วันเวลาปัจจุบัน 25 ก.ค. 2025, 23:38  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 79 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2019, 03:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
555 ปิติ ในคำบริกรรม พุทโธ เริ่มๆๆๆมาแล้วหรอคร๊า

เม บอกไปก่อนหน้าไป นี้แระ ว่า ผู้ปฎิบัติจริงๆน่ะ

ปิติ จะมาก่อนที่จะเอ่ยปากบริกรรม พุทโธซะอีก


จะหาอ่านเจอมั๊ยเนี่ย s006 เอ่?



ทำไปเรื่อยๆน๊าค๊า

จะได้มีอุปนิสัยของผู้ปฎิบัติที่ปฎิบัติ จริงๆกะเค้ามั่ง


คริคริ


เค้าจะเกิดปิติเมื่อไร คุณจะหยิบยกมาอ้างทำไม
อาการแต่ละคน ๆ ไม่ได้เหมือนกัน โจทย์สิ่งที่เป็น
สาระ เป็นความจริงดีกว่าครับ


สาระ สูงสุด สำคัญที่สุด คือ คุณตีความพุทโธไม่ออก

พุทโธไม่ลงใจ
ใจไม่เป้นใหญ่ ไม่เป็นประธาน ได้แค่คำ บริกรรมปากเปล่าไป

ปิติ เรยไม่ได้เกิด ก่อน ปัสสัทธิ ไม่ออกผล โสมนัสไม่มี ในขณะ เพียงแค่ที่กำลังคิดจะนึก คิดในคำบริกรรมไง

แต่ มาเกิด เอาหลังจากใช้บริกรรมพุทโธกำกับไปแล้ว

นี่แหละ คือสาระสำคัญ คือประโยชน์สูงสุด ที่คุณไม่เข้าใจ

โยนิโสมนสิการไม่แยบคายเอง

คริคริ


tongue


อะไร ?
นึกพุทโธ ระลึกถึงพระพุทธเจ้า เกิดความปิติยินดีในองค์ศาสดา
ยินดีในพระคุณของพระพุทธเจ้า มีอะไรผิดตรงไหนครับ ?



ไม่ผิดหรอกค่ะ
แต่ ช้าไปหลายก้าว

เปอร์เซนต์ ของความปิติ จากความรู้คุณในพระพุทธองค์
นั้นออกมาจากใจ ไม่ใช่แค่ปาก ยิ่งมาก เท่าไร

ความมั่นคงยิ่งมากเท่านั้น

ที่บอกให้ เพราะเมตตาหรอกน๊ะ
tongue


นั่นไงครับผมถึงบอกว่ายกของคนอื่นขึ้นอ้างทำไม
แต่ละคน ๆ ก็จิตใจต่างกัน ผมไม่ได้ศรัทธาแต่ปาก
จะได้บิดเบือนคำสอน ใส่ร้ายผู้อื่น แถ แถด ๆ ๆ ๆ
ขนาดนี้ไม่ต้องเมตตาผมหรอก เมตตาตนเองก่อน



เพราะคุณหาสาระ หาประโยชน์จากผู้ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบไม่ได้
เรยทำตามอุปนิสัยตัวเอง
ไม่รู้ว่า

ในคัมภีร์พุทธวงศ์
พระพุทธเจ้า สมณโคดม ได้แสดง สิ่งที่พระทีปังกรพุทธเจ้า
ได้ทรงแสดง ใว้ ในเรื่อง ภาวนา
เพราะไม่ได้เรียนพระธรรม ไม่ได้เรียนพระไตรปิฎก

เรยหาประโยชน์ จากผู้ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ ในการภาวนาท่านนั้นไม่ได้

คริคริ

tongue


ผมมีอุปนิสัย ปลาบปลืมยินดีในพระพุทธเจ้า นึกพุทโธ
ระลึกถึงพระพุทธเจ้า การทำตามอุปนิสัยตนเองอย่างนี้
ไม่ดีตรงไหน ?

ผู้ปฏิบัติทานนั้นก็เพียงแต่ ยกขึ้นอ้างเพื่อดูถูกเหยียด
หยามผมใช่มั้ย ?

หยิบพุทธวงศ์ขึ้นมาอ้างในสิ่งใด ?
พระพุทธเจ้า สมณโคดม ได้แสดง สิ่งที่พระทีปังกรพุทธเจ้า
ได้ทรงแสดง ใว้ ในเรื่อง ภาวนา แสดงไว้อย่างไร ?

เพราะไม่ได้เรียนพระธรรม ไม่ได้เรียนพระไตรปิฎก คุณทราบ
ได้อ่ยางไร ?


เพราะถ้าคุณเรียนพระไตรปิฎกมา
คุณจะละอุปนิสัยเดิม
และทำตาม พระธรรม จากพระไตรปิฎก
นิสัยเดิมๆๆ ไม่ได้ทำให้คุณเป็นพระอริยะเจ้าได้
โดยไม่ก้าวล่วนิสัยเดิมเสีย

คุณเรยใช้แต่นิสัยเดิมๆ จนชินชาไป

ผู้ที่ชี้ พระธรรม มาให้ กลายเป็นคนเหยียดหยาม

คุณจะเชื่อมั่นอย่างนั้น ใครจะไปห้ามอะไรได้
คุณก็ยึดมั่นในตัวเองไปเหอะค่ะ


คริคริ
tongue

เพราะถ้าคุณเรียนพระไตรปิฎกมา
คุณจะละอุปนิสัยเดิม
และทำตาม พระธรรม จากพระไตรปิฎก
นิสัยเดิมๆๆ ไม่ได้ทำให้คุณเป็นพระอริยะเจ้าได้
โดยไม่ก้าวล่วนิสัยเดิมเสีย


คุณเอามาจากไหน ความรู้สึกยินดีเมื่อระลึกถึง
พระพุทธเจ้าควรละใช่มั้ย ?

ผู้ที่ชี้ พระธรรม มาให้ กลายเป็นคนเหยียดหยาม

คุณเหยียดหยามจริงมั้ย ใส่ร้ายผมด้วยคำเท็จจริงมั้ย
บิดเบือนคำสอนจริงมั้ย ? ยังอ้างว่าตนชี้ธรรมได้ยังไง


คริคริ

คนเราทุกข์เพราะความคิด ตัวเอง เนาะค๊ะ

อกุศลจิต นี้ทำให้ทุกข์ เนาะค๊ะ ไม่เห้นเรย ว่าตัวทุกข์ร้อนรน

มัวแต่ภาวนาสะกด กลบอุศลจิต เรยไม่เห็นเนาะค๊ะ

อยากให้คนเชิดชูอยู่

ยกพระพุทธเจ้าที่ทรงแสดงภาวนา ตั้งแต่สมัยพระพุทธทีปังกรมาให้ฟัง

แทนที่จะดูว่าพระพุทธองค์ทำยังไง ที่ถูกต้อง

แต่ หาว่าเอามาเหยียดหยาม
จริงๆ คุณเทียบไม่ได้กะพระพุทธองค์สักนิ๊ดเรย
ดันเอาแต่ตัวเองเป็นหลัก

สงสัยสวดอย่างนี้เหรอเปล่าค๊ะ

อัตตาสรณังคัจฉามิ กราบๆๆๆ

นี่แค่พอเริ่มภาวนา นิดหน่อยได้คำสองคำ ได้ปิตินิดหน่อย
ไปซะแระ

ภาวนาบริกรรมต่อเนื่องไปน๊าค๊ะ

พุทโธๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

นี่เป็นตัวอย่าง คนที่ปฎิบัติไม่จริงจัง

ที่ระหว่างมาเถียง
ภาวนาหายไปไหนหม๊ด แระ

คำบริกรรมหายไป ภาวนาขาดไป

แล้วมาแสดงเรื่องการภาวนา พุทโธๆๆ
พุทโธๆๆ เรยขาดหาย ไม่ต่อเนื่องไง

นี่น๊ะ ชี้ธรรมให้ด้วยเมตตา อีกแล้ว จะเก๊ตมั๊ยค๊ะ

ว่าภาวนาอะไร ลืมไปแระหราค๊ะ



s007


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2019, 03:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


แนะนำอีกหน่อย น๊าค๊ะ ด้วยเมตตา

อย่าทำแบบศิลาทับหญ้า แบบตัวอย่าง ที่คุณ LOVE J ทำ น๊าค๊ะ

พอภาวนหยุด หญ้าก็งอก ออกมายาวเฟื้อยเรย

วันนี้ ภาวนาได้กี่คำแล้วค๊ะ พุทโธๆๆๆๆๆๆๆ


นี่คือสาระสำคัญ ประโยชน์สำคัญ ของการภาวนา
ต้องต่อเนื่องด้วยน๊าค๊ะ

เห็นกันมั๊ยค๊ะ

สอนใครๆภาวนา แต่ ตัวเองทำไม่ได้ ขาดภาวนาไป
ลืมภาวนาไปแระ

ใครฝึกบริกรรมภาวนา อย่าเอาตัวอย่างแบบนี้น๊าค๊ะ

ภาวนาเดียวภาวนาเดี๋ยวหยุด หยุดๆ เดียวตึง เดียวหย่อน อย่าทำน๊าค๊ะ
เพราะจะไม่ได้ผล ในการปฎิบัติ ภาวนา

นี่คือสาระ และเคล็ดลับน๊าเนี่ย ไม่เมตตาไม่มาบอกหรอก

คริคริ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2019, 07:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2018, 00:52
โพสต์: 512

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
โลกสวย เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Love J. เขียน:

ผมไม่ได้เข้าใจว่าอารมณ์เหล่านี้เป็นอารมณ์ วิปัสสนา
อนุสติ 10 นี้เพื่อความตั้งมั่นของสติ อยู่กับสิ่งที่ทำ
ให้เกิดความยินดี เพื่อให้จิตตั้งมั่นแล้วอาศัยจิตที่ตั่งมั่น

นั้นมีสตินั้นพิจารณาเห็น กาย เวทนา จิต ธรรม พิจารณา
ละบาปอกุศลกรรม เจริญกุศลกรรม


ผมเห็นด้วย...ครับ..

แล..ก็ไม่คิดว่าใครจะมาแย้ง...นะ



ผมแย้งได้มั้ยท่านอ๊บ พอได้มีเรื่องคุยกันต่อครับ(ที่จริงท่านเจกล่าวไว้ดีแล้ว) :b32: :b32: :b32:

..แต่ผมบอกแทนก็ได้ว่า..ในอนุสสติ 10 ทุกกองเมื่อเข้าถึงแล้วจะมีอารมณ์วิปัสนาเกิดด้วยในทุกขณะ ถ้าคนนั้นมีปัญญามากพอก็เข้าวิปัสนาเลย คนไม่มีปัญญามากพอต่อให้เข้าอรูปฌาณก็ไม่เกิดประโยชน์ ต่อให้ท่องอภิธรรมครบ 7 คำภีร์ก็แค่ใบลานเปล่า :b32: :b32: :b32:

..มีบางพวกจำมากจนหลงไปว่าตนบรรลุโสดาบันก็มี แล้วอ้างตัวเป็นพระอริยะสงฆ์ สูงกว่าสงฆ์ แท้จริงแค่จิตมันหลอกจิตก็มี :b32: :b32: :b32:



คริคริ

อารมณ์กัมฐาน ยังไม่ไปตั้งไปเจริญ สติปํฎฐานเรย เข้าอารมณ์ ไปวิปัสสนาแล้ว

สุดยอดค่ะ คุณแค่อากาศเจ้าของ จิตพุทธะขั้นพิเศษ ที่ไม่มีทศพลญาน แบบพระพุทธเจ้า

smiley



:b32: :b32: :b32: ชีวิตทั้งชีวิตทำได้แค่นี้เนาะเม :b32: :b32: :b32: อ่านสิ่งไหนก็ไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ :b32: :b32: :b32: แต่ยกนั่นยกนี่มาแถได้หมด :b32: :b32: :b32: กลับไปทำมาก่อนไป๋ อย่างที่คิดไว้เป๊ะๆ ..จับปลาได้ด้วยมือเปล่ามันแบบนี้ :b32: :b32: :b32:


คุณแค่อากาศ เจ้าของจิตพุทธะขั้นพิเศษ ที่ไม่มีทศพลญาณ 10

เป็นปลากำลังแถ น้ำตื้นๆ

เม ไม่จับหรอก แต่เอาไม้เขี่ยๆ ช่วยให้ดิ้นๆๆต่อไป จนกว่าจะลงน้ำได้


5555
tongue



เมรู้ตัวเองด้วยว่าเป็นปลากำลังแถ :b32: :b32: :b32:

เชื่อมาแบบโง่ๆแบบที่สอนกันมาโดยไม่รู้จริงกัน :b32: :b32: :b32:

จะมีสักครั้งในชีวิตนี้ของเมทั้ยนะจะเห็นสติปัฏฐาน ๔ ว่าเป็นยังไง นอกจากโม้แถไปเรื่อย
ตีรวนเรื่องนั้นใส่เรื่องนี้ เอาเรื่องนี้ไปใส่เรื่องนั้นมั่วไปหมด สติไม่เต็ม :b32: :b32: :b32:

แค่อากาศ เขียน:
"..แต่ผมบอกแทนก็ได้ว่า..ในอนุสสติ 10 ทุกกองเมื่อเข้าถึงแล้วจะมีอารมณ์วิปัสนาเกิดด้วยในทุกขณะ ถ้าคนนั้นมีปัญญามากพอก็เข้าวิปัสนาเลย คนไม่มีปัญญามากพอต่อให้เข้าอรูปฌาณก็ไม่เกิดประโยชน์ ต่อให้ท่องอภิธรรมครบ 7 คำภีร์ก็แค่ใบลานเปล่า"


พอกล่าวประโยคนี้ไป เห็นเมเข้ามาแถก็เห็นหางโผล่แล้ว รู้ทันทีว่าเมไม่รู้อะไรเลย แถไปเรื่อย แค่นี้ก็รู้แล้วว่าโง่อวดตน อยากให้คนนับถือ อยากให้คนชม จนบ้าไปแล้ว ทั้งๆที่สิ่งที่ตนยกมามั่วทั้งหมด :b32: :b32: :b32: น่าจะแถกันทั้งสำนักของเม :b32: :b32: :b32: พวกของปลอมก็เงี้ยะ เห็นชัดเจน

.....................................................
(จิตรู้สมมติ เป็นสมุทัย)
(ผลอันเกิดจากจิตรู้สมมติ เป็นทุกข์)
(จิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นมรรค)
(ผลอันเกิดจากจิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นนิโรธ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2019, 13:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


แค่อากาศ เขียน:
โลกสวย เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
โลกสวย เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Love J. เขียน:

ผมไม่ได้เข้าใจว่าอารมณ์เหล่านี้เป็นอารมณ์ วิปัสสนา
อนุสติ 10 นี้เพื่อความตั้งมั่นของสติ อยู่กับสิ่งที่ทำ
ให้เกิดความยินดี เพื่อให้จิตตั้งมั่นแล้วอาศัยจิตที่ตั่งมั่น

นั้นมีสตินั้นพิจารณาเห็น กาย เวทนา จิต ธรรม พิจารณา
ละบาปอกุศลกรรม เจริญกุศลกรรม


ผมเห็นด้วย...ครับ..

แล..ก็ไม่คิดว่าใครจะมาแย้ง...นะ



ผมแย้งได้มั้ยท่านอ๊บ พอได้มีเรื่องคุยกันต่อครับ(ที่จริงท่านเจกล่าวไว้ดีแล้ว) :b32: :b32: :b32:

..แต่ผมบอกแทนก็ได้ว่า..ในอนุสสติ 10 ทุกกองเมื่อเข้าถึงแล้วจะมีอารมณ์วิปัสนาเกิดด้วยในทุกขณะ ถ้าคนนั้นมีปัญญามากพอก็เข้าวิปัสนาเลย คนไม่มีปัญญามากพอต่อให้เข้าอรูปฌาณก็ไม่เกิดประโยชน์ ต่อให้ท่องอภิธรรมครบ 7 คำภีร์ก็แค่ใบลานเปล่า :b32: :b32: :b32:

..มีบางพวกจำมากจนหลงไปว่าตนบรรลุโสดาบันก็มี แล้วอ้างตัวเป็นพระอริยะสงฆ์ สูงกว่าสงฆ์ แท้จริงแค่จิตมันหลอกจิตก็มี :b32: :b32: :b32:



คริคริ

อารมณ์กัมฐาน ยังไม่ไปตั้งไปเจริญ สติปํฎฐานเรย เข้าอารมณ์ ไปวิปัสสนาแล้ว

สุดยอดค่ะ คุณแค่อากาศเจ้าของ จิตพุทธะขั้นพิเศษ ที่ไม่มีทศพลญาน แบบพระพุทธเจ้า

smiley



:b32: :b32: :b32: ชีวิตทั้งชีวิตทำได้แค่นี้เนาะเม :b32: :b32: :b32: อ่านสิ่งไหนก็ไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ :b32: :b32: :b32: แต่ยกนั่นยกนี่มาแถได้หมด :b32: :b32: :b32: กลับไปทำมาก่อนไป๋ อย่างที่คิดไว้เป๊ะๆ ..จับปลาได้ด้วยมือเปล่ามันแบบนี้ :b32: :b32: :b32:


คุณแค่อากาศ เจ้าของจิตพุทธะขั้นพิเศษ ที่ไม่มีทศพลญาณ 10

เป็นปลากำลังแถ น้ำตื้นๆ

เม ไม่จับหรอก แต่เอาไม้เขี่ยๆ ช่วยให้ดิ้นๆๆต่อไป จนกว่าจะลงน้ำได้


5555
tongue



เมรู้ตัวเองด้วยว่าเป็นปลากำลังแถ :b32: :b32: :b32:

เชื่อมาแบบโง่ๆแบบที่สอนกันมาโดยไม่รู้จริงกัน :b32: :b32: :b32:

จะมีสักครั้งในชีวิตนี้ของเมทั้ยนะจะเห็นสติปัฏฐาน ๔ ว่าเป็นยังไง นอกจากโม้แถไปเรื่อย
ตีรวนเรื่องนั้นใส่เรื่องนี้ เอาเรื่องนี้ไปใส่เรื่องนั้นมั่วไปหมด สติไม่เต็ม :b32: :b32: :b32:

แค่อากาศ เขียน:
"..แต่ผมบอกแทนก็ได้ว่า..ในอนุสสติ 10 ทุกกองเมื่อเข้าถึงแล้วจะมีอารมณ์วิปัสนาเกิดด้วยในทุกขณะ ถ้าคนนั้นมีปัญญามากพอก็เข้าวิปัสนาเลย คนไม่มีปัญญามากพอต่อให้เข้าอรูปฌาณก็ไม่เกิดประโยชน์ ต่อให้ท่องอภิธรรมครบ 7 คำภีร์ก็แค่ใบลานเปล่า"


พอกล่าวประโยคนี้ไป เห็นเมเข้ามาแถก็เห็นหางโผล่แล้ว รู้ทันทีว่าเมไม่รู้อะไรเลย แถไปเรื่อย แค่นี้ก็รู้แล้วว่าโง่อวดตน อยากให้คนนับถือ อยากให้คนชม จนบ้าไปแล้ว ทั้งๆที่สิ่งที่ตนยกมามั่วทั้งหมด :b32: :b32: :b32: น่าจะแถกันทั้งสำนักของเม :b32: :b32: :b32: พวกของปลอมก็เงี้ยะ เห็นชัดเจน


กั๊กๆๆ
คุณแค่อากาศ เข้าใจผิดๆแระหล่ะ
เพราะไม่ได้ท่องพระธรรมสักคัมภีร์เรย


อนุสติ 10 กอง รวมกัน ก็เป็นอนุสติ 10 ไม่ได้เป็น มหาอนุสติ เนาะค๊ะ

อารมณ์ ในมหาสติปัฎฐาน ไม่ได้มี คนสัตว์เราเขาบุคคลใดๆ

ไปทำอารมณ์ผิด ก็เป็น อนุสติ ไม่เป็น มหาสติเร๊ย

เนี่ยน๊ะ ไม่สมเป็นพุทธะ ระดับพิเศษเรย

สำนักเมหรอ ไม่มีสำนักหรอก แร๊วไม่ได้เข้าทรงพุทธะ แบบสำนักลุงแค่อากาสแระกานค่ะ

อ่ะๆ นี่น๊า ไม่มีสติเรย มาชม การแสดงของ เม อยุ่ ดันบอกว่าไม่มีใครชม

กั๊กๆๆ

smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2019, 18:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2018, 00:52
โพสต์: 512

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เล่นสนุกกันพอแล้วมั้งท่านเจ ไม่ต้องไปต่อกับคนโง่ที่เข้าไม่ถึงธรรมแท้ครับ

คนฉลาดจะให้เขาตามตนด้วยใจ

คนโง่มักแสดงว่าตนฉลาด อวด เบ่งต้องกานคนชมคนศรัทธา แต่นั่นคือการอวดโง่ตน

คนเก่งคือคนแกล้งโง่

คนที่เก่งกว่าคนแกล้งโง่ คือคนรู้กาลที่จะพูดและทำ

คนทีเก่งกว่าคนรู้กาลที่จะพูดและทำ คือ ผู้พหูสูต มีสติสัมปะชัญญะดำรงมั่น มีอินทรีย์สังวร โสรัจจะ ไม่มีมานะทิฏฏิ มีพละ ๔ เพื่อความรู้แจ้งแทงตลอดอันยิ่ง แบบพระราหุลเถระ และพระอานนท์เถระ


.. ดังนั้นท่านเจเราละเสียในเรื่องคนสิ่งอันเศร้าหมองใจที่เราเห็น ใครอยากเป็นคนโง่ก็ปล่อยเขาไป อวดโง่ให้คนรังเกียจสืบไป

.. เราเป็นคนฉลาดเรามาคุยกันในกลุ่มเราเองก็ได้ เอาง่ายๆทุกวันนี้ท่านเห็นชีวิตคนอวดโง่พวกนั้นดีขึ้นมั้ย เรียนอภิธรรมให้เขารังเกียจ เพราะพวกกิเลสหนาเรียนอภิธรรมแล้วจะหลงอวดโง่ตนคิดว่าตนรู้ ทำให้มีแต่ทำให้คนรังเกียจ การเรียนอภิธรรมต้องเรียนเพื่อรู้แผนที่ไม่ใช่เรียนเพื่อแบกหาม ดังนั้นเขาทำแบบไหนเราก็อย่าไปทำแบบเขา เขามีวาจาเพื่อให้ร้ายเบียดเบียนคนอื่น เรารู้ว่าเขาทำมันชั่ว เราก็อย่าไปเอาตามเขา ถ้าเราสวนคืนแบบเขาเราก็ไม่ต่างจากเขา

สำนักใดที่เรียนอภิธรรมโดยเขาไม่ถึงพระรัตนตรัย สำนักนั้นจะเป็นแบบนี้ทั้งหมด คือ ใจชั่ว ทำชั่วไล่เบียดเบียนทำร้ายคนอื่น มันทำให้คนรังเกียจอภอภิธรรม คนกลุ่มนี้จะระลึกพุทโธไม่ได้ ซึ่งเป็นปรกติ ผมถึงบอกว้าพระพุทธศาสนาจะเสื่อมเพราะคนพวกนี้ แล้วต่อไปจะไม่มีคนถึงกรรมฐาน ๔๐ อีก จะไม่มีผู้รู้เห็นตามจริงอีก เมื่อนัเนพระพุทธศาสนาจะเริ่มเสิ่อม สมมติสาวกไม่มีคนรู้จริง คิดอนุมานแล้วถกเถียงกัน ไม่นานพระพุทธศาสนาก็จะเลือนหายไป

ดังนั้นท่านเจอยากเป็นแบบเขาไหมครับ ถ้าไม่ก็ละเสียเรากรองเอาแต่ความรู้ ไม่ถือตัว เรียนรู้ให้หมดเพื่อความพหูสูตของเรา
ชาตินี้เราเกิดมาสะสม ทาน ศีล ได้จาคะ ทมะ อบรมจิตฝึกจิต ถึงขันติ ถึงอุปสมะ ถึงปัญญา ถ้าท่านไม่เชื่อผมไม่เห็นผมเป็นมิตรกับท่าน ก็เล่นกับทุกข์ต่อไปครับ แล้วก็กรรมฐานไปเถอะครับ ทุกๆกองใน ๔๐ กองนี้เพื่อบรรลุธรรม น้อมเข้าวิปัสสนาทุกกองเมื่อเข้าถึง ดังนัเนพระพุทธเจ้าจึงบัญญัติ ๔๐ กอง

กองที่ ๔๑ จะมีพวกทำให้คนรังเกียจพระพุทธศาสนาและพระอภิธรรมเเจริญกัน คือ กรรมฐานกองใหม่ โซเชี่ยลนุสสติ

.....................................................
(จิตรู้สมมติ เป็นสมุทัย)
(ผลอันเกิดจากจิตรู้สมมติ เป็นทุกข์)
(จิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นมรรค)
(ผลอันเกิดจากจิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นนิโรธ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2019, 19:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


แค่อากาศ เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Love J. เขียน:

ผมไม่ได้เข้าใจว่าอารมณ์เหล่านี้เป็นอารมณ์ วิปัสสนา
อนุสติ 10 นี้เพื่อความตั้งมั่นของสติ อยู่กับสิ่งที่ทำ
ให้เกิดความยินดี เพื่อให้จิตตั้งมั่นแล้วอาศัยจิตที่ตั่งมั่น

นั้นมีสตินั้นพิจารณาเห็น กาย เวทนา จิต ธรรม พิจารณา
ละบาปอกุศลกรรม เจริญกุศลกรรม


ผมเห็นด้วย...ครับ..

แล..ก็ไม่คิดว่าใครจะมาแย้ง...นะ



ผมแย้งได้มั้ยท่านอ๊บ พอได้มีเรื่องคุยกันต่อครับ(ที่จริงท่านเจกล่าวไว้ดีแล้ว) :b32: :b32: :b32:

..แต่ผมบอกแทนก็ได้ว่า..ในอนุสสติ 10 ทุกกองเมื่อเข้าถึงแล้วจะมีอารมณ์วิปัสนาเกิดด้วยในทุกขณะ ถ้าคนนั้นมีปัญญามากพอก็เข้าวิปัสนาเลย คนไม่มีปัญญามากพอต่อให้เข้าอรูปฌาณก็ไม่เกิดประโยชน์ ต่อให้ท่องอภิธรรมครบ 7 คำภีร์ก็แค่ใบลานเปล่า :b32: :b32: :b32:

..มีบางพวกจำมากจนหลงไปว่าตนบรรลุโสดาบันก็มี แล้วอ้างตัวเป็นพระอริยะสงฆ์ สูงกว่าสงฆ์ แท้จริงแค่จิตมันหลอกจิตก็มี :b32: :b32: :b32:


อ้าว..เพิ่งเห็น... :b12: :b12:

เอาแค่พอมีเรื่องคุย..แค่นั้นหรือ? :b32: :b32:

ในอนุสสติ 10 ทุกกองเมื่อเข้าถึงแล้วจะมีอารมณ์วิปัสนาเกิดด้วยในทุกขณะ ถ้าคนนั้นมีปัญญามากพอก็เข้าวิปัสนาเลย

มันเป็นประโยค..ที่..ขัดแย้งในตัวเองนะ.. :b9: :b9:

1 บอกว่า..ในอนุสสติ 10 ทุกกองเมื่อเข้าถึงแล้วจะมีอารมณ์วิปัสนาเกิดด้วยในทุกขณะ
2 บอกว่า. ถ้าคนนั้นมีปัญญามากพอ

จากประโยค 2..แสดงว่า..ประโยคที่1 เป็นจริงแบบมีเงื่อนไข...ไม่เป็นจริงทุกขณะ..อย่างที่กล่าว..
:b13: :b13: :b13:

ยังงัยซะ...มันก็ต้องมี 2 ขณะ..คือ..จิตตั้งมั่น..กับ...จิตเข้าวิปัสสนา..

จิตเข้าวิปัสสนา..หลังจิตตั้งมั่นแล้วนี้..ก็พอจะแยกได้คร่าวๆ มี 2แบบ..คือ

จิตเข้าวิปัสสนา..ได้เอง
กับ..
ต้องมีการนำร่องให้ซะหน่อย..

แต่มีการทำงานเหมือนกัน..คือ...จิตเขาทำงานของเขาเอง...

ไอ้ประเภท..จะต้องคิดอย่างนั้น...คิดจะพิจารณาอย่างนี้..ฯ...อันนี้ยังอยู่ในขั้น..จินตะ

ไม่ได้ว่า..ไม่ดี..
ดี...เพราะเป็นอันสุดท้ายที่เราจะทำได้..

เพียงแต่ให้เข้าใจว่า...ของจริงยังไม่เกิด..เท่านั้น

ป้องกัน..การหลงตัวเอง..
:b1: :b1: :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2019, 21:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2018, 00:52
โพสต์: 512

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Love J. เขียน:

ผมไม่ได้เข้าใจว่าอารมณ์เหล่านี้เป็นอารมณ์ วิปัสสนา
อนุสติ 10 นี้เพื่อความตั้งมั่นของสติ อยู่กับสิ่งที่ทำ
ให้เกิดความยินดี เพื่อให้จิตตั้งมั่นแล้วอาศัยจิตที่ตั่งมั่น

นั้นมีสตินั้นพิจารณาเห็น กาย เวทนา จิต ธรรม พิจารณา
ละบาปอกุศลกรรม เจริญกุศลกรรม


ผมเห็นด้วย...ครับ..

แล..ก็ไม่คิดว่าใครจะมาแย้ง...นะ



ผมแย้งได้มั้ยท่านอ๊บ พอได้มีเรื่องคุยกันต่อครับ(ที่จริงท่านเจกล่าวไว้ดีแล้ว) :b32: :b32: :b32:

..แต่ผมบอกแทนก็ได้ว่า..ในอนุสสติ 10 ทุกกองเมื่อเข้าถึงแล้วจะมีอารมณ์วิปัสนาเกิดด้วยในทุกขณะ ถ้าคนนั้นมีปัญญามากพอก็เข้าวิปัสนาเลย คนไม่มีปัญญามากพอต่อให้เข้าอรูปฌาณก็ไม่เกิดประโยชน์ ต่อให้ท่องอภิธรรมครบ 7 คำภีร์ก็แค่ใบลานเปล่า :b32: :b32: :b32:

..มีบางพวกจำมากจนหลงไปว่าตนบรรลุโสดาบันก็มี แล้วอ้างตัวเป็นพระอริยะสงฆ์ สูงกว่าสงฆ์ แท้จริงแค่จิตมันหลอกจิตก็มี :b32: :b32: :b32:


อ้าว..เพิ่งเห็น... :b12: :b12:

เอาแค่พอมีเรื่องคุย..แค่นั้นหรือ? :b32: :b32:

ในอนุสสติ 10 ทุกกองเมื่อเข้าถึงแล้วจะมีอารมณ์วิปัสนาเกิดด้วยในทุกขณะ ถ้าคนนั้นมีปัญญามากพอก็เข้าวิปัสนาเลย

มันเป็นประโยค..ที่..ขัดแย้งในตัวเองนะ.. :b9: :b9:

1 บอกว่า..ในอนุสสติ 10 ทุกกองเมื่อเข้าถึงแล้วจะมีอารมณ์วิปัสนาเกิดด้วยในทุกขณะ
2 บอกว่า. ถ้าคนนั้นมีปัญญามากพอ

จากประโยค 2..แสดงว่า..ประโยคที่1 เป็นจริงแบบมีเงื่อนไข...ไม่เป็นจริงทุกขณะ..อย่างที่กล่าว..
:b13: :b13: :b13:

ยังงัยซะ...มันก็ต้องมี 2 ขณะ..คือ..จิตตั้งมั่น..กับ...จิตเข้าวิปัสสนา..

จิตเข้าวิปัสสนา..หลังจิตตั้งมั่นแล้วนี้..ก็พอจะแยกได้คร่าวๆ มี 2แบบ..คือ

จิตเข้าวิปัสสนา..ได้เอง
กับ..
ต้องมีการนำร่องให้ซะหน่อย..

แต่มีการทำงานเหมือนกัน..คือ...จิตเขาทำงานของเขาเอง...

ไอ้ประเภท..จะต้องคิดอย่างนั้น...คิดจะพิจารณาอย่างนี้..ฯ...อันนี้ยังอยู่ในขั้น..จินตะ

ไม่ได้ว่า..ไม่ดี..
ดี...เพราะเป็นอันสุดท้ายที่เราจะทำได้..

เพียงแต่ให้เข้าใจว่า...ของจริงยังไม่เกิด..เท่านั้น

ป้องกัน..การหลงตัวเอง..
:b1: :b1: :b1:



สาธุ สาธุ สาธุ ครับท่านอ๊บ นี่แหละครับคนที่จริงดูออก ดูละเอียดในคำพูด [b]ท่านอ๊บเข้าใจทั้ง 2 อย่างนี้ไม่ผิดเพี้ยนเลย ผมถึงบอกว่า ดูจากคำตอบนี้ก็จะรู้ว่าของจริง ของปลอมมันต่างกัน[/b]

ผมขออนุญาตกล่าวอย่างผู้ไม่รู้เข้าไม่ถึงธรรมอย่างผมนะครับ เพื่อที่จะขยายความ

1. อารมณ์กรรมฐาน อยู่ในอารมณ์ที่ตั้งมั่นเข้าไปรู้ ..แต่การ "เข้าถึง องค์กรรมฐานแท้ๆ" (เห็นคำพูดผมไหมครับ บอกว่า "กรรมฐานทุกกอง เมื่อเข้าถึง" ไม่ใช่เมื่อฝึกกรรมฐานถึงเพียงอารมณ์ที่จิตตั้งมั่น) นั้นเป็นอารมณ์ที่อยู่ท่ามกลางระหว่างวิปัสสนา คือ เมื่อถึงองค์กรรมฐานของแต่ละกองๆในกรรมฐาน ๔๐ กองเหล่านั้น ก็จะเกิดให้เห็นในสังขารต่างๆกันไป ซึ่งขณะใดขณะหนึ่งของผู้มีปัญญาพละอันที่จิตนั้นสะสมปัญญามามากแล้ว นิมิตสภาวะธรรมเบื้องหน้าที่เห็นนั้นก็จะเป็นสติปัฏฐาน อันให้จิตเห็นไตรลักษณ์ เดินเข้าสังขารุเปกขาได้ทันที นี้จิตเดินเองไม่ต้องบังคับ

กล่าวโดยย่อได้ดังนี้..

- อาการ ๓๒ การเข้าถึงองค์กรรมฐานแท้ๆในกองนี้ คือ อาการ ๓๒ แยกออกเป็นกองธาตุ คนที่ปัญญามีมากเห็นนิมิตเบื้องหน้าใจเห็นอนัตตา ใจเห็นไม่ใช่ตาเห็น ก็เดินเข้าวิปัสสนาแล้ว
- อานาปานสติ การเข้าถึงองค์กรรมฐานแท้ๆในกองนี้ ลมเมื่อถึงจุดที่เห็นกายลม เห็นกองลมหล่อเลี้ยงให้พยุงกายธาตุออกเป็นกองธาตุอื่นๆไว้อยู่ คนที่ปัญญามีมากเห็นนิมิตเบื้องหน้าใจเห็นอนัตตา ใจเห็นไม่ใช่ตาเห็น ก็เดินเข้าวิปัสสนาแล้ว
- พุทโธ หรือพุทธานุสสติ อันนี้อันเดียวกัน (หากพุทธานุสสติต้องสวดครบ อานาปานสติก็ต้องเดินครบด้วยเช่นงั้น ไม่งั้นกำหนดรู้ลมเข้าออกเฉยๆก็ไม่ใช่อานาปานสติที่พระพุทธเจ้าตรัสสอน) การเข้าถึงองค์กรรมฐานแท้ๆในกองนี้ เมื่อถึงจุดที่เข้าถึงองค์พระ มี 2 อย่าง เป็นองค์พระท่าน กับ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ผมเคยกล่าวไว้เยอะ คงไม่ต้องพูดถึงมากในข้อนี้
- อุปสมานุสสติ ความว่าง ความไม่มี ความสละคืน การเข้าถึงองค์กรรมฐานแท้ๆในกองนี้ เหมือนที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนเห็นทุกอย่างเป็นของว่าง ไม่ใช่ตัวตน แม้กายก็เรือนว่าง อาศัยใจเข้ายึดครอง คนที่ปัญญามีมากเห็นนิมิตเบื้องหน้าใจเห็นอนัตตา ใจเห็นไม่ใช่ตาเห็น ก็เดินเข้าวิปัสสนาแล้ว
- จาคานุสสติ ความอิ่มเต็มกำลังใจ ความสละคืน การเข้าถึงองค์กรรมฐานแท้ๆในกองนี้ เมื่อถึงแล้วอิ่มขันธ์ ๕ อิ่มสังขารโลก แม้น้อยหนึ่งให้เข้ายึดเอาเป็นตัวตนก็ไม่มี คนที่ปัญญามีมากเห็นนิมิตเบื้องหน้าใจเห็นอนัตตา ใจเห็นไม่ใช่ตาเห็น ก็เดินเข้าวิปัสสนาแล้ว

..ที่เป็นดังนี้..เพราะองค์กรรมฐานทุกกองล้วนเป็นมหาสติปัฏฐานในตัวด้วยความเป็นคุณลักษณะของกองกรรมฐานนั้นๆ คนที่มีปัญญามากเมื่อใจเดินเข้าถึง ดังนั้นกรรมฐาน ๔๐ อันเป็นความแยบคายแห่งสัมมา จึงมีจำเพาะพระพุทธศาสนาเท่านั้น พระพุทธเจ้าจึงตรัสสอนประกาศกรรมฐานทั้ง ๔๐ กอง ซึ่งจะมีประกาศในทุกๆพระองค์
.. แต่โดยมากคนที่สะสมปัญญาพละมาไม่พอ พระพุทธเจ้าจึงตรัสกายานุปัสสนาให้จิตเดินไปตามลำดับ เป็นทิศทางให้จิต คือจาก
- จิตตั้งมั่นด้วยอานาปานสติ เดินเข้าสัมปะชัญญะ จิตแยกกาย จิตเดินเข้าอาการ ๓๒ เดินเข้าธาตุ ๔ เห็นอนัตตา
- จิตเดินเข้าอสุภะ หรือป่าช้า ๙ ลงฌาณทำความแยบคาย
- เห็นสมมติเวทนาอันเนื่องด้วยกาย เข้าเวทนาอันเนื่องด้วยใจ เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
- ถึงจิตเดิมแท้ตัดธัมมารมณ์ เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
- เห็นต้นตอนิวรณ์ ตัดนิวรณ์ ตัดขันธ์ ๕ เข้าสังขารุเปกขา เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา จิตทำกิจในรอบ ๓ อาการ ๑๒
..นี่แสดงให้เห็นถึงพระปัญญาญาณอันยิ่งของพระพุทธศาสดา


- เราจึงเห็นได้ว่าทำไมหนอสมัยพุทธกาล หรือในสมัยก่อนนี้ท่านฟังธรรมกรรมฐานเพียงเล็กน้อยบรรลุธรรมแล้ว หรือขณะใดที่กำลังยืน เดิน นั่ง นอน หรือ อิริยาบถกลางๆแบบพระอานนท์ทำไมบรรลุธรรม เพราะขณะนั้นมันเกิดขึ้นด้วยอำนาจของกองกรรมฐานที่จิตถึงองค์กรรมฐานแล้ว โดยส่วนตัวผมเห็นว่าขณะที่กำลังเอนตัวนั้นจิตมันปลงมันคลายมันไม่เอาใจเข้ายึดครองสิ่งทั้งปวง เกิดสันตติขาด จิตเห็นสังขาร จิตเดินไปพิจารณาของมันเอง ปัญญารู้เห็นไตรลักษณ์ตัด จิตเดินเข้าทำกิจในรอบ ๓ อาการ ๑๒

** อีกประการก็แบบท่านอ๊บกล่าวครับ อาศัยนำทางเขาเข้าไปรู้หน่อย บังคับหน่อย เข้าไปพิจารณาหน่อย อาศัยความตั้งมั่นจากอารมณ์กรรมฐานนั้นเข้าไปพิจารณา **

2. อารมณ์กรรมฐาน อยู่ในอารมณ์ที่ตั้งมั่นเข้าไปรู้ ..แต่การ "เข้าถึง" องค์กรรมฐานแท้ๆ นั้นเป็นอารมณ์ที่อยู่ท่ามกลางระหว่างวิปัสสนา คือ เมื่อถึงองค์กรรมฐานของแต่ละกองๆในกรรมฐาน ๔๐ กองเหล่านั้น ก็จะเกิดให้เห็นในสังขารต่างๆกันไป ซึ่งขณะใดขณะหนึ่งของผู้ที่ปัญญาพละยังไม่บริบูรณ์ ขณะนั้ันก็ทำได้เพียงแค่สัมผัสรู้สภาวะ แล้วก็เสื่อม มากสุดก็ทรงสัญญาไว้ได้บ้าง 3 วันบ้าง 5 วันบ้าง 7 วันบ้าง จึงต้องสะสมการเข้าไปเห็นจริงให้มาก

3. คนที่ไม่เคยเห็นองค์กรรมฐาน ไม่เคยสัมผัส ไม่เคยเข้าถึง เอาแค่ท่องจำอ้างอิงตำรามาโดยที่ไม่เคยเข้าถึงองค์ธรรมในกรรมฐานใดๆได้เลย ซึ่งตำรานั้นพระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ให้เป็นทางกลางการสะสมเหตุในพละ ๕ แต่เขาก็ยังไม่รู้ได้ ก็ทำได้แต่คิด คนเหล่านี้ก็ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะครับ เขาก็ยังสะสมเหตุของเขา คือ สัญญา ทับถมไปเรื่อยๆ แต่มันจะเต็มยาก

4. กลุ่มคนที่คนที่ไม่เคยเห็นองค์กรรมฐาน ไม่เคยสัมผัส ไม่เคยเข้าถึง เอาแค่ท่องจำอ้างอิงตำรามาโดยที่ไม่เคยเข้าถึงองค์ธรรมในกรรมฐานใดๆได้เลย เพราะเข้าไม่ถึงจึงพยายามอยากยกตนขึ้นมาให้เป็นที่ยอมรับบ้าง คนมีปมด้อยมักจะทำแบบนี้เพื่อให้คนยอมรับตน วาจาที่กล่าวจึงอาศัยอ้างอิงต่างการการเห็นจริง ทำให้ของสูงต้องเสื่อม ผู้คนรังเกียจ ดังนั้นข้อนี้ควรระวัง

** ผมเคยพบเจอครูสอนอภิธรรมท่านหนึ่ง ท่านพูดดีนะ มีปัญญามาก สอนดี แนะนำดี ไม่ทำกิริยาหยาบ แม้เราเห็นต่าง นานมาแล้วเมื่อสัก 20 ปีก่อนได้ ทำให้เรารู้สึกว่าเมื่อศึกษาอภิธรรมตามท่านบอกด้วยเป็นการดีนัก มีจิตใจดี รู้ธรรมเยอะ ท่านนี้เป็นคนแรกให้ผมรู้สึกอยากเรียนรู้อภิธรรมและศึกษาอภิธรรมและพระไตร แล้วลงมือศึกษาเล่าเรียกทั้งพระไตร พระอภิธรรม บาลี สันสกฤต
.. แต่คนสมัยนี้พวกมีปมด้อยอยากให้คนยอมรับในสมัยนี้ผมเห็นแล้วสะอิดสะเอียนไปเลย

.....................................................
(จิตรู้สมมติ เป็นสมุทัย)
(ผลอันเกิดจากจิตรู้สมมติ เป็นทุกข์)
(จิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นมรรค)
(ผลอันเกิดจากจิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นนิโรธ)


แก้ไขล่าสุดโดย แค่อากาศ เมื่อ 08 มี.ค. 2019, 10:44, แก้ไขแล้ว 10 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2019, 22:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


แค่อากาศ เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Love J. เขียน:

ผมไม่ได้เข้าใจว่าอารมณ์เหล่านี้เป็นอารมณ์ วิปัสสนา
อนุสติ 10 นี้เพื่อความตั้งมั่นของสติ อยู่กับสิ่งที่ทำ
ให้เกิดความยินดี เพื่อให้จิตตั้งมั่นแล้วอาศัยจิตที่ตั่งมั่น

นั้นมีสตินั้นพิจารณาเห็น กาย เวทนา จิต ธรรม พิจารณา
ละบาปอกุศลกรรม เจริญกุศลกรรม


ผมเห็นด้วย...ครับ..

แล..ก็ไม่คิดว่าใครจะมาแย้ง...นะ



ผมแย้งได้มั้ยท่านอ๊บ พอได้มีเรื่องคุยกันต่อครับ(ที่จริงท่านเจกล่าวไว้ดีแล้ว) :b32: :b32: :b32:

..แต่ผมบอกแทนก็ได้ว่า..ในอนุสสติ 10 ทุกกองเมื่อเข้าถึงแล้วจะมีอารมณ์วิปัสนาเกิดด้วยในทุกขณะ ถ้าคนนั้นมีปัญญามากพอก็เข้าวิปัสนาเลย คนไม่มีปัญญามากพอต่อให้เข้าอรูปฌาณก็ไม่เกิดประโยชน์ ต่อให้ท่องอภิธรรมครบ 7 คำภีร์ก็แค่ใบลานเปล่า :b32: :b32: :b32:

..มีบางพวกจำมากจนหลงไปว่าตนบรรลุโสดาบันก็มี แล้วอ้างตัวเป็นพระอริยะสงฆ์ สูงกว่าสงฆ์ แท้จริงแค่จิตมันหลอกจิตก็มี :b32: :b32: :b32:


อ้าว..เพิ่งเห็น... :b12: :b12:

เอาแค่พอมีเรื่องคุย..แค่นั้นหรือ? :b32: :b32:

ในอนุสสติ 10 ทุกกองเมื่อเข้าถึงแล้วจะมีอารมณ์วิปัสนาเกิดด้วยในทุกขณะ ถ้าคนนั้นมีปัญญามากพอก็เข้าวิปัสนาเลย

มันเป็นประโยค..ที่..ขัดแย้งในตัวเองนะ.. :b9: :b9:

1 บอกว่า..ในอนุสสติ 10 ทุกกองเมื่อเข้าถึงแล้วจะมีอารมณ์วิปัสนาเกิดด้วยในทุกขณะ
2 บอกว่า. ถ้าคนนั้นมีปัญญามากพอ

จากประโยค 2..แสดงว่า..ประโยคที่1 เป็นจริงแบบมีเงื่อนไข...ไม่เป็นจริงทุกขณะ..อย่างที่กล่าว..
:b13: :b13: :b13:

ยังงัยซะ...มันก็ต้องมี 2 ขณะ..คือ..จิตตั้งมั่น..กับ...จิตเข้าวิปัสสนา..

จิตเข้าวิปัสสนา..หลังจิตตั้งมั่นแล้วนี้..ก็พอจะแยกได้คร่าวๆ มี 2แบบ..คือ

จิตเข้าวิปัสสนา..ได้เอง
กับ..
ต้องมีการนำร่องให้ซะหน่อย..

แต่มีการทำงานเหมือนกัน..คือ...จิตเขาทำงานของเขาเอง...

ไอ้ประเภท..จะต้องคิดอย่างนั้น...คิดจะพิจารณาอย่างนี้..ฯ...อันนี้ยังอยู่ในขั้น..จินตะ

ไม่ได้ว่า..ไม่ดี..
ดี...เพราะเป็นอันสุดท้ายที่เราจะทำได้..

เพียงแต่ให้เข้าใจว่า...ของจริงยังไม่เกิด..เท่านั้น

ป้องกัน..การหลงตัวเอง..
:b1: :b1: :b1:



สาธุ สาธุ สาธุ ครับท่านอ๊บ นี่แหละครับคนที่จริงดูออก ดูละเอียดในคำพูด ผมถึงบอกว่า ดูจากคำตอบนี้ก็จะรู้ว่าของจริง ของปลอมมันต่างกัน

ผมขออนุญาตกล่าวอย่างผู้ไม่รู้เข้าไม่ถึงธรรมอย่างผมนะครับ เพื่อที่จะขยายความ

1. อารมณ์กรรมฐาน อยู่ในอารมณ์ที่ตั้งมั่นเข้าไปรู้ ..แต่การ "เข้าถึง องค์กรรมฐานแท้ๆ" (เห็นคำพูดผมไหมครับ บอกว่า "กรรมฐานทุกกอง เมื่อเข้าถึง" ไม่ใช่เมื่อฝึกกรรมฐานถึงเพียงอารมณ์ที่จิตตั้งมั่น) นั้นเป็นอารมณ์ที่อยู่ท่ามกลางระหว่างวิปัสสนา คือ เมื่อถึงองค์กรรมฐานของแต่ละกองๆในกรรมฐาน ๔๐ กองเหล่านั้น ก็จะเกิดให้เห็นในสังขารต่างๆกันไป ซึ่งขณะใดขณะหนึ่งของผู้มีปัญญาพละอันที่จิตนั้นสะสมปัญญามามากแล้ว นิมิตสภาวะธรรมเบื้องหน้าที่เห็นนั้นก็จะเป็นสติปัฏฐาน อันให้จิตเห็นไตรลักษณ์ เดินเข้าสังขารุเปกขาได้ทันที นี้จิตเดินเองไม่ต้องบังคับ
- เราจึงเห็นได้ว่าทำไมหนอสมัยพุทธกาล หรือในสมัยก่อนนี้ท่านฟังธรรมกรรมฐานเพียงเล็กน้อยบรรลุธรรมแล้ว หรือขณะใดที่กำลังยืน เดิน นั่ง นอน หรือ อิริยาบถกลางๆแบบพระอานนท์ทำไมบรรลุธรรม เพราะขณะนั้นมันเกิดขึ้นด้วยอำนาจของกองกรรมฐานที่จิตถึงองค์กรรมฐานแล้ว โดยส่วนตัวผมเห็นว่าขณะที่กำลังเอนตัวนั้นจิตมันปลงมันคลายมันไม่เอาใจเข้ายึดครองสิ่งทั้งปวง เกิดสันตติขาด จิตเห็นสังขาร จิตเดินไปพิจารณาของมันเอง ปัญญารู้เห็นไตรลักษณ์ตัด จิตเดินเข้าทำกิจในรอบ ๓ อาการ ๑๒

** อีกประการก็แบบท่านอ๊บกล่าวครับ อาศัยนำทางเขาเข้าไปรู้หน่อย บังคับหน่อย เข้าไปพิจารณาหน่อย อาศัยความตั้งมั่นจากอารมณ์กรรมฐานนั้นเข้าไปพิจารณา **

ท่านอ๊บเข้าใจทั้ง 2 อย่างนี้ไม่ผิดเพี้ยนเลย

2. อารมณ์กรรมฐาน อยู่ในอารมณ์ที่ตั้งมั่นเข้าไปรู้ ..แต่การ "เข้าถึง" องค์กรรมฐานแท้ๆ นั้นเป็นอารมณ์ที่อยู่ท่ามกลางระหว่างวิปัสสนา คือ เมื่อถึงองค์กรรมฐานของแต่ละกองๆในกรรมฐาน ๔๐ กองเหล่านั้น ก็จะเกิดให้เห็นในสังขารต่างๆกันไป ซึ่งขณะใดขณะหนึ่งของผู้ที่ปัญญาพละยังไม่บริบูรณ์ ขณะนั้ันก็ทำได้เพียงแค่สัมผัสรู้สภาวะ แล้วก็เสื่อม มากสุดก็ทรงสัญญาไว้ได้บ้าง 3 วันบ้าง 5 วันบ้าง 7 วันบ้าง จึงต้องสะสมการเข้าไปเห็นจริงให้มาก

3. คนที่ไม่เคยเห็นองค์กรรมฐาน ไม่เคยสัมผัส ไม่เคยเข้าถึง เอาแค่ท่องจำอ้างอิงตำรามาโดยที่ไม่เคยเข้าถึงองค์ธรรมในกรรมฐานใดๆได้เลย ซึ่งตำรานั้นพระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ให้เป็นทางกลางการสะสมเหตุในพละ ๕ แต่เขาก็ยังไม่รู้ได้ ก็ทำได้แต่คิด คนเหล่านี้ก็ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะครับ เขาก็ยังสะสมเหตุของเขา คือ สัญญา ทับถมไปเรื่อยๆ แต่มันจะเต็มยาก

4. กลุ่มคนที่คนที่ไม่เคยเห็นองค์กรรมฐาน ไม่เคยสัมผัส ไม่เคยเข้าถึง เอาแค่ท่องจำอ้างอิงตำรามาโดยที่ไม่เคยเข้าถึงองค์ธรรมในกรรมฐานใดๆได้เลย เพราะเข้าไม่ถึงจึงพยายามอยากยกตนขึ้นมาให้เป็นที่ยอมรับบ้าง คนมีปมด้อยมักจะทำแบบนี้เพื่อให้คนยอมรับตน วาจาที่กล่าวจึงอาศัยอ้างอิงต่างการการเห็นจริง ทำให้ของสูงต้องเสื่อม ผู้คนรังเกียจ ดังนั้นข้อนี้ควรระวัง

** ผมเคยพบเจอครูสอนอภิธรรมท่านหนึ่ง ท่านพูดดีนะ มีปัญญามาก สอนดี แนะนำดี ไม่ทำกิริยาหยาบ แม้เราเห็นต่าง นานมาแล้วเมื่อสัก 20 ปีก่อนได้ ทำให้เรารู้สึกว่าเมื่อศึกษาอภิธรรมตามท่านบอกด้วยเป็นการดีนัก มีจิตใจดี รู้ธรรมเยอะ ท่านนี้เป็นคนแรกให้ผมรู้สึกอยากเรียนรู้อภิธรรมและศึกษาอภิธรรมและพระไตร แล้วลงมือศึกษาเล่าเรียกทั้งพระไตร พระอภิธรรม บาลี สันสกฤต
.. แต่คนสมัยนี้พวกมีปมด้อยอยากให้คนยอมรับในสมัยนี้ผมเห็นแล้วสะอิดสะเอียนไปเลย


กั๊กๆ
ปรี๊ดแตกอีกแล้วหล่ะเธอ

ครูฝ่ายบุ๋นชี้ทางนุ่มนิ่ม ครูฝ่ายฝ่ายบู้ สอนคนละแบบ

หม้อดินไม่งาม ครูฝ่ายบุ๋น ก็ค่อยๆปั้นแต่ง แต่ครูฝ่ายบู้ กระทืบๆๆ แล้วปั้นขึ้นรูปใหม่
แต่ได้หม้อสวยงาม

เธอจะได้เห็น อย่างหยาบ อย่างละเอียด ที่หมักหมม ในใจเธอเองน่ะแหล๊ะ ค๊ะ
ว่าทำไม เธอจึงร้องกรี๊ดๆๆ อยู่เอง


เธออ้างมา ว่า

"เราจึงเห็นได้ว่าทำไมหนอสมัยพุทธกาล หรือในสมัยก่อนนี้ท่านฟังธรรมกรรมฐานเพียงเล็กน้อยบรรลุธรรมแล้ว หรือขณะใดที่กำลังยืน เดิน นั่ง นอน หรือ อิริยาบถกลางๆแบบพระอานนท์ทำไมบรรลุธรรม"

s006 เอ่? พระอรหันต์ องค์ไหนน๊ะค๊ะ ที่บรรลุธรรมสำเร็จอรหันต์ เพราะกัมฐาน ? s006

แต่ๆๆๆ

วิปัสสนา ชื่อว่า ลักขณูปนิชฌาน
มรรค ชื่อว่า ลักขณูปนิชฌาน
ผล ชื่อว่า ลักขณูปนิชฌาน

เอ่? s006 s006 s006
กัมฐาน ชื่อว่า อารัมมณูปนิชฌาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มี.ค. 2019, 07:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2018, 00:52
โพสต์: 512

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Love J. เขียน:

ผมไม่ได้เข้าใจว่าอารมณ์เหล่านี้เป็นอารมณ์ วิปัสสนา
อนุสติ 10 นี้เพื่อความตั้งมั่นของสติ อยู่กับสิ่งที่ทำ
ให้เกิดความยินดี เพื่อให้จิตตั้งมั่นแล้วอาศัยจิตที่ตั่งมั่น

นั้นมีสตินั้นพิจารณาเห็น กาย เวทนา จิต ธรรม พิจารณา
ละบาปอกุศลกรรม เจริญกุศลกรรม


ผมเห็นด้วย...ครับ..

แล..ก็ไม่คิดว่าใครจะมาแย้ง...นะ



ผมแย้งได้มั้ยท่านอ๊บ พอได้มีเรื่องคุยกันต่อครับ(ที่จริงท่านเจกล่าวไว้ดีแล้ว) :b32: :b32: :b32:

..แต่ผมบอกแทนก็ได้ว่า..ในอนุสสติ 10 ทุกกองเมื่อเข้าถึงแล้วจะมีอารมณ์วิปัสนาเกิดด้วยในทุกขณะ ถ้าคนนั้นมีปัญญามากพอก็เข้าวิปัสนาเลย คนไม่มีปัญญามากพอต่อให้เข้าอรูปฌาณก็ไม่เกิดประโยชน์ ต่อให้ท่องอภิธรรมครบ 7 คำภีร์ก็แค่ใบลานเปล่า :b32: :b32: :b32:

..มีบางพวกจำมากจนหลงไปว่าตนบรรลุโสดาบันก็มี แล้วอ้างตัวเป็นพระอริยะสงฆ์ สูงกว่าสงฆ์ แท้จริงแค่จิตมันหลอกจิตก็มี :b32: :b32: :b32:


อ้าว..เพิ่งเห็น... :b12: :b12:

เอาแค่พอมีเรื่องคุย..แค่นั้นหรือ? :b32: :b32:

ในอนุสสติ 10 ทุกกองเมื่อเข้าถึงแล้วจะมีอารมณ์วิปัสนาเกิดด้วยในทุกขณะ ถ้าคนนั้นมีปัญญามากพอก็เข้าวิปัสนาเลย

มันเป็นประโยค..ที่..ขัดแย้งในตัวเองนะ.. :b9: :b9:

1 บอกว่า..ในอนุสสติ 10 ทุกกองเมื่อเข้าถึงแล้วจะมีอารมณ์วิปัสนาเกิดด้วยในทุกขณะ
2 บอกว่า. ถ้าคนนั้นมีปัญญามากพอ

จากประโยค 2..แสดงว่า..ประโยคที่1 เป็นจริงแบบมีเงื่อนไข...ไม่เป็นจริงทุกขณะ..อย่างที่กล่าว..
:b13: :b13: :b13:

ยังงัยซะ...มันก็ต้องมี 2 ขณะ..คือ..จิตตั้งมั่น..กับ...จิตเข้าวิปัสสนา..

จิตเข้าวิปัสสนา..หลังจิตตั้งมั่นแล้วนี้..ก็พอจะแยกได้คร่าวๆ มี 2แบบ..คือ

จิตเข้าวิปัสสนา..ได้เอง
กับ..
ต้องมีการนำร่องให้ซะหน่อย..

แต่มีการทำงานเหมือนกัน..คือ...จิตเขาทำงานของเขาเอง...

ไอ้ประเภท..จะต้องคิดอย่างนั้น...คิดจะพิจารณาอย่างนี้..ฯ...อันนี้ยังอยู่ในขั้น..จินตะ

ไม่ได้ว่า..ไม่ดี..
ดี...เพราะเป็นอันสุดท้ายที่เราจะทำได้..

เพียงแต่ให้เข้าใจว่า...ของจริงยังไม่เกิด..เท่านั้น

ป้องกัน..การหลงตัวเอง..
:b1: :b1: :b1:



สาธุ สาธุ สาธุ ครับท่านอ๊บ นี่แหละครับคนที่จริงดูออก ดูละเอียดในคำพูด ผมถึงบอกว่า ดูจากคำตอบนี้ก็จะรู้ว่าของจริง ของปลอมมันต่างกัน

ผมขออนุญาตกล่าวอย่างผู้ไม่รู้เข้าไม่ถึงธรรมอย่างผมนะครับ เพื่อที่จะขยายความ

1. อารมณ์กรรมฐาน อยู่ในอารมณ์ที่ตั้งมั่นเข้าไปรู้ ..แต่การ "เข้าถึง องค์กรรมฐานแท้ๆ" (เห็นคำพูดผมไหมครับ บอกว่า "กรรมฐานทุกกอง เมื่อเข้าถึง" ไม่ใช่เมื่อฝึกกรรมฐานถึงเพียงอารมณ์ที่จิตตั้งมั่น) นั้นเป็นอารมณ์ที่อยู่ท่ามกลางระหว่างวิปัสสนา คือ เมื่อถึงองค์กรรมฐานของแต่ละกองๆในกรรมฐาน ๔๐ กองเหล่านั้น ก็จะเกิดให้เห็นในสังขารต่างๆกันไป ซึ่งขณะใดขณะหนึ่งของผู้มีปัญญาพละอันที่จิตนั้นสะสมปัญญามามากแล้ว นิมิตสภาวะธรรมเบื้องหน้าที่เห็นนั้นก็จะเป็นสติปัฏฐาน อันให้จิตเห็นไตรลักษณ์ เดินเข้าสังขารุเปกขาได้ทันที นี้จิตเดินเองไม่ต้องบังคับ
- เราจึงเห็นได้ว่าทำไมหนอสมัยพุทธกาล หรือในสมัยก่อนนี้ท่านฟังธรรมกรรมฐานเพียงเล็กน้อยบรรลุธรรมแล้ว หรือขณะใดที่กำลังยืน เดิน นั่ง นอน หรือ อิริยาบถกลางๆแบบพระอานนท์ทำไมบรรลุธรรม เพราะขณะนั้นมันเกิดขึ้นด้วยอำนาจของกองกรรมฐานที่จิตถึงองค์กรรมฐานแล้ว โดยส่วนตัวผมเห็นว่าขณะที่กำลังเอนตัวนั้นจิตมันปลงมันคลายมันไม่เอาใจเข้ายึดครองสิ่งทั้งปวง เกิดสันตติขาด จิตเห็นสังขาร จิตเดินไปพิจารณาของมันเอง ปัญญารู้เห็นไตรลักษณ์ตัด จิตเดินเข้าทำกิจในรอบ ๓ อาการ ๑๒

** อีกประการก็แบบท่านอ๊บกล่าวครับ อาศัยนำทางเขาเข้าไปรู้หน่อย บังคับหน่อย เข้าไปพิจารณาหน่อย อาศัยความตั้งมั่นจากอารมณ์กรรมฐานนั้นเข้าไปพิจารณา **

ท่านอ๊บเข้าใจทั้ง 2 อย่างนี้ไม่ผิดเพี้ยนเลย

2. อารมณ์กรรมฐาน อยู่ในอารมณ์ที่ตั้งมั่นเข้าไปรู้ ..แต่การ "เข้าถึง" องค์กรรมฐานแท้ๆ นั้นเป็นอารมณ์ที่อยู่ท่ามกลางระหว่างวิปัสสนา คือ เมื่อถึงองค์กรรมฐานของแต่ละกองๆในกรรมฐาน ๔๐ กองเหล่านั้น ก็จะเกิดให้เห็นในสังขารต่างๆกันไป ซึ่งขณะใดขณะหนึ่งของผู้ที่ปัญญาพละยังไม่บริบูรณ์ ขณะนั้ันก็ทำได้เพียงแค่สัมผัสรู้สภาวะ แล้วก็เสื่อม มากสุดก็ทรงสัญญาไว้ได้บ้าง 3 วันบ้าง 5 วันบ้าง 7 วันบ้าง จึงต้องสะสมการเข้าไปเห็นจริงให้มาก

3. คนที่ไม่เคยเห็นองค์กรรมฐาน ไม่เคยสัมผัส ไม่เคยเข้าถึง เอาแค่ท่องจำอ้างอิงตำรามาโดยที่ไม่เคยเข้าถึงองค์ธรรมในกรรมฐานใดๆได้เลย ซึ่งตำรานั้นพระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ให้เป็นทางกลางการสะสมเหตุในพละ ๕ แต่เขาก็ยังไม่รู้ได้ ก็ทำได้แต่คิด คนเหล่านี้ก็ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะครับ เขาก็ยังสะสมเหตุของเขา คือ สัญญา ทับถมไปเรื่อยๆ แต่มันจะเต็มยาก

4. กลุ่มคนที่คนที่ไม่เคยเห็นองค์กรรมฐาน ไม่เคยสัมผัส ไม่เคยเข้าถึง เอาแค่ท่องจำอ้างอิงตำรามาโดยที่ไม่เคยเข้าถึงองค์ธรรมในกรรมฐานใดๆได้เลย เพราะเข้าไม่ถึงจึงพยายามอยากยกตนขึ้นมาให้เป็นที่ยอมรับบ้าง คนมีปมด้อยมักจะทำแบบนี้เพื่อให้คนยอมรับตน วาจาที่กล่าวจึงอาศัยอ้างอิงต่างการการเห็นจริง ทำให้ของสูงต้องเสื่อม ผู้คนรังเกียจ ดังนั้นข้อนี้ควรระวัง

** ผมเคยพบเจอครูสอนอภิธรรมท่านหนึ่ง ท่านพูดดีนะ มีปัญญามาก สอนดี แนะนำดี ไม่ทำกิริยาหยาบ แม้เราเห็นต่าง นานมาแล้วเมื่อสัก 20 ปีก่อนได้ ทำให้เรารู้สึกว่าเมื่อศึกษาอภิธรรมตามท่านบอกด้วยเป็นการดีนัก มีจิตใจดี รู้ธรรมเยอะ ท่านนี้เป็นคนแรกให้ผมรู้สึกอยากเรียนรู้อภิธรรมและศึกษาอภิธรรมและพระไตร แล้วลงมือศึกษาเล่าเรียกทั้งพระไตร พระอภิธรรม บาลี สันสกฤต
.. แต่คนสมัยนี้พวกมีปมด้อยอยากให้คนยอมรับในสมัยนี้ผมเห็นแล้วสะอิดสะเอียนไปเลย


กั๊กๆ
ปรี๊ดแตกอีกแล้วหล่ะเธอ

ครูฝ่ายบุ๋นชี้ทางนุ่มนิ่ม ครูฝ่ายฝ่ายบู้ สอนคนละแบบ

หม้อดินไม่งาม ครูฝ่ายบุ๋น ก็ค่อยๆปั้นแต่ง แต่ครูฝ่ายบู้ กระทืบๆๆ แล้วปั้นขึ้นรูปใหม่
แต่ได้หม้อสวยงาม

เธอจะได้เห็น อย่างหยาบ อย่างละเอียด ที่หมักหมม ในใจเธอเองน่ะแหล๊ะ ค๊ะ
ว่าทำไม เธอจึงร้องกรี๊ดๆๆ อยู่เอง


เธออ้างมา ว่า

"เราจึงเห็นได้ว่าทำไมหนอสมัยพุทธกาล หรือในสมัยก่อนนี้ท่านฟังธรรมกรรมฐานเพียงเล็กน้อยบรรลุธรรมแล้ว หรือขณะใดที่กำลังยืน เดิน นั่ง นอน หรือ อิริยาบถกลางๆแบบพระอานนท์ทำไมบรรลุธรรม"

s006 เอ่? พระอรหันต์ องค์ไหนน๊ะค๊ะ ที่บรรลุธรรมสำเร็จอรหันต์ เพราะกัมฐาน ? s006

แต่ๆๆๆ

วิปัสสนา ชื่อว่า ลักขณูปนิชฌาน
มรรค ชื่อว่า ลักขณูปนิชฌาน
ผล ชื่อว่า ลักขณูปนิชฌาน

เอ่? s006 s006 s006
กัมฐาน ชื่อว่า อารัมมณูปนิชฌาน



รู้สึกเหมือนมีคนร้อนตัวเลยครับท่านเจ เหมือนมีใครร้อนรนแสดงตัวออกมา อย่างฮา :b32: :b32: :b32:

เหมือนเขาจะรู้ตัวเองแล้วแสดงตัวว่าเป็นแบบกลุ่มจำพวกน่ารังเกียจอย่างที่ผมว่าด้วย :b32: :b32: :b32: ทั้งๆที่ผมไม่ได้ว่ากล่าวอ้างอิงชื่อใครเลย :b32: :b32: :b32: แสดงตัวง๊ายง่าย นิดหน่อยก็ร้อนรนทนไม่ไหวต้องแสดงตัวแล้ว

.....................................................
(จิตรู้สมมติ เป็นสมุทัย)
(ผลอันเกิดจากจิตรู้สมมติ เป็นทุกข์)
(จิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นมรรค)
(ผลอันเกิดจากจิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นนิโรธ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มี.ค. 2019, 13:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


แค่อากาศ เขียน:
โลกสวย เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Love J. เขียน:

ผมไม่ได้เข้าใจว่าอารมณ์เหล่านี้เป็นอารมณ์ วิปัสสนา
อนุสติ 10 นี้เพื่อความตั้งมั่นของสติ อยู่กับสิ่งที่ทำ
ให้เกิดความยินดี เพื่อให้จิตตั้งมั่นแล้วอาศัยจิตที่ตั่งมั่น

นั้นมีสตินั้นพิจารณาเห็น กาย เวทนา จิต ธรรม พิจารณา
ละบาปอกุศลกรรม เจริญกุศลกรรม


ผมเห็นด้วย...ครับ..

แล..ก็ไม่คิดว่าใครจะมาแย้ง...นะ



ผมแย้งได้มั้ยท่านอ๊บ พอได้มีเรื่องคุยกันต่อครับ(ที่จริงท่านเจกล่าวไว้ดีแล้ว) :b32: :b32: :b32:

..แต่ผมบอกแทนก็ได้ว่า..ในอนุสสติ 10 ทุกกองเมื่อเข้าถึงแล้วจะมีอารมณ์วิปัสนาเกิดด้วยในทุกขณะ ถ้าคนนั้นมีปัญญามากพอก็เข้าวิปัสนาเลย คนไม่มีปัญญามากพอต่อให้เข้าอรูปฌาณก็ไม่เกิดประโยชน์ ต่อให้ท่องอภิธรรมครบ 7 คำภีร์ก็แค่ใบลานเปล่า :b32: :b32: :b32:

..มีบางพวกจำมากจนหลงไปว่าตนบรรลุโสดาบันก็มี แล้วอ้างตัวเป็นพระอริยะสงฆ์ สูงกว่าสงฆ์ แท้จริงแค่จิตมันหลอกจิตก็มี :b32: :b32: :b32:


อ้าว..เพิ่งเห็น... :b12: :b12:

เอาแค่พอมีเรื่องคุย..แค่นั้นหรือ? :b32: :b32:

ในอนุสสติ 10 ทุกกองเมื่อเข้าถึงแล้วจะมีอารมณ์วิปัสนาเกิดด้วยในทุกขณะ ถ้าคนนั้นมีปัญญามากพอก็เข้าวิปัสนาเลย

มันเป็นประโยค..ที่..ขัดแย้งในตัวเองนะ.. :b9: :b9:

1 บอกว่า..ในอนุสสติ 10 ทุกกองเมื่อเข้าถึงแล้วจะมีอารมณ์วิปัสนาเกิดด้วยในทุกขณะ
2 บอกว่า. ถ้าคนนั้นมีปัญญามากพอ

จากประโยค 2..แสดงว่า..ประโยคที่1 เป็นจริงแบบมีเงื่อนไข...ไม่เป็นจริงทุกขณะ..อย่างที่กล่าว..
:b13: :b13: :b13:

ยังงัยซะ...มันก็ต้องมี 2 ขณะ..คือ..จิตตั้งมั่น..กับ...จิตเข้าวิปัสสนา..

จิตเข้าวิปัสสนา..หลังจิตตั้งมั่นแล้วนี้..ก็พอจะแยกได้คร่าวๆ มี 2แบบ..คือ

จิตเข้าวิปัสสนา..ได้เอง
กับ..
ต้องมีการนำร่องให้ซะหน่อย..

แต่มีการทำงานเหมือนกัน..คือ...จิตเขาทำงานของเขาเอง...

ไอ้ประเภท..จะต้องคิดอย่างนั้น...คิดจะพิจารณาอย่างนี้..ฯ...อันนี้ยังอยู่ในขั้น..จินตะ

ไม่ได้ว่า..ไม่ดี..
ดี...เพราะเป็นอันสุดท้ายที่เราจะทำได้..

เพียงแต่ให้เข้าใจว่า...ของจริงยังไม่เกิด..เท่านั้น

ป้องกัน..การหลงตัวเอง..
:b1: :b1: :b1:



สาธุ สาธุ สาธุ ครับท่านอ๊บ นี่แหละครับคนที่จริงดูออก ดูละเอียดในคำพูด ผมถึงบอกว่า ดูจากคำตอบนี้ก็จะรู้ว่าของจริง ของปลอมมันต่างกัน

ผมขออนุญาตกล่าวอย่างผู้ไม่รู้เข้าไม่ถึงธรรมอย่างผมนะครับ เพื่อที่จะขยายความ

1. อารมณ์กรรมฐาน อยู่ในอารมณ์ที่ตั้งมั่นเข้าไปรู้ ..แต่การ "เข้าถึง องค์กรรมฐานแท้ๆ" (เห็นคำพูดผมไหมครับ บอกว่า "กรรมฐานทุกกอง เมื่อเข้าถึง" ไม่ใช่เมื่อฝึกกรรมฐานถึงเพียงอารมณ์ที่จิตตั้งมั่น) นั้นเป็นอารมณ์ที่อยู่ท่ามกลางระหว่างวิปัสสนา คือ เมื่อถึงองค์กรรมฐานของแต่ละกองๆในกรรมฐาน ๔๐ กองเหล่านั้น ก็จะเกิดให้เห็นในสังขารต่างๆกันไป ซึ่งขณะใดขณะหนึ่งของผู้มีปัญญาพละอันที่จิตนั้นสะสมปัญญามามากแล้ว นิมิตสภาวะธรรมเบื้องหน้าที่เห็นนั้นก็จะเป็นสติปัฏฐาน อันให้จิตเห็นไตรลักษณ์ เดินเข้าสังขารุเปกขาได้ทันที นี้จิตเดินเองไม่ต้องบังคับ
- เราจึงเห็นได้ว่าทำไมหนอสมัยพุทธกาล หรือในสมัยก่อนนี้ท่านฟังธรรมกรรมฐานเพียงเล็กน้อยบรรลุธรรมแล้ว หรือขณะใดที่กำลังยืน เดิน นั่ง นอน หรือ อิริยาบถกลางๆแบบพระอานนท์ทำไมบรรลุธรรม เพราะขณะนั้นมันเกิดขึ้นด้วยอำนาจของกองกรรมฐานที่จิตถึงองค์กรรมฐานแล้ว โดยส่วนตัวผมเห็นว่าขณะที่กำลังเอนตัวนั้นจิตมันปลงมันคลายมันไม่เอาใจเข้ายึดครองสิ่งทั้งปวง เกิดสันตติขาด จิตเห็นสังขาร จิตเดินไปพิจารณาของมันเอง ปัญญารู้เห็นไตรลักษณ์ตัด จิตเดินเข้าทำกิจในรอบ ๓ อาการ ๑๒

** อีกประการก็แบบท่านอ๊บกล่าวครับ อาศัยนำทางเขาเข้าไปรู้หน่อย บังคับหน่อย เข้าไปพิจารณาหน่อย อาศัยความตั้งมั่นจากอารมณ์กรรมฐานนั้นเข้าไปพิจารณา **

ท่านอ๊บเข้าใจทั้ง 2 อย่างนี้ไม่ผิดเพี้ยนเลย

2. อารมณ์กรรมฐาน อยู่ในอารมณ์ที่ตั้งมั่นเข้าไปรู้ ..แต่การ "เข้าถึง" องค์กรรมฐานแท้ๆ นั้นเป็นอารมณ์ที่อยู่ท่ามกลางระหว่างวิปัสสนา คือ เมื่อถึงองค์กรรมฐานของแต่ละกองๆในกรรมฐาน ๔๐ กองเหล่านั้น ก็จะเกิดให้เห็นในสังขารต่างๆกันไป ซึ่งขณะใดขณะหนึ่งของผู้ที่ปัญญาพละยังไม่บริบูรณ์ ขณะนั้ันก็ทำได้เพียงแค่สัมผัสรู้สภาวะ แล้วก็เสื่อม มากสุดก็ทรงสัญญาไว้ได้บ้าง 3 วันบ้าง 5 วันบ้าง 7 วันบ้าง จึงต้องสะสมการเข้าไปเห็นจริงให้มาก

3. คนที่ไม่เคยเห็นองค์กรรมฐาน ไม่เคยสัมผัส ไม่เคยเข้าถึง เอาแค่ท่องจำอ้างอิงตำรามาโดยที่ไม่เคยเข้าถึงองค์ธรรมในกรรมฐานใดๆได้เลย ซึ่งตำรานั้นพระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ให้เป็นทางกลางการสะสมเหตุในพละ ๕ แต่เขาก็ยังไม่รู้ได้ ก็ทำได้แต่คิด คนเหล่านี้ก็ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะครับ เขาก็ยังสะสมเหตุของเขา คือ สัญญา ทับถมไปเรื่อยๆ แต่มันจะเต็มยาก

4. กลุ่มคนที่คนที่ไม่เคยเห็นองค์กรรมฐาน ไม่เคยสัมผัส ไม่เคยเข้าถึง เอาแค่ท่องจำอ้างอิงตำรามาโดยที่ไม่เคยเข้าถึงองค์ธรรมในกรรมฐานใดๆได้เลย เพราะเข้าไม่ถึงจึงพยายามอยากยกตนขึ้นมาให้เป็นที่ยอมรับบ้าง คนมีปมด้อยมักจะทำแบบนี้เพื่อให้คนยอมรับตน วาจาที่กล่าวจึงอาศัยอ้างอิงต่างการการเห็นจริง ทำให้ของสูงต้องเสื่อม ผู้คนรังเกียจ ดังนั้นข้อนี้ควรระวัง

** ผมเคยพบเจอครูสอนอภิธรรมท่านหนึ่ง ท่านพูดดีนะ มีปัญญามาก สอนดี แนะนำดี ไม่ทำกิริยาหยาบ แม้เราเห็นต่าง นานมาแล้วเมื่อสัก 20 ปีก่อนได้ ทำให้เรารู้สึกว่าเมื่อศึกษาอภิธรรมตามท่านบอกด้วยเป็นการดีนัก มีจิตใจดี รู้ธรรมเยอะ ท่านนี้เป็นคนแรกให้ผมรู้สึกอยากเรียนรู้อภิธรรมและศึกษาอภิธรรมและพระไตร แล้วลงมือศึกษาเล่าเรียกทั้งพระไตร พระอภิธรรม บาลี สันสกฤต
.. แต่คนสมัยนี้พวกมีปมด้อยอยากให้คนยอมรับในสมัยนี้ผมเห็นแล้วสะอิดสะเอียนไปเลย


กั๊กๆ
ปรี๊ดแตกอีกแล้วหล่ะเธอ

ครูฝ่ายบุ๋นชี้ทางนุ่มนิ่ม ครูฝ่ายฝ่ายบู้ สอนคนละแบบ

หม้อดินไม่งาม ครูฝ่ายบุ๋น ก็ค่อยๆปั้นแต่ง แต่ครูฝ่ายบู้ กระทืบๆๆ แล้วปั้นขึ้นรูปใหม่
แต่ได้หม้อสวยงาม

เธอจะได้เห็น อย่างหยาบ อย่างละเอียด ที่หมักหมม ในใจเธอเองน่ะแหล๊ะ ค๊ะ
ว่าทำไม เธอจึงร้องกรี๊ดๆๆ อยู่เอง


เธออ้างมา ว่า

"เราจึงเห็นได้ว่าทำไมหนอสมัยพุทธกาล หรือในสมัยก่อนนี้ท่านฟังธรรมกรรมฐานเพียงเล็กน้อยบรรลุธรรมแล้ว หรือขณะใดที่กำลังยืน เดิน นั่ง นอน หรือ อิริยาบถกลางๆแบบพระอานนท์ทำไมบรรลุธรรม"

s006 เอ่? พระอรหันต์ องค์ไหนน๊ะค๊ะ ที่บรรลุธรรมสำเร็จอรหันต์ เพราะกัมฐาน ? s006

แต่ๆๆๆ

วิปัสสนา ชื่อว่า ลักขณูปนิชฌาน
มรรค ชื่อว่า ลักขณูปนิชฌาน
ผล ชื่อว่า ลักขณูปนิชฌาน

เอ่? s006 s006 s006
กัมฐาน ชื่อว่า อารัมมณูปนิชฌาน



รู้สึกเหมือนมีคนร้อนตัวเลยครับท่านเจ เหมือนมีใครร้อนรนแสดงตัวออกมา อย่างฮา :b32: :b32: :b32:

เหมือนเขาจะรู้ตัวเองแล้วแสดงตัวว่าเป็นแบบกลุ่มจำพวกน่ารังเกียจอย่างที่ผมว่าด้วย :b32: :b32: :b32: ทั้งๆที่ผมไม่ได้ว่ากล่าวอ้างอิงชื่อใครเลย :b32: :b32: :b32: แสดงตัวง๊ายง่าย นิดหน่อยก็ร้อนรนทนไม่ไหวต้องแสดงตัวแล้ว


กั๊กๆ

เม พาคุณแค่อากาส เป็นตัวอย่างให้ดูไงค๊ะ

บริกรรมพุทโธหยุดไป
อนุสติ หมดหายไป
กัมฐาน 40 กอง ไม่มีองค์ธรรม คือ เอกคัคตตาจิต
ก็เรยไม่เป็นมวย ไปต่อไป มหาสติปัฎฐานไม่ได้
และก็ไปวิปัสสนา ไม่เปง
เรยไม่รู้จัก ว่าอารมณ์ใน อารัมมณูปนิชฌาน กะ ลักขณูปนิชฌาน ต่างกันยังไง

นี่คือตัวอย่าง คุณแค่อากาศ ที่ เม เข้ามา เพื่อให้ แสดงตัวตามที่พี่กบ

บอกว่า ถ้าคนนั้นมีปัญญา มากพอ ทีทำตัวแดงๆไว้ ไงค๊ะ

เพื่อให้เห็นหันชัดๆไงค๊ะ ว่า มะโน ๆๆๆๆๆๆๆ

พุทโธ ทำให้คล่องกันน๊าค๊า ไม่ใช่ มะโนๆๆๆๆ

กั๊กๆ smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มี.ค. 2019, 15:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณแค่อากาศ หายไป คงไปบริกรรม มโน มโน อยู่

เรยไม่มาตอบ ว่า พระอรหันต์องค์ไหน ที่บรรลุอรหันต์ โดยสมถะกรรมฐาน ?

เอ่ s006

ใช่แบบ พระจูฬปันถกเป็นเอตทัคคะในด้านผู้ชำนาญในมโนมยิทธิ หล่ะป่าวน้อ ?

ให้คุณแค่อากาศ ลองอธิบายหน่อยสิค๊ะ ว่า พระจูฬปันถก ได้อริยะมรรคและอริยผล จากอะไร ทำวิธีไหน ?

ตรงกันกับพื้นฐานพระธรรมเบื้องต้น ที่พระพุทธองค์ ทรงแสดงไว้ มั๊ย?

ที่ว่า

กัมฐาน ชื่อว่า อารัมมณูปนิชฌาน
วิปัสสนา ชื่อว่า ลักขณูปนิชฌาน
มรรค ชื่อว่า ลักขณูปนิชฌาน
ผล ชื่อว่า ลักขณูปนิชฌาน

เอ่? s006 s006 s006


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มี.ค. 2019, 03:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เพราะถ้าคุณเรียนพระไตรปิฎกมา
คุณจะละอุปนิสัยเดิม
และทำตาม พระธรรม จากพระไตรปิฎก
นิสัยเดิมๆๆ ไม่ได้ทำให้คุณเป็นพระอริยะเจ้าได้
โดยไม่ก้าวล่วนิสัยเดิมเสีย

คุณเอามาจากไหน ความรู้สึกยินดีเมื่อระลึกถึง
พระพุทธเจ้าควรละใช่มั้ย ?

ผู้ที่ชี้ พระธรรม มาให้ กลายเป็นคนเหยียดหยาม

คุณเหยียดหยามจริงมั้ย ใส่ร้ายผมด้วยคำเท็จจริงมั้ย
บิดเบือนคำสอนจริงมั้ย ? ยังอ้างว่าตนชี้ธรรมได้ยังไง


คริคริ

คนเราทุกข์เพราะความคิด ตัวเอง เนาะค๊ะ

อกุศลจิต นี้ทำให้ทุกข์ เนาะค๊ะ ไม่เห้นเรย ว่าตัวทุกข์ร้อนรน

มัวแต่ภาวนาสะกด กลบอุศลจิต เรยไม่เห็นเนาะค๊ะ

อยากให้คนเชิดชูอยู่

ยกพระพุทธเจ้าที่ทรงแสดงภาวนา ตั้งแต่สมัยพระพุทธทีปังกรมาให้ฟัง

แทนที่จะดูว่าพระพุทธองค์ทำยังไง ที่ถูกต้อง

แต่ หาว่าเอามาเหยียดหยาม
จริงๆ คุณเทียบไม่ได้กะพระพุทธองค์สักนิ๊ดเรย
ดันเอาแต่ตัวเองเป็นหลัก

สงสัยสวดอย่างนี้เหรอเปล่าค๊ะ

อัตตาสรณังคัจฉามิ กราบๆๆๆ

นี่แค่พอเริ่มภาวนา นิดหน่อยได้คำสองคำ ได้ปิตินิดหน่อย
ไปซะแระ

ภาวนาบริกรรมต่อเนื่องไปน๊าค๊ะ

พุทโธๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

นี่เป็นตัวอย่าง คนที่ปฎิบัติไม่จริงจัง

ที่ระหว่างมาเถียง
ภาวนาหายไปไหนหม๊ด แระ

คำบริกรรมหายไป ภาวนาขาดไป

แล้วมาแสดงเรื่องการภาวนา พุทโธๆๆ
พุทโธๆๆ เรยขาดหาย ไม่ต่อเนื่องไง

นี่น๊ะ ชี้ธรรมให้ด้วยเมตตา อีกแล้ว จะเก๊ตมั๊ยค๊ะ

ว่าภาวนาอะไร ลืมไปแระหราค๊ะ

......................................................

ทำไมไม่ชี้แจงข้อที่ผมสงสัย เบี่ยงเบ็นประเด็นทำไม ?

ที่คุณกล่าวว่า ผู้บริกรรมพุทโธไม่ได้ปฏิบัติ ปฏิบัติผิด ไม่ตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
ผมสงสัยว่าคุณกล่าวปรามาสโดยลูบคำ ไม่ได้พิจารณาให้ดีก่อน ข้อนี้จริงหรือไม่อย่างไร ?

เมื่อผมอธิบายชี้แจง คุณกลับปรามาสผมว่าไม่ฉลาดปัญญาตื้นเขิน ยกตนว่าฉลาดแล้วมีปัญญา
โดยการแต่งคำสอนขึ้นเองเพื่อสนับสนุนคำพูดผิด ๆ ของตนเอง ใช่หรือไม่ ?

สุดท้ายยังไม่ยอมรับ กลับยกย่องตนเองว่าชี้ธรรมด้วยเมตตา ละอาย เกรงกลัว ต่อบาป หรือไม่ ?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มี.ค. 2019, 05:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
เพราะถ้าคุณเรียนพระไตรปิฎกมา
คุณจะละอุปนิสัยเดิม
และทำตาม พระธรรม จากพระไตรปิฎก
นิสัยเดิมๆๆ ไม่ได้ทำให้คุณเป็นพระอริยะเจ้าได้
โดยไม่ก้าวล่วนิสัยเดิมเสีย

คุณเอามาจากไหน ความรู้สึกยินดีเมื่อระลึกถึง
พระพุทธเจ้าควรละใช่มั้ย ?

ผู้ที่ชี้ พระธรรม มาให้ กลายเป็นคนเหยียดหยาม

คุณเหยียดหยามจริงมั้ย ใส่ร้ายผมด้วยคำเท็จจริงมั้ย
บิดเบือนคำสอนจริงมั้ย ? ยังอ้างว่าตนชี้ธรรมได้ยังไง


คริคริ

คนเราทุกข์เพราะความคิด ตัวเอง เนาะค๊ะ

อกุศลจิต นี้ทำให้ทุกข์ เนาะค๊ะ ไม่เห้นเรย ว่าตัวทุกข์ร้อนรน

มัวแต่ภาวนาสะกด กลบอุศลจิต เรยไม่เห็นเนาะค๊ะ

อยากให้คนเชิดชูอยู่

ยกพระพุทธเจ้าที่ทรงแสดงภาวนา ตั้งแต่สมัยพระพุทธทีปังกรมาให้ฟัง

แทนที่จะดูว่าพระพุทธองค์ทำยังไง ที่ถูกต้อง

แต่ หาว่าเอามาเหยียดหยาม
จริงๆ คุณเทียบไม่ได้กะพระพุทธองค์สักนิ๊ดเรย
ดันเอาแต่ตัวเองเป็นหลัก

สงสัยสวดอย่างนี้เหรอเปล่าค๊ะ

อัตตาสรณังคัจฉามิ กราบๆๆๆ

นี่แค่พอเริ่มภาวนา นิดหน่อยได้คำสองคำ ได้ปิตินิดหน่อย
ไปซะแระ

ภาวนาบริกรรมต่อเนื่องไปน๊าค๊ะ

พุทโธๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

นี่เป็นตัวอย่าง คนที่ปฎิบัติไม่จริงจัง

ที่ระหว่างมาเถียง
ภาวนาหายไปไหนหม๊ด แระ

คำบริกรรมหายไป ภาวนาขาดไป

แล้วมาแสดงเรื่องการภาวนา พุทโธๆๆ
พุทโธๆๆ เรยขาดหาย ไม่ต่อเนื่องไง

นี่น๊ะ ชี้ธรรมให้ด้วยเมตตา อีกแล้ว จะเก๊ตมั๊ยค๊ะ

ว่าภาวนาอะไร ลืมไปแระหราค๊ะ

......................................................

ทำไมไม่ชี้แจงข้อที่ผมสงสัย เบี่ยงเบ็นประเด็นทำไม ?

ที่คุณกล่าวว่า ผู้บริกรรมพุทโธไม่ได้ปฏิบัติ ปฏิบัติผิด ไม่ตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
ผมสงสัยว่าคุณกล่าวปรามาสโดยลูบคำ ไม่ได้พิจารณาให้ดีก่อน ข้อนี้จริงหรือไม่อย่างไร ?

เมื่อผมอธิบายชี้แจง คุณกลับปรามาสผมว่าไม่ฉลาดปัญญาตื้นเขิน ยกตนว่าฉลาดแล้วมีปัญญา
โดยการแต่งคำสอนขึ้นเองเพื่อสนับสนุนคำพูดผิด ๆ ของตนเอง ใช่หรือไม่ ?

สุดท้ายยังไม่ยอมรับ กลับยกย่องตนเองว่าชี้ธรรมด้วยเมตตา ละอาย เกรงกลัว ต่อบาป หรือไม่ ?

เพราะคุณ ไม่รู้ว่า พระธรรมที่ทรงแสดง เป็นศาสดา
ไม่ใช่คำสอน ที่สร้างจากครูบาอาจารย์
พระสงฆ์ เกิดจากสัททธรรม ของพระพุทธเจ้า
จึงต้องปฎิบัติ ตามพระธรรม พระวินัย ที่ทรงบัญัติ
เทียบลงมหาประเทศ
ว่า จำมาผิด ท่องมาผิด ปฎิบัติมาผิดๆหรือเปล่า
นี่คือ สิ่งที่พยายามบอก มาทุกกระทู้ และทุกคน

แต่ คูณจะมาหาพระศาสดาในบอร์ดนี้
เที่ยวหาพระศาสดา ไปทุกหนทุกแห่ง

นี่คือ ความฉลาด แสนสุดบรรยาย ของคุณไงค๊ะ

ละอายใจมั๊ยคะ ที่ไม่เรียนพระอภิธรรม พระปริยัติ พระไตรปิฎก จากพระพุทธองค์
จากพระธรรม ที่ทรงประกาศแล้วว่า เป็นศาสดาแทนพระองค์

huh


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มี.ค. 2019, 05:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
เพราะถ้าคุณเรียนพระไตรปิฎกมา
คุณจะละอุปนิสัยเดิม
และทำตาม พระธรรม จากพระไตรปิฎก
นิสัยเดิมๆๆ ไม่ได้ทำให้คุณเป็นพระอริยะเจ้าได้
โดยไม่ก้าวล่วนิสัยเดิมเสีย

คุณเอามาจากไหน ความรู้สึกยินดีเมื่อระลึกถึง
พระพุทธเจ้าควรละใช่มั้ย ?

ผู้ที่ชี้ พระธรรม มาให้ กลายเป็นคนเหยียดหยาม

คุณเหยียดหยามจริงมั้ย ใส่ร้ายผมด้วยคำเท็จจริงมั้ย
บิดเบือนคำสอนจริงมั้ย ? ยังอ้างว่าตนชี้ธรรมได้ยังไง


คริคริ

คนเราทุกข์เพราะความคิด ตัวเอง เนาะค๊ะ

อกุศลจิต นี้ทำให้ทุกข์ เนาะค๊ะ ไม่เห้นเรย ว่าตัวทุกข์ร้อนรน

มัวแต่ภาวนาสะกด กลบอุศลจิต เรยไม่เห็นเนาะค๊ะ

อยากให้คนเชิดชูอยู่

ยกพระพุทธเจ้าที่ทรงแสดงภาวนา ตั้งแต่สมัยพระพุทธทีปังกรมาให้ฟัง

แทนที่จะดูว่าพระพุทธองค์ทำยังไง ที่ถูกต้อง

แต่ หาว่าเอามาเหยียดหยาม
จริงๆ คุณเทียบไม่ได้กะพระพุทธองค์สักนิ๊ดเรย
ดันเอาแต่ตัวเองเป็นหลัก

สงสัยสวดอย่างนี้เหรอเปล่าค๊ะ

อัตตาสรณังคัจฉามิ กราบๆๆๆ

นี่แค่พอเริ่มภาวนา นิดหน่อยได้คำสองคำ ได้ปิตินิดหน่อย
ไปซะแระ

ภาวนาบริกรรมต่อเนื่องไปน๊าค๊ะ

พุทโธๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

นี่เป็นตัวอย่าง คนที่ปฎิบัติไม่จริงจัง

ที่ระหว่างมาเถียง
ภาวนาหายไปไหนหม๊ด แระ

คำบริกรรมหายไป ภาวนาขาดไป

แล้วมาแสดงเรื่องการภาวนา พุทโธๆๆ
พุทโธๆๆ เรยขาดหาย ไม่ต่อเนื่องไง

นี่น๊ะ ชี้ธรรมให้ด้วยเมตตา อีกแล้ว จะเก๊ตมั๊ยค๊ะ

ว่าภาวนาอะไร ลืมไปแระหราค๊ะ

......................................................

ทำไมไม่ชี้แจงข้อที่ผมสงสัย เบี่ยงเบ็นประเด็นทำไม ?

ที่คุณกล่าวว่า ผู้บริกรรมพุทโธไม่ได้ปฏิบัติ ปฏิบัติผิด ไม่ตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
ผมสงสัยว่าคุณกล่าวปรามาสโดยลูบคำ ไม่ได้พิจารณาให้ดีก่อน ข้อนี้จริงหรือไม่อย่างไร ?

เมื่อผมอธิบายชี้แจง คุณกลับปรามาสผมว่าไม่ฉลาดปัญญาตื้นเขิน ยกตนว่าฉลาดแล้วมีปัญญา
โดยการแต่งคำสอนขึ้นเองเพื่อสนับสนุนคำพูดผิด ๆ ของตนเอง ใช่หรือไม่ ?

สุดท้ายยังไม่ยอมรับ กลับยกย่องตนเองว่าชี้ธรรมด้วยเมตตา ละอาย เกรงกลัว ต่อบาป หรือไม่ ?

เพราะคุณ ไม่รู้ว่า พระธรรมที่ทรงแสดง เป็นศาสดา
ไม่ใช่คำสอน ที่สร้างจากครูบาอาจารย์
พระสงฆ์ เกิดจากสัททธรรม ของพระพุทธเจ้า
จึงต้องปฎิบัติ ตามพระธรรม พระวินัย ที่ทรงบัญัติ
เทียบลงมหาประเทศ
ว่า จำมาผิด ท่องมาผิด ปฎิบัติมาผิดๆหรือเปล่า
นี่คือ สิ่งที่พยายามบอก มาทุกกระทู้ และทุกคน

แต่ คูณจะมาหาพระศาสดาในบอร์ดนี้
เที่ยวหาพระศาสดา ไปทุกหนทุกแห่ง

นี่คือ ความฉลาด แสนสุดบรรยาย ของคุณไงค๊ะ

ละอายใจมั๊ยคะ ที่ไม่เรียนพระอภิธรรม พระปริยัติ พระไตรปิฎก จากพระพุทธองค์
จากพระธรรม ที่ทรงประกาศแล้วว่า เป็นศาสดาแทนพระองค์

huh


ที่ผมอธิบายไปผมบอกชัดเจนว่าเป็นความเข้าใจ ซึ่งอธิบายให้เห็นว่าการปฏิบัติแบบนี้ ๆ สอดคล้อง
กับคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างไร


แต่ คูณจะมาหาพระศาสดาในบอร์ดนี้
เที่ยวหาพระศาสดา ไปทุกหนทุกแห่ง

ผมไม่ได้เที่ยวหาศาสดา ผมกำลังชี้ผู้ที่กำลังล่วงเกินพระศาสดา
กล่าวเท็จ บิดเบือนคำสอนเพื่อปรามาสผู้อื่นให้เกิดความละอาย


ละอายใจมั๊ยคะ ที่ไม่เรียนพระอภิธรรม พระปริยัติ พระไตรปิฎก จากพระพุทธองค์
จากพระธรรม ที่ทรงประกาศแล้วว่า เป็นศาสดาแทนพระองค์

ผมไม่ละอายแม้ผมเรียนน้อยด้อยปัญญา ผมก็ไม่ยกตนข่มคนอื่นด้วยการบิดเบือนพระธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มี.ค. 2019, 05:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณยังตีใจความพุทโธ พื้นฐาน ที่ถุกต้อง ไม่ออก ว่า ใครคือศาสดา ที่แท้จริงขณะนี้ ?
เลิกอ้างถึงความหมายที่แท้จริงของพุทโธได้แล้ว เลิกแอบอ้างพระศาสดาได้แล้ว
พุทโธ หมายถึงอะไรก็ตามหากทำให้เราเกิดความยินดีเมื่อระลึกถึง พุทโธ ก็อาศัย พุทโธ ชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิ์ผ่องแผ้วได้

บัญญัติไหนมันก็เป็นบัญญัติ สมมุติคำขึ้นกำหนดความหมายสิ่งต่าง ๆ
หากบัญญัติสิ่งที่เป็นสภาพเนื้อแท้ เป็น วิชชามานบัญญัติ
หากบัญญัติสิ่งที่ไม่มีในสภาพเนื้อแท้ เป็น อวิชชามานบัญญัติ

พุทโธเป็นคำสมมุติ ผู้บัญญัติกำหนดคำว่าพุทโธ ใช้แทนธรรมนี้ ๆ เมื่อเอ่ยถึงพุทโธหมายถึงธรรมนี้ ๆ ก็แล้วแต่ท่าน ซึ่งมีผู้บัญญัติไว้เยอะแยะมากมาย

ส่วนผมกำหนดคำว่าพุทโธนี้ หมายถึง องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระอรหันต์ตรัสรู้ชอบได้ด้วยพระองค์เอง ฯ
เมื่อผมกำหนดอย่างนี้ เอ่ยถึงพุทโธก็หมายถึงพระพุทธเจ้า เมื่ออาศัยบริกรรมพุทโธก็นึกคิดถึงพระพุทธเจ้า
เกิดความปิติยินดี ตั้งมั่นด้วยอาการอย่างนี้

บริกรรมพุทโธ ๆ นี้เพื่อให้ชำระล้างจิตใจ การให้ความหมาย พุทโธแทนพระพุทธเจ้า เป็นอุบายให้จิตใจมีความยินดีต่อคำบริกรรมทำให้เกิดความตั้งมั่น อาศัยความตังมั่นอบรมศีล อบรมสมาธิ อบรมปัญญา ไม่ใช่เพื่อให้ตนเองเป็นพระพุทธเจ้า

................................

เม : ไปกดอ้างอิงไว้ เรยลบแก้ไขข้อความ ไม่ได้แระ น๊ะค๊ะ คริคริ

J : ผมจะหวั่นไหวอะไร แม้หากผมเห็นผิด พูดผิด ผมก็ยอมรับได้ว่าเห็นผิดพูดผิดปรับความเห็นให้ถูกพราะผมไม่เคยไปอวดตนว่าฉลาดมีปัญญา ดูถูกคนอื่นว่าไม่ฉลาดไม่มีปัญญา ผมไม่จำเป็นต้องแถ กลบเกลื่อน หยิบยกนั่นยกนี่มาอ้างให้ตนถูกคนอื่นผิด ทั้งที่เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง พูดถึงบัญญัติอ้างปรมัตถ์ พูดถึงปรมัตถ์อ้างบัญญัติ พูดถึงถึงปฏิบัติอ้างปริยัติ พูดถึงปริยัติอ้างปฏิบัติ คนอื่นเขาไม่ได้โง่หมดทุกคน คนรู้จริง เห็นจริงมี ควรมีความละอาย


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 79 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร