กบอาจจะอยู่เพื่ออยากมีเงินใช่ป่าวจึงท่องคาถาเรียกเงิน(เงินจงมาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ). แต่ผมมีชีวิตอยู่เพื่อพัฒนาธรรมะให้สูงขึ้น. ไม่ใช่ฝันเหมือนกบนะ เงินจงมาๆ

เมื่อก่อนก็เคยคิดแบบบิ๊กทู่นี่แหละ คือเบื่อ เกิด แก่เจ็บตาย ชีวิตดิ้นรนเป็นทาสขันธ์ 5 สุดท้ายตอนตายก็ไม่เห็นเหลืออะไรเป็นของตนเอง..แต่ความจริงแล้ว การตายมันไม่ใช่จุดจบน่ะสิ..มันเหมือนกับว่า เราปีนขึ้นไปบนยอดเขา และคิดว่าอยากจะบินได้เหมือนนก เราจะบินขึ้นไปบนท้องฟ้า แต่พอเราลองบินดู เรากับไม่สามารถบินขึ้นไปบนนั้นได้..เราก็ร่วงตกลงมา โดยที่เราไม่รู้ว่าข้างล่างเราจะเจอกับอะไร...คุนน้องเคยรู้ตัวว่าตนกำลังฝัน..เลยเหาะไปบนท้องฟ้า และคุนน้องยังไปช่วยคนอื่นๆให้เขาฝึกเหาะให้ได้แบบคุนน้อง แทนที่คุนน้องจะเหาะบินเที่ยวเล่นในความฝันไม่สนใจใคร...แต่ในฝันเรายังเดินด้วยเท้า แถมยังไปบอกคนอื่นว่า ทำจิตให้นิ่งแล้วลอยขึ้นไป..แล้วคุนน้องก็ทำให้เขาดูเป็นตัวอย่าง (มีผู้ชายคนนึงเหาะขึ้นไป แต่ควบคุมไม่ได้เลยร่วงตกลงมา ตลกดี )

ผมไม่ได้สื่อว่าเบื่อนะ ผมอยากจะสื่อว่าชีวิตที่คนเราถ้าอยู่แล้วไม่ได้พัฒนาจิตตนเองให้สูงขึ้นกว่าเดิมก็ไม่รู้จะอยู่เพื่ออะไร

ทุกลมหายใจมีค่ามากจริงๆ. วันนี้อีกวันหนึ่งที่ได้มาที่ตึกอยุกรรมชาย. เลิกได้ก็เลิกนะความหลงต่างๆ

เลิกซะ..

แต่พูดอย่างเดียว..ไม่ได้อะไร..ก็แค่...ใจอยาก..มันเป็นอารมณ์...

กราบใครเป็นอาจารย์...ก็พอจะเดาได้แล้วว่า..บารมีอยู่ตรงไหน

ทำไปเถอะ...ชาติหน้า..รึจะกี่ชาติ...เมื่อถึงที่สุดแล้ว...ก็สุขเท่ากัน...ช้าเร็วไม่มีผลกับความสุข...

เลิกอะไร ผมนะเลิกแล้วคุณน่ะเลิกหรือยัง เงินจงมาๆๆๆๆ

กระเจิดกระเจิงกันไปพอสมควรจนหมดเรื่องจะคุยกัน ก็กลับมาวิเคราะ์ธรรมสู่กันฟังต่อไปนะครับ

สิ่งที่ชาวพุทธทั้งหลายควรจะได้รู้ก่อนที่จะได้เดินทางไปสู่ความเป็นชาวพุทธแท้ 100% ก็คือ

ยาก 5 อย่าง
ทาง 5 เส้น
บุคคล 5 จำพวก

หัวใจการค้นพบของพระพุทธเจ้า คือ อริยสัจ 4 มรรค 8 อนัตตา

เคล็ดลับการปฏิบัติธรรม คือธรรมคุณ 6 ประการ

โพธิปักขิยธรรม 37 ประการ อันมีหลักการจำง่ายคล้ายเบอร์โทรศัพท์ว่า

34 25 17 18 สามสี่ สองห้า หนึ่งเจ็ด หนึ่งแปด

สามสี่ คือ สติปัฏฐาน 4 สัมมัปทาน 4 อิทธิบาท 4
สองห้า คือ อินทรีย์ 5 พละ 5
หนึ่งเจ็ด คือ โพชฌงค์ 7
หนึ่งแปด คือ มรรค 8

มีความรู้เท่าที่กล่าวมานี้ แล้วเข้าใจนำไปสู่การปฏิบัติได้ มรรค ผล นิพพานก็ไม่เป็นของยากเกินเอื้อมแล้วครับ

เปล่าเขาไม่ได้หมดเรื่องจะคุยกันหรอก เพราะก่อนที่ท่านจะชิงหลบหน้าหายเข้ากลีบเมฆไป
ท่านได้ตั้งประเด็นไว้ถึงตรงนี้ไง

ซึ่งเอกอนก็ได้ถามท่านเอาไว้
แล้วท่านก็หลบหน้าหายเงียบไป...

กลับมาก็ดีแล้ว งั๊นก็กลับเข้าสู่ประเด็นต่อ

เข้าใจแบบผ่านๆครับ

มันเข้าใจยากกว่าอริยสัจ 4 มรรค อนัตตาครับ

ไม่เข้าใจ..ก็บอกไปไม่เข้าใจ...ไม่เห็นต้องอะไรเลย..

ผมก็ไม่เข้าใจ...

ธรรมหยาบ ธรรมละเอียด สัจจะก็ อริยสัจ 4 เดียวกัน
ธรรมหยาบ ธรรมละเอียด ทางสู่การดับ ก็ มรรค เดียวกัน
ธรรมหยาบ ธรรมละเอียด ก็ล้วน อนัตตา เดียวกัน
...
อริยสัจ 4 มรรค อนัตตา เป็นเรื่องที่อ่าน เข้าใจง่าย คิดตาม เห็นภาพได้

แต่ในทางการปฏิบัติ การเข้าถึง ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ดังนั้น เรื่องการเข้าถึง อริยสัจ มรรค อนัตตา จึงเป็นเรื่องเข้าใจยากกว่าสิ่งที่เอกอนกล่าวอยู่ดี

อืม!!!!!!!!
มันคล้ายกับเรื่องที่เต่าพยายามจะอธิบายให้สิงห์โตเห็นว่าชีวิตเต่าที่สะเทินน้ำสะเทิ้นบกได้มันดีกว่าชีวิตของสิงห์โตอย่างไร มันคงยากนะที่จะเข้าใจ

แต่ผมมาได้หลักที่พระบรมศาสดาได้ทรงให้ไว้สรุปความได้ว่า

ยามใดที่เธอสงสัยว่าเรื่องใด ธรรมใด ความเห็นใดใช่คำสอนของของเราตถาคตหรือไม่ให้เอาอริยสัจ 4 เข้ามาจับพิจารณา ถ้าเรื่องใด ธรรมใดเป็นเรื่องของทุกข์ เหตุเกิดทุกข์ ความดับทุกข์และทางดำเนินไปเพื่อให้ถึงความดับเหตุทุกข์ นั่นคือคำสอนของเราตถาคต ถ้านอกไปจากนี้ไม่ใช่ และเป็นมิจฉาทิฏฐิ

เรื่องที่เอก้อนยกมาเล่าก็ดีแต่เป็นเรื่องปัญญาของชาวตะวันตกอาจเกี่ยวบ้างไม่เกี่ยวบ้างกับอริยสัจ 4 แล้วแต่ว่าเอก้อนจะพยายามโยงมาหาได้เพียงไร

แต่เรื่องที่น่าเป็นห่วงคือเอก้อนบอกว่า
เรื่องการเข้าถึง อริยสัจ มรรค อนัตตา จึงเป็นเรื่องเข้าใจยากกว่าสิ่งที่เอกอนกล่าวอยู่ดี

เป็นชาวพุทธมานาน ยังไม่เข้าใจซาบซึ้งในอริยสัจ 4 มรรค 8 อนัตตา แต่กลับไปซาบซ่านใจกับเรื่องของฝรั่งมังค่า อันน่าจะเป็นมิจฉาทิฏฐิพาเฉออกนอกทางนิพพาน จึงน่าเป็นห่วงยิ่งนัก

คุณเอก้อนเรียนปริยัติมากไป ปฏิบัติน้อยไปไม่สัมพันธ์กันหรือเปล่าจึงไม่ลึกล้ำด่ำดื่มเข้าไปในหัวใจของพระพุทธศาสนาคือ อริยสัจ 4 มรรค 8 อนัตตา

กบด้วยกบอย่าเพิ่งไปตัดสินใครต่อใครว่าไม่มีสติปัญญาจะไปเข้าใจเรื่องธรรมของฝรั่งอย่างที่กบเป็นนะครับ อตร.

ยังไงก็ยังมีคุนน้องคนนึง ที่เข้าไปเห็นธรรมอันละเอียดละออ ของพี่เอกอน ในการเอาเรื่อง จิต เจตสิก มาอุปมาอุปมัยในลักษณะ ชาวนักโต้คลื่น
(เห็นภาพชัดทีเลย )
นักโต้คลื่น เขารู้วิธีโต้และพริ้วไหวไปกับกระแสคลื่นและพยายามประคองไปให้สุดทาง เพื่อไม่ให้หัวขวิดคะมำตกลงไปในน้ำ..แน่นอนเขาต้องชำนาญและฝึกฝนมาจนเกิดความชิน...คุณสมบัติของจิต ก็เหมือนกัน ต้องฝึกฝน จนชำนาญ
การเข้าไปเห็น ผัสสะ รู้ชัดในสภาวะธรรมที่ปรากฏ ก็เหมือนกับ ชาวนักโต้คลื่นทั้งหลาย จะหัวคะมำ หัวขวิด รึพริ้วไหวไปกับกระแสคลื่น ก็เป็นเรื่องเฉพาะตนเนอะ... แต่คนที่เข้าไปเห็นธรรมอันละเอียดนั้น..สุดท้ายแล้วจะเห็นอนัตตาปรากฏ..เหมือนชาวนักโต้คลื่น เค้าสามารถเล่นกับคลื่นนั้นในช่วงเวลาที่คลื่นซัดมา..พอคลื่นดับไป..
เค้าก็ไม่สามารถจะโต้กับคลื่นได้..ถ้าคลื่นมาซัดมาอีกครั้ง..เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ตามเหตุปัจจัยอยู่ดี

คุณน้องช่วยอธิบายการเห็นผัสสะว่าเป็นอย่างไรถึงจะเกิดประโยชน์แก่การบรรลุธรรม

อโสกะโลกแคบ ประเมินความรู้ สติปัญญา ชาวตะวันตก ว่าไม่รู้พุทธศาสนาเหมือน ชาวไทย
เพราะแบบนี้ไง คนไทยถึงย้ำอยู่กับที่..ไม่ไปไหน
จริตคนไทยที่นับถือศาสนาพุทธ ส่วนใหญ่ศรัทรา ประกอบโมหะ..คือความเชื่อที่สืบทอดตามๆกันมา
ประกอบกับความหลง คือเชื่อในสิ่งนั้นโดยขาดเหตุผล และไม่เคยจะค้นหาความจริงในสิ่งที่เชื่อ คือ พ่อแม่ ครูบา อาจารย์ บรรพบุรุษสอนมาไง หลับหูหลับตาเชื่อไว้ก่อน ห้ามเถียงผู้ใหญ่ ไม่ดี ทั้งที่ผิดจากหลัก กาลามาสูตร ที่พระพุทธองค์ทรงตรัส..
คุนน้อนสนใจ วิถีพุทธแบบ เซน คือเค้าคิดในเชิงปรัชญาของชีวิต..และส่วนใหญ่ ชาวตะวันตกจะนับถือพุทธ เซน คุนน้องมองว่า ชาวพุทธตะวันตก
เชื่อในหลักเหตุผล และลงมือปฏิบัติให้เกิดผลขึ้นจริง..สตีฟ จ๊อบ ก็นับถือพุทธ เซน
แล้วทำไมพี่ไทยเรา ถึงตามกระแส ไอโฟน ไอแพท จัง สิ่งที่เค้าสร้างสรรค์ขึ้น ก็เกิดจากพลังสติปัญญาที่เขาปฏิบัติ และนำมาพลิกแพลงสู่สายตาชาวโลก..ช่างมะรู้อะไรบ้างเลย
บางครั้งก็สงสัยและถามตนเองเหมือนกันนะ..
ทำไมถึงมีแต่ชาวตะวันตก ที่สร้างสรรค์ ประดิษโน้น นั่น นี่ ให้กับโลก..ทั้งที่ชาวไทยนับถือพุทธ
แต่ทำไมพวกเรา ไม่มีพลังแบบนั้นเหมือนขาวตะวันตก..อยากให้คนไทยมีชื่อเสียงประมาณว่า
คนไทยคือ ประเทศแรกของโลก สามารถ คิดค้นยา รักษามะเร็งได้ หรือ อะไรแนวทำนอง สร้างสรรค์โลก ให้ดีขึ้น..แต่เรากับไม่มีพรสงรรค์ จากพระเจ้า..แต่ประเทศที่ได้รับพรสวรรค์จากพระเจ้าเยอะที่สุด ทำอะไรสำเร็จที่สุด ประชากรมีศักยภาพ คือ เยอรมัน ทั้งที่ส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริส แล้วคนไทยทำไมย่ำอยู่กับที่ ทั้งที่เราเหนือกว่าเขา มีพุทธศาสนา แต่ทำไมประเทศไทยถึงไม่เจริญ มีศักยภาพแบบชาวตะวันตก