ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
เรื่องมรรค เรื่องใหญ่ : ปัจจัยแห่งสัมมาทิฏฐิ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=21333 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | กามโภคี [ 28 มี.ค. 2009, 16:50 ] |
หัวข้อกระทู้: | เรื่องมรรค เรื่องใหญ่ : ปัจจัยแห่งสัมมาทิฏฐิ |
สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ เป็นจุดเริ่มของสัมมาอีก ๗ ประการ ทำให้หมู่สัตว์หลุดพ้นจากวัฏฏะได้ หากขาดสัมมาทิฏฐิเสียแล้ว ก็คงไม่มีมรรคไม่มีผล ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปัจจัยเพื่อความเกิดขึ้นแห่งสัมมาทิฐิ ๒ อย่างนี้ ๒ อย่าง เป็นไฉน คือ การโฆษณาแต่บุคคลอื่น ๑ โยนิโสมนสิการ ๑ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปัจจัยเพื่อ ความเกิดขึ้นแห่งสัมมาทิฐิ ๒ อย่างนี้แล ฯ (พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาท) จากบันทึกที่มีปรากฎจึงสรุปได้ว่า สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ อาศัยปัจจัย ๑.การโฆษณาแต่บุคคลอื่น(ปรโต โฆษะ) การโฆษณาจากบุคคลอื่นหมายถึง การที่ได้รับฟังจากคนอื่น เช่นพระศาสดาทรงสั่งสอนแก่ เหล่าสาวก การที่อาจารย์ในสำนักสั่งสอนศิษย์ การฟังจากอาจารย์ผู้บอกกล่าวกรรมฐาน เป็นต้น อนึ่ง การที่บุคคลได้สืบค้น ค้นคว้าจากคัมภีร์ต่าง หนังสือต่างๆ ก็นับในข้อนี้ การรับฟังรับรู้จาก ที่ต่างๆจากบุคคลต่างๆ โดยตั้งใจรับรู้รับฟังหรือไม่ก็ตาม ทำให้สัมมาทิฏฐิเกิดขึ้นได้ ก็นับในข้อนี้ คำว่า แต่บุคคลอื่น (ปรโต) หมายถึงบุคคลที่ต้องบอกสัมมาทิฏฐิได้ถูกต้อง ในปัจจุบันนี้ก็คงต้อง หมายถึงบุคคลที่บอกแจ้งได้ไกล้เคียงกับดั้งเดิมหรือความจริงที่สุด ในทางพระพุทธศาสนาท่าน แนะนำให้ได้รับการฟังจากสัตบุรุษ หรือ กัลยาณมิตรที่ดี เพราะถ้าไม่ไช่สัตบุรุษหรือกัลยาณมิตร ที่ดีงาม ก็คงบอกสิ่งที่เป็นสัมมาทิฏฐิที่ถูกต้องไม่ได้ ๒.โยนิโส มนสิการ การพิจารณาโดยอุบายอันแยบคาย ความจริงคำนี้ ถ้าแปลกันตามศัพท์ น่าจะ แปลแบบไกล้เคียงได้ว่า กระทำในใจโดยความเป็นอย่างไร(ก็)อย่างนั้น หมายถึงการพิจารณา ตามความเป็นจริงของเหตุของผล ที่เกิดที่ดับ ความเป็นไปของสภาวะทั้งปวงตามความจริง ของสภาวะนั้นๆ(ในทางปฏิบัติหมายถึงการปฏิบัติสมถะและวิปัสสนา) เมื่อบุคคลได้รับการฟังการโฆษณา(ปรโต โฆษะ)จากบุคคลอื่นโดยถูกต้องดีแล้ว เมื่อมาใช้ปัญญา พิจารณาก็ทำให้เห็นแจ้งได้ตามหลักการของสัมมาทิฏฐิ ปัจจัยที่เกิดของสัมมาทิฏฐินี้ จะขาดข้อใดข้อหนึ่งมิได้เลย จำต้องอาศัยปัจจัย ๒ ประการ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อไม่มีการรับฟังหรือศึกษาจากบุคคลอื่นแล้ว ก็ไม่รู้จะเอาอะไรมาพิจารณาโดยแยบคาย ในมุมกับกัน แม้เมื่อไม่ได้เรียนหรือรับรู้มาจากคนอื่นเลย ลองแบบลองผิดเอาเอง ก็ไม่สามารถทำสัมมาทิฏฐิให้เกิดขึ้น ได้ จะเห็นตัวอย่างได้คือ ศาสดาลัทธิต่างๆ(มีครูทั้ง ๖ เป็นต้น) และเหล่าสมณะ นักบวชทั้งหลายที่มีมา ก่อนพุทธกาล ไม่สามารถทำสัมมาทิฏฐิให้เกิดขึ้นได้เลย แม้จะมีคนบอกคนกล่าว แต่ผู้บอกผู้กล่าวหาไช่ สัตบุรุษหรือกัลยาณมิตรตามความหมายในพุทธศาสนาแล้ว ก็ไม่สามารถทำสัมมาทิฏฐิให้เกิดได้ จะเว้น ไว้ก็แต่พระปัจเจกพุทธเจ้าและพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราเองที่พระองค์ทรงพิจารณา โดยแยบคายด้วยพระองค์เองแล้วทำให้สัมมาทิฏฐิเกิดขึ้นได้ (ก่อนพระพุทธเจ้าตรัสรู้นั้น ได้รับการแนะ นำมาในทางที่ไม่ไช่สัมมาทิฏฐิตามความหมายในศาสนาพุทธ) อย่างไรก็ดี ในพระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ ท่านจัดสัมมาทิฏฐิไว้ ๒ ประการ ๑.สัมมาทิฏฐิที่เรียกว่า สาสวะ หมายถึงสัมมาทิฏฐิที่ยังมีอาสวะอยู่ของปุถุชนคนธรรมดา และ ๒.สัมมาทิฏฐิที่เรียกว่า อนาสวะ หมายถึงสัมมาทิฏฐิที่ไม่มีอาสวะเจือปนของพระอริยะบุคคล ในข้อนี้ผมเองเข้าใจว่า ต้องมีสัมมาทิฏฐิในระดับหนึ่งก่อน(สาสวะ) เพราะหากไม่มีในลำดับนี้แล้ว ระดับที่เรียกว่าอนาสวะคงไม่เกิดขึ้นได้ จะสังเกตุได้ว่า การรู้อริยสัจจัดเป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อไล่ตั้งแต่ ทุกข์ ทุกขสมุทัย ทุกขนิโรธ และทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา คำว่า ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ก็หมายถึง มรรคนั่นเอง และในมรรคก็มีสัมมาทิฏฐิอยู่ แสดงว่า น่าจะมี ๒ ระดับตามที่พระสุตันตปิฎกกล่าวไว้ คือต้องมีสัมมาทิฏฐิระดับสาสวะก่อน เมื่อปัญญากล้าแล้วระดับของอนาสวะก็เกิด ในชั้นของอนาสวะ ปัจจัยแรก(ปรโต โฆษะ)จะใช้น้อยมาก เพราะท่านสัมมาทิฏฐิเต็มความหมายแล้ว ถูกต้องตามประสงค์ที่แท้ของสัมมาทิฏฐิแล้ว การรับรู้จากบุคคลอื่นจึงน้อยมาก(คือท่านเห็นอริยสัจอย่าง แจ่มแจ้งเสียแล้ว) ตามที่ผมบอกเล่ามานี้ สิ่งใดได้อ้างที่มาก็เป็นอันว่าสรุปตามที่อ้างนั้นได้ หากไม่ได้อ้างไว้ก็ถือว่าเป็นความ เข้าใจผมเอง กลัวว่าจะผิดพลาดจากความถูกต้องไป แล้วจะมีผู้ถือผิดตามๆกันไป ถ้ามีข้อท้วงติงใดๆ ขอจงท้วงติงมาได้นะครับ ยังเป็นปุถุชนกันอยู่ ย่อมมีผิดพลาดกันได้ หากมีข้อชี้แนะ ต่อเติมเสริมไปตาม หลักของศาสนามีที่มาที่ไปชัดเจน พึงต่อเติมเสริมได้เลย ผมอาจเห็นเพียงแง่เดียว แง่อื่นๆผมอาจมองไม่ เห็น คิดว่าช่วยกันจรรโลงพระศาสนากันครับ. --------------------------------------- ด้วยจิตคารวะ |
เจ้าของ: | sirinpho [ 10 ม.ค. 2025, 17:36 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เรื่องมรรค เรื่องใหญ่ : ปัจจัยแห่งสัมมาทิฏฐิ |
![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | Duangtip [ 19 พ.ค. 2025, 18:16 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เรื่องมรรค เรื่องใหญ่ : ปัจจัยแห่งสัมมาทิฏฐิ |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |