วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 04:08  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ม.ค. 2009, 20:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ย. 2008, 19:18
โพสต์: 160

ที่อยู่: นนทบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอถามท่านผู้รู้ครับ :b10: ตามคำถามข้างบน ผมทราบคำตอบแล้วว่า นั่งสมาธิ เดินจงกรม แต่นั่นจะพอหรือไม่?

เพราะพอผมนั่งเสร็จ ใจก็รู้สึกสงบขึ้นทันทีครับ ก็รู้สึกมีสติอยู่บ้าง แต่พอสองสามวันไปแล้วนั้น มันกลับมาเป็นเหมือนเดิม อาจจะเป็นเพราะ

1. ทำสมาธิน้อยเกินไป อันนี้ไม่ทราบว่าวันละประมาณ 10 - 15 นาทีนั้น พอหรือเปล่า เพราะยุ่งทั้งวัน ทั้งเรื่องนั้น เรื่องนู้น สารพัดอย่าง ไม่สามารถนั่งได้เหมือนช่วงปีใหม่ครับ (ผมนอนสมาธิด้วย ไม่ทราบถึงเวลา)

2. จิตไม่มีอารมณ์เดียว เพราะ "พุทโธ ๆ" แล้วก็ฟุ้ง แต่ก็ยังรู้สึกใจเย็นขึ้นบ้าง

ผมนั่งสมาธิตอนเช้า ตอนนั่งรถ ส่วนตอนค่ำก็สวดและนอนสมาธิครับ

อย่างไรก็ดี พอตกเย็นสติก็เริ่มหายไป อารมณ์เข้ามาแทนที่ แถมยังเครียดด้วย จะอารมณ์เย็นอีกครั้งก็ตอนสวดมนต์

อยากทราบว่า:

1. จะทำสมาธิอย่างไรดี ให้ได้ผลดีที่สุดครับ ภายในเวลาที่จำกัด เพราะผม "พุทโธ" และกำหนดจิตไว้ที่ฐานจิตแล้วครับ (คือภายในช่วง 2 - 3 ชั่วโมงก็ยังเห็นผลอยู่บ้าง แต่พอตกเย็น สติสัมปัญชัญญะหายไปหมดแล้ว)

2. จะทำให้สติดีระยะยาวอย่างไร เพราะช่วงนี้ (ตั้งแต่หลายสัปดาห์ช่วงก่อนปีใหม่แล้ว) นั่งสมาธิและสวดมนต์สม่ำเสมอ ยังไม่รู้สึกว่าสติดีขึ้นเลยครับ คือ บางทีเรารู้ตัวนะครับ แต่บางทีผมเหนื่อย ๆ หายไปหมดเลย มันดีเฉพาะระยะสั้นเท่านั้น หมายความว่า นั่งต่อไปเรื่อย ๆ หรือครับ

3. มีส่วนเพราะกรรมหรือไม่ ผมรู้สึกดีขึ้นเยอะเมื่อเปรียบเทียบก่อนนั่งสมาธิ แต่ "อารมณ์ชั่ววูบ" "ความโกรธชั่ววูบ" "กิเลสชั่ววูบ" มันมา พยายามกำหนด "ไม่หลงหนอ ไม่หลงหนอ" แล้ว แต่ "สติ" ก็ประคับประคองไม่อยู่ อาจจะมีผลของกรรมด้วยหรือไม่ครับ ถ้ามี จะแก้ไขอย่างไรดีครับ

4. นอกจากนั่งสมาธิและเดินจงกรมแล้ว สามารถทำอะไรได้อีกหรือไม่ครับ ที่จะทำให้ "สัมปัญชัญญะ" ดี รู้ตัวว่าจะทำอะไร ไม่หลง ไม่ลืม ไม่โกรธ ไม่โลภ รู้ตัว รู้อยู่ ณ ขณะนี้

ขอบคุณครับ :b8:

.....................................................
สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ม.ค. 2009, 20:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


Passa เขียน:
1. จะทำสมาธิอย่างไรดี ให้ได้ผลดีที่สุดครับ ภายในเวลาที่จำกัด เพราะผม "พุทโธ" และกำหนดจิตไว้ที่ฐานจิตแล้วครับ (คือภายในช่วง 2 - 3 ชั่วโมงก็ยังเห็นผลอยู่บ้าง แต่พอตกเย็น สติสัมปัญชัญญะหายไปหมดแล้ว)

การทำสมาธิคือการเอาจิตไปจดจ่อ เวลา "พุทโธ" ก็เอาจิตจ่อที่ พุทโธ ท่านพุทโธอยู่แต่ไปกำหนดที่จิตมันก็สับสนเป็นธรรมดา เหมือนขับรถแล้วคุยโทรศัพท์มือถือ

อ้างคำพูด:
2. จะทำให้สติดีระยะยาวอย่างไร เพราะช่วงนี้ (ตั้งแต่หลายสัปดาห์ช่วงก่อนปีใหม่แล้ว) นั่งสมาธิและสวดมนต์สม่ำเสมอ ยังไม่รู้สึกว่าสติดีขึ้นเลยครับ คือ บางทีเรารู้ตัวนะครับ แต่บางทีผมเหนื่อย ๆ หายไปหมดเลย มันดีเฉพาะระยะสั้นเท่านั้น หมายความว่า นั่งต่อไปเรื่อย ๆ หรือครับ

สติ คือการระลึกรู้ เพราะสมาธิยังอ่อนกำลัง ก็ต้องเพียรครับ

อ้างคำพูด:
3. มีส่วนเพราะกรรมหรือไม่ ผมรู้สึกดีขึ้นเยอะเมื่อเปรียบเทียบก่อนนั่งสมาธิ แต่ "อารมณ์ชั่ววูบ" "ความโกรธชั่ววูบ" "กิเลสชั่ววูบ" มันมา พยายามกำหนด "ไม่หลงหนอ ไม่หลงหนอ" แล้ว แต่ "สติ" ก็ประคับประคองไม่อยู่ อาจจะมีผลของกรรมด้วยหรือไม่ครับ ถ้ามี จะแก้ไขอย่างไรดีครับ

การเจริญสติ ให้กำหนดรู้อารมณ์ตามความเป็นจริง ท่านกำลังโกรธ แต่กลับกำหนดว่า ไม่หลงหนอๆๆมันเป็นเหมือนการบังคับมากกว่าครับ เมื่อมีการบังคับความเครียดก็ย่อมต้องมีเป็นธรรมดาครับ จึงไม่แปลกที่สติแตก...
แนะนำให้ท่านพึงกำหนดรู้ตามความเป็นจริงครับ เช่นถ้าโกรธ ก็กำหนดว่า โกรธอยู่หนอๆๆ แล้วสติมันจะระลึกรู้เองว่ากำลังโกรธอย่าทำอะไรด้วยอารมณ์

อ้างคำพูด:
4. นอกจากนั่งสมาธิและเดินจงกรมแล้ว สามารถทำอะไรได้อีกหรือไม่ครับ ที่จะทำให้ "สัมปัญชัญญะ" ดี รู้ตัวว่าจะทำอะไร ไม่หลง ไม่ลืม ไม่โกรธ ไม่โลภ รู้ตัว รู้อยู่ ณ ขณะนี้

เจริญสติครับ

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ม.ค. 2009, 21:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


ต้องการ สติสัมปชัญญะที่ดี ก็ต้องให้อาหารแก่สติสัมปชัญญะ :b6:

ถ้า สติสัมปชัญญะได้รับการบำรุงดี ...ก็จะเจริญงอกงาม


จากพระสูตร อวิชชาสูตร

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ด้วยประการดังนี้

การคบสัปบุรุษที่บริบูรณ์ย่อมยังการฟังสัทธรรมให้บริบูรณ์
การฟังสัทธรรมที่บริบูรณ์ ย่อมยังศรัทธาให้บริบูรณ์
ศรัทธาที่บริบูรณ์ ย่อมยังการทำไว้ในใจโดยแยบคายให้บริบูรณ์
การทำไว้ในใจโดยแยบคายที่บริบูรณ์ ย่อมยังสติสัมปชัญญะให้บริบูรณ์
สติสัมปชัญญะที่บริบูรณ์ ย่อมยังการสำรวมอินทรีย์ให้บริบูรณ์
การสำรวมอินทรีย์ที่บริบูรณ์ ย่อมยังสุจริต ๓ ให้บริบูรณ์
สุจริต ๓ ที่บริบูรณ์ ย่อมยังสติปัฏฐาน ๔ ให้บริบูรณ์
สติปัฏฐาน ๔ ที่บริบูรณ์ ย่อมยังโพชฌงค์ ๗ ให้บริบูรณ์
โพชฌงค์ ๗ ที่บริบูรณ์ย่อมยังวิชชาและวิมุตติให้บริบูรณ์
วิชชาและวิมุตตินี้มีอาหารอย่างนี้ และบริบูรณ์อย่างนี้ ฯ



สรุป
ถ้าต้องการบำรุงสติสัมปชัญญะ
ก็ต้อง คบสัปบุรุษ
ก็จะได้ฟังสัทธรรมที่ถูกต้อง(ธรรมที่เพี้ยนๆ พึงระวัง :b6: )
ก็จะได้มีมีศรัทธา
ก็จะได้มีการทำไว้ในใจโดยแยบคาย
ก็จะได้มีสติสัมปชัญญะที่บริบูรณ์

อยากเสนอให้สังเกตุ ว่า สติสัมปชัญญะป็นรากฐานของ อินทรีย์สังวร และ สุจริตสาม..ซึ่งนี่ก็คือ ศีล. ดังนั้น ถ้าเป็นคนป้ำๆเป๋อๆ ก็จะรักษาศีลได้ไม่ดี

และ ศีลเป็นรากฐานของการเจริญสติปัฏฐานสี่ ในขั้นการภาวนาอีกที

ถ้าสติสัมปชัญญะไม่ดี ก็ไม่ต้องไปพูดถึงว่าจะเจริญสติปัฏฐานได้ผลดี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ม.ค. 2009, 21:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านผู้รู้ ท่านสอนมา

การภาวนานั้น

1.มีความเชื่อมั่น"ศรัทธา" มีใจรักที่จะภาวนา(ฉันทะ)

2.ต้องทำไปเรื่อยๆ ไม่เร่งมากนัก แต่ก็ไม่หยุด
เพียรประกอบเหตุ มากกว่าจะมามัวจ้องผล(วิริยะ)
การเร่งมากไป อยากเห็นผลเร็วๆ ทำให้ฟุ้งซ่าน ทำให้จิตตกอยู่ในอุทธธัจจะ
การหยุด หรือ ช้าไป ก็ ทำให้จิตตกอยู่ในถีนมิทธะ

3.มี"สติ"จดจ่อสืบเนื่อง อยู่กับกรรมฐานที่เรากำลังทำ
มันจะสงบไหม เกิดปัญญาไหม ช่างมันก่อน ทำไปเรื่อยๆ(จิตตะ)
ไม่ต้องไปคาดหวังอะไรมาก ภาวนาแบบน้ำหยดลงตุ่ม ทีละหยดๆ ดูสภาวธรรมเฉพาะหน้า

4.หมั่นใช้"ปัญญา"สังเกตุว่า ทำเช่นใด หรือ สภาวะจิตเป็นเช่นใด มันจึงได้ผล หรือ ไม่ได้ผล (วิมังสา)


4ข้อนี้ คือ หลักการแห่ง อิทธิบาทภาวนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ม.ค. 2009, 22:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ม.ค. 2009, 21:03
โพสต์: 26


 ข้อมูลส่วนตัว


รบกวนถามด้วยคนครับ อ่านแล้วไม่เข้าใจ...

1.ฝึกสมาธิดีๆ จะทำให้เกิดสติ....หรือฝึกสติดีๆจะทำให้เกิดสมาธิกันแน่
2.สติและสัมปัญชัญญะ ตัวสติเกิดก่อน หรือสัมปชัญญะเกิดก่อน
3. มีสัมปัชัญญะแต่ไม่มีสติได้ไหม
4.สัมปชัญญะ คือตัวปัญญาใช่ไหมครับ

ขอบคุณทุกท่าน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ม.ค. 2009, 22:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ธ.ค. 2008, 23:00
โพสต์: 48

ที่อยู่: บางแค

 ข้อมูลส่วนตัว


สมพล เขียน:
รบกวนถามด้วยคนครับ อ่านแล้วไม่เข้าใจ...

1.ฝึกสมาธิดีๆ จะทำให้เกิดสติ....หรือฝึกสติดีๆจะทำให้เกิดสมาธิกันแน่
2.สติและสัมปัญชัญญะ ตัวสติเกิดก่อน หรือสัมปชัญญะเกิดก่อน
3.มีสัมปัชัญญะแต่ไม่มีสติได้ไหม
4.สัมปชัญญะ คือตัวปัญญาใช่ไหมครับ

ขอบคุณทุกท่าน


ขอตอบตามความเข้าใจผมนะ
เคยได้ว่าคนเปรียบว่า
สมาธิ คือ กำลัง ยิ่งสมาธิดี กำลังยิ่งเยอะ
สติ คือ การรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นต่างๆ ทั้ง กาย เวทนา จิต ธรรม
ปัญญา เปรียบดั่ง อาวุธ

อุปมาว่า มีโจร(กิเลส)กำลังจะมาทำร้ายเรา เรานอนหลับอยู่ปุ๊บ ได้ยินเสียง(สติ) หยิบมีด(ปัญญา) ฟันฉึบ(กำลัง) ถ้าขาดสิ่งใดสิ่งนึงก็ลองพิจารณา
มีกำลังแต่ไม่มี สติ ---> ไม่รู้หลับอยู่
มีสติแต่ไม่มี กำลัง ---> สู้โจรไม่ไหว

ดังนั้นเราจึงสมควรฝึกทั้ง สติ และ สมาธิ เพื่อให้เกิดปัญญา

ไม่มีความสุขสงบเหนือสมาธิ
สติมีประโยชน์ทุกที่ ทุกเวลา
ไม่มีแสงสว่างใด สว่างเท่าแสงแห่งปัญญา

1. ผมว่าไม่มีสำนักปฏิบัติไหนสอนแต่ สติ หรอกครับ ส่วน สอนแต่สมาธิ ไม่แน่ น่าจะมี ไม่งั้นพระทิณวงศ์ หรือฤาษีในนิยาย คงไม่มี

2.สติ คือระลึกได้ ถ้าคำสมัยนี้ก็ กำหนดรู้เท่าทันปัจจุบัน
สัมปัญชัญญะ มาหลังสติ เมื่อเจริญสติได้ระดับนึง จะกำหนดรู้เท่าทันหลายๆอย่าง ในเวลาที่เร็วขึ้น
ดังนั้น สติมาก่อน (ความคิดส่วนตัวครับ ผิดพลาดแนะนำได้)

3.ตามข้อ2 งั้นข้อ3ผ่าน

4.สติสัมปัญชัญญะ เมื่อเจริญแล้ว ไปเรื่อยๆจะเกิดอีกสิ่งหนึ่งเรียก มหาสติ ซึ่งไ ปสู่ ปัญญา

ความคิดส่วนตัวครับ ผิดพลาดแนะนำได้ครับผม

.....................................................
คำที่ข้าพเจ้าได้กล่าวอ้างมาทั้งหมดนี้ ส่วนมากเป็นของครูบาอาจารย์ ผู้เขียนหนังสือต่างๆ พ่อแม่ ญาติ ผู้มีคุณและเพื่อนๆของข้าพเจ้า สิ่งที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไปนั้น ถ้าผิดพลาดอย่างไรก็ขอความกรุณาชี้แนะด้วย และบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้แจกจ่ายธรรมทานนั้นขอให้ผลบุญนั้นส่งถึง บุคคลที่ได้กล่าวมา ขอให้ท่านทั้งหลายมีความสุข ข้าพเจ้าขอถวายเป็นพุทธบูชา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2009, 00:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


Passa เขียน:

อยากทราบว่า:

1. จะทำสมาธิอย่างไรดี ให้ได้ผลดีที่สุดครับ ภายในเวลาที่จำกัด เพราะผม "พุทโธ" และกำหนดจิตไว้ที่ฐานจิตแล้วครับ (คือภายในช่วง 2 - 3 ชั่วโมงก็ยังเห็นผลอยู่บ้าง แต่พอตกเย็น สติสัมปัญชัญญะหายไปหมดแล้ว)


2. จะทำให้สติดีระยะยาวอย่างไร เพราะช่วงนี้ (ตั้งแต่หลายสัปดาห์ช่วงก่อนปีใหม่แล้ว) นั่งสมาธิและสวดมนต์สม่ำเสมอ ยังไม่รู้สึกว่าสติดีขึ้นเลยครับ คือ บางทีเรารู้ตัวนะครับ แต่บางทีผมเหนื่อย ๆ หายไปหมดเลย มันดีเฉพาะระยะสั้นเท่านั้น หมายความว่า นั่งต่อไปเรื่อย ๆ หรือครับ



- จิตแสดงความจริงให้ดูแล้วนี่ครับ ว่าสติก็เสื่อมได้ สัมปชัญญะก็เสื่อมได้
พอเสื่อมเราก็ไม่พอใจ เป็นทุกข์ พยามอยากจะทำให้มันเจริญขึ้นมา อยากให้มันจีรังยั่งยืนฝืนไตรลักษณ์
สิ่งที่ทำนี้คือการพยามบังคับบัญชาจิตใจให้เป้นดังที่เราต้องการ
มีตันหาว่าต้องการมีสติตลอดเวลา

ให้ระลึกรู้ สักแต่ว่ารู้ มีก็รู้ ไม่มีก็รู้ เสื่อมก็รู้ เจริญก็รู้ อยู่กับปัจจุบันไปเรื่อยๆ


อ้างคำพูด:
3. มีส่วนเพราะกรรมหรือไม่ ผมรู้สึกดีขึ้นเยอะเมื่อเปรียบเทียบก่อนนั่งสมาธิ แต่ "อารมณ์ชั่ววูบ" "ความโกรธชั่ววูบ" "กิเลสชั่ววูบ" มันมา พยายามกำหนด "ไม่หลงหนอ ไม่หลงหนอ" แล้ว แต่ "สติ" ก็ประคับประคองไม่อยู่ อาจจะมีผลของกรรมด้วยหรือไม่ครับ ถ้ามี จะแก้ไขอย่างไรดีครับ

- สติ็้มีระดับกำลัง กิเลสก้มีระดับกำลัง

เราไม่ใช่พระอรหันต์ สติสัมปชัญญะเรามันเสื่อมได้ ติดๆ ดับๆ เป้นเรื่องปกติ
การพยามให้มีสติตลอดเวลานั้นมันเป้นการฝืนธรรมชาติ
เอาเข้าจริงมันเป้นสติสมมุติ เพราะเรามีเจตน์จำนงให้มันเกิด เป็นสติปลอม

ลองแบบไม่ท่อง ไม่นึกในใจ ไม่พากย์ในใจดู จะดีมั๊ยครับ ทดลองดู
วลามีอารมณ์ใดๆเกิดขึ้น ให้รับความรู้สึกไปตรงๆ
ไม่ต้องไปใส่ชื่อเรียกมัน ไม่ต้องคิดบรรยาย ไม่ต้องพากย์อะไร
ไม่ต้องไปใส่ชื่อ ใส่คำ ใส่นิยามว่านี่คือโกรธหนอ นี่คือหลงหนอ
เพราะเป้นการสมมุติแล้วเอาไปทับสมมุติอีกที
ทำให้มองไม่เห็นความจริง

ให้รู้สึกไปตรงๆลงที่อารมณ์นั้นเลย เฉยก็รับรู้ไปตามจริง โกรธก้รับรู้ไปตามจริง ดีใจก้รับรู้ไปตามจริง
ไม่คิด ไม่พากย์ ไม่หนออะไรทั้งนั้น

ลองทดลองกับอารมณืแรงๆดู เช่นนึกถึงสิง่ที่ทำให้โกรธมากๆ
แล้วคอยเฝ้าดูความรู้สึกทั้งหมดที่เกิดขึ้น
เมื่อรู้สึกไปตรงๆแล้วอารมณ์มันจะขาดสะบั้นลงทันที นี่คือสติเกิด

แต่เกิดได้แป๊บเดียวแว๊บเดียวใจเรามันก็ควานหาอารมณ์อีก
ธรรมชาติสตระดับปุถุชน มันยังไม่ตื่น มันจะเป้นอย่างนี้แหละครับ
ถ้ามันตื่นแล้วเราจะรู้เอง ด้วยตัวเอง พอมันตื่นแล้วมันจะทำงานของมันเอง
นั่นคือสติของแท้ ที่ไม่ต้องการการตกแต่งระวังรักษาอะไรให้วุ่นวาย มันจะทำงานของมันเอง




อ้างคำพูด:

4. นอกจากนั่งสมาธิและเดินจงกรมแล้ว สามารถทำอะไรได้อีกหรือไม่ครับ ที่จะทำให้ "สัมปัญชัญญะ" ดี รู้ตัวว่าจะทำอะไร ไม่หลง ไม่ลืม ไม่โกรธ ไม่โลภ รู้ตัว รู้อยู่ ณ ขณะนี้
ขอบคุณครับ :b8:

- ต้องทำความเข้าใจเรื่องสติใหม่ครับ
ถ้าเข้าใจเรื่องสติ ทำอะไรหรืออยู่ในอิริยาบทใดก้เจริญสติได้ทั้งนั้นครับ

ลองกลับไปที่ครูบาอาจารย์ใหม่ กลับไปที่ปริยัติใหม่ คิดให้เข้าใจก่อนว่าการรู้สึกตัวรู้สึกใจทำยังไง
แล้วค่อยมารู้สึกตัวรู้สึกใจใหม่
ลองฟัง mp3 ในเว้บ www.wimutti.net ดูก่อนสัก 2 แผ่นครับ

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2009, 07:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เปลี่ยนจาก หนอ แหน่ ได้ปะ คุณคามิน :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2009, 09:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เปลี่ยนจาก หนอ แหน่ ได้ปะ คุณคามิน :b1:

:b2: :b2: :b2:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2009, 10:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เปลี่ยนจาก หนอ แหน่ ได้ปะ คุณคามิน :b1:


:b23: :b23: ไม่เข้าใจมุกอะคับ

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2009, 12:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


คามินธรรม เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เปลี่ยนจาก หนอ แหน่ ได้ปะ คุณคามิน :b1:


:b23: :b23: ไม่เข้าใจมุกอะคับ

คามินธรรม เขียน:
ไม่หนออะไรทั้งนั้น

มันค้างคาในท่านกรัชกายอยู่ครับ เพราะถามท่าน walaiporn แล้วไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน :b12: :b12:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 130 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron