วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 12:38  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2008, 16:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


บางสิ่งเราอยากจำ เรากลับลืม

บางสิ่งเราอยากลืม เรากลับจำ

ๆลๆ


ผมชอบเนื้องเพลงนี้น่ะ :b20:


ปัจจุบัน นักวิทยาศาตร์ พยายามจะหาวิธีที่เลือกลบเฉพาะความทรงจำที่เจ็บปวดในอดีตด้วย สารชีวเคมี ที่มีแนวโน้มว่า อาจจะป็นไปได้จริง

(ไม่ได้ลบความทรงจำทั้งหมด... จนกลายเป็นสูญเสียความทรงจำทุกส่วนน่ะครับ)


ลองอ่าน

http://www.foosci.com/node/526


เห็นกระทู้ ความเจ็บปวดจากความทรงจำในอดีต เป็นกระทู้ที่คุยกันบ่อยๆ

เลยนำมาลงให้อ่าน



แต่ ความจริง

พระพุทธองค์ทรงสอนวิธีรับมือกับความทรงจำในอดีต ที่ตามมาหลอกหลอนเรา-ท่าน ไว้
ตั้ง2500กว่าปีแล้ว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2008, 16:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


สติในปัจจุบันขณะ.... เป็นหลักธรรม ของ เรื่องนี้



จาก หนังสือ พุทธธรรม
ท่านเจ้าคุณ พระพรหมคุณาภรณ์


โยนิโสมนสิการแบบมีปัจจุบันธรรมเป็นอารมณ์ เป็นกระบวนการในสติปัฏฐาน 4

ลักษณะของความคิดที่ไม่เป็นปัจจุบัน ก็คือ ความคิดที่เกาะติดอยู่กับอดีตและอนาคต

การที่อารมณ์เกาะติดกับอดีตหรืออนาคต ทำให้เกิดความทุกข์เรียกร้องโหยหาอารมณ์ที่ผ่านมาแล้ว หรือสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น ทำให้เกิดความฟุ้งซ่านเปิดช่องให้กิเลสตัณหาเข้ามาทำงานได้

อนึ่ง ความเข้าใจในคำว่าปัจจุบันในทางธรรม ไม่ตรงกับทางโลก

คือปัจจุบันของทางโลกครอบคลุมช่วงเวลาที่กว้างขวางมากและไม่ชัดเจน

ส่วนความหมายในทางธรรม

" ปัจจุบันหมายถึงขณะเดียวที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งจะมีสติตามทันสิ่งที่รับรู้หรือต้องทำอยู่ในขณะนั้นๆ"

ถ้าจิตเกิดความชอบใจหรือไม่ชอบใจขึ้นมาในอารมณ์ ....ทันทีที่เกิดสติ อารมณ์นั้นจะตกเป็นอดีตไปทันที ความฟุ้งจึงเกิดขึ้นไม่ได้ อารมณ์ที่ชอบชังก็ตกกลายเป็นอดีตไปในทันที

คำว่าปัจจุบันในทางธรรม จึงมีความหมายที่ลึกซึ้งยิ่งนัก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2008, 16:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


โอวาทธรรม หลวงปู่ แหวน สุจิณโณ





รู้ปัจจุบัน ละปัจจุบัน เป็นธรรมโม
ถ้าไปยึดถืออดีต-อนาคตเท่ากับไปเก็บไปถือของปลอม



๒ สติทัน-การคิดปรุงดับ.


สตินี้มันก็ทันน่ะ คิดขึ้นเรื่องใดมันก็ดับ คิดขึ้นเท่าใดมันก็ดับ
ถ้ามีสติพร้อมกับ………. ปรุงขึ้น…ดับ ปรุงขึ้น…ดับ เรียกว่า สติพร้อมกัน. คิดไปก็หลงไปลืมไป แปลว่าไม่มีสติ…..
ถ้ามีสติแล้ว คิดขึ้นร้ายก็ดี คิดดีก็ดี รู้พร้อมกันนั้นล่ะ….สติรู้พร้อมกันดับลงทันทีนั่นล่ะ….ๆลๆ.

มีสติแล้ว มีปัญญา….
เมื่อไม่มีสติมันก็เผลอ เผลอแล้วมันก็หลงไป.
ครั้นไม่เผลอแล้วมีสติแนบอยู่ทุกเมื่อแล้ว คิดดีก็ดับลง คิดชั่วก็ดับลง พอใจก็ดับลง ไม่พอใจก็ดับลง.

เอาลงทันทีนั่นล่ะ…..มีสติแล้วก็ใช้ได้ ใจเบิกบานขึ้น

ปัจจุบันมีสติพร้อมกันกับคิด…..คิดผิดก็ดี คิดถูกก็ดี รู้พร้อมกันก็ดับทันที เรียกว่า สติ ….สัมมาสติ สติสัมโพฌงค์….ๆลๆ

อุบายก็อาศัย ความเพียรความหมั่นนั่นล่ะ…..ตั้งอยู่นั้นล่ะ ตั้งดูมันอยู่นั้นล่ะ…..มันปรุงขึ้นรู้ทันที เป็นสติ…..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2008, 16:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


หลอน


ร้ายยิ่งกว่า ผีหลอก วิญญาณหลอน

คือนิวรณ์ "กุกกุจจะ" น่ะเพื่อนเอ๋ย

ดุจติดคุก ทุกข์ใจ ไม่เสบย

หลายคนเคย ประสบ พบกับตน


ผีว่าร้าย หลอกให้เห็น เป็นบางครั้ง

แต่นิวรณ์ ยุ่งนุงนัง แสนสับสน

เผลอเป็นหลอก ให้ใจคอย พลอยเวียนวน

เศร้าหมองหม่น ทุกเช้าค่ำ ระกำใจ


ทุกคราที่ เผลอคิดถึง พึงตั้งจิต

ว่าจะมิ ทำผิด ซ้ำเฉไฉ

และปล่อยสิ่ง ที่ล่วงมา พาล่วงไป

เร่งทำดี แก้ไข ตามมรรคา


"ไม่ผิดซ้ำ-ไม่ย้ำคิด" สิ่งผิดพลาด

จักองอาจ หมดสิ้น ถวิลหา

ไม่คร่ำคราญ ไม่ร่ำไร ไม่โศกา

เกิดปัญญา เห็นแจ้งชัด ปัจจุบัน


อดีตผ่าน นานไป ให้วางเถิด

อย่าเตลิด ปรุงคิด จิตหุนหัน

"รู้พร้อมพรัก-เฉพาะหน้า" ค่าอนันต์

ระลึกทัน พ้นทุกข์ พบสุขเอย



ตรงประเด็น




กุกกุจจะ ความรำคาญใจ,
ความเดือดร้อนใจ เช่นว่า
สิ่งดีงามที่ควรทำ ตนมิได้ทำ
สิ่งผิดพลาดเสียหายไม่ดีไม่งาม ที่ไม่ควรทำ ตนได้ทำแล้ว,

ความยุ่งใจ กลุ้มใจ กังวลใจ,
ความรังเกียจหรือกินแหนงในตนเอง,
ความระแวงสงสัย เช่นว่า
ตนได้ทำความผิดอย่างนั้นๆ แล้วหรือมิใช่
สิ่งที่ตนได้ทำไปแล้วอย่างนั้นๆ เป็นความผิดข้อนี้ๆ เสียแล้วกระมัง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2008, 16:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน.

นีวรณบรรพ.

[๑๔๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่อย่างไรเล่า?

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พิจารณาเห็นธรรมในธรรม คือ นิวรณ์ ๕

ภิกษุพิจารณาเห็นธรรมในธรรม คือ นิวรณ์๕ อย่างไรเล่า?

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เมื่อกามฉันทะมีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า กามฉันทะมีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา หรือเมื่อกามฉันทะไม่มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า กามฉันทะไม่มีอยู่
ณ ภายในจิตของเรา
อนึ่ง กามฉันทะที่ยังไม่เกิด จะเกิดขึ้นด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย กามฉันทะที่เกิดขึ้นแล้วจะละเสียได้ด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย กามฉันทะที่ละได้แล้ว จะไม่เกิดขึ้นต่อไปด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย

อีกอย่างหนึ่ง เมื่อพยาบาทมีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า พยาบาทมีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา หรือเมื่อพยาบาทไม่มีอยู่ ณภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า พยาบาทไม่มีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา
อนึ่ง พยาบาทที่ยังไม่เกิด จะเกิดขึ้นด้วยประการใด ย่อมรู้ชัด ประการนั้นด้วย พยาบาทที่เกิดขึ้นแล้ว จะละเสียได้ด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย พยาบาทที่ละได้แล้ว จะไม่เกิดขึ้นต่อไปด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย

อีกอย่างหนึ่ง เมื่อถีนมิทธะมีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า ถีนมิทธะมีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา หรือเมื่อถีนมิทธะไม่มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่าถีนมิทธะไม่มีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา
อนึ่ง ถีนมิทธะที่ยังไม่เกิด จะเกิดขึ้นด้วยประการใดย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย ถีนมิทธะที่เกิดขึ้นแล้ว จะละเสียได้ด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย ถีนมิทธะที่ละได้แล้ว จะไม่เกิดขึ้นต่อไปด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย

อีกอย่างหนึ่ง เมื่ออุทธัจจกุกกุจจะมีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า อุทธัจจกุกกุจจะมีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา หรือ เมื่ออุทธัจจกุกกุจจะไม่มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า อุทธัจจกุกกุจจะไม่มีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา
อนึ่ง อุทธัจจกุกกุจจะที่ยังไม่เกิด จะเกิดขึ้นด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย
อุทธัจจกุกกุจจะที่เกิดขึ้นแล้ว จะละเสียได้ด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย
อุทธัจจกุกกุจจะที่ละได้แล้วจะไม่เกิดขึ้นต่อไปด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้น
ด้วย

อีกอย่างหนึ่ง เมื่อวิจิกิจฉามีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า วิจิกิจฉามีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา หรือเมื่อวิจิกิจฉาไม่มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า วิจิกิจฉาไม่มีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา
อนึ่ง วิจิกิจฉาที่ยังไม่เกิด จะเกิดขึ้นด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย วิจิกิจฉาที่เกิดขึ้นแล้ว จะละเสียได้ด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย วิจิกิจฉาที่ละได้แล้ว จะไม่เกิดขึ้นต่อไปด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย

ดังพรรณนามาฉะนี้ ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมภายในบ้าง พิจารณาเห็นธรรมในธรรมภายนอกบ้าง พิจารณาเห็นธรรมในธรรมทั้งภายในทั้งภายนอกบ้าง
พิจารณาเห็นธรรมคือความเกิดขึ้นในธรรมบ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือความเสื่อมในธรรมบ้าง
พิจารณาเห็นธรรมคือทั้งความเกิดขึ้นทั้งความเสื่อมในธรรมบ้าง ย่อมอยู่

อนึ่ง สติของเธอตั้งมั่นอยู่ว่า ธรรมมีอยู่ ก็เพียงสักว่าความรู้ เพียงสักว่าอาศัยระลึกเท่านั้น เธอเป็นผู้อันตัณหาและทิฏฐิไม่อาศัยอยู่แล้ว และไม่ถือมั่นอะไรๆ ในโลก

ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้อย่างนี้แล ภิกษุชื่อว่าพิจารณาเห็นธรรมในธรรม คือ นิวรณ์ ๕ อยู่.






พระพุทธดำรัส สอนเรื่องนี้ไว้ ดังนี้


1.เมื่ออุทธัจจกุกกุจจะมีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า อุทธัจจกุกกุจจะมีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา
หรือ เมื่ออุทธัจจกุกกุจจะไม่มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า อุทธัจจกุกกุจจะไม่มีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา

2.อุทธัจจกุกกุจจะที่ยังไม่เกิด จะเกิดขึ้นด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย

3.อุทธัจจกุกกุจจะที่เกิดขึ้นแล้ว จะละเสียได้ด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย

4.อุทธัจจกุกกุจจะที่ละได้แล้วจะไม่เกิดขึ้นต่อไปด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย



ถ้าหมั่นปฏืบัติ ตามนี้ได้จริงๆ...พ้นทุกข์แน่ โดยไม่ต้องไปรอพึ่งสารชีวเคมีหรอก

ต่อให้สัญญาความทรงจำที่เจ็บปวดในอดีต มันยังปรากฏอยู่ก็ตาม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2008, 16:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


ความทรงจำนั้น ลึกๆ แล้ว เรามักคิดว่า เป็น "ความทรงจำของเรา"
รวมทั้งผมเอง ก็เช่นกัน

แต่ ในความจริงแล้ว เราไปบังคับความทรงจำไม่ได้น่ะ
มันอยากจะมา..เราไม่ได้เชิญ มันก็ดันมา เช่น ความทรงจำที่เจ็บปวด
มันอยากจะไป... เราขอให้อยู่ต่อ มันก็ไม่ยอมอยู่ เช่น เป็นโรคอัลไซม์เมอร์

เรา-ท่าน เรียนธรรมว่า สัญญาอนัตตา เป็น สุตตะมัยยะปัญญา
เรา-ท่าน เริ่มเข้าใจธรรมว่า สัญญาอนัตตา เป็น จินตมัยยะปัญญา
แต่ ถ้าหากเรา-ท่าน ไม่เห็นแจ้งแทงตลอดด้วยปัญญาญาณ ด้วยภาวนามัยยะปัญญา อย่างแท้จริง ใน อนัตตลักษณะของสัญญา...มันก็ยังทุกข์เพราะสัญญาขันธ์อยู่น่ะ



นักวิทยาศาสตร์เขากำลังจะพยายามหาสารชีวเคมีมาทำให้ความทรงจำส่วนที่ไม่ดีนั้นหายไป...
นี่ เขา เรียกว่า กระทำภายใต้แรงผลักดันแห่งวิภวตัณหา

กล่าวคือ เมื่อ ความทรงจำในอดีตที่เจ็บปวด ทำให้ทุกข์...ก็ต้องไม่ให้มีความทรงจำส่วนนี้ มันเสียเลย.นี่ ล่ะ วิภวตัณหา

ก็ ต้องดูกันต่อไป ว่า ยาในแนวนี้ จะออกสู่ตลาดเมื่อใด... กินไปแล้ว จะมีผลข้างเคียงใดๆไหม...จะไปมีส่วนให้ความทรงจำส่วนอื่นๆหายไปด้วยไหม


อนึ่ง

พระพุทธเจ้า ท่านไม่ได้สอนให้บังคับให้สัญญาหายไปน่ะ
แต่ ท่านสอนให้รู้เท่าทัน ไม่เห็นสัญญาเป็นตัวตน และ ไม่เป็นทุกข์กับสัญญาใดๆ..แม้นสัญญานั้นๆ ยังปรากฏอยู่ ก็ต้องไม่ทุกข์ใจ

สติในปัจจุบันขณะ เป็น สิ่งที่สำคัญที่สุด ที่จะรู้เท่าทันตามสภาวธรรมต่างๆที่ปรากฏ


ส่วน สัญญาเวทยิตนิโรธ (สมาบัติ ที่ดับทั้งสัญญา และ เวทนา) สำหรับพระอนาคามี และ พระอรหันต์ ที่เชี่ยวชาญในสมาบัติทั้งแปด นั้น... เป็นสุขที่เทียบกับ พระนิพพาน.... คงไกลเกินไป สำหรับเรา-ท่าน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2008, 16:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


มีทหารผ่านศึกเวียดนามของอเมริกา ที่ มีความทรงจำที่ไม่ดี กับสงคราม
เจ็บปวด กับ สงคราม... ทุกข์ เศร้า รู้สึกผิด หมองไหม้

รู้ไหม....ทหารผ่านศึกเวียดนาม ฆ่าตัวตายเองกว่า 100,000คน...!
(พิมพ์ไม่ผิดหรอก 100,000 คน จริงๆ)
แต่ ตายในสงคราม 50,000 คน

กลายเป็นว่า ทหารผ่านศึกเวียดนาม ต้องฆ่าตัวตาย มากกว่า ตายในสงคราม กว่าสองเท่าตัว

มันเป็นไปเพราะ ความทรงจำที่เจ็บปวด ที่หลอนอยู่ลึกๆ ในจิตใต้สำนึก

ลองอ่าน

http://www.thairath.co.th/news.php?sect ... ent=107086

เป็น เรื่องที่อดีตทหารจีไอท่านหนึ่ง ได้มาบวชในพระพุทธศาสนา เพราะ ทุกข์จากความทรงจำที่เจ็บปวด



ปล...

ผมมองว่า
ทางนักวิทยาศาสตร์อเมริกา เขาพยายามจะหาสารมหัศจรรย์ที่ว่านี้
ส่วนหนึ่ง ก็อาจจะมาจาก การที่สังคมอเมริกา ต้องสูญเสียมากมาย ไปกับความทรงจำในอดีตที่เจ็บปวด..
ทั้ง จากอดีตสงคราม...
ทั้ง จากการบีบคั้นในสังคมแห่งวัตถุนิยม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2008, 16:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อเช้านี้

มีโอกาสคุยกับ รุ่นพี่ที่ศึกษา และ ปฏิบัติธรรมท่านหนึ่ง
ท่านบอกว่า

"ยาคลายเครียด-ลดซึมเศร้า" ตัวหนึ่ง(ขอสงวนชื่อยา) กำลังเป็นอาวุธหลัก ของทหารอเมริกา ในสงครามอิรัก :b6:

ตอนแรกที่ได้ยิน ผมก็งง...
เอ "ยาคลายเครียด-ลดซึมเศร้า" มันกลายไปเป็นอาวุธหลัก ของทหารอเมริกา ในสงครามอิรัก ได้อย่างไร?

นึกขึ้นมาได้...อ้อ เขาเอาไว้ให้ทหารอเมริกาสู้กับ ความรู้สึกปั่นป่วน-สับสน-หดหู่-ท้อแท้-รู้สึกผิด ในจิตใจของตนเอง

ทหารอเมริกามีศัตรูที่สำคัญที่สุด อยู่ในใจตนเอง นั่นเอง

ก็ ต้องคอยดูต่อไปว่า ทหารอเมริกาที่ผ่านสงครามอิรัก จะมีสภาพจิตอย่างไร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2008, 18:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ตรงประเด็น เขียน:
เมื่อเช้านี้

มีโอกาสคุยกับ รุ่นพี่ที่ศึกษา และ ปฏิบัติธรรมท่านหนึ่ง
ท่านบอกว่า

"ยาคลายเครียด-ลดซึมเศร้า" ตัวหนึ่ง(ขอสงวนชื่อยา) กำลังเป็นอาวุธหลัก ของทหารอเมริกา ในสงครามอิรัก :b6:

ตอนแรกที่ได้ยิน ผมก็งง...
เอ "ยาคลายเครียด-ลดซึมเศร้า" มันกลายไปเป็นอาวุธหลัก ของทหารอเมริกา ในสงครามอิรัก ได้อย่างไร?

นึกขึ้นมาได้...อ้อ เขาเอาไว้ให้ทหารอเมริกาสู้กับ ความรู้สึกปั่นป่วน-สับสน-หดหู่-ท้อแท้-รู้สึกผิด ในจิตใจของตนเอง

ทหารอเมริกามีศัตรูที่สำคัญที่สุด อยู่ในใจตนเอง นั่นเอง

ก็ ต้องคอยดูต่อไปว่า ทหารอเมริกาที่ผ่านสงครามอิรัก จะมีสภาพจิตอย่างไร


สัตว์ที่โหดร้ายที่สุด เห็นจะไม่มีอะไรเกินมนุษย์เลยนะคับ
รูปแบบความโหดร้ายก็สุดจะจินตนาการได้

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2008, 21:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.ค. 2008, 14:47
โพสต์: 1562

อายุ: 0
ที่อยู่: หิมพานต์

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b8:

.....................................................
อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจจะชามิฯ
ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าขอมอบกายถวายชีวิต แด่พระพุทธเจ้า แด่พระธรรม แด่พระสงฆ์ นับแต่บัดนี้ตราบจนเข้าสู่พระนิพพาน


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 124 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร