ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

รู้เท่าที่รู้ได้
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=22404
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  รสมน [ 20 พ.ค. 2009, 08:13 ]
หัวข้อกระทู้:  รู้เท่าที่รู้ได้

เมื่อ "กุศลจิตเกิด" ขณะใด

ขณะนั้น ก็เป็นการ "สะสมกุศลจิต"


.


เมื่อ "อกุศลจิตเกิด" ขณะใด.

ขณะนั้น ก็เป็น "การสะสมอกุศลจิต"


.


ท่านผู้ฟังบอกว่า

"ชีวิตย่อมเป็นไปตามกรรม"

"กรรมย่อมนำเกิด"

เรื่อง "กรรม" เป็นเรื่องสำคัญ.!

ฯลฯ


.


แต่ว่า

ถึงจะสำคัญอย่างไร..............

ขณะนี้ เวลานี้ ที่ท่านผู้ฟังกำลังนั่งอยู่ที่นี่.!


ท่านผู้ฟังก็ไม่ทราบเลยว่า มาจากผลของกรรมอะไร

เป็น ผลของกรรม ในชาติไหน ที่ผ่านไปแล้ว.!


เป็น "ผลของกรรมที่ได้กระทำแล้ว"

จากชาติไหนก็ไม่ทราบ.!

นี่เป็นสิ่งที่เราไม่มีทางที่จะรู้ได้เลย.!


.


เพราะฉะนั้น

"เรื่องของกรรม"

ไม่ใช่เรื่องที่เราจะรู้ได้.!


.


แต่ถ้าเรารู้ว่า

ขณะใด เป็นกุศลกรรม

ขณะใด เป็นอกุศลกรรม

ก็ พอ แล้ว.......?


.


การที่เรา "เข้าใจลักษณะ" ของกุศลจิต และ อกุศลจิต

ก็ ดีมาก แล้ว.!


หมายความว่า

แทนที่เราจะไปสนใจ "เรื่องราวของกรรม"

แต่เรา "เข้าใจลักษณะ"

คือ เข้าใจ "ลักษณะของสภาพธรรม"

ที่เป็น กุศลจิต และ อกุศลจิต.


ดีกว่าจะไป "รู้เรื่องราวของกรรม"

ดีกว่าไหม.....?


.


ขณะที่ เรากำลังจะกระทำกรรมใดๆ

กรรม หมายถึง เจตนา ความจงใจ

ในการกระทำสิ่งใด สิ่งหนึ่ง.


เพราะฉะนั้น


ขณะใดที่เรากำลังจะกระทำ อกุศลกรรม

ขณะนั้น จะปราศจาก อกุศลจิต ไม่ได้.!

และ

ขณะใด ที่เรากำลังจะกระทำ กุศลกรรม

ขณะนั้น จะปราศจาก กุศลจิต ไม่ได้.!



เพราะฉะนั้น

เรามารู้ตรง ลักษณะ ของ "เหตุ"

คือ กุศลจิต และ อกุศลจิต

ให้ละเอียดลงไป


จนถึง ขณะที่ กุศลจิต หรือ อกุศลจิต

กำลังเกิด และ ปรากฏ

จะไม่ดีกว่าหรือ......?


ในเมื่อ.....กรรม

ก็ไม่พ้นไปจาก กุศลจิต และ อกุศลจิต.


.


ขณะที่กำลัง "เข้าใจลักษณะ" ของกุศลจิต และ อกุศลจิต

ก็ไม่ต้องไปกังวลอะไรเลย

แม้แต่ "เรื่องของอกุศลกรรมบถ"


.


เพราะว่า ยังไงๆ "อกุศลกรรมบถ"

คือ เจตนา ที่กระทำทุจริตกรรม หรือ เจตนาที่กระทำในฝ่ายกุศล.


ที่สามารถจะเป็น "ปัจจัย" ให้ปฏิสนธิจิต เกิดได้.

และ อกุศลกรรมบถ ก็ไม่พ้นไปจาก อกุศลจิต.


.


ความรู้ ความเข้าใจ อย่างนี้

ทำให้เรารู้ไปถึง "ต้นตอ" คือ "เหตุ"


แทนที่เราจะไปรู้แต่ "เรื่องราวของกรรม" ตั้งเยอะแยะ

แต่เราก็ไม่รู้ว่า ขณะนี้ ที่นั่งอยู่ตรงนี้น่ะ

เป็นผลของกรรมอะไร เมื่อไร ชาติไหน.?


เรารู้ได้แต่เพียงว่า

ต้องเป็นผลของกรรมแล้ว

เราจึงมาอยู่ตรงนี้ นั่งอยู่ตรงนี้.!


.


เพราะฉะนั้น

เมื่อมีผลของกรรม คือ วิบาก ที่เกิดขึ้นแล้ว.


สิ่งที่สำคัญกว่านั้น

คือ ขณะที่ต่อจากผลของกรรม หรือ ขณะที่ต่อจากวิบาก

ขณะต่อไปนั้น เป็น กุศลจิต หรือ อกุศลจิต.?


.


การรู้ว่าขณะใด เป็นกุศลจิต หรือ ขณะใด เป็นกุศลจิต

เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด.!


.


เพราะว่า ขณะที่ "รู้อกุศลจิต"

ขณะนั้น เป็นการ "ตัดต้นตอ"ของ "อกุศลกรรม" แล้ว.!


.


ถ้าเรา "รู้เรื่องราวของกรรม"

ก็จะกลายเป็น

"ความสงสัยที่ไม่รู้จักจบ"


.


เพราะว่า เรื่องกรรมและวิบากนี้

เป็นเรื่องที่รู้ได้ด้วยพระปัญญา

(พระสัพพัญญุตญาณ)

ของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

แน่นอน.

เพราะฉะนั้น เรื่องของกรรม และวิบากนี้

เราไม่มีทางที่จะรู้ไปถึง "ความละเอียด" ได้เลย.


.


แต่ว่า


เรา สามารถ ที่จะ "รู้"

"ลักษณะของกุศลจิต"

และ

"ลักษณะของอกุศลจิต"

ได้.


.


เพราะฉะนั้น

เราก็ควรที่จะ

รู้ เท่าที่ รู้ได้.!

เจ้าของ:  jintana63 [ 20 พ.ค. 2009, 13:07 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: รู้เท่าที่รู้ได้

อนุโมทนาสาธุค่ะ :b8:
ด้วยความเคารพ :b52: :b52: :b52: :

เจ้าของ:  bonanza [ 20 พ.ค. 2009, 16:57 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: รู้เท่าที่รู้ได้

อนุโมทนาสาธุเช่นกันค่ะ

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/