ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ถามเกี่ยวกับเรื่องการทำบุญที่ถูกต้อง http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=22622 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | หมูตอน [ 29 พ.ค. 2009, 15:35 ] |
หัวข้อกระทู้: | ถามเกี่ยวกับเรื่องการทำบุญที่ถูกต้อง |
ข้อ 1 การทำบุญที่ถูกต้องและได้กุศลแรงนั้นไม่ใช่ด้วยการใช้เงินใช่หรือไม่ และที่ถูกต้องและได้กุศลคืออย่างไร ข้อ 2 เรามีเพื่อนคนหนึ่ง อยู่ชมรมเกี่ยวกับพุทธศาสนา ชมรมนี้จะมีการนั่งสมาธิทุกเย็นวันอังคาร จะมีพระสงฆ์มาเทศและสอนธรรมมะ ตัวเราเองเคยเข้าไปครั้งหนึ่งและไม่ได้ไปอีกเลย เนื่องด้วยชมรมนี้อยู่ในสังกัดของวัดวัดหนึ่ง (ซึ่งขอไม่เอ่ยนาม) กิจกรรมของชมรมมักจะมีค่ายไปปฏิบัติธรรมที่วัดนั้น หลังจากที่เพื่อนของเราไปปฏิบัติธรรมกลับมา เพื่อนก็มีความเลื่อมใสในวัดนี้มาก และพูดว่าถ้ามีโอกาส (หรือถ้ามีเงิน) อยากจะสร้างพระพุทธรูปให้กับตนเองหรือวัดอะไรประมาณนี้ โดยพระพุทธรูปองค์หนึ่งนั้นตามที่วัดบอกมาจะใช้เงินเป็นหมื่นเลยทีเดียว ตัวเราเองจึง งง กับการทำบุญแบบนี้ และไม่ค่อยอยากจะเข้าชมรมนี้ และชมรมพระพุทธศาสนาของมหาวิทยาลัย เราสงสัยว่าเราคิดสิ่งไดผิดไปหรือเปล่า ขอคำแนะนำจากผู้รู้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ |
เจ้าของ: | -dd- [ 29 พ.ค. 2009, 18:44 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ถามเกี่ยวกับเรื่องการทำบุญที่ถูกต้อง |
อ้างคำพูด: ข้อ 1 การทำบุญที่ถูกต้องและได้กุศลแรงนั้นไม่ใช่ด้วยการใช้เงินใช่หรือไม่ และที่ถูกต้องและได้กุศลคืออย่างไร วิธีทำบุญที่ถูกต้องมี ๑๐ อย่างเรียกว่า บุญกริยาวัตถุ ๑๐ ได้แก่ ๑. ทานมัย การให้สิ่งที่เป็นประโยชน์สุขแก่ผู้รับ ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้ ๑- เป็นที่มาของทรัพย์สมบัติทั้งหลาย ๒- เป็นที่ตั้งของโภคทรัพย์ทั้งปวง ๓- ผู้ให้ย่อมได้รับความสุข ๔- ผู้ให้ย่อมเป็นที่รักของคนหมู่มาก ๕- ผู้ให้ย่อมผูกไมตรีผู้อื่นไว้ได้ ๖- ทำให้เป็นผู้มีเสน่ห์น่านับถือ ๗- ทำให้เป็นที่น่าคบหาของคนดี ๘- ทำให้เข้ากับสังคมอื่นได้คล่องแคล่ว ๙- มีบุคลิกองอาจ สง่าผ่าเผย ๑๐- ทำให้มีชื่อเสียงเกียรติคุณดี ๑๑- ตายแล้วเกิดในสุคติภูมิ ๒. สีลมัย บุญที่สำเร็จได้ด้วยการรักษาศีล ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้ ๑- ทำให้มีความสุขกาย สุขใจ ๒- ทำให้เกิดโภคทรัพย์ได้ ๓- ทำให้สามารถใช้สอยทรัพย์นั้นได้เต็มอิ่ม โดยไม่หวาดระแวง ๔-ทำให้ไม่ต้องหวาดระแวงว่าจะมีใครมาทวงทรัพย์คืน ๕- ทำให้เกียรติคุณฟุ้งขจรไป ทำให้ผู้อื่นเกิดความเชื่อถือ ๖- ทำให้ชีวิตนั้นแกล้วกล้าองอาจท่ามกลางชุมชน ๗- ทำให้ไม่เป็นคนหลงลืมสติ ๘- ตายแล้วไปเกิดในสุคตภูมิ ๓. ภาวนามัย บุญที่สำเร็จได้ด้วยการเจริญสมถภาวนา และวิปัสสนาภาวนา ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ๑- มีรูปร่างหน้าตาสวยงาม ๒- มีผิวพรรณผ่องใส ๓- มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ๔- มีความจำดี และกำลังปัญญาว่องไว ๕- เป็นคนใจคอเยือกเย็น ๖- เป็นที่ชื่นชอบของผู้พบเห็น ๗- มีบุคลิกอันน่าศรัทธา ๘- เกิดในตระกูลดี ๙- มีบุคลิกสง่างาม ๑๐- มีมิตรสหายมาก ๑๑- เป็นที่เคารพยำเกรงของคนทั่วไป ๑๒- เป็นที่ชื่นชอบของบัณฑิต ๑๓- สมบูรณ์ด้วยปัจจัย ๔ ๑๔- ปราศจากอกุศลทั้งปวง ๑๕- ปลอดภัยจากศาสตราวุธ ๑๖- มีอายุยืน ๑๗- ตายแล้วเกิดในสุคติภูมิ ๔. อปจายนะ บุญที่สำเร็จได้ด้วยการอ่อนน้อมถ่อมตน ต่อผู้ที่ควรเคารพนบนอบ (คุณวุฒิ วัยวุฒิ ชาติวุฒิ) ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้ ๑- เกิดในตระกูลสูง ๒- มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ๓- มีมิตรสหายดี ๔- ได้รับคำชมเชยอยู่เสมอ ๕- มีความสมบูรณ์ในทรัพย์ ๖- ได้พบเห็นแต่สิ่งที่ตนปรารถนา ๕. เวยยาวัจจะ บุญที่สำเร็จได้ด้วยการช่วยเหลือกิจการงานที่ชอบ ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้ ๑- มีความเป็นอยู่ดี สุขกายสุขใจ ๒- มีมิตรสหายมาก ๓- มีไหวพริบความจำดี ๔- มีตำแหน่งหน้าที่การงานสูง ๖. ปัตติทานะ บุญที่สำเร็จได้ด้วยการอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้อื่น (การแผ่เมตตา) ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้ ๑- ไม่มีความอดอยาก ยากจน ๒- ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน ๓- มีบริวารดี ๔- เป็นที่รักของผู้พบเห็น ๕- มีรูปร่างหน้าตาสวยงาม ๖- มีอายุยืน ๗. ปัตตานุโมทนา บุญที่สำเร็จได้ด้วยการอนุโมทนาส่วนบุญ ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้ ๑- มีสุขภาพสมบูรณ์ ๒- มีฐานะดี ๓- มากไปด้วยลาภสักการะ ๔- พบเห็นแต่สิ่งที่ทำให้เกิดความสบายใจ ๘. ธัมมสวนะ บุญที่สำเร็จได้ด้วยการฟังธรรม ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้ ๑- เกิดในตระกูลสูง ๒- มีสติปัญญาดี ๓- มีมิตรสหายดี ๔- มีความเชื่อมั่นในตนเอง ๙. ธัมมเทสนา บูญที่สำเร็จได้ด้วยการแสดงธรรม ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้ ๑- ไม่มีกลิ่นปาก ๒- มีฟันขาวเรียบ ๓- บุตรบริวารมีความเชื่อฟัง ๔- มีบุคลิกสง่างาม ๕- มีความจำดี ๖- เป็นที่ไว้วางใจแก่ผุ้พบเห็น ๑๐.ทิฏฐุชุกรรม บุญที่สำเร็จได้ด้วยการทำความเห็นให้ถูกต้องตรงตามความเป็นจริง ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้ ๑- มีปัญญาดี ๒- ไม่อดอยาก ๓- ไม่ยากจน ๔- มีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ๕- มีบุคลิกสง่างาม ๖- พบเห็นแต่สิ่งที่ทำให้เกิดความสบายใจ ๗- มีฐานะความเป็นอยู่ดี ๘- มีบริวารมาก ๙- มีความเชื่อมั่นในตนเอง ไม่มีชีวิตเนื่องด้วยผู้อื่น บุญกริยาวัตถุ ๑๐ เมื่อสงเคราะห์ลงในทาน ศีล ภาวนา ได้ดังนี้คือ ทาน ปัตติทานะ ปัตตานุโมทนา สงเคราะห์ใน ทาน ศีล อปจายะ เวยยาวัจจะ สงเคราะห์ใน ศีล ภาวนา ธัมมสวนะ ธัมมเทสนา ทิฏฐุชุกรรม สงเคราะห์ใน ภาวนา อ้างคำพูด: ตัวเราเองจึง งง กับการทำบุญแบบนี้ และไม่ค่อยอยากจะเข้าชมรมนี้ และชมรมพระพุทธศาสนาของมหาวิทยาลัย เราสงสัยว่าเราคิดสิ่งไดผิดไปหรือเปล่า ขอคำแนะนำจากผู้รู้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ สาธุๆ มีบุญแท้ๆ ที่ป้องกันไม่ให้เข้าไปส้องเสพกับลัทธิค้าบุญที่อิงพระศาสนาประดุจเหลือบเช่นนี้ ธรรมใดที่เป็นไปเพื่อการสะสม เพิ่มพูนด้วยตัณหาราคะมานะและทิฏฐิ (มิจฉา) นั่นไม่ใช่ธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอน ผู้ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับอธรรมทั้งหลายคือการคบพาลมิตร เป็นอันตรายแก่ตนทั้งในโลกนี้แลโลกหน้า ดีแล้วที่มีโยนิโสมนัสสิการไตร่ตรองแล้วจึงตัดสินใจได้ว่าสิ่งใดเป็นประโยชน์ สิ่งใดเป็นโทษควรทำหรือไม่ควร.. |
เจ้าของ: | kokorado [ 30 พ.ค. 2009, 18:09 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ถามเกี่ยวกับเรื่องการทำบุญที่ถูกต้อง |
บอกแค่นี้ก็ทราบแล้วว่าวัดอะไร นั่นเป็นสิ่งที่เค้าเชื่อและศรัทธา ทุกคนมีสิทธิเลือก การสร้างพระพุทธรูปนั้น ที่เขาว่า เห็นว่าจะได้กุศลแรงมาก ถึงขนาดปิดอบายเลยมั้ง ไม่แน่ใจ คนเราก็อยากมีที่พึ่งเมื่อไปสู่สัมปรายภพ เพราะวัฏสงสารมีภัยรอบด้าน ถึงแนวทางปฏิบัติจะต่างกัน แต่เมื่อถึงนิพพานก็บริสุทธิ์เหมือนกันหมด |
เจ้าของ: | kokorado [ 30 พ.ค. 2009, 20:05 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ถามเกี่ยวกับเรื่องการทำบุญที่ถูกต้อง |
ที่มา: ประหารความหลงตรงสู่นิพพาน เมื่อคิดจะทำลายกิเลสตัณหาล่ะก็ วิธีการละกิเลสคือสิ่งที่ บุคคลผู้ที่เรียกตัวเองว่า พุทธบริษัท นั้นควรศึกษาให้รู้ให้เข้าใจ เพื่อที่จะน้อมนำมาใส่ตัวและปฏิบัติเพื่อให้เห็นแจ้ง อย่าปล่อย ให้การศึกษาธรรมมะไปไกลจงออกห่างจากแก่นของพุทธศาสนาเลย ขอจงพิจารณาไตร่ตรองด้วยปัญญา ถ้าผู้ปฏิบัติเอาแต่ทึกทัก เอาแต่หลง เอาระเริงไปกับความเอร็ดอร่อยที่ได้เข้ามาอยู่ทางธรรม ที่กูได้มาร่ายคาถาสรรเสริญคุณพระคุณเจ้าโดยไม่ได้เพราะปัญญาให้ประหารกิเลส เอาแต่ปล่อยให้กิเลสนำหน้าปัญญา ตกลงแล้วจะมาปฎิบัติกันไปเพื่ออะไร ถ้ายังหลงอยู่อย่างนี้ก็จงปล่อยไปเถิด นี่คนหลงทางก็ย่อมเสียเวลาอย่างนี้ มันมีกันให้เห็นมากมายในทุกยุคทุกสมัย และในอนาคตก็จะมีให้เห็นอีกเยอะ จงให้รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่หมู่สัตว์ทั้งหลายควรที่จะทำลายนั่นก็คือ จงพยายามริดรอนกิเลส ทำลายกิเลสที่มีอยู่ให้สิ้น และในขณะเดียวกัน จงอย่าพอกพูนกิเลสรุ่นใหม่ๆ ของเก่ายังไม่ยอมทำลาย แต่นี่จะพอกของใหม่เข้าอีก สุดท้ายไปไหนก็ไปไหนไม่ได้ เพราะสาหร่ายมันเกี่ยวพันเอาไว้หมด เอาล่ะเธอผู้ถามก็อนุโมทนา ขอเธอจงปฏิบัติต่อไปเถิด ประหารกิเลสเสีย และจงอย่าพอกพูนกิเลสรุ่นใหม่ จงประหารความหลง ประหารเหตุอันรทำให้ปรุงแต่ง อะไรคือเเก่นแท้ของพระพุทธศาสนา จงพิจารณาและยืนยันคำกล่าวนั้น ด้วยความคิดเห็นทีถูกต้องที่มันแจ้งประจักษ์แก่จิตใจเป้นสัณทิฎฐิโก พระพุทธศาสนาสอนอะไร? สอนให้รู้ทุกข์และการดับทุกข์ใช่มั้ย หรือสอนให้ทำบุญเพื่อวิมานชั้นฟ้า? หรือว่าสอนให้ทำบุญเพื่อแลกกับแดนนิพพาน? หรือว่าสอนให้สร้างรูปเคารพแล้วเข้าไปกราบไหว้เยอะๆ เพื่อได้บุญกลับไปสะสม? หรือว่าสอนให้สร้างบารมีกันมากๆ เพื่อหวังผลอะไรบางอย่าง เอ้า...ตกลงแล้วสอนอะไร อะไรที่ไม่เกี่ยวกับทุกข์และการดับทุกข์นั้น ขอจงล้างโคลนออกจากล้อเสียเดี่ยวนี้ อย่าปล่อยให้มันเป็นมะเร็ง ตามคุกคามจนความเบิกบานของดอกบัวมันเปรอะเปื้อนโคลนตม จนมิอาจจะเงยขึ้นมาจากตมได้ เวลาดอกบัวมันบานน่ะ มันบานเพราะถึงเวลาที่จะต้องบาน แต่ถ้ามันยังไม่บานแสดงว่า มันมีเหตุปัจจัยส่งผลไม่ให้มันบานออก จงทำลายสิงเหนี่ยวรั้ง เหล่านั้นเสีย กิเลสนั่นไงทำลายแล้วก็จงเบิกบานบัดนี้ จงนำไปพิจารณาและนำไปสั่งสอนอนุชนรุ่นหลังต่อไป ให้รู้และเข้าใจว่าอะไรคือแก่นแท้ของการศึกษาพระพุทธศาสนาเถิด อนาคตต่อไปจะมีความผิดเพี้ยนมากขึ้นไปกว่านี้เพราะความเห็นแก่ตัวของคน อย่างน้อย ขอจงมีความคิดเห้นที่ถูกต้องเพื่อสร้างให้เกิดสันติสุขเถิด |
เจ้าของ: | natdanai [ 31 พ.ค. 2009, 10:07 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ถามเกี่ยวกับเรื่องการทำบุญที่ถูกต้อง |
หมูตอน เขียน: ข้อ 1 การทำบุญที่ถูกต้องและได้กุศลแรงนั้นไม่ใช่ด้วยการใช้เงินใช่หรือไม่ ตอบว่าใช่ครับ...แต่ว่าเงินนั้นกลายเป็นปัจจัยในการทำบุญในปัจจุบัน เพราะวิถีชีวิตของมนุษย์นั้นเปลี่ยนแปลงไปตามความเจริญของวัตถุ หมูตอน เขียน: และที่ถูกต้องและได้กุศลคืออย่างไร ที่ถูกต้องนั้นเริ่มที่จิตเจตนาในการทำบุญ...ต้องเป็นจิตเจตนาที่ไม่มีโลภ โกรธ หลง หมูตอน เขียน: ข้อ 2 เรามีเพื่อนคนหนึ่ง อยู่ชมรมเกี่ยวกับพุทธศาสนา ชมรมนี้จะมีการนั่งสมาธิทุกเย็นวันอังคาร จะมีพระสงฆ์มาเทศและสอนธรรมมะ ตัวเราเองเคยเข้าไปครั้งหนึ่งและไม่ได้ไปอีกเลย เนื่องด้วยชมรมนี้อยู่ในสังกัดของวัดวัดหนึ่ง (ซึ่งขอไม่เอ่ยนาม)] วัดธรรมกาย แน่เลย... ![]() หมูตอน เขียน: กิจกรรมของชมรมมักจะมีค่ายไปปฏิบัติธรรมที่วัดนั้น หลังจากที่เพื่อนของเราไปปฏิบัติธรรมกลับมา เพื่อนก็มีความเลื่อมใสในวัดนี้มาก และพูดว่าถ้ามีโอกาส (หรือถ้ามีเงิน) อยากจะสร้างพระพุทธรูปให้กับตนเองหรือวัดอะไรประมาณนี้ โดยพระพุทธรูปองค์หนึ่งนั้นตามที่วัดบอกมาจะใช้เงินเป็นหมื่นเลยทีเดียว เพื่อนท่านไป...แต่ท่านไม่ได้ไป ท่านจึงไม่รู้ว่าทำไมเพื่อนท่านจึงมีศรัทธา...ถ้ายังไงก็ลองไปดูกะเขาซะทีก็ดีนะครับ อย่างไรเสียทางวัดคงไม่มาบีบคอบังคับเราให้สร้างพระอะไรอย่างที่ว่ามาหรอก หมูตอน เขียน: ตัวเราเองจึง งง กับการทำบุญแบบนี้ และไม่ค่อยอยากจะเข้าชมรมนี้ และชมรมพระพุทธศาสนาของมหาวิทยาลัย เราสงสัยว่าเราคิดสิ่งไดผิดไปหรือเปล่า ขอคำแนะนำจากผู้รู้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ คิดไม่ผิดหรอกครับ เพราะเราคิดบนความไม่รู้ ก็ไม่แปลกที่มันอาจจะผิดหรือถูกก็ได้ เคยไปมาครับวันนี้...กระผมว่ากิจกรรมที่เขาจัดส่วนมากนั้นก็เป็นประโยชน์กับสังคมอยู่นะครับ แต่มันก็เป็นธรรมดาที่จะมีคนที่เข้ามาแสวงหาประโยชน์ในลาภสักการะที่เกิดขึ้น(จากบารมีของหลวงปู่ สด) หากเรามีสติไม่หลงไปกับสิ่งเร้าต่างๆที่มากระทบ เรื่องที่จะทำบุญจนเดือดร้อนนั้นย่อมไม่มี |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |