วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 14:29  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 41 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2009, 19:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มิ.ย. 2008, 19:29
โพสต์: 47

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คือมีครอบครัวอยู่แล้วแต่เกิดพลาดไปมีอะไรกับชายอื่น และเมื่อก่อนเวลานั่งสมาธิจะรู้สึกสบาย แต่หลังจากนั้นพอนั่งจะรู้สึกมีควันดำๆลอยอยู่ตรงหน้าอยากทราบว่าจะแก้ไขได้อย่างไรบ้างค่ะและจะเป็นอุปสรรคในการปฎิบัติธรรมหรือเปล่าค่ะ
ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ :b8:

.....................................................
มองตัวเองก่อนโทษคนอื่น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2009, 20:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


siwattra เขียน:
คือมีครอบครัวอยู่แล้วแต่เกิดพลาดไปมีอะไรกับชายอื่น และเมื่อก่อนเวลานั่งสมาธิจะรู้สึกสบาย แต่หลังจากนั้นพอนั่งจะรู้สึกมีควันดำๆลอยอยู่ตรงหน้าอยากทราบว่าจะแก้ไขได้อย่างไรบ้างค่ะและจะเป็นอุปสรรคในการปฎิบัติธรรมหรือเปล่าค่ะ
ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ :b8:


สิ่งที่คุณเห็นคือ ความคิด ความต้องการ ในส่วนลึก หรือในสมองส่วนที่คุณไม่สามารถระลึกได้ว่า มีความคิดความต้องการแบบนั้นเมื่อไหร่ หรือจะกล่าวอย่างให้เข้าใจง่ายขึ้นก็เรียกว่า "ภาพหลอน"ขอรับ
และ ย่อมเป็นอุปสรรค ในการปฏิบัติธรรม อย่างแน่นอน หมายถึงปฏิบัติสมาธิ นะขอรับ ถ้าจะให้ดี คุณก็ควรศีกษาเกี่ยวกับ สมาธิ ให้ดีก่อน จะได้ไม่เช้าใจผิด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2009, 21:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอทราบวิธีเจริญสมาธิของคุณหน่อยครับ คุณใช้กรรมฐานอะไร นั่ง-เดินจงกรมบ้างไหม ประมาณเนี้ยครับ


องคุลิมาลฆ่าคนเกือบพันคนยังสำเร็จพระอรหันต์ได้เลยครับ อย่าเก็บสิ่งที่ผ่านมาแล้วมาคิดให้รกสมองครับ ผ่านมาแล้วก็แล้วไป แก้คืนไม่ได้
พูดง่ายแต่ทำอาจยากหน่อยนะครับ ว่าอย่าคิดๆ แต่มันจะคิดนี่ ตรงนี้คือปัญหาครับ ดังนั้น เราจึงต้องฝึก หรือทำกรรมฐานไงครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2009, 22:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2009, 22:22
โพสต์: 3


 ข้อมูลส่วนตัว


อยู่กับองค์บริกรรม ไม่ต้องไปสนใจควันดำๆนั้น ถ้าใจตั้งมั่นอยู่กับองค์บริกรรม อะไรที่เกิดเดี๋ยวมันก็ดับไปเอง อย่าไปตามอารมณ์ใดๆที่เกิดขึ้น ให้เอาใจตั้งมั่นเอาไว้กับองค์บริกรรม

.....................................................
อนิจจา วต สังขารา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มี.ค. 2009, 02:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มิ.ย. 2008, 19:29
โพสต์: 47

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณทุกท่านค่ะ
ตอบคุณกรัชกาย ดิฉันใช้วิธีนั่งทำสมาธิค่ะ
จิตใจก็คิดถึงแต่เค้า สวดมนต์ภาวนาแล้วก็ไม่หาย
ขนาดหลับยังฝันถึงอีก พยายามไม่คิดถึงก็แล้ว
ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่หลังจากเขาถามว่าทำไมกลัวรักเค้าเหรอ
(จะทำตัวเหินห่างไม่ค่อยพูดและคุยกับเขา)และเคยพูดอโหสิกรรมกับเขาหากอดีตเคยทำกับเขาไว้
เขาก็อโหสิกรรมให้แต่ทำไมยิ่งรู้สึกผูกพัน
ทำงัยดีค่ะเพราะเขาก็มีแฟนแต่ไม่ได้แต่งงาน
และอีกอย่างเราก็เป็นเพื่อนสนิทกันด้วย
แต่เขาบอกว่าแอบรักดิฉันมานานตั้งแต่เรียนด้วยกัน
หรือจะเป็นตัวเราที่คิดมากเองโดยที่เราไม่รู้ตัว
แนะนำหน่อยค่ะ ได้โปรด เพราะปัญหาตัวเองอาจมองไม่เห็นทางแก้
ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

.....................................................
มองตัวเองก่อนโทษคนอื่น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มี.ค. 2009, 02:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


www.wimutti.net มีคำตอบทุกอย่างครับ

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มี.ค. 2009, 16:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ดิฉันใช้วิธีนั่งทำสมาธิค่ะ
จิตใจก็คิดถึงแต่เค้า สวดมนต์ภาวนาแล้วก็ไม่หาย
ขนาดหลับยังฝันถึงอีก พยายามไม่คิดถึงก็แล้ว
ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่หลังจากเขาถามว่าทำไมกลัวรักเค้าเหรอ
(จะทำตัวเหินห่างไม่ค่อยพูดและคุยกับเขา) และเคยพูดอโหสิกรรมกับเขาหากอดีตเคยทำกับเขาไว้
เขาก็อโหสิกรรมให้ แต่ทำไมยิ่งรู้สึกผูกพัน
ทำงัยดีค่ะเพราะเขาก็มีแฟนแต่ไม่ได้แต่งงาน
และอีกอย่างเราก็เป็นเพื่อนสนิทกันด้วย
แต่เขาบอกว่าแอบรักดิฉันมานานตั้งแต่เรียนด้วยกัน
หรือจะเป็นตัวเราที่คิดมากเองโดยที่เราไม่รู้ตัว
แนะนำหน่อยค่ะ ได้โปรด เพราะปัญหาตัวเองอาจมองไม่เห็นทางแก้



แนะนำหน่อยค่ะ ได้โปรด เพราะปัญหาตัวเองอาจมองไม่เห็นทางแก้


ปัญหาคุณเองมองเห็นแล้ว อย่างที่พูดที่บอกนั่นแหละ คุณรู้แล้วเห็นแล้วครับ
แต่ติดอยู่ตรงที่คุณยังไม่รู้ไม่เห็นทางออกจากความทุกข์ หรือ จากปัญหาเช่นว่านั้น

ความทุกข์เป็นผล จะแก้ที่ผลไม่ได้ จะต้องแก้ที่ต้นเหตุของมัน
เหตุ คือ อะไร
คือตัณหาหรือความอยากความต้องการ ความดิ้นรนของจิต (= สมุทัย) นี่คือเหตุแห่งทุกข์

หากจะปฏิบัติให้ได้ผลจริงยากพอควรครับ ไม่ง่ายเหมือนคำพูดหรอก

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มี.ค. 2009, 16:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จะบอกวิธีจากง่ายไปหายาก คุณค่อยๆทำความเข้าใจตามแล้วกันนะครับ

ก่อนอื่นควรรู้จักธรรมชาติของจิตสักเล็กน้อย

อันว่า ธรรมชาติของจิต คือ คิดอารมณ์ นึกคิดๆ อารมณ์ที่ผ่านเข้ามาทาง ตา ทางหู ฯลฯ ทางใจ
(เรื่องในใจ = ธรรมารมณ์) คิดดับ คิดดับๆๆ วนไปวนมา (แต่เร็วมาก ๆ เร็วจนตัวเองก็ยังนึกว่า คิดไม่หยุด) ตามกระบวนของมัน
แต่ .... แต่ หากขณะนั้นมีความคิดอื่นแทรก กระแสความคิดเดิมก็เปลี่ยน....(จุดแยกนี้ ควรเข้าใจเป็นหลักไว้...ความคิดเปลี่ยนได้ มันเปลี่ยนอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก)

จะยกตัวอย่างให้เห็นเป็นรูปธรรม สมมุติว่า คุณกำลังนั่ง-นอนคิดถึงเค้าอยู่ อินกับอารมณ์เช่นว่านั้น เหมือนมีเรามีเค้าอยู่ในความคิดนั้น ...หากขณะนั้น มีเพื่อนสนิทมาตะโกนเรียก...คุณ siwattraๆๆ อยู่ไหม ? หูได้ยินเสียง ....เรื่องในใจที่กำลังคิดอยู่ก็ดับ จิตจะไปสนใจสิ่งใหม่ คือเสียงคนเรียกว่า....ใครมาเรียก เรียกทำไม มีธุระอะไร ฯลฯ ....
ครั้นได้นั่งพูดคุยกันถูกคอสนุกสนาน ขณะนั้นเราก็ลืมเรื่องที่ไม่สบายใจก่อนหน้าไปสิ้น

แต่ครั้นอยู่คนเดียวอีก อีกแล้วจิตก็คิดเรื่องที่แรงๆ อีก เพราะไม่มีอารมณ์ปัจจุบันให้จิตเสพ
มันจึงเสพอารมณ์ในใจที่เติบกว่า เป็นทุกข์อีก เพราะว่าเป็นอนิฏฐารมณ์
พอมองเห็นเค้านะครับ


...เข้าเรื่อง เริ่มจากหยาบไปหาละเอียด

-ขั้นต้น คุณพึงนึกคิดเนื่องๆ ว่า เรามีสามีแล้วๆๆๆ ควรซื่อสัตย์ต่อสามีๆๆๆ หากสามีจับได้ชีวิตคู่พัง

-เป็นไปได้ ไม่ควรพบหน้าผู้ชายคนนี้อีก หากจำเป็นต้องพบเพราะงานเกี่ยวข้องกัน
ก็ไม่ควรอยู่กันสองต่อสอง

-ไม่ควรอยู่คนเดียวนานๆ หากิจกรรมเล็กน้อยๆทำยามว่าง เช่น ทำงานบ้าน อ่านหนังสือธรรมะ เป็นต้น เพื่อให้จิตสนใจต่อสิ่งที่อยู่เฉพาะหน้า


อ้างคำพูด:
ทำงัยดีค่ะเพราะเขาก็มีแฟนแต่ไม่ได้แต่งงาน
และอีกอย่างเราก็เป็นเพื่อนสนิทกันด้วย
แต่เขาบอกว่าแอบรักดิฉันมานานตั้งแต่เรียนด้วยกัน


-เขาจะมีแฟนหรือไม่ ไม่เกี่ยวกับครอบครัวเรา แต่เรามีสามีแล้ว คิดถึงข้อนี้บ่อยๆ

-คุณ siwattra ครับ เรื่องพันยังงี้นะ ผู้ชายพูดได้สารพัดเพื่อจะกินของฟรี เค้ามีแต่ได้ ผู้เสียคือเรา

อ้างคำพูด:
เคยพูดอโหสิกรรมกับเขา หากอดีตเคยทำกับเขาไว้
เขาก็อโหสิกรรมให้ แต่ทำไมยิ่งรู้สึกผูกพัน


-พูด-คิดเรื่องอโหสิกรรม ไม่ต่างจากนึกคิดเรื่องดังกล่าวข้างต้น เป็นการเปลี่ยนกระแสความคิด หรือ เปลี่ยนวิถีจิตนั่นเอง
คุณคิด-พูดว่า ขออโหสิกรรมนะคะ ...แวบเดียว ความแรงหรือน้ำหนักไม่พอที่จะเปลี่ยนกระแสความคิด
ที่เชี่ยวกรากได้ หากให้เปรียบก็เหมือนหยดน้ำสะอาดเพียงหยดเดียว นำไปหยดลงในบ่อน้ำครำ
น้ำสะอาดหยดเดียวนั้น ไม่มากพอที่จะทำน้ำคร่ำในบ่อนั้นให้ใสได้

อ้างคำพูด:
เขาก็อโหสิกรรมให้


-เขาพูดๆไปงั้นแหละว่า “อโหสิ” จ้าที่รัก เพื่อตามใจเรา หลังจากนั้นแล้วแต่โอกาส เขาไม่ได้มุ่งมั่นอะไรหรอกครับ

อ้างคำพูด:
แต่ทำไมยิ่งรู้สึกผูกพัน


กามรส (กามตัณหา) ไม่เข้าใครออกใคร พอเสพก็ติด ยิ่งเสพก็ยิ่งติด
แต่ติดกับคู่ครองของตน ก็ไม่ผิด เป็นธรรมดาสัตว์โลก ทางธรรมเรียกว่า กามสุข

อ้างคำพูด:
ดิฉันใช้วิธีนั่งทำสมาธิค่ะ
จิตใจก็คิดถึงแต่เค้า สวดมนต์ภาวนาแล้วก็ไม่หาย
ขนาดหลับยังฝันถึงอีก พยายามไม่คิดถึงก็แล้ว


คุณคงเป็นไม่น้อย กระแสความคิดจึงยังแรงอยู่ (เหมือนเหตุการณ์เพิ่งเกิดยังไงยังงั้น) ขนาดหลับยังฝัน ความจริงคนหลับสนิทจะไม่ฝัน แต่หลับๆ ตื่นๆ ครึ่งหลับครึ่งตื่น งี้จะฝันเพราะจิตเริ่มขึ้นสู่วิถีของมัน
เพราะยังไม่ได้ไม่มีอารมณ์อื่น จิตจึงเสพอารมณ์คุ้นก่อน ซึ่งก็คือเรื่องที่คิดๆๆ ก่อนนอนนั่นแหละ

อ้างคำพูด:
ดิฉันใช้วิธีนั่งทำสมาธิค่ะ


การฝึกจิต หรือ จะเรียกว่าเจริญสมาธิ เป็นต้นก็ได้ ชื่อไม่สำคัญ จะต้องมีกรรมฐาน
หรือ ที่ให้จิตทำงาน (ปัจจุบันอารมณ์) เช่น ลมหายใจเข้า –ออก, อาการท้องที่พองขึ้น
กับยุบลง เป็นกรรมฐาน แล้วใช้คำบริกรรมเพื่อตรึงจิตไว้กับกรรมฐาน ตามจังหวะลมเข้าออก ,
ตามอาการท้องที่พองกับยุบลง จึงจะได้ผล กุศลธรรมจะเกิดเร็วต่อเนื่อง
คุณใช้แบบไหนครับ (รายละเอียดเรื่องนี้ขอพูดอีกรอบหนึ่ง)

อ้างคำพูด:
สวดมนต์ภาวนาแล้วก็ไม่หาย


การเจริญสมาธิภาวนาก็ดี การสวดมนต์ก็ดี หรือจะภาวนาวิธีอื่นใดก็ตาม ต้องทำบ่อยๆ เนื่องๆ
จึงจะเห็นผล ควรทำเป็นอาจิณแม้ยามปกติด้วยซ้ำ จิตจึงจะคุ้นจะชำนาญต่อกุศลวิธี
จึงจะมีกำลังพอต้านบาปอกุศลจิตได้ทันควัน

มิใช่ว่า นั่งคิดถึงเค้าทั้งวัน ทุกข์เหลือเกินทนไม่ไหวแล้ว เข้าห้องสวดมนต์หน่อย แล้วจะให้ได้ผลเป็นไปไม่ได้ครับ เหมือนๆ คนเป็นไข้หนัก นอนซมเป็นแรมเดือน กินยาลดไข้เม็ดเดียวมื้อเดียว จะให้หายไข้หายปวดเลยเป็นไปไม่ได้ฉันใดก็ฉันนั้นครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มี.ค. 2009, 20:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มิ.ย. 2008, 19:29
โพสต์: 47

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณค่ะคุณกรัชกายที่ให้สติ คงเหมือนอย่างที่คุณว่าเขาพูดแค่ต้องการของฟรีทั้งนั้น
พออ่านจบเหมือนปัญหามันขาดลงเลยค่ะ อาจจะเป็นที่เราเข้าข้างตัวเองก็เลยไม่ยอมหยุดคิด
ได้ข้อคิดมาโต้ความคิดเดิมมากเลยค่ะ ส่วนเรื่องสมาธิใช้วิธีตามดูลมหายใจค่ะ
ขอบคุณมากค่ะที่เตือนสติ ตอนนี้รู้สึกโล่งเลยค่ะ :b16: :b8:
หากมีปัญหาอีกขอคำปรึกษาอีกจะรบกวนมั๊ยค่ะ :b8:

.....................................................
มองตัวเองก่อนโทษคนอื่น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มี.ค. 2009, 21:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ขอบคุณค่ะคุณกรัชกายที่ให้สติ คงเหมือนอย่างที่คุณว่า เขาพูดแค่ต้องการของฟรีทั้งนั้น
พออ่านจบเหมือนปัญหามันขาดลงเลยค่ะ อาจจะเป็นที่เราเข้าข้างตัวเองก็เลยไม่ยอมหยุดคิด
ได้ข้อคิดมาโต้ความคิดเดิมมากเลยค่ะ
ส่วนเรื่องสมาธิใช้วิธีตามดูลมหายใจค่ะ
ขอบคุณมากค่ะที่เตือนสติ
ตอนนี้รู้สึกโล่งเลยค่ะ
หากมีปัญหาอีกขอคำปรึกษาอีกจะรบกวนมั๊ยค่ะ



หากมีปัญหาอีกขอคำปรึกษาอีกจะรบกวนมั๊ยค่ะ

กรัชกายเข้าบอร์ดหลังจากตื่นนอนแล้ว เลยไม่รบกวนแต่อย่างใดครับ

เหตุผลก็ดังกล่าวข้างต้น ขณะความคิดกำลังหมุนไป ๆ เมื่อมีความคิดอื่นแทรก
กระแสความคิดเดิมจะเปลี่ยน คุณควรฝึกคิดแง่บวกบ่อยๆ เพื่อตัดกระแสอกุศลจิต :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มี.ค. 2009, 22:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มิ.ย. 2008, 19:29
โพสต์: 47

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ค่ะ เหมือนดิฉันมีกรรมกับศีลข้อกาเม จริงๆ
พอปฎิบัติได้ไม่นานจะมีเหตุให้ต้องผิดข้อนี้
คือดิฉันถือศีลห้าได้เกือบสามปีแล้วค่ะ
ไม่คิดว่าจะพลาดได้ มีวิธีแก้ให้หมดกรรมจากข้อนี้ไหมค่ะ
คือนึกย้อนไปเมื่อก่อนจะมีเหตุให้ผิดอยู่ข้อเดียว
แนะนำด้วยน่ะค่ะ :b8:

.....................................................
มองตัวเองก่อนโทษคนอื่น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มี.ค. 2009, 08:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2009, 04:12
โพสต์: 1067


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: สวัสดีค่ะ คุณ siwattra
มีข้อคิดนิดมาฝากค่ะ
คนไร้สาระ อ่านเจอเป็นพุทธพจน์ของพระพุทธเจ้า
ท่านกล่าวว่า " เจตนาคือ กรรม "
จะละกรรมได้ ต้องละที่เจตนาของจิต

(อันนี้เป็นสำนวนพระ)
ท่านกล่าวว่าคนหนึึ่ึ่ึ่ง ฆ่ามดตัวเดียว คิดร้อยครั้ง
เท่ากับฆ่าร้อยตัว...

เช่นเดียวกัน....
การคิดบ่อย ๆ เท่ากับยิ่งเพิ่มปริมาณ
คุณกรัชกายพูดถูก คิดบวกไว้ก่อน
คนเรา ผิดศีลได้ เพราะ ขาดสติ
สิ่งใดที่ทำแล้วทุกข์ใจภายหลังไม่ควรทำ

การสำนึกผิด เป็นเรื่องดี
แต่ ..... ความรู้สึกผิดแบบซ้ำซาก
ไม่ดี ไม่ควรทำ ทำให้จิตขุ่นมัว
ในขณะที่จิต ขุ่นมัว เศร้าหมอง จิตชนิดนี้
อยู่ในตระกูลโทสะ ...เป็นจิตที่อยู่ในภูมิของสัตว์นรก
(อันนี้อ่านแล้วค่อนข้างแรง แต่เอาไว้เตือนจิต)
รู้สึกบ่อยๆ กลายเป็นอาจิณกรรม ถ้าเกิดเสียชีวิต
ในขณะนี้ ที่ไป...ก็ที่ ที่จิตมันเคยชินค่ะ

คนเราทำผิดกันได้....
ในขณะที่คุณรู้ว่าผิด เท่ากับตอนนี้
รับวิบากของกรรมไปส่วนหนึ่งแล้ว
เมื่อใดที่จิตคุณ ยอมรับและตั้งใจใหม่ให้ดี
เป็นชีวิตใหม่ จิตเกิดดับอยู่ทุกขณะ
คนเก่าดับไปแล้วที่เหลือเป็นคนใหม่
พยายามไม่หลงคิดไปในอดีต ไม่คิดไป
ในอนาคต

แถมท้ายนิดหนึ่ง ......
มีสติอยู่กับปัจจุบันขณะให้มาก ๆค่ะ
ให้กำลังใจ คุณสู้กับศัตรู คือใจตัวเอง
ลองเข้าเว็ปวิมุตติที่คุณคามินธรรมแนะนำซิค่ะ
มีอะไรดีๆ มากมายค่ะ

.....................................................
...นฺตถิตัณหา สมานที...
ห้วงน้ำใหญ่โต เสมอด้วยตัณหาไม่มี


แก้ไขล่าสุดโดย คนไร้สาระ เมื่อ 16 มี.ค. 2009, 06:35, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มี.ค. 2009, 09:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 มิ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1855

แนวปฏิบัติ: อานาปานสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: THAILAND

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: ธรรมะสวัสดี ยินดีที่ได้รู้จักท่านสมาชิกใหม่จ้า


:b48: อะไรที่มันทำให้ทุกข์ ก็อย่าเข้าใกล้มันสิท่าน (พูดง่ายแต่ทำยากสำหรับบางท่าน)
หมั่นฝึกสมาธิ และปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ละเว้นความชั่ว แล้วสักวันจะประสบผลสำเร็จ
ขอเอาใจช่วยนะจ๊ะ
:b48:

:b4: ปล.เพิ่งเห็นสโลแกนใหม่ ท่านคามินธรรม เข้าท่านะ

.....................................................
[สวดมนต์วันละนิด-นั่งสมาธิวันละหน่อย]
[ปล่อยจิตให้ว่าง-ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ]


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มี.ค. 2009, 10:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มิ.ย. 2008, 19:29
โพสต์: 47

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอขอบคุณเพื่อนสมาชิกธรรมทุกท่านที่แนะนำและให้กำลังใจค่ะ

.....................................................
มองตัวเองก่อนโทษคนอื่น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มี.ค. 2009, 17:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ค่ะ เหมือนดิฉันมีกรรมกับศีลข้อกาเม จริงๆ
พอปฎิบัติได้ไม่นานจะมีเหตุให้ต้องผิดข้อนี้
คือดิฉันถือศีลห้าได้เกือบสามปีแล้วค่ะ
แต่ศีลดันขาดก่อนกลับได้ไม่กี่วัน (อยู่อเมริกาค่ะ พอดีกลับไปเมืองไทย)
ขนาดก่อนหน้าก็มีเหตุให้เกือบผิดศีลข้อนี้แต่ก็พ้นมาได้
ไม่คิดว่าจะพลาดได้ มีวิธีแก้ให้หมดกรรมจากข้อนี้ไหมค่ะ
คือนึกย้อนไปเมื่อก่อนจะมีเหตุให้ผิดอยู่ข้อเดียว
แนะนำด้วยน่ะค่ะ



ในตัวมนุษย์มีพลังอยู่ ๒ ฝ่าย คือ พลังฝ่ายขาว (กุศลจิต) กับพลังฝ่ายดำ (อกุศลจิต หรือ กิเลสมาร) ต่างคนต่างก็มีกำลังในตัวเอง
พลังสองฝ่ายจะสู้ยื้อแย่งครองพื้นที่กันอยู่ตลอด ดึงกันไปดึงกันมาเหมือนคนเล่นชักเย่อ ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ

ขณะใดพลังฝ่ายขาวแรงกว่า ก็คิดสร้างสรรค์ปรุงแต่งให้คิดดีพูดดีทำดี ชีวิตขณะนั้นดูปลอดโปร่งโล่งเบาแคล่วคล่องว่องไวกระฉับกระเฉง
แต่ขณะใด พลังฝ่ายดำแรงกว่า จะปรุงแต่งสร้างสรรค์ ให้คิดไม่ดี พูดไม่ดี ทำไม่ดี
ชีวิตขณะนั้นดูติดๆขัดๆเร่าร้อนกายใจหงุดหงิดนั่งไม่ติดที่


ลองสังเกตครับ เมื่อเราตั้งจิตตั้งใจจะทำความดีสักอย่างหนึ่ง ตั้งใจว่า
จะไปปฏิบัติธรรม จะเจริญกุศลอย่างจริงๆจังๆ มักมีอุปสรรคตัดรอนความตั้งใจ มีเรื่องนั้นเรื่องนี้ขัดขวาง เหมือนทดสอบพลังฝ่ายขาว สังเกตดู

คุณก็เข้าลักษณะเช่นว่านั้น หลังจากตั้งใจว่าจะรักษาศีลปฏิบัติธรรม สร้างกุศลธรรมกรรมดี ก็เหมือนมีพลังฝ่ายดำดังกล่าว คอยขัดขวาง คอยทดสอบ พาออกนอกเส้นทางบุญอยู่เรื่อย พลังฝ่ายอกุศลจิตทดสอบครับ แก้ด้วยสร้างพลังฝ่ายขาวบ่อยๆ เนื่องๆ
ต้องเข้มแข็งจึงจะเอาชนะพลังฝ่ายมารได้
ดังกล่าวข้างต้นว่า ไม่ง่ายนัก

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 41 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 149 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร