วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 07:40  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 66 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ม.ค. 2016, 21:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
ถ้าอโสกะยังมีความเชื่อว่าจิตมีเจตสิกประกอบได้ ๑ ดวง นั่นหมายถึงเป็นการคัดค้าน
คำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างแน่นอน อย่างไม่หวั่นเกรงใดๆทั้งสิ้น ซึ่งจะเป็นการสวนทาง
ที่พระพุทธเจ้าที่ทรงสอนเรื่องหนทางสายเดียว คือ องค์มรรค ๘ ที่เกิดสมังคีย์ในจิตดวงเดียว

:b12: :b12: :b12:
ขอดูบทที่เป็นพุทธวัจนะว่า จิตดวงเดียวสามารถเกิดเจตสิกพร้อมกันได้ตั้งหลายดวงครับ
s006
แล้วที่จิตเกิดดับชั่วลัดนิ้วมือเดียวตั้งแสนโกฏิ ลุงหมานเชื่อไหมล่ะครับ?
s006
อนึ่ง ผมกำลังเจริญธรรมตามบทกาลามสูตรที่พระพุทธบิดาทรงสอนไว้ ว่าอย่าพึ่งเชื่ออะไรง่ายๆถ้ายังไม่ได้พิสูจน์ความจริงให้เห็นชัดรู้ชัดด้วยตนเอง

ทำอย่างนี้นี่จะถือว่าผมคัดค้านคำสอนของพระพุทธเจ้า หรือ ลุงหมานคัดค้านคำสอนของพระพุทธเจ้ากันแน่ครับ?

:b16: s006 s004


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ม.ค. 2016, 07:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
ลุงหมาน เขียน:
ถ้าอโสกะยังมีความเชื่อว่าจิตมีเจตสิกประกอบได้ ๑ ดวง นั่นหมายถึงเป็นการคัดค้าน
คำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างแน่นอน อย่างไม่หวั่นเกรงใดๆทั้งสิ้น ซึ่งจะเป็นการสวนทาง
ที่พระพุทธเจ้าที่ทรงสอนเรื่องหนทางสายเดียว คือ องค์มรรค ๘ ที่เกิดสมังคีย์ในจิตดวงเดียว

:b12: :b12: :b12:
ขอดูบทที่เป็นพุทธวัจนะว่า จิตดวงเดียวสามารถเกิดเจตสิกพร้อมกันได้ตั้งหลายดวงครับ
s006
แล้วที่จิตเกิดดับชั่วลัดนิ้วมือเดียวตั้งแสนโกฏิ ลุงหมานเชื่อไหมล่ะครับ?
s006
อนึ่ง ผมกำลังเจริญธรรมตามบทกาลามสูตรที่พระพุทธบิดาทรงสอนไว้ ว่าอย่าพึ่งเชื่ออะไรง่ายๆถ้ายังไม่ได้พิสูจน์ความจริงให้เห็นชัดรู้ชัดด้วยตนเอง

ทำอย่างนี้นี่จะถือว่าผมคัดค้านคำสอนของพระพุทธเจ้า หรือ ลุงหมานคัดค้านคำสอนของพระพุทธเจ้ากันแน่ครับ?

:b16: s006 s004

พระพุทธเจ้าเสด็จไปยังหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง ที่ซื่อว่าหมู่บ้านกลามะ ซึ่งเป็นหมู่บ้านแห่งนี้
ยังมีความเชื่อเรื่องผีสางเทวดาจะบันดาลให้ตนพ้นจากความวิบัติได้ ดังมีอาจารย์ที่เป็นที่เคารพนับถือ
คอยพร่ำสอนอยู่ พระพุทธพุทธองค์จึงได้ไปตรัสสอนเรื่องนี้เพื่อให้ชาวบ้านเหล่านี้ คลายจากความเห็นผิด
ที่มีอยู่ และเป็นคำสอนในหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้เท่านั้นจะไม่ไปสอนที่ไหนอีกเลย
ถ้าจะยึดถือเอาเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไปก็คงได้มั้ง

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ม.ค. 2016, 08:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
ลุงหมาน เขียน:
ถ้าอโสกะยังมีความเชื่อว่าจิตมีเจตสิกประกอบได้ ๑ ดวง นั่นหมายถึงเป็นการคัดค้าน
คำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างแน่นอน อย่างไม่หวั่นเกรงใดๆทั้งสิ้น ซึ่งจะเป็นการสวนทาง
ที่พระพุทธเจ้าที่ทรงสอนเรื่องหนทางสายเดียว คือ องค์มรรค ๘ ที่เกิดสมังคีย์ในจิตดวงเดียว

:b12: :b12: :b12:
ขอดูบทที่เป็นพุทธวัจนะว่า จิตดวงเดียวสามารถเกิดเจตสิกพร้อมกันได้ตั้งหลายดวงครับ
s006
แล้วที่จิตเกิดดับชั่วลัดนิ้วมือเดียวตั้งแสนโกฏิ ลุงหมานเชื่อไหมล่ะครับ?
s006

:b16: s006 s004


แล้วอโสกะ..เชื่อมั้ยละคับ??
:b13:


หากเป็นอย่างที่อโสกะเชื่อ..คือ..จิตดวงเดียวเกิดเจตสิกดวงเดียว..อย่างนี้..แล้ว..จิตกับเจตสิกจะต่างกันยังงัยละคับ...ลองตามความเห็นของอโสกะนะ..รอดูอยู่
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.พ. 2016, 06:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
asoka เขียน:
ลุงหมาน เขียน:
ถ้าอโสกะยังมีความเชื่อว่าจิตมีเจตสิกประกอบได้ ๑ ดวง นั่นหมายถึงเป็นการคัดค้าน
คำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างแน่นอน อย่างไม่หวั่นเกรงใดๆทั้งสิ้น ซึ่งจะเป็นการสวนทาง
ที่พระพุทธเจ้าที่ทรงสอนเรื่องหนทางสายเดียว คือ องค์มรรค ๘ ที่เกิดสมังคีย์ในจิตดวงเดียว

:b12: :b12: :b12:
ขอดูบทที่เป็นพุทธวัจนะว่า จิตดวงเดียวสามารถเกิดเจตสิกพร้อมกันได้ตั้งหลายดวงครับ
s006
แล้วที่จิตเกิดดับชั่วลัดนิ้วมือเดียวตั้งแสนโกฏิ ลุงหมานเชื่อไหมล่ะครับ?
s006
อนึ่ง ผมกำลังเจริญธรรมตามบทกาลามสูตรที่พระพุทธบิดาทรงสอนไว้ ว่าอย่าพึ่งเชื่ออะไรง่ายๆถ้ายังไม่ได้พิสูจน์ความจริงให้เห็นชัดรู้ชัดด้วยตนเอง

ทำอย่างนี้นี่จะถือว่าผมคัดค้านคำสอนของพระพุทธเจ้า หรือ ลุงหมานคัดค้านคำสอนของพระพุทธเจ้ากันแน่ครับ?

:b16: s006 s004

พระพุทธเจ้าเสด็จไปยังหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง ที่ซื่อว่าหมู่บ้านกลามะ ซึ่งเป็นหมู่บ้านแห่งนี้
ยังมีความเชื่อเรื่องผีสางเทวดาจะบันดาลให้ตนพ้นจากความวิบัติได้ ดังมีอาจารย์ที่เป็นที่เคารพนับถือ
คอยพร่ำสอนอยู่ พระพุทธพุทธองค์จึงได้ไปตรัสสอนเรื่องนี้เพื่อให้ชาวบ้านเหล่านี้ คลายจากความเห็นผิด
ที่มีอยู่ และเป็นคำสอนในหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้เท่านั้นจะไม่ไปสอนที่ไหนอีกเลย
ถ้าจะยึดถือเอาเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไปก็คงได้มั้ง

onion
คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นสัจธรรม ยิ่งใหญ่และเป็นสากลอยู่เสมอนะครับลุงหมาน

กาลามสูตรนั้นเป็นสัจจะ เป็นหลักสำคัญในการที่จะเชื่อหรือไม่เชื่ออะไร ใช้ได้ดีทุกยุคทุกสมัยทุกกลุ่มชนนะครับ อย่าหมิ่นธรรมนะครับ

ถ้าจะเอาว่าแสดงแก่ชุมชนน้อยนิดและทรงแสดงครั้งเดียวเป็นเครื่องตัดสิน
คุณลุงหมานต้องลองคิดถึงวันที่ทรงแสดงธัมมจักกัปปวัตนสูตรและอนัตตลักขณสูตรบ้างซิครับ ทรงแสดงในป่ากับคนเพียง 5 คน และแสดงครั้งเดียว

s004
s006


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.พ. 2016, 06:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
ลุงหมาน เขียน:
ถ้าอโสกะยังมีความเชื่อว่าจิตมีเจตสิกประกอบได้ ๑ ดวง นั่นหมายถึงเป็นการคัดค้าน
คำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างแน่นอน อย่างไม่หวั่นเกรงใดๆทั้งสิ้น ซึ่งจะเป็นการสวนทาง
ที่พระพุทธเจ้าที่ทรงสอนเรื่องหนทางสายเดียว คือ องค์มรรค ๘ ที่เกิดสมังคีย์ในจิตดวงเดียว

:b12: :b12: :b12:
ขอดูบทที่เป็นพุทธวัจนะว่า จิตดวงเดียวสามารถเกิดเจตสิกพร้อมกันได้ตั้งหลายดวงครับ
s006
แล้วที่จิตเกิดดับชั่วลัดนิ้วมือเดียวตั้งแสนโกฏิ ลุงหมานเชื่อไหมล่ะครับ?
s006

:b16: s006 s004


แล้วอโสกะ..เชื่อมั้ยละคับ??
:b13:


หากเป็นอย่างที่อโสกะเชื่อ..คือ..จิตดวงเดียวเกิดเจตสิกดวงเดียว..อย่างนี้..แล้ว..จิตกับเจตสิกจะต่างกันยังงัยละคับ...ลองตามความเห็นของอโสกะนะ..รอดูอยู่
:b8:

:b12:
ผมเชื่อไว้ก่อนครับเพราะเคยพิสูจน์ด้วยตนเองแล้วว่ายิ่งสติปัญญาคมกล้า สมาธิละเอียดอ่อนมากเท่าไรก็ยิ่งเห็นรายละเอียดของการทำงานของจิตที่นึกไม่ถึงว่าจะเป็นไปได้

จิตดวงเดียวเกิดเจตสิกดวงเดียวนั้นผมบอกตามเหตุผลอันเป็นคุณสมบัติเฉพาะของเจตสิกคือ

อาศัยจิตเกิด

เกิดพร้อมจิต ดับพร้อมจิต

สิ่งที่ชวนสงสัยก็คือเจตสิกตั้ง 38 ดวง 1 ดวงก็ 1 เรื่อง เกิดขึ้นแล้วดับไป เรื่องใหม่จึงจะเกิดได้

แต่นี่จิตเกิดและดับดวงเดียวมีเจตสิกประกอบตั้ง 38 เรื่อง มันเกิดดับและต่อเนื่องกันยังไงต้องมีคำอธิบาย ลองนึกมโนภาพเปรียบเทียบดูนะครับคุณกบ ลุงหมาน

s006


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.พ. 2016, 07:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
ลุงหมาน เขียน:
ถ้าอโสกะยังมีความเชื่อว่าจิตมีเจตสิกประกอบได้ ๑ ดวง นั่นหมายถึงเป็นการคัดค้าน
คำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างแน่นอน อย่างไม่หวั่นเกรงใดๆทั้งสิ้น ซึ่งจะเป็นการสวนทาง
ที่พระพุทธเจ้าที่ทรงสอนเรื่องหนทางสายเดียว คือ องค์มรรค ๘ ที่เกิดสมังคีย์ในจิตดวงเดียว

:b12: :b12: :b12:
ขอดูบทที่เป็นพุทธวัจนะว่า จิตดวงเดียวสามารถเกิดเจตสิกพร้อมกันได้ตั้งหลายดวงครับ
s006
แล้วที่จิตเกิดดับชั่วลัดนิ้วมือเดียวตั้งแสนโกฏิ ลุงหมานเชื่อไหมล่ะครับ?
s006

:b16: s006 s004


แล้วอโสกะ..เชื่อมั้ยละคับ??
:b13:


หากเป็นอย่างที่อโสกะเชื่อ..คือ..จิตดวงเดียวเกิดเจตสิกดวงเดียว..อย่างนี้..แล้ว..จิตกับเจตสิกจะต่างกันยังงัยละคับ...ลองตามความเห็นของอโสกะนะ..รอดูอยู่
:b8:

:b12:
ผมเชื่อไว้ก่อนครับเพราะเคยพิสูจน์ด้วยตนเองแล้วว่ายิ่งสติปัญญาคมกล้า สมาธิละเอียดอ่อนมากเท่าไรก็ยิ่งเห็นรายละเอียดของการทำงานของจิตที่นึกไม่ถึงว่าจะเป็นไปได้

จิตดวงเดียวเกิดเจตสิกดวงเดียวนั้นผมบอกตามเหตุผลอันเป็นคุณสมบัติเฉพาะของเจตสิกคือ

อาศัยจิตเกิด

เกิดพร้อมจิต ดับพร้อมจิต


ถ้าเจตสิก...ต้องเกิดกับจิต 1 ต่อ 1 แล้วทำไมต้องแยกเรียกนี้จิต..นี้เจตสิก ไปเพื่ออะไรละอโสกะ?

จิต....เจตสิก...ต่างกันตรงไหน?

asoka เขียน:
สิ่งที่ชวนสงสัยก็คือเจตสิกตั้ง 38 ดวง 1 ดวงก็ 1 เรื่อง เกิดขึ้นแล้วดับไป เรื่องใหม่จึงจะเกิดได้

แต่นี่จิตเกิดและดับดวงเดียวมีเจตสิกประกอบตั้ง 38 เรื่อง มันเกิดดับและต่อเนื่องกันยังไงต้องมีคำอธิบาย ลองนึกมโนภาพเปรียบเทียบดูนะครับคุณกบ ลุงหมาน
s006

เรื่องอภิธรรมนี้..ผมไม่มีความรู้อะไร...ต้องฟังจากผู้ที่เขาศึกษามาครับ...ว่าเขาเรียกกันยังงัย..ไปมาไปมาอย่างไร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.พ. 2016, 11:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b38:
อ้างคำพูด:
ถ้าเจตสิก...ต้องเกิดกับจิต 1 ต่อ 1 แล้วทำไมต้องแยกเรียกนี้จิต..นี้เจตสิก ไปเพื่ออะไรละอโสกะ?

จิต....เจตสิก...ต่างกันตรงไหน?

s006
จิตกับเจตสิกมันคล้ายกับแสงสว่างกับเงา
แสงสว่างเกิด เงาเกิด แสงสว่างดับเงาดับ

แล้วเราจะบอกว่าแสงกับเงาเกิดพร้อมกันดับพร้อมกัน ทำไมต้องแยกเรียกนี่แสงนี่เงา

ก็เพราะถึงจะเกิดพร้อมกันแต่คุณลักษณะและคุณสมบัติมันต่างกัน
:b40:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.พ. 2016, 11:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b38:
อ้างคำพูด:
ถ้าเจตสิก...ต้องเกิดกับจิต 1 ต่อ 1 แล้วทำไมต้องแยกเรียกนี้จิต..นี้เจตสิก ไปเพื่ออะไรละอโสกะ?

จิต....เจตสิก...ต่างกันตรงไหน?

s006
จิตกับเจตสิกมันคล้ายกับแสงสว่างกับเงา
แสงสว่างเกิด เงาเกิด แสงสว่างดับเงาดับ

แล้วเราจะบอกว่าแสงกับเงาเกิดพร้อมกันดับพร้อมกัน ทำไมต้องแยกเรียกนี่แสงนี่เงา

ก็เพราะถึงจะเกิดพร้อมกันแต่คุณลักษณะและคุณสมบัติมันต่างกัน
:b40:


ก็น่านแหละ...คุณลักษณะ..คุณสมบัติ..มันเป็นยังงัย..
ถึงถาม...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2016, 06:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
ทีนี้กบคงพอเข้าใจบ้างแล้วสินะ

แต่ประเด็นที่ยังคงค้างให้ศึกษา วิตก วิจารณ์วิจัยกันต่อก็ยังคงเป็นเรื่อง

1 เจตสิกต่อจิต 1 ดวง ไม่ใช่จิต 1 ดวง เกิดเจตสิกร่วมตั้ง 2ขึ้นไป -38 ดวง

ผมว่าเรื่องนี้ต้องมีการถ่ายทอดผิดพลาดสืบต่อกันมา ยิ่งมีคนไม่กล้าแตะต้องวิพากษ์วิจารณ์คัมภีร์ยิ่งมีสิทธิ์ที่จะผิดกันไปอีกยาวนานดังปฐมเหตุของกระทู้นี้ที่ว่า

"อะวัสสังมยามะริตัพพัง" อันเราจะพึงตายเป็นแท้"

ซึ่งความจริงน่าจะแปลว่า

"อันเราจะพึงตายเป็น แน่แท้" ที่คล้องจองสละสลวยไพเราะกว่า


:b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2016, 07:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ก็เพราะ..อโสกะ..แยกไม่ออก..ว่า..มันมีลักษณะเหมือนกัน..หรือต่างกัน..อย่างไรนี้แหละ...แล้วจะไปวิเคราะห์ว่ามันเกิด 1ต่อ 1 หรือ 1 ต่อ 7..ได้อย่างไร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2016, 07:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
tongue
ทีนี้กบคงพอเข้าใจบ้างแล้วสินะ

แต่ประเด็นที่ยังคงค้างให้ศึกษา วิตก วิจารณ์วิจัยกันต่อก็ยังคงเป็นเรื่อง

1 เจตสิกต่อจิต 1 ดวง ไม่ใช่จิต 1 ดวง เกิดเจตสิกร่วมตั้ง 2ขึ้นไป -38 ดวง

ผมว่าเรื่องนี้ต้องมีการถ่ายทอดผิดพลาดสืบต่อกันมา ยิ่งมีคนไม่กล้าแตะต้องวิพากษ์วิจารณ์คัมภีร์ยิ่งมีสิทธิ์ที่จะผิดกันไปอีกยาวนานดังปฐมเหตุของกระทู้นี้ที่ว่า

"อะวัสสังมยามะริตัพพัง" อันเราจะพึงตายเป็นแท้"

ซึ่งความจริงน่าจะแปลว่า

"อันเราจะพึงตายเป็น แน่แท้" ที่คล้องจองสละสลวยไพเราะกว่า


:b12: :b12: :b12:


มีปัญญาลึกรู้ซึ้งว่ามีคำผิดพลาดในคัมภีร์ได้ถึงขนาดนี้
ก็น่าจะต้องเข้าไปทำสังคยนาในคัมภีร์ต่างๆกันใหม่เสียเลย
หาได้ยากนะผู้มีปัญญาได้ถึงขนาดนี้

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2016, 10:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
asoka เขียน:
tongue
ทีนี้กบคงพอเข้าใจบ้างแล้วสินะ

แต่ประเด็นที่ยังคงค้างให้ศึกษา วิตก วิจารณ์วิจัยกันต่อก็ยังคงเป็นเรื่อง

1 เจตสิกต่อจิต 1 ดวง ไม่ใช่จิต 1 ดวง เกิดเจตสิกร่วมตั้ง 2ขึ้นไป -38 ดวง

ผมว่าเรื่องนี้ต้องมีการถ่ายทอดผิดพลาดสืบต่อกันมา ยิ่งมีคนไม่กล้าแตะต้องวิพากษ์วิจารณ์คัมภีร์ยิ่งมีสิทธิ์ที่จะผิดกันไปอีกยาวนานดังปฐมเหตุของกระทู้นี้ที่ว่า

"อะวัสสังมยามะริตัพพัง" อันเราจะพึงตายเป็นแท้"

ซึ่งความจริงน่าจะแปลว่า

"อันเราจะพึงตายเป็น แน่แท้" ที่คล้องจองสละสลวยไพเราะกว่า


:b12: :b12: :b12:


มีปัญญาลึกรู้ซึ้งว่ามีคำผิดพลาดในคัมภีร์ได้ถึงขนาดนี้
ก็น่าจะต้องเข้าไปทำสังคยนาในคัมภีร์ต่างๆกันใหม่เสียเลย
หาได้ยากนะผู้มีปัญญาได้ถึงขนาดนี้

:b13: :b13: :b13:
ประชดประชันเชียวนะครับลุงหมาน

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงข้อสังเกต ให้ทุกท่านได้คิดพิจารณาหาเหตุหาผล หาสัจธรรมความจริง พิสูจน์ธรรม โดยไม่รีบเชื่อถือ ยึดมั่นอะไรต่อมิอะไรไปเสียจนแน่นแฟ้น จนขยับแตะต้องอะไรไม่ได้

ลุงหมานไม่ติดใจสงสัยจริงๆหรือครับว่า เจตสิกตั้ง 38 ดวงมาเกิด ดับ เกิด ดับ อยู่ในจิตเพียงดวงเดียว

คิดเอาตามเหตุตามผลตามสภาวะที่พึงจะเกิดขึ้นจริงๆ มันไม่น่าจะเป็นอย่างนั้นนะครับ


s006
s004


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.พ. 2016, 06:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว




04Jetana.png
04Jetana.png [ 119.11 KiB | เปิดดู 2486 ครั้ง ]
ไม่ได้ประชดประชันอะไรหรอก แต่น่าเป็นห่วงที่จะถูกทิ้งไว้ในนรก

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.พ. 2016, 06:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
tongue

ผมว่าเรื่องนี้ต้องมีการถ่ายทอดผิดพลาดสืบต่อกันมา ยิ่งมีคนไม่กล้าแตะต้องวิพากษ์วิจารณ์คัมภีร์ยิ่งมีสิทธิ์ที่จะผิดกันไปอีกยาวนานดังปฐมเหตุของกระทู้นี้ที่ว่า

"อะวัสสังมยามะริตัพพัง" อันเราจะพึงตายเป็นแท้"

ซึ่งความจริงน่าจะแปลว่า

"อันเราจะพึงตายเป็น แน่แท้" ที่คล้องจองสละสลวยไพเราะกว่า


:b12: :b12: :b12:


มันผิดก็เพราะวิธีคิดอย่างอโสกะ..นี้แหละครับ

ทำไม..อโสกะ..ไม่พิสูจน์ด้วยการทำญาณทำฌานให้เกิดกับตนก่อนละคับ..
ครูบาอาจารย์ที่ถึงที่สุดแล้ว...ยังไม่ว่าอะไร..แสดงว่า..คำคำนั้นถ่ายทอดพระธรรมได้ถูกต้องดีแล้ว...
หากอโสกะ..ยังไม่แน่ใจในครูอาจารย์..ก็ทำตนให้ถึงที่สุด..มีญาณมีฌานให้เพียบพร้อม...ซะก่อน...สิ่งที่สงสัยจะถูกแก้ด้วยความจริง...เอง..

ไอ้วิธีการ..คิดคิด..นี้แหละ..มันทำให้ผิดเพี้ยนไปได้เรื่อย ๆ...อโสกะคิดว่าอย่างนี้เหมาะไพเราะดี...คนอื่นก็คิดได้อีกว่า..อย่างนั้นเหมาะไพเราะดีกว่า...แล้วมันจะไปสิ้นสุดตรงไหนละคับคุณอโสกะ...เวลาผ่านไป..ยุคสมัยก็เปลี่ยนไป...ความนิยมชมชอบของคนแต่ละยุคแต่ละสมัยก็เปลี่ยนไป...หากเอาแต่ความชอบของตน(ของยุคนั้นๆ) เป็นที่ตั้ง...ไม่เอาธรรมเป็นที่ตั้ง...มีแต่จะผิดพลาดไปได้เรื่อย ๆ ..นะ...อโสกะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.พ. 2016, 19:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
tongue

ผมว่าเรื่องนี้ต้องมีการถ่ายทอดผิดพลาดสืบต่อกันมา ยิ่งมีคนไม่กล้าแตะต้องวิพากษ์วิจารณ์คัมภีร์ยิ่งมีสิทธิ์ที่จะผิดกันไปอีกยาวนานดังปฐมเหตุของกระทู้นี้ที่ว่า

"อะวัสสังมยามะริตัพพัง" อันเราจะพึงตายเป็นแท้"

ซึ่งความจริงน่าจะแปลว่า

"อันเราจะพึงตายเป็น แน่แท้" ที่คล้องจองสละสลวยไพเราะกว่า


:b12: :b12: :b12:


มันผิดก็เพราะวิธีคิดอย่างอโสกะ..นี้แหละครับ

ทำไม..อโสกะ..ไม่พิสูจน์ด้วยการทำญาณทำฌานให้เกิดกับตนก่อนละคับ..
ครูบาอาจารย์ที่ถึงที่สุดแล้ว...ยังไม่ว่าอะไร..แสดงว่า..คำคำนั้นถ่ายทอดพระธรรมได้ถูกต้องดีแล้ว...
หากอโสกะ..ยังไม่แน่ใจในครูอาจารย์..ก็ทำตนให้ถึงที่สุด..มีญาณมีฌานให้เพียบพร้อม...ซะก่อน...สิ่งที่สงสัยจะถูกแก้ด้วยความจริง...เอง..

ไอ้วิธีการ..คิดคิด..นี้แหละ..มันทำให้ผิดเพี้ยนไปได้เรื่อย ๆ...อโสกะคิดว่าอย่างนี้เหมาะไพเราะดี...คนอื่นก็คิดได้อีกว่า..อย่างนั้นเหมาะไพเราะดีกว่า...แล้วมันจะไปสิ้นสุดตรงไหนละคับคุณอโสกะ...เวลาผ่านไป..ยุคสมัยก็เปลี่ยนไป...ความนิยมชมชอบของคนแต่ละยุคแต่ละสมัยก็เปลี่ยนไป...หากเอาแต่ความชอบของตน(ของยุคนั้นๆ) เป็นที่ตั้ง...ไม่เอาธรรมเป็นที่ตั้ง...มีแต่จะผิดพลาดไปได้เรื่อย ๆ ..นะ...อโสกะ

s004
ฟุ้งไปไกลเกินไปแล้วกบ

เอาแค่หลักภาษาไทยพื้นๆธรรมดาหรือภาษานิยมก็พอ

อันเราจจะพึงตาย เป็นแท้

กับ

อันเราจะพึงตาย เป็นแน่แท้

อันไหนมันจะถูกหลักภาษา สละสลวยกว่ากัน
s006
s004


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 66 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร