ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ความสงสัย?????? http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=22379 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 |
เจ้าของ: | O.wan [ 18 พ.ค. 2009, 19:15 ] |
หัวข้อกระทู้: | ความสงสัย?????? |
![]() ![]() ![]() อยากถามค่ะว่า ความสงสัยเป็นเหตุที่ทำให้เศร้าหมอง จริงหรือค่ะ เรามาสังเกตุตัวเองว่า ตั้งแต่เราเข้ามาตรงจุดนี้เราจะมีความสงสัยมากๆๆๆๆๆๆเลยค่ะ ไม่ว่าจะทำอะไร เห็นอะไรก็มีความรู้สึกมากขึ้น คิดมากขึ้น ว่ามันจะดีไม๊ ผิดไม๊ บาปไม๊ ทำไมเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ เลยพลอยไปนึกถึงคนอื่นมากขึ้น พอเห็นคนใกล้ตัวทำผิด ก็จะคิดไปไหนๆ ใจคอยห่วง คอยพะวงว่าทำไม มันผิดนะ มันบาปนะ ![]() ![]() ![]() ![]() เรามาสังเกตุตัวเองก็ตอนนี้น่ะค่ะ เพราะเราจะโพสต์แต่ข้อสงสัย......ตั้งแต่เริ่มเข้าลานนี้ จนถึงโพสต์นี้ก็ยังสงสัย อยู่ค่ะ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | กามโภคี [ 18 พ.ค. 2009, 19:43 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ความสงสัย?????? |
สงสัยอย่างที่คุณเป็นอยู่ ผมว่าก็ดีนะ เป็นเครื่องยังปัญญาให้เกิดได้ระดับหนึ่ง ขอเพียงอย่าไปสงสัยพระรัตนตรัย คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ว่ามีจริงหรือไม่ พระธรรมหมดจดปฏิบัติตามได้จริงหรือไม่ พระสงฆ์สาวกปฏิบัติดี มีอุชุปฏิปันโน เป็นต้นหรือไม่ เข้าใจว่าคุณคงสงสัยว่า อย่างนี้ทำแล้วผิดศีลผิดธรรมหรือไม่ แบบนี้ดีครับ แต่ต้องต่อยอดนะ ศึกษาหาความรู้ สอบถามผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบครับ อย่าสงสัยแล้วหมกมุ่นมันจะเศร้าจริงๆ เป็นธรรมดาครับ ปัญญาเราไม่แก่กล้า เราย่อมสงสัยเป็นธรรมดา |
เจ้าของ: | อมิตาพุทธ [ 18 พ.ค. 2009, 20:33 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ความสงสัย?????? |
ท่านที่กล่าวคำพูดนั้นไว้ ท่านคงจะหมายถึง ความสงสัยแบบที่ไม่เป็นสาระ ไม่เป็นประโยชน์ ไม่เป็นไปเพื่อให้เกิดปัญญา หรือเปล่าครับ ![]() แต่ถ้าส่งสัยแบบคุณ O.wan เนี่ย ผมว่ามีประโยชน์นะ ![]() |
เจ้าของ: | ฌาณ [ 18 พ.ค. 2009, 21:29 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ความสงสัย?????? |
ความสงสัยที่เกิดขึ้นอาจจะกระตุ้นให้เราค้นคว้าหาความจริงเพิ่มเติม เป็นเครื่องยังปัญญาให้เกิด อย่างที่คุณกามโภคีกล่าวไว้ อกุศลจะเป็นปัจจัยให้เกิดกุศล ซึ่งจะเป็นประโยชน์มาก เมื่อเกิดความสงสัยขึ้น พระพุทธองค์ตรัสว่าถ้าเป็นเรื่องที่ไม่นำไปสู่การปฏิบัติเพื่อพ้นทุกข์ก็ไม่ควรคิด บางเรื่องพิสูจน์ได้ยากถึงแม้จะใช้เวลาตลอดชีวิต ความสงสัยอาจเป็นเครื่องกั้นไม่สามารถเข้าสู่มรรค เกิดความหดหู่ท้อถอย ถ้าเป็นแบบนี้ขอให้คิดถึงประโยชน์ที่จะได้รับ เช่น ความเชื่อเรื่องตายแล้วเกิด หากมีความลังเลสงสัย อาจจะทำให้คิดไปได้ว่าจะเพียรพยายามไปทำไม เมื่อตายแล้วก็สูญ ถ้ามีความคิดอย่างนี้จะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร แต่คนที่เชื่อว่าตายแล้วไม่สูญ จะกระตุ้นให้เกิดความเพียร ฝึกฝนพัฒนาตน พระพุทธองค์ตรัสว่าเหมือนกับคนทอผ้า ค่อยๆสะสมไว้ ความเชื่อว่าตายเกิด จะเกิดประโยชน์ทั้งในชาตินี้และชาติหน้า ไม่ปล่อยชีวิตอยู่ในความประมาท คิดอย่างนี้แล้วการเร่งเร้าศรัทธาก็จะอยู่บนพื้นฐานของปัญญา อย่างน้อยก็เห็นประโยชน์กับตัวเองที่จะเชื่อ ดีกว่าปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความสงสัยในเรื่องที่ตัวเองพิสูจน์ไม่ได้ เป็นคนหลักลอย หยุดการฝึกฝนพัฒนาตน หาสาระในชีวิตไม่ได้ ส่วนปัญหาความสงสัยทั่วไปก่อให้เกิดผลกระทบในทุกระดับ ในส่วนบุคคลเกิดผลเสียต่อจิตใจและร่างกาย ในส่วนของสังคมเกิดความแตกแยก หวาดระแวง ไม่ไว้วางใจกันจนทำให้ขาดความสามัคคี นำมาซึ่งปัญหาต่าง ๆ ในสังคม วิจิกิจฉากับความสงสัยทางปรัชญามีความแตกต่างกัน วิจิกิจฉาเป็นอกุศลธรรมเป็นอุปสรรคต่อความหลุดพ้น ส่วนความสงสัยทางปรัชญาเป็นเรื่องทางวิชาการ เป็นการสร้างองค์ความรู้หรือทฤษฎีใหม่ ๆ เพื่อพิสูจน์สิ่งที่สงสัยเป็นความจริงหรือไม่ วิจิกิจฉามีต้นเหตุมาจากความยึดมั่นในตัวตน จนไม่กล้าตัดสินใจ สาเหตุที่เกิดวิจิกิจฉาเพราะ อโยนิโสมนสิการไม่พิจารณาธรรมอย่างแยบคาย อวิชชาความไม่รู้ไม่เข้าใจสภาพธรรม มิจฉาทิฏฐิเป็นผิดไปจากความจริง ทำให้ลังเลสงสัยไม่ปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกต้อง จึงเป็นอุปสรรคต่อความหลุดพ้น วิธีขจัดวิจิกิจฉาคือ มีศรัทธามั่นคง พิจารณาธรรมโดยแยบคายมีกัลยาณมิตรหรือสัตบุรุษ และพัฒนาตนให้เป็นผู้มีความรู้มีความชำนาญ ![]() |
เจ้าของ: | กามโภคี [ 18 พ.ค. 2009, 21:40 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ความสงสัย?????? |
ฌาณ เขียน: เมื่อเกิดความสงสัยขึ้น พระพุทธองค์ตรัสว่าถ้าเป็นเรื่องที่ไม่นำไปสู่การปฏิบัติเพื่อพ้นทุกข์ก็ไม่ควรคิด บางเรื่องพิสูจน์ได้ยากถึงแม้จะใช้เวลาตลอดชีวิต ฯลฯ วิธีขจัดวิจิกิจฉาคือ มีศรัทธามั่นคง พิจารณาธรรมโดยแยบคายมีกัลยาณมิตรหรือสัตบุรุษ และพัฒนาตนให้เป็นผู้มีความรู้มีความชำนาญ ![]() ถ้าหมั่นสังเกตการถามตอบระหว่างพระพุทธเจ้าเรากับบุคคลอื่นๆนอกลัทธิ จะเห็นจริงดังที่อ้างครับ ไม่นำไปสู่การปฏิบัติที่พ้นทุกข์ พระองค์มักจะตรัสเสมอว่า ข้อนั้นจงยกไว้ หรือ ข้อนั้นไม่ไช่ประโยชน์ เป็นต้น ![]() |
เจ้าของ: | กามโภคี [ 18 พ.ค. 2009, 21:43 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ความสงสัย?????? |
อมิตาพุทธ เขียน: ท่านที่กล่าวคำพูดนั้นไว้ ท่านคงจะหมายถึง ความสงสัยแบบที่ไม่เป็นสาระ ไม่เป็นประโยชน์ ไม่เป็นไปเพื่อให้เกิดปัญญา หรือเปล่าครับ ![]() แต่ถ้าส่งสัยแบบคุณ O.wan เนี่ย ผมว่ามีประโยชน์นะ ![]() นั่นซิครับ มีประโยชน์ คล้ายกับการสดุ้งกลัวต่อการทำความชั่ว หรือที่เรียกว่า โอตตัปปะ สงสัยจะทำนองนี้ |
เจ้าของ: | บัวศกล [ 19 พ.ค. 2009, 10:53 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ความสงสัย?????? |
ความสงสัยทั้งหลาย พร้อมจะเกิดทุกเวลานาทีที่มีสัมผัสกระทบ ไม่ว่าจะกระทบจากส่วนนอก หรือกระทบกันอยู่ในภายใน ความสงสัยคือกิริยาการทำหน้าที่ ตามปกติธรรมดาของสังขารขันธ์ เมื่อคิดสงสัย นั่นเพราะธรรมชาติของสังขารขันธ์กำลังทำงานตามหน้าที่ของมัน ไม่ว่่าจะสงสัยอะไร ตั้งแต่ขี้ฝุ่น ยันมรรคผลนิพพาน นั่นก็เป็นแค่เพียงการทำงาน ของความคิด หรือสังขารขันธ์ แต่หากความสงสัยนั้น มีปริมาณความเข้มข้นสูงจนก่อให้เกิดความรบกวน และทำให้จิตเสียสมดุล เสียความปกติ จนมีผลต่อเนื่องไปสู่ความรุ่มร้อน ฟุ้งซ่านได้ ความสงสัยที่เกินระดับปกตินี้ เรียกว่า นิวรณ์ เครื่องกั้นจิต ความสงสัยคือธรรมชาติธรรมดา ที่เป็นเงื่อนปมสำคัญในการนำไปสู่ความรู้ ตราบใดความรู้ยังไม่ถึงที่สุด ความสงสัยในสิ่งนั้นก็จะยังไม่เย็นลง และ พร้อมจะลอยออกมา ให้เราเฝ้าหาคำตอบ แต่หากข้อสงสัยนั้นลอยออกมา แล้วจิตเราไม่มีพลังพอต่อการรับมือความสงสัย ความสงสัยนั้นก็จะกลายเป็น นิวรณ์รบกวนทันที แต่หากพลังเรามากพอ มีขีดจำกัดสูงในการรองรับ ข้อสงสัย ทุกเงื่อนปมทั้งหลายที่ผ่านเข้ามา จะกลายเป็นประตูเปิดปัญญา ให้แยบคายยิ่งขึ้น ๆ ไม่มีใครสิ้นความสงสัยแม้แต่พระอรหันต์ ท่านพระอรหันต์สิ้นความสงสัยแล้ว แต่เฉพาะเรื่องดับทุกข์ แต่เมื่อดับทุกขได้แล้ว จิตก็ยังทำหน้าที่สงสัย ต่อกิจกรรมต่างๆตามปกติของชีวิต เช่น เจอใครเดินผ่านมา ก็อาจจะสงสัยขึ้นว่า มาทำไม จิตของท่านก็ยังมีสงสัยได้สารพัดเรื่อง แต่ความสงสัยทั้งปวง เหล่านั้น ไม่สามารถจะอยู่ในรูปของนิวรณ์ได้เลย จึงชื่อว่าท่านละนิวรณ์ได้ขาด ผมตอบตามความเข้าใจส่วนตัว หากคุณสงสัย ก็เชิญสงสัยได้ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | natdanai [ 19 พ.ค. 2009, 10:55 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ความสงสัย?????? |
พึงศึกษา "จิตนิยาม" ครับ....... ![]() |
เจ้าของ: | yahoo [ 19 พ.ค. 2009, 12:35 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ความสงสัย?????? |
natdanai เขียน: พึงศึกษา "จิตนิยาม" ครับ....... ![]() เอ๋...รู้สึกคุ้น ๆ ว่าท่านเพิ่งจะเจออะไรสั้น ๆ มารอบนึงแล้ว นี่ท่านอยากเจออีกดอกหรือครับท่าน .... แค๊ก แค๊ก แค๊ก... ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | natdanai [ 19 พ.ค. 2009, 12:42 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ความสงสัย?????? |
yahoo เขียน: natdanai เขียน: พึงศึกษา "จิตนิยาม" ครับ....... ![]() เอ๋...รู้สึกคุ้น ๆ ว่าท่านเพิ่งจะเจออะไรสั้น ๆ มารอบนึงแล้ว นี่ท่านอยากเจออีกดอกหรือครับท่าน .... แค๊ก แค๊ก แค๊ก... ![]() ![]() ![]() พักหลังนี่สำลักบ่อยนะครับ...อ่อนเนื้อลงหน่อยดีมั้ง...จะได้ปฏิปทา... ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | O.wan [ 19 พ.ค. 2009, 16:19 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ความสงสัย?????? |
natdanai เขียน: พึงศึกษา "จิตนิยาม" ครับ....... ![]() ![]() เออ ![]() ![]() |
เจ้าของ: | O.wan [ 19 พ.ค. 2009, 16:55 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ความสงสัย?????? |
![]() ![]() ![]() ![]() นั่นน่ะค่ะเป็นสาเหตุ ความลังเลว่าปฏิบัติแบบนี้จะผิดไม๊ ทำให้เดี๋ยวนี้รู้สึกไม่ค่อยกล้าทำอะไร ![]() ท่านถามว่าแพงไม๊ซึ่งแพงมาก เราก็จะต้องโกหกไม่แพงเลย บางครั้งเรามีเงินไม่พอซื้อท่านถามทำไมซื้อมาน้อย เราก็ต้องพูดไปว่ายาหมดต้องรอทางร้านสั่งมา นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราจะเฉย....นะคะ ก็คิดว่าพูดแบบนั้นเพื่อตัดปัญหาไปแล้วก็จบไป แต่พอเรามาเข้ามาปฏิบัติทางนี้มากขึ้น เรารู้ว่าโกหกเพื่อแกจะได้ไม่ต้องกังวล เพื่อแกจะไม่คิดมาก แต่เรากลับมาคิดแทนนะว่าจะสวดมนต์ทำไม ![]() เพราะสวดแล้วทำก็ไม่ได้ ก็ไม่ได้เครียดอะไรนะคะ ใช้ชีวิตตามปรกติ แต่เพราะอ่าน+ฟังธรรมมากขึ้น เลยทำให้คิด...ต่อจากนี่ไปนั่น.....จากนั่นไปโน่น......... เลยกลายเป็นความอวิชชาหรือเปล่าคะ ![]() แต่ก็ไม่รู้ว่าพอประมาณที่ว่านี้ ประมาณไหน ![]() อยากอธิบายให้เข้าใจน่ะค่ะว่าตอนนี้เราอยู่สภาวะ ควรต้องปฏิบัติต่อแบบไหนดีคะ ![]() |
เจ้าของ: | คนล่าฝัน [ 19 พ.ค. 2009, 17:06 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ความสงสัย?????? |
สาธุ โมทนาทุกๆคำตอบ และอธิบายครับ.. ![]() |
เจ้าของ: | วรานนท์ [ 19 พ.ค. 2009, 17:43 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ความสงสัย?????? |
![]() ![]() ![]() บัวศกล เขียน: ผมตอบตามความเข้าใจส่วนตัว หากคุณสงสัย ก็เชิญสงสัยได้ ผมไม่ถามดีกว่า เดี๋ยวท่านบัวศกลจะหาว่าผมสงสัย ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | murano [ 19 พ.ค. 2009, 19:42 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ความสงสัย?????? |
ความสงสัย ถ้าไม่ใช่จริตพื้นฐาน พักหนึ่งก็หายไปเอง... |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |