วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 04:17  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2009, 15:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ม.ค. 2009, 14:00
โพสต์: 1


 ข้อมูลส่วนตัว


กับชีวิตคู่ที่ผ่านมากว่า 10 ปี มาลองทบทวนดูแล้วมีน้อยเรื่องที่คิดเห็นตรงกัน เขาชอบสังสรรเฮฮา-เราชอบความสงบเงียบเป็นส่วนตัว การซื้อผลไม้เขาชอบซื้อใหญ่ๆ สวยๆ ดูดี (จะอร่อยหรือไม่ก็ไม่สนใจ)-เราชอบซื้อแบบอร่อยรสชาติดี (จะเล็กก็ได้ไม่เป็นไร) ไม่ว่าข้าวต้มหรือกาแฟเขาชอบกินแบบว่าร้อนจี๋-เราต้องใส่น้ำแข็งช่วยลดความร้อนถึงจะกินได้ไม่งั้นปากพอง จริง ๆ ก็เป็นความชอบส่วนบุคคลเราก็ไม่ซีเรียสอะไร ปัญหาเริ่มจะมีเมื่อมีลูก เขาสอนลูกอย่าง-เราสอนลูกอย่าง เราไม่สามารถโน้มน้าวเขาให้คิดอย่างเรา และเราก็ไม่สามารถรับแนวคิดเขา เช่น เราสอนลูกให้กินใช้อย่างพอเพียงเรียบง่าย เดินดิน กินข้าวแกง-เขาพยายามส่งเสริมลูกกินพิซซ่า แฮมเบอร์เกอร์ สปาเก็ตตี้ ไปไหนไม่ให้ลูกเดินต้องขับรถไปส่งถึงที่ ไม่ว่าลูกอยากได้อะไรแค่ลูกบ่น รำพึงให้ได้ยินก็สรรหามาให้ในทันที-แต่เราจะสอนลูกว่าถ้าลูกอยากได้ของเล่นลูกต้องทำความดีเก็บคะแนนสะสมไว้จึงจะได้ของเล่น ลูกต้องรู้จักอดทนและรอคอย ลูกเปิดน้ำฝักบัวทิ้งเฉยๆ ช่วงถูสบู่เขาก็ว่าไม่เป็นไรดีกว่าลูกไม่ยอมอาบน้ำ - เราจะสอนว่า น้ำทุกหยดมีคุณค่ากว่าจะได้มา และทรัพยากรน้ำก็มีจำกัด ถ้าเราไม่ประหยัดในวันนี้อนาคตเราอาจไม่มีน้ำใช้ ประชากรเกิดมากขึ้นทุกวัน ฯลฯ สรุปว่า 100 เรื่อง จะคิดตรงกันสัก 5 เรื่องได้กระมัง วางใจอย่างไรดี???


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2009, 20:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ม.ค. 2009, 21:03
โพสต์: 26


 ข้อมูลส่วนตัว


Do&Don't เมื่อพบว่าเราต่างกัน

ห้ามเด็ดขาด

1. อย่าตีโพยตีพาย แล้วโยนความผิดว่าเขาไม่บอก หรือคุณถูกหลอก ถ้าเขาโกรธ แล้วย้อนกลับมาว่าเพราะคุณฉลาดน้อยเอง จะทำให้เสียเซล์ฟเสียเปล่าๆ

2. อย่าหลอกตัวเองว่ารับได้ เพราะมันจะกัดกร่อนจิตใจเราลงไปเรื่อยๆ

3. ถ้าตกลงกันว่าจะพบกันครึ่งทาง เวลาทะเลาะกันก็ไม่ควรฟื้นฝอยหาตะเข็บ เพราะมันจะไม่จบ และเพิ่มความเซ็งในชีวิตให้มากขึ้น


รีบทำด่วน

1. เปิดใจและยอมรับความจริง ผู้ชายกับผู้หญิงมีความแตกต่างกัน ไม่แปลกที่เขาจะคิดต่างจากเรา

2. ใช้เหตุผลในการตัดสินใจให้มากกว่าอารมณ์ ถือคติที่ว่า ยามรักใช้ความรู้สึกมากกว่าสมอง ยามโกรธใช้สมองมากกว่าอารมณ์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2009, 22:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมจะเล่าอะไรให้ฟังนะครับ

แม่ผมจะดูละครช่องสาม ผมอยากจะดูอีกช่องหนึ่ง สารคดี
แม่พูดว่า ... "อย่าขัดใจแม่สิ"
ผมเลยพูดว่า ... "แม่ก็อย่าขัดใจผมสิ"

แม่ก็บอกว่าอย่าขัดใจแม่ และในเวลาเดียวกัน แม่ขัดใจผมแท้ๆ
นึกออกไหมครับว่า ความจริงทั้งผมทั้งคุณแม่ ต่างมีสิ่งที่ตนยึดถืออยู่
และคิดว่านั่นคือสิิ่งที่ถูกต้องที่สุดที่อีกฝ่ายต้องยอมรับ

ถ้ามองพิจารณาเหตุการณ์นี้ให้้ดี จะพบความจริงที่น่าคิดประการหนึ่งว่า
"ใจเราอย่างไร ใจเขาอย่างนั้น"

เราไม่ชอบให้ใคร มาบงการความคิดเรา
เขาก็ไม่ชอบให้เรา ไปบงการความคิดเขา
"ใจเราอย่างไร ใจเขาอย่างนั้น"

ใจใครๆก็เป็นอย่างนี้กันทั้งนั้น

ในความเป็นจริง ผมไม่ได้ตอบแม่ไปอย่างนั้นหรอกครับ
ผมไม่พูดอะไรเลย ผมก็กดรีโมทให้แกดู จบข่าว

เพราะผมรู้แก่ใจว่า ผมไม่ชอบให้ใครบังคับใจผม
ผมเลยไม่บังคับใจใคร (พยามจะไม่บังคับใจใครน่ะครับ)

แต่คุณเป็นแม่คน คงนึกออกว่า
ก็เราเป้นแม่นี่ จะไม่ให้ดูแลลูกได้อย่างไร
จะมาบอกว่าแม่ส่วนแม่ ลูกส่วนลูก ตัวใครตัวมันอย่างนั้นหรือ บ้าหรือเปล่า


แต่อย่าลืมครับว่า มันไม่ใช่ว่าขวา-ซ้าย ขาว-ดำ ถูก-ผิด
อย่าลืมความพอดี หรือทางสายกลาง

ภาษิตจีนกล่าวว่า น้ำที่สะอาดมากๆ ปลาก็อยู่ไม่ได้
น้ำสะอาดมากๆ คือตัวแทนความสุดโต่ง
ปลา คือ ลูกของเรา สามีของเรา และคนอื่นๆ

เราคิดไปเองของเราว่า "เรามีเจตนาดีนะ อยากจะให้ปลาอยู่ในน้ำที่สะอาดที่สุด"
โดยลืมมองความเป็นจริงตามธรรมชาติ
ลืมดูธรรมชาติของปลา ลืมดูใจปลา
ซึ่งก็เป็นผลมาจากการที่เราไม่ได้เรียนรู้จิตใจเราให้ดีก่อน

สำหรับผู้ขาดสติ ธรรมะมันจะพลิกไปเป็นอธรรมโดยไม่รู้ตัว
อย่างความเมตตา เราเมตตาลูกมาก อยากให้ลูกได้ดี ต้องทำอย่างนั้น ต้องทำอย่างนี้
แต่พอมันไม่เป้นไปอย่างใจเรา ปรากฏว่าเราไม่พอใจอย่างมาก
ยิ่งเมตตากรุณามาก แล้วไม่ได้ดั่งใจเรา ยิ่งปรี๊ดแตกหนักขึ้นไปอีก
ไม่มีสติรู้ตัวว่าที่แท้เรามีตันหาความโลภ ว่าอยากเห้นสิ่งนั้นสิ่งนี้ เป้นอย่างนั้นเป้นอย่างนี้

พระพุทธเจ้าไม่ได้ใส่คำว่าอุเบกขาเข้ามาลอยๆ
อุเบกขา ถูกวางไว้ในลำดับสุดท้ายอย่างตั้งใจ ว่าที่สุดของความเมตตา กรุณา มุทิตา คืออุเบกขา


พูดง่ายๆว่า ต้องมีความพอดี ทางสายกลาง
มีความพอดีในเมตตา
มีความพอดีในกรุณา
มีความพอดีในมุทิตา
และแม้แต่อุเบกขา ก็ต้องมีความพอดี

ความพอดีมันสำคัญมากเสียจนทรงตรัสเป้นเรื่องแรกในศาสนาพุทธ
ความพอดีคือสารัตถะสำคัญของธรรมจักรกัปปวัตนสูตร ที่ทรงแสดงแก่ปัญจวัคคีในวันปฐมเทศนา

อะไรที่มากไป..ให้บั่น
อะไรที่น้อยไป... ให้ต่อ


นึกถึงลูก นึกถึงสามีเมื่อไหร่ ให้นึกหน้าเขาเป้นปลาทอง
จะได้ไม่ลืมว่า อย่าทำน้ำให้มันสะอาดมากจนเกินไป
แต่ก็อย่าปล่อยให้มันสกปรก

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ม.ค. 2009, 11:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


มีอยู่อย่างนึงครับที่เมื่อไหร่ก็คิดเหมือนกัน คือทั้ง 2 คน รักลูกไงครับ

เขาอยากให้ลูกสบายก็ด้วยความรักลูก สรรหาทุกอย่างที่ลูกอยากได้ก็เพราะรักลูก อยากให้ลูกมีแต่ความสุข
ท่านเองสอนให้ลูกรู้จักอดทน รู้จักประหยัดก็ด้วยความรักลูกครับ

เห็นยังครับว่าเขาก็มีดีไม่ต่างจากที่ท่านมี แต่สิ่งที่ต่างกันก็คือ การกระทำของเขาส่งผลทันที คือลูกได้รับความสุขที่ต้องการให้ทันที ส่วนการกระทำของท่านจะส่งผลในอนาคต คือลูกของท่านจะไม่ต้องทุกข์มากในอนาคตเมื่อเขาโตขึ้น

ทีนี้ท่านลองพิจารณาดูว่าหากทั้ง 2 คนคิดเห็นเหมือนกัน
ตัวอย่างที่1 ทั้ง 2 คนตามใจลูกลูกอยากได้อะไรก็หามาให้ทุกอย่าง ลูกท่านก็จะมีความสุขตราบจนท่านทั้ง 2 ตายหรือหมดแรงที่จะทำ หลังจากนั้นชีวิตเขาก็จะต้องลำบากและได้รับความทุกข์มากมายเพราะไม่เคยพบกับความผิดหวัง
ตัวอย่างที่ 2 ทั้ง 2 คนไม่เคยตามใจลูกเลย ลูกอยากได้ของเล่นอะไรก็ไม่เคยได้ เพราะทั้ง 2 คนเห็นว่าการเล่นสนุกเป็นความสุขที่ไม่ยั่งยืน การตอบสนองความอยากเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง การอยู่โดยไม่มีความอยากใดๆสิจึงเป็นความสุขที่แท้จริง แล้วเด็กจะเป็นอย่างไรเมื่อธรรมชาติต้องอยากรู้อยากเห็น แล้วไม่ได้รู้ไม่ได้เห็น ก็จะต้องเป็นทุกข์ไปจนกว่าจะเห็นสัจธรรมอย่างที่ท่านอยากให้เห็น ซึ่งจะมีวันนั้นรึป่าวก็ไม่รู้

กระผมว่าการที่เป็นอย่างนี้ก็ดีอยู่แล้ว ลูกของท่านก็ได้รับความสุขตามประสาของเด็ก ส่วนสิ่งที่ท่านสอนเขาก็จะเข้าใจเมื่อเขาโตขึ้น

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ม.ค. 2009, 00:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2009, 22:30
โพสต์: 61


 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นปัญหาทีเดียวสำหรับชีวิตคู่ เพราะสิ่งนี้ ผมคิดว่ามันจะเริ่มเป็นรอยแตกแยกแห่งชีวิตคู่ แต่ที่มันยังไม่แตกแยกมากนั้น ก็อาจเป็นเพราะใจของคุณยังยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้อยู่ แต่ถ้าถึงจุดอิ่มตัวเมื่อใด คุณก็พร้อมที่จะระเบิดมันออกมาว่า คุณทนไม่ไหวและเราไปด้วยกันไม่ได้

ปัญหาที่คุณห่วงนั่นคือ ลูก เป็นสิ่งที่คุณรัก ซึ่งสามีคุณก็รักเช่นเดียวกัน แต่ความรักที่คุณให้นั้นแตกต่างไปจากความรักของสามีคุณที่ให้กับลูก ซึ่งคุณกลัวว่าลูกนั้นจะมีนิสัยไปตามที่สามีคุณ ที่เขากระทำแก่ลูก

ถ้าเป็นไปได้ คุณกับสามีคุณ ควรเปิดอกคุยกันไปเลย ว่าเราทั้งสองควรจะสอนลูกกันอย่างไร นี่เป็นทางออกที่ผมคิดว่าดีที่สุด ในขั้นต้น และคุณควรระบายความในใจความอึดอัดใจให้เขาฟัง แต่ไม่ใช่อารมณ์ร้ายแรงนะ แต่อธิบายด้วยความรักให้เขาเห็นใจเราฝ่ายผู้เป็นแม่ และคุณเองก็จะต้องยอมรับฟังด้วยเช่นกัน

แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องเป็นฝ่ายยอม จึงจะประคองชีวิตคู่ไปได้ และถ้าคุณเป็นฝ่ายยอม คุณเองควรที่จะเป็นผู้คอยดูว่า สิ่งใดที่ฝ่ายสามีกระทำให้แก่ลูกเป็นสิ่งที่ไม่ดี คุณควรหาโอกาสที่ดีสอนและอธิบายลูกด้วยเหตุผลถึงสิ่งนั้นว่ามันไม่ดีอย่างไร แต่อย่าบอกว่าพ่อสอนลูกไม่ดี ให้คุณบอกลูกในแง่ที่ว่าสิ่งที่ลูกทำนั้นไม่เป็นสิ่งไม่ดี เป็นต้นว่า ขึ้นรถไปบ่อยๆ โตขึ้นไปลูกจะเป็นคนขี้เกียจนะ คนที่ขี้เกียจน่ะจะเป็นคนที่ไม่มีใครเขารักนะลูก อย่างนี้เป็นต้น หัดสอนลูกให้เป็นคนคิดด้วยเหตุผลตัดสินใจด้วยตัวเขาเอง

เราเลี้ยงเขาได้ สอนเขาได้ รักเขาได้ แต่สิ่งที่เขาจะต้องเป็นไปดำเนินชีวิตไป นั่นคือ เขาต้องโตขึ้นและตัดสินใจด้วยตัวเขาเอง ฉะนั้นถ้าเรารักลูกมากที่สิ่งเราจะให้เขาได้ในตอนเด็กนั่นคือ ทำให้เด็กคิดถึงเหตุผลว่าสิ่งใดดีสิ่งใดไม่ดีและสิ่งใดควรทำไม่ควรทำ และให้เขาตัดสินใจ

ส่วนความคิดแตกต่างระหว่างคุณกับสามีนั้น ดูแล้วต่างกันมาก ถ้าต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกันแล้วละก้อ
นานวันเข้าจะอยู่ด้วยกันยาก การที่จะวางใจกับความแตกต่างนี้มันก็อยากทีเดียวถ้าตราบใดที่คุณยังไม่
เป็นฝ่ายยอมเขาด้วยความเต็มใจด้วยความรักที่คุณมีต่อเขา เมื่อใดที่คุณยอมเขาด้วยความเต็มใจแล้ว คุณเองก็ต้องปรับตัวเองให้เข้ากับสามีคุณ โดยคิดว่า เขายังไงฉันก็อย่างนั้นเพราะฉันรักเขา
สิ่งนี้ก็พอเป็นแนวทางให้คุณลองไปพิจารณาดูนะครับ :b29: :b29:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ม.ค. 2009, 16:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2006, 20:52
โพสต์: 1210

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




คำอธิบาย: หนูทำตามคุณแม่ค่ะ..กวาดแบบนี้ๆช่ายป่ะคะ อิ อิ
5133.gif
5133.gif [ 34.99 KiB | เปิดดู 3149 ครั้ง ]
สวัสดีค่ะ

ลูกของคุณโชคดีนะคะ ที่มีทั้งพ่อและแม่ที่รักและห่วง ใส่ใจในหลายๆเรื่อง

คุณก็โชคดี ที่มีลูกน่ารัก... มีสามีที่ดี.. ใส่ใจและรักลูก

สามีคุณ..ยิ่งโชคดีกว่าใครทั้งหมด ที่มีคุณเป็นแม่ศรีเรือน เป็นแม่ของลูกเขา

เพราะถ้าคุณเหมือนเขา...หรือเขาเหมือนคุณ..ลูกจะไม่รู้ว่าไหนคือบทบาทของพ่อ...ของแม่
ของผู้ชาย...ผู้หญิง แบบนี้ชัดเจนดีค่ะในสังคมที่ผสมปนเปไปหมด...

การห่วงลูก,ตามใจลูกที่คุณคิดว่ามากเกินไปหรือเปล่า ... คือคนเป็นพ่อเขาไม่มีวิธีแสดงความรักลูกได้มากมายหลายวิธีนัก... ให้เขาไปส่งเถอะค่ะ...เพราะอันตรายมีต่อเด็กรอบด้าน
ให้เขาพาลูกไปทำอะไรๆ กินอะไรๆที่มีอยู่ทั่วไปและเข้าถึงลูกจากสื่อ TV และ Internet
เพราะในขณะเดียวกันคุณก็ได้พร่ำสอน...ถึงวิธีการต่างๆที่คุณคิดว่าเป็นประโยชน์ต่อลูก

ลูกได้เรียนรู้จากพ่อและแม่..ได้เรียนรู้จากสื่อต่างๆ สมองคนเรามีความสามารถที่จะเลือกสิ่งที่เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด ที่จะทำให้สามารถอยู่ร่วมกับสังคมได้อย่างปกติสุข
การสอนที่ดีที่สุดคือการทำเป็นตัวอย่างเช่นการปิดน้ำปิดไฟ,การใช้ชีวิตแบบพอเพียงเรียบง่ายรวมทั้ง การประหยัดพลังงานทั้งหลายแหล่ ที่ ลูกมีคุณทำให้ดู ให้เห็นบ่อยๆ มันซึบซาบได้เองค่ะอย่ากังวลใจเลย เพราะ เด็กจะรู้สึกได้ และจะประมวลผลว่า แม่ไม่มีความสุขเลยกับ การทำอย่างที่แม่ทำอยู่ เด็กก็จะไม่เกิดพฤติกรรมที่คุณต้องการ...และในท้ายสุดนี้...

อ้างคำพูด:
พระพุทธเจ้าไม่ได้ใส่คำว่าอุเบกขาเข้ามาลอยๆ
อุเบกขา ถูกวางไว้ในลำดับสุดท้ายอย่างตั้งใจ ว่าที่สุดของความเมตตา กรุณา มุทิตา คืออุเบกขา

พูดง่ายๆว่า ต้องมีความพอดี ทางสายกลาง
มีความพอดีในเมตตา
มีความพอดีในกรุณา
มีความพอดีในมุทิตา
และแม้แต่อุเบกขา ก็ต้องมีความพอดี

ความพอดีมันสำคัญมากเสียจนทรงตรัสเป้นเรื่องแรกในศาสนาพุทธ
ความพอดีคือสารัตถะสำคัญของธรรมจักรกัปปวัตนสูตร ที่ทรงแสดงแก่ปัญจวัคคีในวันปฐมเทศนา

มองสามีที่ใจของเขาแล้วคุณจะมีความสุขค่ะ

.....................................................
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธรรมา อนัตตา...
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2009, 18:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b18: piengporn :b18: เราแต่งงานมา 20 ปี ชีวิตคู่เรา ตรงกันข้ามกันมาตลอดเหมือนกัน
แต่เราว่าต้องมีหลายๆครั้งที่เกือบไม่ทน แต่เพื่อนลูกใชไม๊คะ เราว่าความตรงกันข้ามกันนี่แหละค่ะที่
ทำให้ชีวิตคู่ผ่านไปแบบมีความสุขนะ เป็นอะไรที่ท้าทายชีวิต และลูกๆยิ่งโตเค้าก็ได้ดูตัวอย่างพ่อแม่ รักกันบ้าง ขัดแย้งกันบ้าง เพื่อนประกอบการดำเนินชีวิตเค้าในอนาคต ซึ่งในโลกของความจริงมันต้องเป็น
แบบนี้นะคะ ถ้ามันจะหวานตามกันไปมันคงมีแต่ในละคร ถ้าเราทนไม่ไหวเราก็หาคนปรับทุกข์ซิคะ
ถ้าแบบพี่ก็อ่านหนังสือธรรมะเกี่ยวกับชีวิต ฝึกการดูจิต แล้วคิดปรับตัวเรา ได้บ้างไม่ได้บ้างก็เป็นชีวิตอีกแบบหนึ่ง ที่สำคัญอย่าคิดเข้าข้างตัวเองว่าเราถูก เราต้องคิดว่าเราผิดไว้ก่อนนะคะ แล้วเราก็จะผ่านไปได้นะคะ ท่านที่แนะนำข้างต้น ก็แนะนำสิ่งดีๆให้แล้วนะคะ และพี่ก็ได้รับคำแนะนำจากท่านๆมาเสมอค่ะ
มีปัญหาเชิญมาที่ลานธรรมจักรนี้ซิคะ รับรองมีท่านผู้รู้แนะนำสิ่งดีๆให้เราเสมอค่ะ :b8: :b29: :b8: :b29: :b8: :b29: :b8: :b3: :b8: :b16: :b8: :b16:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 190 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร