ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

เมตตาธรรมค้ำจุนโลกา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=20765
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  หนาน [ 24 ก.พ. 2009, 15:54 ]
หัวข้อกระทู้:  เมตตาธรรมค้ำจุนโลกา

ในความคิดของผม หากคนเรามีความเมตตา กรุณา ต่อเพื่อนมนุษย์และสัตว์โลก โลกเราจะน่าอยู่ขึ้นมากกว่านี้ พระพุทธองค์ได้ทรงประกาศศาสนาพุทธ เพื่อให้สัตว์โลกพ้นทุกข์ ไม่ต้องคิดอะไรมาก แค่ศีล 5 ข้อแรก ปาณาติปาตา เวระมณี ห้ามเบียดเบียนสิ่งมีชีวิต คนเรายังทำกันไม่ค่อยจะได้ ดูจาก

1. เมนูอาหารเราแต่ละเมนูล้วนเบียดเบียนชีวิตเพื่อนสัตว์โลกทั้งนั้น
ไม่ว่าจะเป็นหูฉลาม ผัดเผ็ดปลาดุก หมูกะทะ วัวหัน ไก่ KFC ฯลฯ
2. คดีฆ่ากันไม่เว้นแต่ละวันตามข่าวทั้งในและต่างประเทศ
3. ข่าวการสู้รบของทหารและผู้ก่อการร้ายทั้งในไทยและต่างประเทศ
4. ข่าวการเบียดเบียนสัตว์ไม่ว่าจะเป็นการ ชนวัว สู้วัวกระทิง การแข่งปลากัด การชนไก่ ฯลฯ
5. โทษประหารชีวิต ผมว่าไม่ควรจะมีในโลกนี้และยิ่งในประเทศไทย เราเป็นเมืองพุทธ
เราไม่ควรฆ่าใครอีก โทษจำคุกตลอดชีวิตก็น่าจะพอแล้วนะครับในความคิดผม

ผมว่าเมตตาธรรมน่าจะค้ำจุนโลกได้นะครับ

เจ้าของ:  AAAA [ 26 ก.พ. 2009, 13:11 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เมตตาธรรมค้ำจุนโลกา

:b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  kokorado [ 26 ก.พ. 2009, 20:55 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เมตตาธรรมค้ำจุนโลกา

ศีล 5 เมื่อละเมิดแล้วย่อมเกิดความเดือดร้อนต่อผู้ละเมิด เขาไม่รักตัวเองหรืออย่างไร ไม่มีใครอยากให้ตัวเองเป็นทุกข์ แต่คนเราก็ยังทำเหตุแห่งทุกข์ ซึ่งก็เพราะแรงผลักดันของกิเลส หากในใจของมนุษย์ไม่มีกิเลส โลกนี้ก็ไม่วุ่นวาย จากคำทำนาย อายุขัยของมนุษย์จะลดลง 1 ปี ในทุก100 ปี ปัจจุบัน
พ.ศ.2552 อายุขัยเฉลี่ยเหลือ 74 ปี สรุปคือ โลกกำลังเข้าสู่ยุคเสื่อม เมื่ออายุมนุษย์ลดลงเหลือ 10 ปี จะเป้นยุคมิคสัญญี แล้ว จากนี้จะเป้นช่วงที่โลกจะเจริญขึ้นมาใหม่

เจ้าของ:  วรานนท์ [ 26 ก.พ. 2009, 21:24 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เมตตาธรรมค้ำจุนโลกา

:b8: :b8: :b8:
เมตตาธรรม "ธรรมของผู้นำที่ดี"
๑ มีความรู้กว้างขวาง อย่าหยุดในอันที่จะศึกษาหาความรู้
๒ ไว้วางใจ ต้องหัดเป็นคนไว้วางใจคนอื่นบ้างในบางครั้ง
๓ ให้โอกาส ต้องให้โอกาสคน ในการพิสูตรความสามารถ
๔ ปราศจากอคติ อย่าลำเอียง
๕ มีความดำริก้าวหน้า มีความคิดใหม่ ๆ เกิดขึ้นอยู่เรื่อย ๆ
๖ เกิดปัญหาแก้ไข อย่าดองปัญหาเก็บไว้นาน
๗ ป้องกันภัยให้กับผู้ร่วมงาน คือต้องเป็นนักบริหารผู้ปกป้อง
ถ้ามีครบ ๗ อย่างนี้ถือว่าเป็นผู้นำที่ดี เรียกว่า "มีเมตตาธรรม" ได้แน่นอนครับ
:b8: :b35: :b35: :b35: :b35: :b35: :b35: :b35:

เจ้าของ:  อินทรีย์5 [ 27 ก.พ. 2009, 10:24 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เมตตาธรรมค้ำจุนโลกา

เจ๊กหมดทุนเจ๊กหมดทุน

..... มีชายคนหนึ่งอยู่สุไหงโกลก..ชื่ออาฮัง.. อาฮังหรือ..เจ๊กฮัง..ค้า
ขายขาดทุนปีเดียวสามสี่แสนบาท.... ไม่เป็นอันทำมาหากินเลย..พอ
ขาดทุนสี่แสนก็มานั่งทำท่าเหมือนลิงป่วย..... หมดแรง..หมดอาลัย
ตายอยาก.... พูดพร่ำอยู่คำเดียวทั้งวัน...อั๊วขาดทุนหมดแล้ว..อั๊วขาด
ทุน หมดแล้ว จนญาติๆระอา...ไม่รู้จะทำอย่างไรเลยหามมาส่งที่วัด
สวนโมกข์...
อาตมาอยู่สวนโมกข์ได้ 7ปีพอดีปรากฏว่า..มันก็มานั่งที่ตรงหินโค้ง...
นั่งเป็นทุกข์ในท่าเจ๊กหมดทุนท่าเดิม...
นั่งบ่น..อั๊วเจ๊งหมดแล้ว..อั๊วขาดทุนหมดแล้ว........ อาจารย์พุทธทาสก็
เลยเข้าไปถามว่า.... ฮัง...ลื้อขาดทุนแน่หรือ....
แน่ซิครับ...สี่แสนปีเดียวหมดเกลี้ยง..ผมขาดทุนย่อยยับหมดเลย....
คิดให้ดี...ขาดทุนจริงๆนะเหรอ.... จริงซิครับ...อย่ามาถามยั่วโทสะ
ผมนะ...... อาจารย์พุทธทาสก็เลยถามต่อว่า...โยมอาฮัง... ที่ลื้อบ่น
ขาดทุน..ขาดทุนนี่..ลื้อเกิดมาลื้อมีทุนติดตัวมาเท่าไร....... วันที่ลื้อ
เกิดมานะ
อาฮังนั่งคิดอยู่พักหนึ่ง..เอ๊ะ..ใครมันจะไปดึงทุนออกมาจากท้องแม่
ได้ในวันเกิดนะพระนี่ถามอะไร แปลกๆ...
อาฮังตอบว่า ..ไม่มี..
อาจารย์พุทธทาสท่านก็ถามต่อ...เดี๋ยวนี้หม้อหุงข้าวลื้อมีไหม... หม้อ
หุงข้าวมี.. เสื้อผัามีใส่ไหม... มี... บ้านมีอยู่ไหม...... มี... ถามอะไร
ต่อมิอะไร..มันก็ตอบว่า..มีๆๆ... อาจารย์พุทธทาสท่านจึงบอกว่า ..อา
ฮัง...ลื้อไม่ได้ขาดทุน หรอก เพียงแต่กำไรมันลดลงไปนิดหน่อยเท่า
นั้น.


ดูเพิ่มเติมได้ที่นี่ http://board.212cafe.com/view.php?user=tony&id=476

ไฟล์แนป:
คำอธิบาย: เมตตาธรรมค้ำจุนโลก(แม้แต่สุนัขยังมีเมตตาเลยย)
.jpg
.jpg [ 19.19 KiB | เปิดดู 4092 ครั้ง ]

เจ้าของ:  บัวไฉน [ 08 มี.ค. 2009, 16:54 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เมตตาธรรมค้ำจุนโลกา

:b8: อนุโมทนา กับท่านเจ้าของกระทู้ ด้วยนะจ๊ะ
สำหรับ เมตตาธรรมค้ำจุนโลก

:b2: แต่พอเห็นภาพประกอบ ของท่าน อินทรีย์ 5 แล้ว
สงสารน้องหมาจัง

เจ้าของ:  ไผ่ [ 11 มี.ค. 2009, 22:33 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เมตตาธรรมค้ำจุนโลกา

kokorado เขียน:
ศีล 5 เมื่อละเมิดแล้วย่อมเกิดความเดือดร้อนต่อผู้ละเมิด เขาไม่รักตัวเองหรืออย่างไร ไม่มีใครอยากให้ตัวเองเป็นทุกข์ แต่คนเราก็ยังทำเหตุแห่งทุกข์ ซึ่งก็เพราะแรงผลักดันของกิเลส หากในใจของมนุษย์ไม่มีกิเลส โลกนี้ก็ไม่วุ่นวาย จากคำทำนาย อายุขัยของมนุษย์จะลดลง 1 ปี ในทุก100 ปี ปัจจุบัน
พ.ศ.2552 อายุขัยเฉลี่ยเหลือ 74 ปี สรุปคือ โลกกำลังเข้าสู่ยุคเสื่อม เมื่ออายุมนุษย์ลดลงเหลือ 10 ปี จะเป้นยุคมิคสัญญี แล้ว จากนี้จะเป้นช่วงที่โลกจะเจริญขึ้นมาใหม่

ถ้าอายุมนุษย์เหลือ 10 ปีจะเป็นดังที่พระพุทธองค์ได้ตรัสถึงความเสื่อมและความเจริญของคนว่าขึ้นอยู่กับศีลธรรม คนอายุน้อยศึงธรรมเสื่อม คนอายุยืนศีลธรรมเจริญไว้ดังนี้
"ภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อคนมีอายุขัย 10 ปี จะมีสัตถันตรกัปสิ้น 7 วัน คือ คนเหล่านั้นจะเห็นคนด้วยกันเป็นเหมือนหมู่เนื้อ เมื่อพบกันจะตรงเข้าฆ่าฟันกัน โดยคิดว่าเป็นหมู่เนื้อ
ภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นคนเหล่านั้น บาวพวกทีความคิดว่า พวกเราอย่าฆ่าใครๆ และใครๆก็อย่าฆ่าเรา อย่ากระนั้นเลย เราเข้าไปอยู่ตามป่าหญ้า สุมทุมพุ่มไม้ หรือตามซอกเขา มีรากไม้และผลไม้ในป่าเป็นอาหารเลี้ยงชีวิตอยู่ และอยู่อย่างนั้นตลอด 7 วัน
เมื่อ ล่วง 7 วันไป เขาพากันออกจากป่าหญ้า จากสุมทุมพุ่มไม้และจากซอกเขา แล้วต่างตรงเข้าสวมกอดกันและกัน จะขับร้องด้วยความดีใจแล้วทักทายกันว่า "ท่านผู้เจริญ เราพบกันแล้ว ท่านยังมีชีวิตอยู่หรือ? " ภิกษุทั้งหลาย ลำดับนั้น คนเหล่านั้นจะมีความคิดว่าเราถึงความสิ้นญาติอย่างใหญ่เห็นปานนี้ เหตุผลเพราะประพฤติอกุศลกรรม อย่ากระนั้นเลยเราควรทำกุศลกรรม เราควรงดเว้นจากปาณาติบาต ควรสมาทานกุศลกรรมนี้แล้วปฏิบัติ เพราะเหตุที่เขาสมาทานกุศลแล้วปฏิบัตินี้ เขาจะเจริญด้วยอายุบ้าง จะเจริญด้วยวรรณะบ้าง ด้วยเหตุนี้ บุตรของเขาทั้งหลายที่มีอายุ 10 ปี จะมีอายุเจริญขึ้นถึง 20 ปี และจะเจริญขึ้นไปตามลำดับถึง 80,000 ปี แล้วเมื่อศีลธรรมเสื่อมลง อายุของสัตว์ก็จะลดลงเหลือ 10 ปีอีก วนเวียนกันอยู่อย่างนี้..."
จักกวัตติสูตร 10/64
[i]
[i]ดูแล้วน่าสลดใจนะครับ ในปัจจุปันนี้ก็เข้าเค้าแล้วล่ะครับ เด็กอายุไม่กี่ขวบก็ก่ออาชญากรรมกันได้แล้ว ..ธรรมสวัสดีทุกท่านครับ
[/i][/i]

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/