ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
สร้างเหตุอย่างไร ย่อมได้รับผลเช่นนั้น http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=21971 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | walaiporn [ 27 เม.ย. 2009, 23:43 ] |
หัวข้อกระทู้: | สร้างเหตุอย่างไร ย่อมได้รับผลเช่นนั้น |
คือเพียงจะบอกน่ะค่ะ ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ล้วนมีเหตุมาก่อน ผลจึงเป็นเช่นนี้ ผู้ปฏิบัติพึงเจริญสติปัฏฐาน 4 ให้มากๆ .. ฉะนั้น เวลาจะพูด ก่อนพูดเราต้องคิดก่อน ว่า นี่เรากำลังสร้างเหตุใหม่ให้เกิดขึ้นแล้วนะ ผลย่อมไปรอที่อนาคตอย่างแน่นอน เหมือนเรื่องพระสงฆ์ .. จริงๆแล้ว เรื่องบางเรื่องเป็นการตีตนไปก่อนไข้ การให้เบอร์โทรฯพระไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร เราเองก็ให้ ทุกวันนี้ก็ยังคุยกับพระอยู่ เรื่องศาลาที่ยังสร้างไม่เสร็จ ทั้งเรื่องการปฏิบัติธรรม ส่วนตัวพระเองก็ไปขอเบอร์โทรฯของเราจากน้องที่เราฝากของไปทำบุญ ไม่ได้ขอจากเราโดยตรง พระโทรฯมาเราก็รับ ไม่คิดมากด้วย พอรับปุ๊บ ท่านก็เจริญพรคุณโยม อาตมาขอเบอร์โทรฯจากน้องคุณโยมมา จะส่งรูปศาลามาให้ดูว่าไปถึงไหนแล้ว .. ทุกวันนี้ท่านก็ยังโทรฯมาหา ให้ช่วยจัดส่งยาให้บ้าง มาส่งข่าวบ้างเรื่องกุฏิกัมมัฏฐานที่สร้างเพิ่ม ถ้าพระท่านโทรฯมาแล้วพูดไม่ดี เราก็อ้างว่า ไม่สะดวกที่จะคุย แล้ววางลงเท่านั้นเอง ทีนี้เราก็รู้ละว่าควรรับสายท่านหรือไม่ ไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลย ... บางที บางคำพูด ที่พูดไปโดยไม่ทันคิดถึงผลที่จะตามมา เลยทำให้เกิดความคิดละเมิดพระสงฆ์กันไปโดยไม่ได้เจตนา มีผลนะ ทั้งการปฏิบัติและชีวิตตัวเอง ... ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์ เราต้องรักษาจิตเราไว้ให้ดี กุศลกรรม อกุศลกรรม เลือกเอา ถ้าใครมาอ่านกระทู้นีแล้ว ทำให้จิตเกิดการกระเพื่อม ขออโหสิกรรมมาณที่นี้ด้วย เพราะจะให้พูดถูกใจทุกคนคงเป็นไปไม่ได้ อย่ามาสร้างกรรมใหม่ให้เกิดขึ้นกันอีกเลย โดยเฉพาะอกุศลกรรม |
เจ้าของ: | walaiporn [ 29 เม.ย. 2009, 21:49 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สร้างเหตุอย่างไร ย่อมได้รับผลเช่นนั้น |
อตฺตนาว กตํ ปาป อตฺตนา สงฺกิลิสฺสติ อตฺตนา อกตํ ปาป อตฺตนา ว วิสุชฺฌติ สุทฺธิ อสุทฺธิ ปจฺจตฺตํ นาญฺโญ อญฺญํ วิโสธเย. ทำบาปเอง ย่อมเศร้าหมองเอง ไม่ทำบาปเอง ย่อมหมดจดเอง ความหมดจดและความเศร้าหมองเป็นของเฉพาะตัว คนอื่นทำคนอื่นให้หมดจดหาได้ไม่ บาปเมื่อทำแล้ว ย่อมตกเป็นนมรดกแก่ผู้ทำนั่นเอง จะไปยื่นโยนโอนมอบให้แก่ผู้อื่นหาได้ไม่ หรือจะปัดเป่าชำระล้างโดยวิธีใดๆ ย่อมทำให้หมดไปไม่ได้เช่นเดียวกัน เพราะบาปไม่ใช่มลทินของร่างกายหรือสิ่งโสโครก จะได้ชำระล้างให้หมดจดไปได้ เอถ ปสฺสถิมํ โลกํ จิตฺตํ ราชรถถูปมํ ยตฺถ พาลา วิสีทนฺติ นตฺถิ สงฺโค วิชานตํ สูเจ้าทั้งหลาย จงมาดูโลกนี้ อันตระการตาดุจราชรถที่พวกคนเขลาหมกอยู่ แต่ผู้รู้หาข้องไม่ คำว่า " โลก " ในอรรถกถาหมายถึง อัตตภาพร่างกายอันเป็นที่ประชุมแห่งขันธ์ ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อันวิจิตร งดงามด้วยเครื่องประดับมีผ้านุ่งห่มเป็นต้น ส่วนพระมติของสมเด็จพระพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส หทรงอธิบายว่า โลก ในที่นี้ โดยตรงได้แก่แผ่นดินเป็นที่อาศัย โดยอ้อมได้แก่หมู่สัตว์ผู้อาศัย คนเขลาผู้ไม่รู้สัจธรรม ย่อมหมกมุ่นอยู่กับโลก โดยหลงใหลว่า เป็นเรา เป็นของเรา เป็นต้น ส่วนบัณฑิตผู้ฉลาดรู้เท่าทันในคติของธรรมดาแล้ว จึงไม่ข้องอยู่ในโลก คลายความยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวเป็นตนเสียได้ เย จิตฺตํ สญฺญเมสฺสนฺติ โมกฺขนฺติ มารพนฺธนา. ผู้ใดจักระวังจิต ผู้นั้นจักพ้นจากบ่วงแห่งมาร อาการสำรวมจิตมี ๓ อย่าง ๑. สำรวมอินทรีย์ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กายใจ มิให้ความยินดีครอบงำในเมื่อเห็นรูป ฟังเสียง ดมกลิ่น ลิ้มรส ถูกต้องโผฏฐัพพะอันน่าปรารถนา ๒. มนสิการกัมมัฏฐานอันเป็นปฏิปักษ์ต่อกามฉันทะ คือ อสุภะ และกายคตาสติ หรืออันยังใจให้สลดคือ มรณสติ ๓. เจริญวิปัสสนา คือ พิจรณาสังขารแยกออกเป็นขันธ์ สันนิษฐานให้เห็นเป็นสภาพไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา กิเลสกาม คือ เจตสิกอันเศร้าหมอง ชักให้ใคร่ ให้รัก ให้อยากได้ กล่าวคือ ตัณหา ความทะยานอยาก ราคะ ความกำหนัด อรติ ความขึ้งเคียดเป็นอาทิ จัดว่าเป็นมาร เพราะเป็นโทษล้างผลาญคุณความดีและทำให้เสียคน วัตถุกาม คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ อันเป็นของน่าชอบใจ จัดเป็นบ่วงแห่งมาร เพราะเป็นอารมณ์เครื่องผูกใจให้ติดแห่งมาร บ่วงแห่งมารนี้ ผู้ที่สำรวมระวังจิตด้วยวิธีทั้ง ๓ วิธีดังกล่าวแล้ว จึงจะสามารถหลุดพ้นจากอำนาจของมันได้ |
เจ้าของ: | วรานนท์ [ 29 เม.ย. 2009, 22:01 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สร้างเหตุอย่างไร ย่อมได้รับผลเช่นนั้น |
![]() ![]() ![]() เห็นด้วยครับ ใครทำกรรมเช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น ผู้ทำกรรมดี ย่อมได้รับผลที่ดี ผู้ทำกรรมชั่ว ย่อมได้รับผลที่ชั่ว หว่านผลเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้นกลับมา ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | walaiporn [ 30 เม.ย. 2009, 01:11 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สร้างเหตุอย่างไร ย่อมได้รับผลเช่นนั้น |
คำว่า พวกคนเขลาหมกอยู่ แต่ผู้รู้หาข้องไม่ นั้นมีลักษณะอาการ และคุณโทษต่างกันอย่างไร? พวกคนเขลาไม่เพียรพยายามพิจรณาให้เห็นจริงโดยถ่องแท้ ย่อมเพลิดเพลินในสิ่งอันให้โทษ ย่อมระเริงจนเกินพอดีในสิ่งอันอาจให้โทษ ย่อมติดอยู่ในสิ่งอันเป็นอุปการะทั้งภายใน ภายนอก เช่นนี้ชื่อว่า หมกอยู่ในโลก มีโทษคือ ย่อมเสวยสุขบ้าง ทุกข์บ้างตามสิ่งนั้นๆจะพึงอำนวย เหมือนปลาที่หลงกินเหยื่อที่เกียวติดอยู่กับเบ็ด ย่อมหาอิสระมิได้ ฝ่ายผู้รู้พิจรณารู้เห็นตามความเป็นจริงแห่งสิ่งนั้นๆ ว่าฉันใดแล้ว ไม่ข้องไม่พอใจหรือพัวพันในสิ่งอันล่อใจ อันใครๆและอะไรๆ ไม่อาจยั่วให้ติดด้วยประการใดๆ มีคุณ คือ ย่อมมีอิสระแก่ตนเอง ย่อมได้สุขที่ประณีต สุขภายในอันยั่งยืน ไม่ต้องทุกข์เพราะเหตุไรๆ |
เจ้าของ: | walaiporn [ 04 พ.ค. 2009, 06:35 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สร้างเหตุอย่างไร ย่อมได้รับผลเช่นนั้น |
นำมาให้อ่านซ้ำ สำหรับคนที่ยังหลงสภาวะอยู่ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้กระทำไป ล้วนมีผลต่อชีวิตและการปฏิบัติ แทนที่จะปฏิบัติแล้วก้าวหน้า กลับทำให้ติดขัดอยู่แค่นั้น ใครทำผิดศิลข้อไหน ศิลข้อนั้นก็จะย้อนกลับมาหาตัวเอง หากยังติดใจในวัฏสงสาร ก็ตัวใครตัวมานละกานน รักนะจะบอกให้ ความจริงจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ก็ได้ ... ![]() |
เจ้าของ: | O.wan [ 04 พ.ค. 2009, 07:01 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สร้างเหตุอย่างไร ย่อมได้รับผลเช่นนั้น |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ช่วงนี้งานยุ่ง แล้วพี่จะไปหาธรรมะที่ ![]() ![]() |
เจ้าของ: | walaiporn [ 04 พ.ค. 2009, 07:42 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สร้างเหตุอย่างไร ย่อมได้รับผลเช่นนั้น |
O.wan เขียน: ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ช่วงนี้งานยุ่ง แล้วพี่จะไปหาธรรมะที่ ![]() ![]() โหๆๆ พี่วรรณ ไม่กล้าหรอกค่ะ ![]() ไม่กล้าเป็นอาจารย์ใครหรอกค่ะ เพียงแต่ตอนนี้เห็นคนลงไปเล่นกับกิเลสกันเยอะ ก็รู้นะคะพี่ ว่าใครสร้างเหตุอย่างไร ย่อมรับผลเช่นนั้น แต่เพราะว่า เห็นกันมานานในเว็บบอร์ดนี้ แล้วเห็นว่า เขาเหล่านั้นเองก็ไม่ได้มีทิจฉาทิฏฐิมากเกินไป ก็คอยแอบแจมๆว่า เรารู้นะ แต่คนอื่นอาจจะไม่รู้ ก็เลยมาติงๆกันน่ะค่ะ แต่ไม่ได้คิดร้ายแต่อย่างไร เพราะรู้อยู่แล้วว่า ใครสร้างเหตุอย่างไร ย่อมได้รับผลเช่นนั้น ![]() กรรมนี่มันน่ากลัวจริงๆนะคะ โดยเฉพาะอกุศลกรรม ![]() |
เจ้าของ: | walaiporn [ 04 พ.ค. 2009, 18:37 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สร้างเหตุอย่างไร ย่อมได้รับผลเช่นนั้น |
ด้วยความปรารถนาดี จากสหายเก่า |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |