วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 06:28  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 925 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 38, 39, 40, 41, 42, 43, 44 ... 62  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ค. 2014, 14:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เห็นแต่พูดว่า..เอาความยินดียินร้ายออก...

แต่...ไม่เคยเห็นบอกเลนว่า..ทำไมถึงเอามันออกได้

นิ่ง..เฉยๆ...ข่มใจไม่ไปยินดี..หรือ..ไปยินร้าย...นี้นะ...เขาไม่เรียกว่า..เอาซึ่งความยินดียินร้าย...ออกจริงหรอกนะครับอโสกะ

:b12:
ลงล๊อคพอดีเป๊ะเลยที่กบสงสัยว่า ทำยังไงถึงเอายินดียินร้ายออกได้

นี่คือสิ่งสำคัญที่ไม่มีบอกไว้ในตำรา มีอยู่แต่เฉพาะในภาคปฏิบัติเท่านั้น

การจะเอาความยินดียินร้ายออกได้อย่างไรนั้นก็คงใช้สติปัฏฐาน 4 นั่นแหละ แต่ใช้ในชั้นที่ละเอียดลึกซึ้งเข้าไปอีก

เครื่องมือที่จะใช้ก็ต้องมีและเอามาใช้ให้ครบถ้วนโดยเลือกใช้ให้เหมาะสมกับงาน

ความยินดียินร้ายที่เกิดจากกิเลสอย่างหยาบ ทางกาย วาจา ก็เอาศีลมาช่วยเอาออก

ความยินดียินร้ายที่เกิศจากกิเลสอย่างกลาง ทางความคิด ก็เอาสมาธิมาช่วยเอาออก

ความยินดียินร้ายที่เกิดจากกิเลสอย่างละเอียดอ่อน ซึ่งฝังลึกอยู่ในจิตใจ ก็เอาปัญญามาช่วยเอาออก

เมื่อเ อาสติ ปัญญา มานิ่งรู้นิ่งสังเกตไว้ที่่ความยินดี หรือ ยินร้ายที่กำลังเกิดขึ้นเป็นปัจจุบัน จะได้เห็นอารมณ์ลูก หลาน ที่แตกออกจากความยินดีหรือยินร้าย เป็น ตัณหา อุปาทาน กัม ภวะ มโนกรรม วจีกรรม กายกรรม ตามกำลังเหตุ ปัจจัยแห่งความยินดียินร้ายนั้น บางอย่างก็เอาศีลมาตัด บางอย่างก็เอาสมาธิมาขวาง บางอย่างก็ใช้สติปัญญาขุดถอน

การใช้สติปัญญา ขุดถอนก็ไม่ยาก
สิ่งที่ต้องทำก็มีเพียงนิ่งรู้นิ่งสังเกตทุกปัจจุบันอารมณ์ไปโดยมิให้มีปฏิกิริยาตอบโต้กับอารมณ์นั้นๆ ในที่สุดทุกอารมณ์จะดับไปๆจนหมด ยินดียินร้ายก็ดับตาม
:b36:
ในอีกทางหนึ่งนั้นคือการพิจารณาจนเห็นอารมณ์ไตรลักษณ์ในความยินดียินร้ายนั้น จนเกิดนิพพิทา ความเบื่อหน่าย คลายจาง ละวาง ความยินดียินร้ายไปได้
:b38:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ค. 2014, 15:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
พูดนะง่าย แต่ทำนะยากส์ ทำถูกต้องปฏิบัติถูกวิธีก็ดีปาย ถึงกระนั่นก็ต้องใช้เวลา (พระพุทธเจ้าใช้เวลา 6 แล้วคุณเป็นใคร) แต่ถ้าทำก็ไม่ถูกแถมใจร้อน ทำไปๆก็คิดแต่จะเอานั่นไม่เอานี่ เอานี่ไม่เอานั่น เสี่ยงขอรับ คิกๆๆ เหมือนคนทำงาน มือก็ทำงานไปหยิบนั่นนี่ผิดๆถูกๆ ใจไม่อยู่กับงานที่ทำ คิดร่ำๆแต่จะเอาเงินเดือนฉันใดก็ฉันนั้น ประสบความสำเร็จยากขอรัับ :b1:


อย่างอโศกจ้องแต่จะเอายาน อยากได้ญาณ ถึงได้บอกว่า จะแบกจักรยานกลับสำนัก :b32:

:b16:
เพราะกรัชกายมัวแต่คิดว่ายาก เลยไม่ยอมลงมือปฏิบัติอย่างเอาจริงเอาจังสักที ผิดกับโฮฮับซึ่งกำลังไปทำจริงเอาจังอยู่ขณะนี้ ระวังกรัชกายจะตามไม่ทันนะ

พระบรมศาสดาทรงใช้เวลาค้นคว้าถึง 6 ปี เพราะทรงค้นหาด้วยพระองค์เองและเป็นพุทธวิสัย

ตัวอย่างที่ง่ายก็มีทำไมไม่เอา ดังเช่นพระอรรคสาวก มหาสาวกและปกติสาวกทั้งหลาย พระโมคคัลลานะ ใช้เวลา 7 วัน พระสารีบุตรใช้เวลา 15 วัน ชั้นโสดาบันนั้นเพียงแค่ฟังโฉลกธรรมของพระอัสชิจบลง

สำหรับเราท่านทั้งหลายมีพระสูตรให้ศึกษาตั้ง 21,000 สูตร เลือกสูตรที่ตรงกับจริต นิสัย วาสนาาของตนมาศึกษาอย่างพินิจพิเคราะห์เจาะลึกแล้วนำมาลงมือประพฤติปฏิบัติอย่างจริงจังก็ย่อมจะเอาออกได้ซึ่งความยินดียินร้ายในโลกในเวลาไม่เนิ่นช้า ถ้าทำจริงๆ

:b38:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ค. 2014, 15:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:

การใช้สติปัญญา ขุดถอนก็ไม่ยาก
สิ่งที่ต้องทำก็มีเพียงนิ่งรู้นิ่งสังเกตทุกปัจจุบันอารมณ์ไปโดยมิให้มีปฏิกิริยาตอบโต้กับอารมณ์นั้นๆ ในที่สุดทุกอารมณ์จะดับไปๆจนหมด ยินดียินร้ายก็ดับตาม


นี้แหละสมถะ...

asoka เขียน:

ในอีกทางหนึ่งนั้นคือการพิจารณาจนเห็นอารมณ์ไตรลักษณ์
ในความยินดียินร้ายนั้น จนเกิดนิพพิทา ความเบื่อหน่าย คลายจาง ละวาง ความยินดียินร้ายไปได้
:b38:

นี้คือความสับสน...
หากไม่มี..ที่ขีดเส้นใต้...นะ...ก็พอดูได้
แต่คุณอโสกะจะเอายินดียินร้ายออก....ก็เหมือนกับจะเอาผลออก...แทนที่จะไปดูเหตุแห่งยินดียินร้าย...อโสกะกลับมาจ่องมองตัวผล..ซะนี้..
ผมพูดผิดมั้ยครับ..อโสกะ..ที่บอกว่าต้องละที่เหตุ...ของการยินดียินร้าย
และถ้าจะพิจารณาโดยความเป็นไตรลักษณ์....ก็ต้องพิจารณาที่เหตุ....จนเห็นความไร้สาระ...เห็นความหลง..เห็นความเข้าใจผิดในสิ่งนั้นๆ....

.เห็นผลเกิดดับ...แล้วนิพพิทา....อะไรในมัน...ละ?

หากบอกไม่ได้....นั้นแหละกดข่มใจให้นิพพิทาแล้ว...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ค. 2014, 15:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
พูดนะง่าย แต่ทำนะยากส์ ทำถูกต้องปฏิบัติถูกวิธีก็ดีปาย ถึงกระนั่นก็ต้องใช้เวลา (พระพุทธเจ้าใช้เวลา 6 แล้วคุณเป็นใคร) แต่ถ้าทำก็ไม่ถูกแถมใจร้อน ทำไปๆก็คิดแต่จะเอานั่นไม่เอานี่ เอานี่ไม่เอานั่น เสี่ยงขอรับ คิกๆๆ เหมือนคนทำงาน มือก็ทำงานไปหยิบนั่นนี่ผิดๆถูกๆ ใจไม่อยู่กับงานที่ทำ คิดร่ำๆแต่จะเอาเงินเดือนฉันใดก็ฉันนั้น ประสบความสำเร็จยากขอรัับ :b1:


อย่างอโศกจ้องแต่จะเอายาน อยากได้ญาณ ถึงได้บอกว่า จะแบกจักรยานกลับสำนัก :b32:

:b16:
เพราะกรัชกายมัวแต่คิดว่ายาก เลยไม่ยอมลงมือปฏิบัติอย่างเอาจริงเอาจังสักที ผิดกับโฮฮับซึ่งกำลังไปทำจริงเอาจังอยู่ขณะนี้ ระวังกรัชกายจะตามไม่ทันนะ

พระบรมศาสดาทรงใช้เวลาค้นคว้าถึง 6 ปี เพราะทรงค้นหาด้วยพระองค์เองและเป็นพุทธวิสัย

ตัวอย่างที่ง่ายก็มีทำไมไม่เอา ดังเช่นพระอรรคสาวก มหาสาวกและปกติสาวกทั้งหลาย พระโมคคัลลานะ ใช้เวลา 7 วัน พระสารีบุตรใช้เวลา 15 วัน ชั้นโสดาบันนั้นเพียงแค่ฟังโฉลกธรรมของพระอัสชิจบลง

สำหรับเราท่านทั้งหลายมีพระสูตรให้ศึกษาตั้ง 21,000 สูตร เลือกสูตรที่ตรงกับจริต นิสัย วาสนาาของตนมาศึกษาอย่างพินิจพิเคราะห์เจาะลึกแล้วนำมาลงมือประพฤติปฏิบัติอย่างจริงจังก็ย่อมจะเอาออกได้ซึ่งความยินดียินร้ายในโลกในเวลาไม่เนิ่นช้า ถ้าทำจริงๆ




อ้างคำพูด:
เพราะกรัชกายมัวแต่คิดว่ายาก เลยไม่ยอมลงมือปฏิบัติอย่างเอาจริงเอาจังสักที ผิดกับโฮฮับซึ่งกำลังไปทำจริงเอาจังอยู่ขณะนี้ ระวังกรัชกายจะตามไม่ทันนะ


ท่านอโศกดูตรงไหนว่า กรัชกายไม่ลงมือทำลงมือปฏิบัติ :b1: นี่ขอรับ เมื่อรักกรัชกายแล้วละก็ อย่าเอาไปเปรียบกับคนอื่น (โฮฮับ) ถ้ารักไม่มากก็รักน้อยๆ แต่รักให้นานๆ คิกๆๆ

http://www.youtube.com/watch?v=LUMrzrXMKF0

รู้เปล่าที่โฮฮับหายไป เพราะอะไร เพราะเขาเกรงกลัวกรัชกาย :b32: จุดธูปหลายรอบแล้วมาไหม ไม่มา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ค. 2014, 16:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:
อ้างคำพูด:
ท่านอโศกดูตรงไหนว่า กรัชกายไม่ลงมือทำลงมือปฏิบัติ :b1: นี่ขอรับ เมื่อรักกรัชกายแล้วละก็ อย่าเอาไปเปรียบกับคนอื่น (โฮฮับ) ถ้ารักไม่มากก็รักน้อยๆ แต่รักให้นานๆ คิกๆๆ

http://www.youtube.com/watch?v=LUMrzrXMKF0

รู้เปล่าที่โฮฮับหายไป เพราะอะไร เพราะเขาเกรงกลัวกรัชกาย :b32: จุดธูปหลายรอบแล้วมาไหม ไม่มา

:b16:
อ้างคำพูด:
ท่านอโศกดูตรงไหนว่า กรัชกายไม่ลงมือทำลงมือปฏิบัติ

:b6:
ดูตรงเรื่องที่พูด ธรรมที่แสดง ไม่ค่อยมีเขียนเรื่องสภาวธรรมตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับกาย ใจ ของตนเอง
มีแต่ยกมาจากตำรา เอาสภาวะของคนอื่นมาพูด ถาม คุย ครับ

:b4: :b4:
โฮฮับอาจเป็น เชนคัมแบ๊กในเร็วๆวันนี้ พร้อมกับท่าทีและแนวธรรมะที่เปลี่ยนไปก็เป็นได้นะครับ ระวัง เตรียมตัว
:b11:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ค. 2014, 16:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:

การใช้สติปัญญา ขุดถอนก็ไม่ยาก
สิ่งที่ต้องทำก็มีเพียงนิ่งรู้นิ่งสังเกตทุกปัจจุบันอารมณ์ไปโดยมิให้มีปฏิกิริยาตอบโต้กับอารมณ์นั้นๆ ในที่สุดทุกอารมณ์จะดับไปๆจนหมด ยินดียินร้ายก็ดับตาม


นี้แหละสมถะ...

asoka เขียน:

ในอีกทางหนึ่งนั้นคือการพิจารณาจนเห็นอารมณ์ไตรลักษณ์
ในความยินดียินร้ายนั้น จนเกิดนิพพิทา ความเบื่อหน่าย คลายจาง ละวาง ความยินดียินร้ายไปได้
:b38:

นี้คือความสับสน...
หากไม่มี..ที่ขีดเส้นใต้...นะ...ก็พอดูได้
แต่คุณอโสกะจะเอายินดียินร้ายออก....ก็เหมือนกับจะเอาผลออก...แทนที่จะไปดูเหตุแห่งยินดียินร้าย...อโสกะกลับมาจ่องมองตัวผล..ซะนี้..
ผมพูดผิดมั้ยครับ..อโสกะ..ที่บอกว่าต้องละที่เหตุ...ของการยินดียินร้าย
และถ้าจะพิจารณาโดยความเป็นไตรลักษณ์....ก็ต้องพิจารณาที่เหตุ....จนเห็นความไร้สาระ...เห็นความหลง..เห็นความเข้าใจผิดในสิ่งนั้นๆ....

.เห็นผลเกิดดับ...แล้วนิพพิทา....อะไรในมัน...ละ?

หากบอกไม่ได้....นั้นแหละกดข่มใจให้นิพพิทาแล้ว...

:b43:
คุณกบ ต้องดูท่อนที่คาดสีแดงไว้ให้ดูด้วยนะครับ อารมณ์ลูกหลานของความยินดียินร้ายเขาต้องเกิดสำหรับผู้ใหม่ เมื่อเจริญสติปัฏฐานต่อไปเขาจะพาไปสู่ความเห็นไตรลักษณ์และนิพพิทาญาณ

ส่วนที่ว่าเป็นสมถะก็อาจจะใช่ เพราะได้บอกแล้วว่า ต้องใช้ทั้งศีล สมาธิ ปัญญา ชำระและขุดถอนช่วยกัน


อ้างคำพูด:
เมื่อเ อาสติ ปัญญา มานิ่งรู้นิ่งสังเกตไว้ที่่ความยินดี หรือ ยินร้ายที่กำลังเกิดขึ้นเป็นปัจจุบัน จะได้เห็นอารมณ์ลูก หลาน ที่แตกออกจากความยินดีหรือยินร้าย เป็น ตัณหา อุปาทาน กัม ภวะ มโนกรรม วจีกรรม กายกรรม ตามกำลังเหตุ ปัจจัยแห่งความยินดียินร้ายนั้น บางอย่างก็เอาศีลมาตัด บางอย่างก็เอาสมาธิมาขวาง บางอย่างก็ใช้สติปัญญาขุดถอน

การใช้สติปัญญา ขุดถอนก็ไม่ยาก
สิ่งที่ต้องทำก็มีเพียงนิ่งรู้นิ่งสังเกตทุกปัจจุบันอารมณ์ไปโดยมิให้มีปฏิกิริยาตอบโต้กับอารมณ์นั้นๆ ในที่สุดทุกอารมณ์จะดับไปๆจนหมด ยินดียินร้ายก็ดับตาม
:b36:
ในอีกทางหนึ่งนั้นคือการพิจารณาจนเห็นอารมณ์ไตรลักษณ์ในความยินดียินร้ายนั้น จนเกิดนิพพิทา ความเบื่อหน่าย คลายจาง ละวาง ความยินดียินร้ายไปได้

:b38:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ค. 2014, 17:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ภาวธรรมตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับกาย ใจ ของตนเอง
มีแต่ยกมาจากตำรา เอาสภาวะของคนอื่นมาพูด ถาม คุย ครับ



กรัชกายพูดไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วว่า อโศกไม่เข้าใจธรรมะ เมื่อไม่เข้าใจธรรมะ ก็ไม่เช้าใจชีวิต (ทุกๆชีวิต) เพราะชีวิตทุกๆชีวิตก็คือเป็นธรรมะ เป็นสภาวธรรมอย่างเดียวกัน

ที่อโศกพูดนั้น ก็นำมาจากหนังสือทั้งนั้น แหมทำเป็นพูดธรรม ยกเอาศัพท์ทางธรรมนั่นนี่มา พอเจอของจริง หายไป 7 วัน คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ค. 2014, 17:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แหย่ๆ อโศกดูหน่อย คิกๆๆ เขาเป็นอะไร จะแก่้ยังไข


อ้างคำพูด:
สวัสดีค่ะ พี่ ๆ

แบบว่า อาการของแว๊ด คือ ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน ทั้งปฏิบัติหรือชีวิตปกติ แว๊ดจะได้ยินเสียงหึ่ง ๆ วิ้งๆ บอกเสียงไม่ถูกอะ (แต่แว๊ดจะชอบเรียกว่า เสียงแห่งความเงียบ) อยู่เกือบตลอดเวลา

บางทีเสียงหึ่ง ๆ วิ้ง ๆ นี้ที่กระจายอยู่รอบ ๆ ตัว บางครั้งเหมือนรวมตัวกันแล้ว เป็นเสียงกริ๊งงงงงง จะได้ยินอยู่บ่อย ๆ ทุกอิริยาบท แม้แต่ตอนนอน จะตื่นเพราะได้ยินเสียงนี้ มันเหมือนได้ยินทางกระโหลก ทางกระหม่อม ศรีษะ แล้วแต่คนเรียกกัน แต่ไม่ใช่ได้ยินทางหู

แว๊ดเคยนอนเล่น จับพองยุบ สองสามครั้ง จากนั้นได้ยินเสียงกริ๊งงงงงงงงงงงง ดังมาก มากเหมือนแก้วหูจะแตก จากนั้นรู้สึกว่าร่างกายสั่นแรง ถี่ แต่อารมณ์เฉย ตามดูรู้เฉย ๆ พร้อมกับแสงสว่างจ้ามาก แต่ไม่รู้สึกร่างกายภายนอก รู้แต่ข้างใน พอสว่างมากเหมือนจะมองแสงสว่างไม่ได้ แว๊ดก็หลับตาทั้ง ๆ ที่หลับตาอยู่แล้ว แล้วก็ตัดอาการทั้งหมด


ลืมตาตื่นขึ้นมา มองไปรอบตัว ก็คือห้องตัวเอง แต่ว่าได้ยินเสียงสวดมนต์ด้านบน เป็นบทสวดอิติปิโส แต่ที่นี่ไม่มีคนไทยอยู่ ก็คิดว่าตัวเองคงตายแล้ว เลยเตรียมตัวตาย พนมมือจะไปกราบพระบาทพระพุทธเจ้า จากนั้นก็ตัด (ไม่ทราบจะใช้คำอะไรดีกับอาการนี้) ก็ลืมตา แต่แว๊ดไม่ได้พนมมือ แต่ยังนอน บริกรรมปกติ

บางครั้งก็ได้ยินเสียงผู้หญิง ร้องเพลงไทยโบราณ ในกระโหลก จะเป็นเสียงก้องกังวาล ไม่ใช่ได้ยินทางหู

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ค. 2014, 17:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
ภาวธรรมตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับกาย ใจ ของตนเอง
มีแต่ยกมาจากตำรา เอาสภาวะของคนอื่นมาพูด ถาม คุย ครับ



กรัชกายพูดไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วว่า อโศกไม่เข้าใจธรรมะ เมื่อไม่เข้าใจธรรมะ ก็ไม่เช้าใจชีวิต (ทุกๆชีวิต) เพราะชีวิตทุกๆชีวิตก็คือเป็นธรรมะ เป็นสภาวธรรมอย่างเดียวกัน

ที่อโศกพูดนั้น ก็นำมาจากหนังสือทั้งนั้น แหมทำเป็นพูดธรรม ยกเอาศัพท์ทางธรรมนั่นนี่มา พอเจอของจริง หายไป 7 วัน คิกๆๆ

:b16:
กรัชกายพยายามจะพูดเสมอว่าอโศกะไม่เข้าใจธรรมะ

อโศกะก็อยากจะพูดว่า กรัชกายไม่เข้าใจ "วิธีปฏิบัติธรรมะ" ดังจะเห็นพฤติกรรมที่ตอบและแก้ไขปัญหาธรรมะของผู้อื่นที่ตนพบเห็นไม่เป็นถึงได้เที่ยวนำไปถามผู้คนไปทั่ว
:b7:
ปัญหาของคนอื่นที่ยังยกมาถามอีก ก็คงต้องบอกว่าได้บอกวิธีหาปลาหรือหลักและวิธีแก้ปัญหาของผู้ปฏิบัติธรรมไปแล้ว ขอให้ไปอ่านทบทวน จับประเด็นนำมาลองแก้ไขปัญหาที่พบเห็นด้วยตนเองดูบ้างนะ
:b18:
แก้ยังไงแล้วเอามาเล่าให้ฟังบ้างจะได้รู้ว่าแก้ไขถูกแก้ไขเป็นหรือไม่ หรือต้องเสริมเพิ่มเติมความรู้ภาคปฏิบัติด้านใดอีก
:b4: :b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ค. 2014, 20:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




1385612441-o.gif
1385612441-o.gif [ 295.34 KiB | เปิดดู 2972 ครั้ง ]
asoka เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
ภาวธรรมตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับกาย ใจ ของตนเอง
มีแต่ยกมาจากตำรา เอาสภาวะของคนอื่นมาพูด ถาม คุย ครับ



กรัชกายพูดไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วว่า อโศกไม่เข้าใจธรรมะ เมื่อไม่เข้าใจธรรมะ ก็ไม่เช้าใจชีวิต (ทุกๆชีวิต) เพราะชีวิตทุกๆชีวิตก็คือเป็นธรรมะ เป็นสภาวธรรมอย่างเดียวกัน

ที่อโศกพูดนั้น ก็นำมาจากหนังสือทั้งนั้น แหมทำเป็นพูดธรรม ยกเอาศัพท์ทางธรรมนั่นนี่มา พอเจอของจริง หายไป 7 วัน คิกๆๆ

:b16:
กรัชกายพยายามจะพูดเสมอว่าอโศกะไม่เข้าใจธรรมะ

อโศกะก็อยากจะพูดว่า กรัชกายไม่เข้าใจ "วิธีปฏิบัติธรรมะ" ดังจะเห็นพฤติกรรมที่ตอบและแก้ไขปัญหาธรรมะของผู้อื่นที่ตนพบเห็นไม่เป็นถึงได้เที่ยวนำไปถามผู้คนไปทั่ว
:b7:
ปัญหาของคนอื่นที่ยังยกมาถามอีก ก็คงต้องบอกว่าได้บอกวิธีหาปลาหรือหลักและวิธีแก้ปัญหาของผู้ปฏิบัติธรรมไปแล้ว ขอให้ไปอ่านทบทวน จับประเด็นนำมาลองแก้ไขปัญหาที่พบเห็นด้วยตนเองดูบ้างนะ
:b18:
แก้ยังไงแล้วเอามาเล่าให้ฟังบ้างจะได้รู้ว่าแก้ไขถูกแก้ไขเป็นหรือไม่ หรือต้องเสริมเพิ่มเติมความรู้ภาคปฏิบัติด้านใดอีก



ถามอย่างตอบอย่างอีก ว่าแล้ว คิกๆๆ แม้แต่เด็กยังขำ อิๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ค. 2014, 22:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:
มีแต่เด็กชายกรัชกายเท่านั้นมั้งที่ขำเพราะความไม่รู้
:b7:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2014, 15:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ทำไมนิวรณ์ถึงเกิด??


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2014, 16:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ทำไมนิวรณ์ถึงเกิด??

:b38:
นิวรณ์ธรรมเกิดเพราะ กิเลส ตัณหา อวิชชา อนุสัย

มองอีกทาง เพราะอัตตา ผัสสะ สัญญา อินทรีย์ โมหะ อวิชชา

ตอบตามที่คิดได้ไม่ค้นตำราครับ
:b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2014, 20:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ทำไมนิวรณ์ถึงเกิด??

:b38:
นิวรณ์ธรรมเกิดเพราะ กิเลส ตัณหา อวิชชา อนุสัย

มองอีกทาง เพราะอัตตา ผัสสะ สัญญา อินทรีย์ โมหะ อวิชชา

ตอบตามที่คิดได้ไม่ค้นตำราครับ
:b12:



เกิดมาแล้วจะทำยังไง แก้ไขยังไง นี่ก็ถามอโศกจากใจ ไม่ได้ค้นตำราถามนะ :b14:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2014, 21:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ทำไมนิวรณ์ถึงเกิด??

:b38:
นิวรณ์ธรรมเกิดเพราะ กิเลส ตัณหา อวิชชา อนุสัย

มองอีกทาง เพราะอัตตา ผัสสะ สัญญา อินทรีย์ โมหะ อวิชชา

ตอบตามที่คิดได้ไม่ค้นตำราครับ
:b12:



เกิดมาแล้วจะทำยังไง แก้ไขยังไง นี่ก็ถามอโศกจากใจ ไม่ได้ค้นตำราถามนะ :b14:

:b8:
นิวรณ์ธรรม มี 5 อย่าง เกิดขึ้นมาแล้วย่อมกางกั้นขัดขวางมิให้ถึงความดี จะแก้ไขอย่างไร? นี่เป็นประเด็นสำคัญของกระทู้นี้เลยทีเดียว จึงยินดีอย่างยิ่งที่่จะตอบครับ

นิวรณ์ธรรมทั้ง 5 สยบ หรือกลบบัง ข่มทับได้ด้วย สมถะภาวนา ขุดถอนออกได้ด้วยวิปัสสนาภาวนา
:b39:
มีต่อ
:b41:
การจะศึกษาเพื่อให้รู้ถึงวิธีขจัดหรือเอาชนะนิวรณ์ 5 ได้นั้น ต้องศึกษาแบบเรียนไปปฏิบัติไปจึงจะได้ผล เพราะผู้ศึกษาต้องได้สัมผัสนิวรณ์ 5 ตัวจริงที่เกิดขึ้นในกาย ใจ ของตนเอง แล้วนำเอาหลักทฤษฎี วิธีปฏิบัติที่ได้รับการแนะนำมาลงมือพิสูจน์ความจริงไปด้วยทันที จึงจะเข้าใจซาบซึ้งในวิธีปฏิบัติและวิธีแก้ไขนิวรณ์ 5

เบื้องต้นพึงควรเรียนรู้หลักและวิธีปฏิบัติที่สำคัญก่อน

ดังได้เกริ่นไว้ก่อนแล้วว่า
"นิวรณ์ธรรมทั้ง 5 สยบ หรือกลบบัง ข่มทับได้ด้วย สมถะภาวนา ขุดถอนออกได้ด้วยวิปัสสนาภาวนา"

คู่ปรับของนิวรณ์ 5 คือ สมาธิ หรือ สมถะภาวนา แต่การจะแก้ไขนิวรณ์ธรรมทั้ง 5 ให้สำเร็จ เบ็ดเสร็จถาวรจะต้องใช้ทั้งสมถะและวิปัสสนาภาวนา ควบคู่และสลับสับเปลี่ยนกันไปตามสถานการณ์จริงของนิวรณ์ธรรมที่เกิดขึ้น จะไปกำหนดว่าให้ใช้แต่สมถะภาวนาหรือวิปัสสนาภาวนาอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียวไม่ได้

สำหรับผู้เริ่มต้นใหม่ ให้เริ่มต้นกรุยทางด้วยการทำสมาธิก่อน โดยจะใช้วิธีทำสมาธิตามกรรมฐาน 40 อย่างอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือกรรมฐานประยุกต์อื่นๆที่คิดค้นกันขึ้นมาในยุคหลังๆ เช่นการทำอานาปานสติควบคู่ไปกับพุทธานุสติ บริกรรมพุทโธ ตามลมหายใจเข้าออก หรือบริกรรม หนอ ตามกิริยา อาการ ความรู้สึก สัมผัสต่างๆ หรือนับเลข 1 - 2 - 3.......ตามลมหายใจเข้าออก หรือท่องสัมมาอรหัง เพ่งพุทธรูป เลือกเอาที่เหมาะสมกับจริตนิสัยวาสนาของตน

เมื่อลงมือนั่งทำสมาธิจริงๆแล้วย่อมจะได้พบเจอกับนิวรณ์ธรรมเฉพาะตัวขึ้นมากั้นขวางและฝึกฝนตนเองทันที สังเกตได้เช่น คนที่ติดสุขสบายกลัวความทุกข์ลำบาก มักจะเจอกับ กามฉันทะ พยาบาทนิวรณ์ มีเจ็บ ปวด ทุกข์ สุข ลำบาก สบาย ร้อน หนาว ยุงกัดแมลงไต่ตอม

คนที่เรียนรู้หลักทฤษฎีมาเยอะอาจเจออุทธัจจะนิวรณ์ ความฟุ้งซ่าน คิดมาก

คนที่มีโมหะมากอาจเจอถีนะมิทธะนิวรณ์

คนที่ไม่ค่อยรู้อะไรหรือรู้มากเกินไป หรือรู้ไม่จริง รู้แต่ทฤษฎีไม่เคยสัมผัสความจิงอาจเจอกับ วิจิกิจฉานิวรณ์ ร่วมกับอุทธัจจะนิวรณ์ ดังนี้เป็นต้น

จะเจอกับนิวรณ์อะไรก็ตาม ก็ขอให้เพียงแต่ให้มีสติสัมปชัญญะมั่นคงในกรรมฐานที่ตนใช้หรือกำหนดบริกรรม ไม่ช้านิวรณ์ทั้งหลายจะถูกแทรกแซง สยบ กลบบังไปด้วยกรรมฐานที่ผู้ปฏิบัติหรือผู้ศึกษาผูกจิต ผูกสติไว้

เมื่อจิตหรือสติปัญญาตั้งมั่นอยู่กับองค์กรรมฐานได้ดีแน่วแน่ นิวรณ์ธรรมทั้งหลายสงบรำงับลง สมาธิก็จะยกขึ้นสู่ความเป็นฌาณไปตามลำดับจนถึงฌาณ 4 มี ปีติ ปัสสัทธิ นิมิตเป็นผลพลอยได้หรือกลายเป็นนิวรณ์ระดับละเอียดอ่อนกั้นขวาง

ในระหว่างการทำสมาธิ ผู้ศึกษาอาจได้พบกับของเก่าหรือทุนเดิมของตน ผู้มีนิสัยเป็นนักสมถะล้วนๆ ก็จะเจริญไปในกรรมฐานจนถึงฌาณ

ผู้มีนิสัยเป็นนักสมถะผสมวิปัสสนา ก็อาจเกิดการสยบและพิจารณานิวรณ์สลับกันไปมา คือมีการสยบกลบบังและขุดถอนนิวรณ์ธรรมไปพร้อมๆกัน

ผู้มีอุปนิสัยเป็นนักวิปัสสนาภาวนามาก่อน ก็อาจ พอได้สมาธิควรแก่งานก็ลงมือเจริญปัญญาสังเกตพิจารณานิวรณ์จนเห็นไตรลักษณ์เกิดญาณวิปัสสนาภาวนาเจริญต่อขึ้นไปด้วย ขุดถอนนิวรณ์ธรรมไปด้วย ก็เป็นได้

หลักการในช่วงแรกๆที่จำง่ายๆคือ

"นิ่งอยู่(กับอารมณ์) เป็นสมถะภาวนา...

เมื่อไรก็ตามจิต(สติปัญญา)นิ่งเกาะอยู่กับอารมณ์ เมื่อนั้นสมาธิจะเจริญ

[size=200]"นิ่งรู้(อารมณ์) เป็นวิปัสสนาภาวนา"


เมื่อไรก็ตามจิต(สติปัญญา)นิ่งรู้หรือสังเกตอารมณ์อยู่ เมื่อนั้น ปัญญา วิปัสสนาปัญญาจะเจริญ[/size]
:b36:
ยังมีต่อ
:b53:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 925 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 38, 39, 40, 41, 42, 43, 44 ... 62  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร