ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ความแก่เจ็บตายที่พระองค์ไม่เคยรู้จัก http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=22468 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | บัวศกล [ 22 พ.ค. 2009, 21:51 ] |
หัวข้อกระทู้: | ความแก่เจ็บตายที่พระองค์ไม่เคยรู้จัก |
ท่านคิดว่าเป็นไปได้ไหมที่กำลังปัญญาระดับ ผู้จะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า จะไม่เคยเห็น และไม่เคยรู้จัก คนแก่ คนเจ็บ คนตายมาก่อนเลย จนกระทั่งผ่านวัยมาถึง 29 ปี จึงค่อยได้รู้ว่า ความแก่ เจ็บตายเป็นยังไง |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 22 พ.ค. 2009, 22:13 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ความแก่เจ็บตายที่พระองค์ไม่เคยรู้จัก |
น่าจะเกิดการฉุกคิดขึ้น เช่น เมื่อก่อนหรืออยู่ในวัยหนึ่ง เห็นคนเกิดแก่เจ็บตาย ก็เฉย ๆ ตายก็ฝังยังก็เลี้ยง เรืองธรรมชาติ อย่างที่พูดๆกัน ต่อถึงวัยชีวิตหนึ่ง เกิดฉุกคิดขึ้นในใจว่า ทำไมคนถึงต้องเกิดแก่เจ็บตาย จึงเกืดการคิดค้นขึ้น |
เจ้าของ: | อมิตาพุทธ [ 22 พ.ค. 2009, 23:54 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ความแก่เจ็บตายที่พระองค์ไม่เคยรู้จัก |
เพราะมีกายสังขาร กิเลสจึงเกิดขึ้นได้ พระบิดาของท่านก็ปรนเปรอแต่ความสุขทางโลกให้ อยากได้อะไรก็ได้ ชีวิตมีแต่ความสุขสบาย ก็เลยทำให้จิตพุทธะของท่านยังหลงอยู่ชั่วขณะ พอนานวันเข้าได้เห็นอะไรมากขึ้น และมีสิ่งกระตุ้น เช่น เทวฑูตทั้งสี่ ปัญญาญาณ ก็เริ่มแสดงออกมา ปณิธานยิ่งใหญ่ที่ท่านเคยตั้งไว้ว่า จะฉุดช่วยเวไนยสัตว์ให้พ้นทุกข์ ก็ผลักดันให้ท่านออกแสวงหาธรรม ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | บัวศกล [ 23 พ.ค. 2009, 08:03 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ความแก่เจ็บตายที่พระองค์ไม่เคยรู้จัก |
อนุโมทนากับคำตอบของทั้งสองท่านด้วยครับ ผมก็คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นครับ สาธุ สาธุ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 23 พ.ค. 2009, 08:11 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ความแก่เจ็บตายที่พระองค์ไม่เคยรู้จัก |
ตัวอย่างนี้เห็นได้ไม่ยาก สมัยปัจจุบันก็ถมไปผู้ที่มองเห็นความจริงข้อนี้ แต่มาติดตรงวิธีปฏิบัติ เพื่อให้จิตหลุดพ้นจาก ชาติ ชรามรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส |
เจ้าของ: | ฌาณ [ 23 พ.ค. 2009, 20:48 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ความแก่เจ็บตายที่พระองค์ไม่เคยรู้จัก |
อ้างคำพูด: ท่านคิดว่าเป็นไปได้ไหมที่กำลังปัญญาระดับ ผู้จะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า จะไม่เคยเห็น และไม่เคยรู้จัก คนแก่ คนเจ็บ คนตายมาก่อนเลย จนกระทั่งผ่านวัยมาถึง 29 ปี จึงค่อยได้รู้ว่า ความแก่ เจ็บตายเป็นยังไง ผมคิดว่าคงไม่ใช่การเพิ่งมาฉุกคิด หรือ มาคิดได้เมื่อถึงวัยอันสมควร ถ้าอ่านประวัติของพระองค์ช่วงในวัยพระเยาว์อย่างละเอียดนั้นจะพบว่าพระองค์มีความละเอียดลึกซึ้งต่อชีวิตสัตว์ที่ทรงเลี้ยงไว้หรือช่วยเหลือ ว่าเป็นสัตว์ต้องประสบกับความทุกข์ยาก ความเจ็บ ความตายอย่างไรเสมอมา พระองค์เป็นโอรสของพระเจ้าแผ่นดินไม่เคยทรงประสพความทุกข์ ความลำบากอย่างใดเลยก็จริง แต่น้ำพระทัยของพระองค์ก็ยังทรงหยั่งทราบถึงจิตใจของสัตว์เหล่าอื่น ด้วยความเห็นใจว่าสัตว์ทั้งหลายย่อมไม่ปรารถนาความเจ็บปวดเช่นเดียวกัน ไม่ว่าสัตว์นั้นๆ จะเป็นสัตว์มนุษย์หรือสัตว์เดรัจฉาน ![]() แม้เมื่อพระองค์ยังเป็นกุมารเล็กๆ อยู่ ก็มีลักษณะที่แสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงหลีกเลี่ยงทุกอย่างทุกทาง ในการที่จะก่อความทุกข์ให้เกิดขึ้นแก่สัตว์อื่นอย่างมากที่สุดที่พระองค์จะทรงทำได้ ในที่ทุกแห่งและโอกาส และทรงพยายามที่จะปลดเปลื้องความทุกข์ของสัตว์ที่กำลังได้รับทุกข์อยู่ทุกวิถีทาง เช่นทรงเมตตาต่อม้าของพระองค์อย่างไร.... ทรงเมตตาต่อหงส์ที่ถูกเทวทัตยิงอย่างไร.... ทำไมพระราชบิดาของพระองค์ยังต้องออกมาทำนา เมื่อถึงวันแรกนาขวัญ แล้วสมเด็จปู่ของพระองค์ละ...ก็เช่นกัน... พระองค์ทรงมีความตรึกนึกอยู่ในพระทัยตลอดเวลา ไม่เพียงแต่ในชาตินี้เท่านั้น(กว่า 4 อสงไขย) เหมือนฝนที่หยดลงตุ่มน้ำ...สะสมมาตลอด รอวันเต็ม ไม่ใช่เพิ่งมาคิดได้ในตอนนั้น แม้แต่ในเรื่องหลายๆเรื่องที่กล่าวเช่น ว่าต้องมีเทวดามาดีดพิณ 3 สาย ตึงหย่อนต่างกันแล้วจึงเลือกสายที่พอดี เพราะเหตุนั้น.....ระดับสติปัญญาของมหาบุรุษที่จะตรัสรู้นั้น คงไม่ต้องอาศัยเหตุนี้ ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |