ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

เพื่อนฝากถามมาเรื่องศีล 3
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=22323
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  brontok [ 15 พ.ค. 2009, 16:09 ]
หัวข้อกระทู้:  เพื่อนฝากถามมาเรื่องศีล 3

คือฝ่ายชายได้นำนิ้วแย่อวัยวะเพศของฝ่ายหญิงแล้วกอดจูบดูดปากกัน
ส่วนฝ่ายหญิงนั้นก็ทำโอฐกามอวัยวะเพศของฝ่ายชาย
แต่ไม่ได้ร่วมเพศสอดใส่ซึ่งกันและกัน

แบบนี้ผิดศีลในระดับไหนครับ

เจ้าของ:  murano [ 15 พ.ค. 2009, 18:19 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เพื่อนฝากถามมาเรื่องศีล 3

ถ้าผิดลูกผิดเมียเขา ก็ผิดศีลข้อกาเม แต่คนทำผิดก็มักจะหาเงื่อนไขต่างๆ เพื่อมาปลอบใจตนเองว่า ไม่ผิด... ถ้าใจคิดสัมพันธ์ทางเพศ และลงมือทำไปแล้ว ก็ผิดทั้งนั้น :b6: :b6: :b6:

เจ้าของ:  damjao [ 20 พ.ค. 2009, 08:10 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เพื่อนฝากถามมาเรื่องศีล 3

ศีลข้อที่ 3 กาเมสุมิจฉาจาร
การเว้นจากกาเมสุมิจฉาจาร คือการละเว้นประพฤติผิดในกาม ไม่ประทุษร้ายต่อของรักของหวงแหน อันเป็นการทำลายเกียรติภูมิและจิตใจ ตลอดจนทำวงศ์ตระกูลของเขาให้สับสน
การกระทำข้างต้นถ้าเข้าข่ายก็ถือว่าล่วงเกินศีลข้อที่ 3 :b35:

เจ้าของ:  คนล่าฝัน [ 20 พ.ค. 2009, 11:48 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เพื่อนฝากถามมาเรื่องศีล 3

brontok เขียน:
คือฝ่ายชายได้นำนิ้วแย่อวัยวะเพศของฝ่ายหญิงแล้วกอดจูบดูดปากกัน
ส่วนฝ่ายหญิงนั้นก็ทำโอฐกามอวัยวะเพศของฝ่ายชาย
แต่ไม่ได้ร่วมเพศสอดใส่ซึ่งกันและกัน

แบบนี้ผิดศีลในระดับไหนครับ

:b10: แค่แอบๆไปหากันมันก็เข้าข่ายแล้วครับ..อะไรจะขนาดนั้น.. :b32: :b32:

เจ้าของ:  อินทรีย์5 [ 20 พ.ค. 2009, 12:28 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เพื่อนฝากถามมาเรื่องศีล 3

รูปภาพ
รูปหลวงปู่คำคะนิง



มนุษย์ที่ละเมิดศีลข้อกาเมใช้กรรมในนรก ดังภาพข้างล่าง
--------------------------------------------------------------------------------
รูปภาพรูปภาพ :b14:
รูปภาพ :b5:

มีเรื่องจะเล่าให้ฟังครับ
หลวงปู่คำคะนิงเห็นมนุษย์ที่ละเมิดศีลข้อกาเมใช้กรรมในนรก
--------------------------------------------------------------------------------
เดินไปเห็นห้อง ๆ หนึ่ง มีนักโทษชายหญิงสองคน
ชายหนุ่มและหญิงสาวคู่นี้แก้ผ้าเปลือยกายโดยตลอด ยืนเหยียบอยู่บนเหล็กแหลมแดง ๆ เผาไฟเสียบทะลุฝาเท้า ปากอ้ากว้างมีเหล็กเผาไฟแดงเสียบตรึงไว้ในลักษณะคล้ายเอาปากคาบไว้

เบื้องบนศีรษะมีเหล็กแหลมเผาไฟแดง ๆ เสียบตรึงกลางกระหม่อมไว้ รอบ ๆ ข้างมีเหล็กแหลมเผาไฟแดง ๆ ทิ่มแทงร่างกาย
ใบหน้าของหนุ่มสาวทั้งสองบิดเบี้ยว นัยน์ตาเหลือกถลน ส่งเสียงร้องครวญครางอ้อแอ้ บอกถึงความเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัสสากรรจ์สุดประมาณ กระดิกติงตัวไม่ได้ เพราะเหล็กแหลมเผาไฟแดง ๆ ตรึงร่างกายไว้แน่นทุกด้าน จะขาดใจตายก็ไม่ตาย

เพราะการลงโทษในเมืองนรกไม่มีตาย จะมีก็แค่วิสัญญีภาพไปชั่ววูบเดียว แล้วก็ฟื้นขึ้นมารับการทรมานอีกต่อไป หรือร่างกายแหลกสลายไปด้วยอานุภาพของไฟนรก แต่ชั่วพริบตาต่อมาก็จะเกิดร่างใหญ่ขึ้นมาทดแทน เพื่อรับการทรมานต่อไปซ้ำ ๆ ซาก ๆ นับพันนับหมื่นปี

หลวงปู่คำคะนิงได้ถามจ่ายมบาลดูว่า หนุ่มสาวทั้งสองนี้ทำผิดสถานใด ถึงต้องมารับโทษหนักหนาสาโหดในเมืองนรกเช่นนี้
จ่ายมบาลกล่าวตอบให้ทราบว่า หนุ่มสาวทั้งสองนี้สมัยยังมีชีวิตอยู่โลกมนุษย์ เป็นคนเจ้าชู้ ฝ่ายหญิงชอบนอกใจผัว คบชู้สู่ชายไม่เลือก ไม่นับถือศาสนาใด ๆ ไม่เชื่อถือในศีลธรรมคุณงามความดีใด ๆ

มีความเชื่ออยู่แต่ว่า เกิดมาเพื่อกิน เพื่อถ่ายอุจจาระและปัสสาวะ เพื่อสืบพันธุ์ประเวณี และเพื่อนอน เท่านั้น อย่างอื่นไม่สำคัญ ชาตินี้ต้องหาความสุขใส่ตัวอย่างเดียว ตายแล้วก็หมดกันไม่มีชาติหน้า ไม่ต้องใช้เวรใช้กรรมใด ๆ
หญิงสาวผู้นี้เป็นมะเร็งในมดลูกตายเมื่ออายุ 40 ปี เมื่อตายแล้วก็มาที่ศาลาพันห้องนี้ เพื่อรอการพิพากษาตัดสินจากพญายมบาลขั้นสุดท้าย แต่ก่อนตัดสินต้องจำจองทรมานแบบนี้ไว้ก่อน

ฝ่ายชายหนุ่ม เมื่อชีวิตอยู่ในโลกมนุษย์ เป็นคนเจ้าชู้ตลบตะแลงปลิ้นปล้อน นักเลงเหล้า นักเลงผู้หญิง หลอกลวงพร่าพรหมจารีผู้หญิงและปลิ้นปล้อนเอาทรัพย์ เป็นคนไม่มีศีลธรรม ไม่นับถือศาสนาใด ๆ
ถือคติว่า เกิดมาเพื่อกิน เพื่อขับถ่าย เพื่อเสพกามารมณ์ และเพื่อนอน ตายแล้วก็สูญ ไม่มีชาติหน้าไม่มีนรก สวรรค์ ก่อกรรมใดไว้ ไม่ต้องใช้กรรม
เมื่อถูกสามีของหญิงคนหนึ่งแทงตาย จึงมาที่ศาลาพันห้องนี้เพื่อรอการพิพากษาตัดสินขั้นสุดท้ายจากพญายมบาล


หลวงปู่คำคะนิงได้ฟังแล้วก็บังเกิดสลดสังเวช โธ่เอ๋ย กรรมของสัตว์หนอ เพราะความโง่ความหลงผิด ความจองหอง หยิ่งทะนง อวดดื้อถือดีแท้ ๆ ของมนุษย์ เมื่อตายแล้วจึงต้องมารับกรรม เช่นนี้
ขนาดยังอยู่ในระหว่างรอการตัดสินก็ถกจองจำหนักหนาสาโหดถึงเพียงนี้มิทราบว่า หากได้รับการตัดสินจากยมบาลแล้ว จะได้รับโทษทัณฑ์สถานหนักสักเพียงไหน

หลวงปู่คำคะนิงจึงถามจ่ายมบาลว่า อยากจะสนทนากับหนุ่มสาวทั้งสองที่ถูกจองจำลงโทษนี้จะได้ไหม จ่ายมบาลตอบว่า สำหรับพระคุณเจ้าแล้ว อนุญาตให้ซักถามได้

เมื่อจ่ายมบาลกล่าวอนุญาตแล้ว ทันใด เครื่องจองจำเหล็กแหลมเผาไฟแดง ๆ เหล่านั้นก็หลุดออกจากร่างหนุ่มสาวทั้งสองหายวับไป หนุ่มสาวทั้งสองร่างสั่นเทา ๆ เหมือนลูกนกตกน้ำ สะอึกสะอื้นน้ำตาไหลพรากอาบหน้าพากันทรุดกายลงกราบเท้าหลวงปู่คำคะนิงอย่างสำนึกในพระคุณ ที่ช่วยให้หลุดจากเครื่องจำจองทรมานอันทารุณหฤโหด
“หลวงพ่อเจ้าขา ช่วยดิฉันด้วย ”
หญิงสาวร้องวิงวอนเสียงสั่นระริก สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร หลวงปู่คำคะนิงถามว่า

“สีกาจะให้อาตมาภาพช่วยอย่างไร”

หญิงสาวฟูมฟายน้ำตากล่าวว่า
“ดิฉันยังมีลูกที่จะต้องเลี้ยงดูอายุยังน้อย อยากกลับไปเกิดในโลกมนุษย์อีก หลวงพ่อได้โปรดช่วยให้ดิฉันกลับไปเข้าร่างเดิมที่ยังไม่ได้เผาด้วยเถิดเจ้าค่ะ”
“สีกาตายแล้วยังจำชาติที่แล้วสมัยเป็นมนุษย์ได้ดีอยู่หรือ”

“ยังจำได้ดีทุกอย่าง เหมือนนอนหลับไปแล้วตื่นขึ้นจำตัวเองได้ จำลูกได้ จำญาติพี่น้องมิตรสหายได้หมด แต่พูดจากับพวกเขาไม่ได้ เวลาจะไปไหนต้องมีผู้คุมคอยควบคุมตัวไป ก่อนที่ยังไม่ตายนั้น ดิฉันไม่เคยเชื่อเลยว่าความตายไม่ใช่การสิ้นสูญ”

“แท้ที่จริงตายแล้วเรายังมีชีวิตอยู่ แต่เป็นอีกชีวิตหนึ่งคือร่างวิญญาณ ยังจำความเดิมได้ทุกอย่าง”
“อาตมาภาพอยากจะช่วยแต่เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของท่านพญายมบาล อาตมาภาพจะช่วยสีกาได้อย่างเดียวคือ เมื่อกลับเมืองมนุษย์แล้วจะแผ่ส่วนบุญกุศลมาให้”
หลวงปู่คำคะนิงกล่าวฉันท์เมตตา หญิงสาวรู้สึกผิดหวังที่ไม่อาจกลับไปเข้าร่างเดิมในโลกมนุษย์ได้อีก ส่งเสียงร้องไห้คร่ำครวญโศกเศร้าน่าสังเวช หลวงปู่จึงเอ่ยถามชายหนุ่มบ้างว่า

“โยมจะให้อาตมาภาพช่วยอะไรได้บ้าง”
ร่างวิญญาณของชายหนุ่มผู้ถูกแทงตาย เพราะเป็นชู้กับเมียผู้อื่น คลานเข้ามากราบลงบนหลังเท้าหลวงปู่คำคะนิงแล้วร้องไห้คร่ำครวญว่า
“กระผมผิดไปแล้วพระคุณเจ้า กว่าจะรู้สึกตัวว่าเป็นคนชั่วช้าก่อกรรมทำเวรกับคนอื่นไว้มาก ก็มารู้เอาเมื่อตายแล้ว กระผมไม่ขออะไรมาก ขอให้พระคุณเจ้าแผ่ส่วนบุญกุศลมาให้กระผมบ้าง เพื่อที่กระผมจะได้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวในยามทุกข์”

“ได้....อาตมาจะแผ่ส่วนกุศลมาให้”
จากนั้นหลวงปู่ก็ออกเดินต่อไป จ่ายมบาลอธิบายให้ฟังว่า ในกรงเหล็กที่เป็นแถวแนวยาวเหยียดนี้ คุมขังพวกนักโทษที่รอการตัดสินทั้งนั้น บ้างก็เคยฆ่าพ่อตีแม่ บ้างก็ปล้น ฆ่า ลักขโมย หลอกลวง ปลิ้นปล้อน ต้มชาวบ้าน ฉุดคร่าอนาจาร

บ้างที่เป็นหญิงสาวก็เกี้ยวพาราสีพระสงฆ์องค์เจ้า หลอกลวงพระสงฆ์องค์เจ้าให้สึกหาลาเพศมาเป็นผัวแห่งตน และที่ทำให้พระต้องปาราชิกก็มี บ้างก็แย่งผัวเขา วางยาพิษเมียหลวง คดีโทษต่าง ๆ นับไม่ถ้วน

เพราะมนุษย์ชายหญิงทุกวันนี้พากันไม่เชื่อในบุญในบาป ทำการทุกสิ่งทุกอย่างตามอำเภอไม่มียับยั้งบันยะบันบัง คำนึงถึงศีลธรรมอันดีงาม คนเหล่านี้เมื่อตายแล้ว จึงต้องพากันหลั่งไหลมาสู่ศาลาพันห้องแน่นขนัดทุกวัน
__________________
เหตุใดไม่เร่งขวนขวายสร้างสมบารมีที่เป็นอริยทรัพย์อันประเสริฐ์

ที่มา:http://www.google.co.th/search?hl=th&q=%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E+%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%81+%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A1&meta=&aq=f&oq=#

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/