี้ดูนะครับ http://www.mahayana.in.th |
เจ้าของ: | อมิตาพุทธ [ 01 มิ.ย. 2009, 13:21 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มหานิกาย ? |
murano เขียน: เดิมเข้าใจว่า มหายานจะเน้นเทพเจ้า เช่น เทพกวนอิม พระโพธิสัตว์กวนอิม ท่านเป็นพระพุทธะ ไม่ใช่เทพเจ้าครับ ว่ากันว่า ท่านคือ พระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์(ประทับอยู่ที่สุขาวดีโลกธาตุ) แบ่งภาคมาจุติ เพื่อโปรดสรรพสัตว์ และเพื่อหนุนส่งพระพุทธศาสนาของพระพุทธองค์ให้เผยแพร่กว้างขวาง เพราะในสมัยก่อน การเผยแผ่ พระพุทธศาสนา มาทางตะวันออก (ประเทศจีน) เป็นไปด้วยความยากลำบาก ผู้คนไม่รู้จักพระพุทธองค์ ไม่รู้จักพระพุทธศาสนา พระสงฆ์ที่เดินทางจากอินเดียมาเผยแผ่ก็พบเจอกับความยากลำบากจนท้อแท้ พระโพธิสัตว์กวนอิมหลังจากสำเร็จธรรม ก็ท่องจาริกโปรดสรรพสัตว์ไปทั่วแผ่นดินตะวันออก เป็นการปูทาง ให้คนรู้จักพระพุทธศาสนา ทำให้พระสงฆ์ยุคหลังที่ไปเผยแผ่พระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ได้รับการต้อนรับที่ดีขึ้น ได้รับความสะดวก ผู้คนในสมัยนั้นต่างก็ยกย่องพระพุทธศาสนา... murano เขียน: เวลาเข้าวัดก็จะเข้าไปเพื่อเคารพหรือทำบุญ กับเทพองค์ใดองค์หนึ่ง ไม่ได้ทำบุญกับพระ (แบบสังฆทานของเถรวาท) คือ... พระเป็นรองจากเทพ (ในเถรวาท พระกับเทพเป็นอิสระต่อกัน) ปุถุชนทั่วไป เมื่อมีทุกข์ ก็ยังยึดติดอยู่กับการบนบาน สานกล่าว ก็อาจจะไปวอนขออะไรเป็นพิเศษ กับเทพเจ้าที่คิดว่าจะสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ อาจจะไม่ได้ไปตั้งใจไปทำบุญทำสังฆทานมั้งครับ ![]() murano เขียน: ในคนทั่วไปก็ไม่มีการนั่งสมาธิ แต่จะเน้นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ แบบพระโพธิสัตว์ ไม่รู้เข้าใจถูกหรือเปล่า ![]() ![]() ![]() รู้ได้ยังไงครับ ว่าเขาไม่มีการนั่งสมาธิ เขาอาจจะปฏิบัติอยู่ที่บ้านก็ได้ ![]() อย่างน้อยพระสงฆ์ในวัดก็ต้องทำบ้างล่ะ เหมือนที่คุณ Natdanai กล่าวไว้นั่นแหล่ะครับ พุทธนิกายไหนๆ ก็มีกรรมฐานเหมือนกัน เพียงแต่เราอาจจะไม่เห็นตอนเขาปฏิบัติ การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ก็เป็นคุณธรรมอย่างหนึ่งของพระโพธิสัตว์ โพธิสัตว์ญาณ คือ การบำเพ็ญบารมี 6 (ปารมิตา 6) 1.ทานบารมี 2.ศีลบารมี 3.ขันติบารมี 4.วิริยะบารมี 5.ญาณบารมี 6.ปัญญาบารมี ก็ไม่ใช่ว่าจะปฏิบัติได้ง่าย ต้องมีศรัทธา ปณิธาน ที่มั่นคงมากเหมือนกันครับ มีคำกล่าวว่า "พระโพธิสัตว์ กลางวันโปรดผู้คน กลางคืนโปรดจิตญาณตนเอง" กลางวันโปรดผู้คน ก็คือช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก ส่งเสริมให้คนได้หันเข้าหาธรรม กลางคืนโปรดจิตญาณตนเอง ก็คือ ทำสมาธิ วิปัสสนากรรมฐาน. ผิดตกบกพร่องประการใดขออภัยด้วยครับ เพราะยังด้อยปัญญา ยังศึกษาหาความรู้อยู่เหมือนกันครับ ![]() |
เจ้าของ: | murano [ 01 มิ.ย. 2009, 18:08 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มหานิกาย ? |
^ คือ ไม่เคยเห็นกรรมฐานแบบจีนน่ะ ส่วนหลวงจีนอันนั้นแน่นอน ย่อมต้องทำสมาธิอยู่แล้ว ![]() ทีนี้ ว่าแบบไม่เอาอคตินะ เป็นไปได้ว่า ธรรมยุตินั้นเป็นเรื่องการเมือง คือสงฆ์ฝ่ายกษัตริย์ อาจตั้งใจตั้งขึ้นมาเพื่อหวังผลในทางปกครอง... ธรรมยุติจึงไม่ใช่นิกาย ไม่มีอะไรแตกต่างจากมหานิกาย เพียงแต่เป็น ฝ่าย ที่มีหน้าที่คัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งในทางสงฆ์ต่างๆ ![]() ![]() พอจะเข้าใจภาพรวมๆ แระ เหลือแต่วัชรยาน คงต้องไปหาข้อมูลต่อ แต๊งๆ ![]() เพิ่มเติม: ไปอ่านแบบคร่าวๆ แล้ว วัชรยาน ก็คล้ายๆ กับมหายาน แต่อาจจะเคร่งกว่า ทั้งมหาและวัชรเน้นพุทธภูมิ คือสร้างบารมีเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า (แต่ก่อนอื่น ก็เป็นพระโพธิสัตว์ก่อน) |
เจ้าของ: | อมิตาพุทธ [ 01 มิ.ย. 2009, 19:39 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มหานิกาย ? |
murano เขียน: เพิ่มเติม: ไปอ่านแบบคร่าวๆ แล้ว วัชรยาน ก็คล้ายๆ กับมหายาน แต่อาจจะเคร่งกว่า ทั้งมหาและวัชรเน้นพุทธภูมิ คือสร้างบารมีเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า (แต่ก่อนอื่น ก็เป็นพระโพธิสัตว์ก่อน) ![]() ![]() ![]() นานแล้ว เคยอ่าน วัชรปรัชญาปารมิตาสูตร เกิดอาการมึนๆ อยู่ เลยอ่านไม่จบ พอดีเห็นคุณถามเรื่องนี้ เลยนึกขึ้นมาได้ว่า เรามีหนังสือเล่มนี้อยู่นี่นา เลยกะว่า ว่างๆ จะลองเอามาอ่านดูอีกที ![]() |
เจ้าของ: | bbby [ 01 มิ.ย. 2009, 20:34 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มหานิกาย ? |
^ คือ ไม่เคยเห็นกรรมฐานแบบจีนน่ะ ส่วนหลวงจีนอันนั้นแน่นอน ย่อมต้องทำสมาธิอยู่แล้ว ขอถามน่ะค่ะการทำกรรมฐาน กับการทำสมาธิไม่เหมือนกันหรอค่ะ! ![]() ![]() |
เจ้าของ: | murano [ 02 มิ.ย. 2009, 12:22 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มหานิกาย ? |
เหมือนกันฮับ แต่คำว่ากรรมฐานมันเท่ห์กว่า อิอิ ที่เขียนประโยคนี้ หมายความว่า ไม่ค่อยได้ยินชาวบ้านฝ่ายมหายานเขาพูดถึงกสิน สมาธิอะไรกันน่ะ เลยเข้าใจว่า มหายานเขาเน้นการสร้างบารมีแบบพระโพธิสัตว์มากกว่าน่ะ (คือเน้นเมตตา) |
เจ้าของ: | bbby [ 02 มิ.ย. 2009, 20:54 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มหานิกาย ? |
ถ้าเป็นมหายานที่คุณคุยกันแบบจีนแล้วล่ะก้อ เค้าจะเน้นการสวดมนต์ค่ะ เรายังไม่เคยได้ยินใครพูดถึงการนั่งสมาธิเลย แม้แต่เวลาที่เราฟังจากVCD จีน+ใต้หวัน+มาเลย์ เค้าจะเน้นการสวดมนต์อย่างเดียวค่ะ เค้าจะสอนว่า สวดอามิธอฝอ1คำ....ก็เลื่อนลูกประคำไป1เม็ด ลูกประคำจะมี108เม็ด...เค้าบอกว่ายิ่งสวดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีค่ะ แต่ใจต้องนิ่งเช่นกัน....ถ้าิคิดโน่นคิดนี่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร มีใครเคยเห็นคนธิเบตสวดมนต์ไม๊ค่ะ แปลกน่ะค่ะ...เวลาเค้าสวดมนต์..ทำไม? เค้าจะต้องยืน พอสวดคำหนึ่ง....เค้าก็จะลงไปนอนคว่ำ แล้วก็สวดต่อ แล้ว็ทำอย่างเก่าอีก มีใครเคยอ่านเจอบ้างไม๊ค่ะ ![]() ![]() |
เจ้าของ: | อมิตาพุทธ [ 02 มิ.ย. 2009, 22:07 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มหานิกาย ? |
การสวด อามิทอฝอ (พระอมิตาภะพุทธเจ้า) แล้วนับลูกประคำ ก็เป็นการทำสมาธิอย่างหนึ่งซึ่งทางพุทธมหายาน นิยมทำกัน สวดจนใจเป็นสมาธิ ก็จะเกิดปัญญา เคยได้ยินมาว่ามีผู้สำเร็จธรรม ด้วยการภาวนา พระนามพระพุทธเจ้า ก็มีนะครับ การทำสมาธิ ชอบแบบไหน ถนัดแบบไหน ก็เลือกให้ถูกกับจริตของตนเองก็จะดีที่สุดครับ. ![]() การกราบของชาวธิเบต เป็นการกราบที่เรียกว่า อัษฎางคประดิษฐ์ เป็นการหมอบกราบ ด้วยอวัยวะทั้ง ๘ สัมผัสพื้น ได้แก่ ฝ่ามือ๒, ข้อศอก๒, หัวเข่า๒ และปลายเท้า๒ เริ่มจาก การยืน แล้วก็ทรุดตัวลง เหยียดตัวไปข้างหน้าราบกับพื้นหมด แล้วค่อย ๆ ลากเข่าเข้าไปแล้วจึงคู้ตัวลุกขึ้นยืน ส่วนคนไทยเราเวลากราบพระ จะเป็น การกราบแบบ เบญจางคประดิษฐ์ ![]() |
เจ้าของ: | อินทรีย์5 [ 03 มิ.ย. 2009, 09:27 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: มหานิกาย ? | ||
อ้างคำพูด: ไม่ค่อยได้ยินชาวบ้านฝ่ายมหายานเขาพูดถึงกสิน สมาธิอะไรกันน่ะ เลยเข้าใจว่า มหายานเขาเน้นการสร้างบารมีแบบพระโพธิสัตว์มากกว่าน่ะ (คือเน้นเมตตา) คุณคงจะลืมไปว่าในยุคหนึ่งของจีนเคยมีพระเถระผู้ที่เก่งมากได้เผยแผ่พุทธธรรมในเมืองจีน ท่านผู้นั้นคือท่านตั๊กม๊อ และก่อเกิดลูกศิษย์ที่เก่งตามๆกันมาหลายชั่วอายุคน ไม่ว่าจะเป็น ด้านสมาธิและวิปัสสนาถือได้ว่าเข้าถึงธรรมขั้นสูงสุดเกือบทุกองค์ ดูได้ที่นี่ครับ http://www.somboon.info/wizContent.asp?wizConID=186&txtmMenu_ID=7
|
เจ้าของ: | bbby [ 03 มิ.ย. 2009, 20:46 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มหานิกาย ? |
คนธิเบตนี่ เค้าจะสวดกันเยอะมากๆน่ะค่ะ เวลาที่ใครจะเสียชีวิต พวกเค้าจะไปที่บ้านนั้น แล้วพวกเค้า รวมทั้งผู้ป่วย จะสวดมนต์ด้วยกัน...จนผู้ป่วยเสียชีวิต(เราดูจากVCDพระน่ะ่ค่ะ) คือเค้าเรียกว่า...ส่งคนตายให้ขึ้นสวรรค์น่ะค่ะ ส่วนพระธิเบตนั้น...เวลาที่เค้าสวด...เค้าจะมีอะไรที่เป็นแบบหมุนๆ เวลาสวดก็เหวี่ยงที่หมุนๆนั้นไปด้วย คนธิเบตนี่...ตอนเช้าเค้าจะทำสวน แต่พอตอนบ่ายพวกเค้าจะสวดมนต์อย่างเดียว ใช่อย่างนี้หรือปล่าวค่ะ ![]() ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |