วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 07:22  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 16 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ธ.ค. 2008, 18:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อเช้าได้ฟังพระธรรมบทจากสถานีหลวงตามหาบัว เรื่อง อย่าทำอย่างกา

พอดีช่วงนั้น นั่งไปด้วย ฟังไปด้วย จับได้ตอนใจความท้ายๆว่า พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า เวลากามันไล่จิกไล่ตี มันจะไล่จิกไล่ตีอยู่อย่างนั้น มันจะต้องเป็นผู้ชนะให้ได้ พระองค์ทรงตรัสต่อว่า อย่าทำเช่นนั้นเด็ดขาด มันเสียเวลา

เราก็สะดุดกึกเลย อ้าว .... เรานี่กำลังทำตัวเหมือนกา ทั้งๆที่เราไม่ใช่กา มีกาตัวหนึ่งไล่จิกไล่ตีไม่เลิก เราก็ดันขาดสติ ไปจิกตอบด้วย ก็เลยกลายเป็นกา

สติมา ปัญญาเกิด คำสอนของหลวงพ่อจรัญผุดขึ้นมา ท่านจะพูดเสมอๆว่า เขาร้ายมา อย่าร้ายตอบ ให้เอาความดีไปแก้ไข คนตระหนี่ ให้ของ ที่ต้องใจ คนพูดจาเหลวไหล จงเอาความจริงใจไปสนทนา

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 26 ธ.ค. 2008, 22:51, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ธ.ค. 2008, 19:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ธ.ค. 2008, 09:34
โพสต์: 1322


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b4: :b12: :b1: :b21:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2008, 20:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ใช้รูปผีเสื้อแทน แต่ขอให้ร้อง :b41: กา :b41: กา :b41: กา :b1: :b12: :b38:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2008, 04:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

สหประชาติส่งมาให้มาสังเกตการณ์ครับ
:b4: :b4: :b4:

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2008, 04:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

สหประชาติส่งมาให้มาสังเกตการณ์ครับ
:b6: :b6: :b6:

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2008, 08:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.ค. 2008, 14:47
โพสต์: 1562

อายุ: 0
ที่อยู่: หิมพานต์

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

เป็นกำลังใจให้นะครับ :b4:

.....................................................
อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจจะชามิฯ
ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าขอมอบกายถวายชีวิต แด่พระพุทธเจ้า แด่พระธรรม แด่พระสงฆ์ นับแต่บัดนี้ตราบจนเข้าสู่พระนิพพาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2008, 08:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


UN มาช้าไปหน่อย หากมาตอน...จะจับเลี้ยงอาหารและฟังดนตรีไพเราะ ซึ่งหาไม่ได้ที่ประเทศไหนๆในโลก :b34:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2008, 11:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
UN มาช้าไปหน่อย หากมาตอน...จะจับเลี้ยงอาหารและฟังดนตรีไพเราะ ซึ่งหาไม่ได้ที่ประเทศไหนๆในโลก :b34:


UN เขากลัวครับ อาหารอร่อย ดนตรีไพเราะ แต่หลังคาไม่แข็งแรงครับ มีของหล่นใส่นิดเดียวก็ทะลุแล้วแถมยังหล่นลงถึงพื้นให้คนในงานเลี้ยงได้บาดเจ็บล้มตายด้วย.... :b14: :b14: :b13:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2008, 12:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 มิ.ย. 2007, 13:49
โพสต์: 1012


 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

:b12: ใกล้ปีใหม่ เปลี่ยนศักราชใหม่ เป็นปี พ.ศ. ๒๕๕๒ แล้ว smiley tongue

:b8: รักกันไว้เถิด เราเกิดร่วมแดนเดียวกัน

ขอให้เข้าใจและยอมรับความต่างของแต่ละคน

ในเมื่อทุกท่านอยู่ในฐานะชาวพุทธ ล้วนเป็นลูกพระพุทธเจ้าเหมือนกัน
ควรเกื้อหนุนกัน ควรส่งเสริมกัน ให้เจริญในธรรมยิ่งขึ้น มิใช่หรือ???
:b8:

.....................................................
ทำความดีทุกๆ วัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ธ.ค. 2008, 17:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แรงจูงใจให้ทำการ มีทั้งฝ่ายดีและฝ่ายร้าย ฝ่ายดีได้แก่ผู้มีฉันทะเป็นแรงจูงใจ ฝ่ายร้ายได้แก่ผู้ตัณหาเป็นแรงจูงใจ
ลงไว้พอเป็นที่สังเกตลิงค์นี้

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=19784&st=0&sk=t&sd=a

แต่ไม่จบแค่นั้น เพราะตัณหายังมีแรงจูงใจอีกด้านหนึ่ง คือ จูงใจไม่ให้ทำ
กรณีหลังนี้น่าสนใจ ส่วนจะมีลักษณะอย่างไรนั้นลองอ่าน คห. ต่อไป

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ธ.ค. 2008, 17:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มีผู้สงสัยอยู่ไม่น้อย คือ ข้อสงสัยว่า พระอรหันต์เป็นผู้หมดสิ้นตัณหาแล้ว เมื่อไม่มีตัณหาซึ่งเป็นแรงชักจูงการกระทำต่างๆ พระอรหันต์มิกลายเป็นผู้อยู่นิ่งเฉย ไม่กระตือรือล้น ไม่อยากทำอะไร
กลายเป็นคนไม่มีชีวิตชีวาไปหรือ
อีกอย่างหนึ่ง ที่ว่า พระอรหันต์เป็นอยู่ด้วยปัญญา จะอยู่อย่างไร มีแต่ปัญญาไม่มีตัณหา จะทำการ
อะไรได้หรือ
การพูดเรื่องนี้ มีแง่ที่ช่วยให้เข้าใจความหมายของตัณหาชัดเจนมากขึ้นอีก จึงควรกล่าวถึงไว้ด้วย

แง่หนึ่ง ถ้ามองว่าการเคลื่อนไหวเป็นลักษณะทั่วไปอย่างหนึ่งแห่งชีวิตของคนสัตว์ คนสัตว์ก็เคลื่อน
ไหวไปตามความรู้ อาจเป็นความรู้เพียงขั้นตอนสนองอารมณ์ที่รับรู้ (สิ่งเร้า) หรือความรู้ขั้น
ปัญญาที่กำหนดได้ว่าควรหรือไม่ควรก็ได้ ถือเอาว่าการเคลื่อนไหวนี้เป็นการกระทำ จะเห็นว่ามี
กรณีมากมายที่ตามปกติคนสัตว์จะเคลื่อนไหว หรือ กระทำ แต่กลับหยุด คือไม่เคลื่อนไหว
หรือ ชะงักการกระทำเสีย
ในกรณีเช่นนี้ จะเห็นได้ว่าการหยุด การเฉยนิ่ง หรือการไม่กระทำ ก็คือการกระทำอย่างหนึ่ง
นั่นเอง และเป็นการกระทำอย่างแรงเสียด้วย
ได้กล่าวแล้วว่าตัณหาเป็นเหตุให้กระทำการที่
เป็นเงื่อนไข (ลิงค์ข้างบน) เพื่อได้สิ่งเสพเสวยหรือปกป้องรักษาความมั่นคงถาวรของอัตตาที่ยึดถือ
ไว้ คำว่า “กระทำ” ในที่นี้ จะต้องรวมถึงการไม่กระทำด้วย
กรณีที่ตัณหาจะทำให้กระทำการไม่กระทำ อาจมีได้ตั้งหลายอย่าง เช่น ไม่กระทำ
เพราะถ้ากระทำ ก็จะเป็นเหตุให้ตนพรากจากสุขเวทนาที่กำลังเสพเสวยอยู่ หรือ เพราะการเคลื่อน
ไหวไปกระทำการนั้น จะเป็นเหตุให้ตนยากลำบากประสบทุกขเวทนา
บางที แม้แต่เมื่อการกระทำนั้นจะเป็นประโยชน์เป็นผลดีแท้จริงแก่ชีวิต แต่ตัณหากลัว
ความยาก กลัวความพรากจากสุขที่กำลังเสวยอยู่ ก็ชักจูงไม่ให้กระทำ


อีกแง่หนึ่ง มีสาระอย่างเดียวกับแง่ที่หนึ่งนั่นเอง แต่มองอย่างธรรมดา ดังได้กล่าวแล้วว่า เมื่อมองดูให้ลึกซึ้งถึงแก่นแท้ ตัณหาหาได้เป็นแรงจูงใจให้กระทำไม่ เพราะตัณหามิได้ต้องการสิ่ง หรือ ภาวะที่เป็นผลของการกระทำนั้นโดยตรง ตัณหาให้กระทำต่อเมื่อการกระทำนั้นเป็นเงื่อนไขอันจำเป็นที่จะให้ได้สิ่งที่ตัณหาต้องการ แต่ถ้ามีทางอื่นใดที่จะให้ได้สิ่งที่ต้องการโดยไม่ต้องทำ ตัณหาก็จะให้หลีกเลี่ยงการกระทำเสีย หันไปเลือกทางไม่ต้องทำนั้นแทน พูดง่ายๆ ว่าไม่ให้ทำ
ตัณหาจึงเป็นแรงจูงใจไม่ให้กระทำเสียมากกว่า เมื่อจะจูงใจไม่ให้ทำนั้น ตัณหาอาจแสดงออก
ในรูปของความขี้เกียจ โดยติดอยู่กับสุขเวทนาที่กำลังเสพเสวยในภาวะเดิมไม่อยากพรากจากไป
หรือแสดงออกในรูปของความกลัว เช่น กลัวจะประสบทุกขเวทนาในเวลากระทำการ หรือ กลัวสูญ
เสียความมั่นคงถาวรยิ่งใหญ่ของอัตตา เป็นต้น บางคราวในเมื่อการไม่กระทำจะเป็นเงื่อนไขให้
ตัณหาได้สิ่งที่มันต้องการ คือ ได้สุขเวทนาเพิ่มขึ้นหรือเสริมความถาวรมั่นคงยิ่งใหญ่ของอัตตาได้มาก
ขึ้น ตัณหาก็ให้ไม่ทำ โดยไม่คำนึงว่าผลดีงามแท้จริงที่พึงเกิดจากการกระทำนั้นจะเสียไปหรือ
ไม่ เช่น เด็กคนหนึ่งไม่ยอมไปโรงเรียนเพราะรู้ว่า ทำอย่างนั้นแล้วคุณแม่จะต้องเอาใจ
เพิ่มสตางค์ค่าขนมให้ (ในกรณีนี้ จะเห็นได้ชัดว่า การไม่ทำ คือ การกระทำอย่างแรง)
หรือ เหมือนอย่างคนที่หยุดทำงานด้วยเห็นแก่จะได้เสพสุราเล่นการพนัน และคนยอมรับเงินค่า
จ้างให้งดเว้นการกระทำที่ถูกต้องบางอย่าง เป็นต้น หรืออย่างในกรณีของความเกียจคร้าน
ของบางอย่างในบ้านหรือในโรงเรียนสมควรจะทำหรือช่วยกันทำขึ้นเองได้ กลับยอมเสียเงินไปซื้อหามา เป็นต้น เป็นเหตุให้เสียสันโดษ คือ ไม่ได้ความเอิบอิ่มพึงพอใจจากสิ่งที่เป็นผลสำเร็จแห่งการ
กระทำของตนเอง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ธ.ค. 2008, 18:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณกรัชกาย

เข้าใจอะไรในกระทู้ผิดหรือเปล่าคะ หรือนำมาโพสผิดกระทู้ ถึงได้นำอะไรมาโพสเสียยืดยาว ซึ่งไม่เกี่ยวกับหัวข้อที่ดิฉันโพสไว้เลย ดิฉันพูดเรื่อง สติ สัมปชัญญะค่ะ ถ้าสติ สัมปชัญญะน้อย การรับรู้ตามความจริงยิ่งน้อยลง โอกาสการทำงานของสังสังขารขันธ์ก็ทำงานง่ายมากขึ้น เมื่อมาเกิดในหัวข้อสนทนา จากสนทนาก็กลายเป็น วิวาทะ ผู้ใดมีสติ สัมปชัญญะ รู้ตัวได้ก่อน ย่อมหยุดก่อน หากผู้ที่สติ สัมปชัญญะ ยังด้อยกว่า ยังรู้ไม่เท่าทันก็ย่อมก่อให้เกิดการกระทำนั้นอีกต่อไปเพียงฝ่ายเดียว นี่ค่ะคือใจความสำคัญในกระทู้นี้ที่กล่าวว่า

" เขาร้ายมา อย่าร้ายตอบ ให้เอาความดีไปแก้ไข คนตระหนี่ ให้ของ ที่ต้องใจ คนพูดจาเหลวไหล จงเอาความจริงใจไปสนทนา "

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ธ.ค. 2008, 18:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


โพสต์ผิดกระทู้ จัดว่าขาดสตินะนี่ครับคุณพี่กรัชกาย
:b21: :b22: :b9:

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ธ.ค. 2008, 21:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2006, 20:52
โพสต์: 1210

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b21: :b22: :b13: :b32:
:b8:

.....................................................
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธรรมา อนัตตา...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ธ.ค. 2008, 05:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b9: :b32: :b12: :b28:
:b38:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 16 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 74 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron