วันเวลาปัจจุบัน 04 พ.ค. 2025, 05:56  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 67 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2010, 08:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
หลับอยุ่ เขียน:
ส่วนตัวผมอยากรู้ว่า คุณเช่นนั้น มีพระเครื่องอะไรครอบครองอยู่บ้าง อยากรู้จริงๆ :b12:


ยกมือครับ ถูกพาดพิง :b17:

พระเครื่องมีครับ มีเป็นกล่องๆ ได้ตอนทำบุญ ทอดผ้าป่า บำรุงศาสนาสถาน



แสดงว่าทางวัดแจกให้เป็นที่ระลึกในการทำบุญทำความดีของคุณเช่นนั้น ที่ได้ช่วยเหลือบำรุงศาสนสถาน....ๆลๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2010, 15:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติสยาม เขียน:
มีรูปแบบการคิดบางประการ ที่ผมคิดว่าน่าป็นห่วง

คือมีความคิดว่า พระพุทธรูปเป็นส่วนเกิน ที่มีขึ้นภายหลัง
ซึ่่งก็นับว่าถูกต้อง เพราะพระพุทธรูป มีในสมัยที่พระมเหสีของพระเจ้าอโศก มีดำริให้สร้างขึ้น
กล่าวได้ทีเดียวเลยว่า พระพุทธรูป เป้นเนื้องอกของศาสนาพุทธ

พระเครื่อง ก็คงจะเป็นพัฒนาการมาจากพระพุทธรูปนี่เอง

และเพราะแนวความคิดนี้มีความเชื่อว่า
สิ่งใดที่พระพุทธเจ้าไม่ได้ทำ เราต้องไม่ทำ
สิ่งใดไม่ได้ตรัส ก็ต้องไม่ทำ
ซึ่งก็นับว่าถูกต้องอีก
พระพุทธรูปเป้นสิ่งที่มีมาทีหลัง จึงไม่ยอมรับพระพุทธรูป

เมื่อมีความคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเนื้องอก
จึงมีความคิดที่จะ "ทำลายเสีย"

มาพลาดตรงความคิดที่จะทำลายนี่แหละครับ

การ "มี แต่ไม่ยึด" ต่างจาก "การยึด ความไม่มี"

มีแต่ไม่ยึด ก็คือการเป้นอิสระจากสิ่งที่มี
ไม่ตกอยู่ใต้อำนาจ ของสิ่งที่มี
เช่น ร่างกายของเรา เราไม่ยึดว่านี่เป้นเรา ชื่อเสียงของเรา ความหนุ่มสาวของเรา
เพราะในที่สุดแล้ว ทุกสิ่งล้วนเป็นสมมุติ
จึงไม่ปล่อยให้สิ่งเหล่านี้มาบงการชีวิตจิตใจของเรา

แต่การ "ยึดความไม่มี"
ก็เช่น พวกที่มีแนวความคิดจะทำลายพระพุทธรูปนี่ก็คือ การยึด"ความไม่มี" (อุปปาทานในความว่าง)
คือทนไม่ได้ที่มีพระพุทธรูปอยู่ ทนไม่ได้ที่มีสิ่งสมมุติอยู่ สิ่งเกินไปจากพระไตรปิฏก
ต้องทำให้มันหายไปเสียกอน จึงจะนับว่าตนเองไม่ยึด ซึ่งนับว่าหลอกตัวเอง

เพราะการยึดความไม่มีนั่นแหละ มันคือการยึดมั่นถือมั่นเรียบร้อยแล้ว
พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนให้ยึดมั่นถือมั่น (อุปาทาน) แม้กระทั่ง "ยึดถือความว่าง" ก็ไม่เคยสอน
จึงต้องคิดเอาเองว่าการยึดความไม่มีนี้ เป็นเนื้องอกของพระไตรปิฏกหรือเปล่า




พระพุทธรูปเป็นลัญญลักษณ์ทางวัตถุของศาสนา

ตัวพระพุทธรูปเป็นอัพยากฤต คือไม่ดีไม่ร้าย

แล้วก็ไม่มีผลดีหรือร้ายกับศาสนาพุทธด้วย

จึงไม่ต้องยึดติดและไม่ต้องไม่ยึดติด

และไม่เห็นมีเหตุผลอะไรที่ต้องไปทำลายทิ้ง

พระพุทธรูปไม่ใช่สังโยชน์ขวางทางนิพพาน

ผู้คิดทำลายนั่นแหละจะเกิดนิวรณ์


พระพุทธศาสนาเป็นเรื่องของการปฏิบัติตนเพื่อพ้นทุกข

ทุกข์ที่เกิดขึ้นเพราะชาติคือ โศกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาส

ปัจจัยที่ทำให้เกิดชาติคือภพ ปัจจัยที่ก่อเกิดภพคือตัญหาอุปทาน

ทางปฏิบัติตนให้พ้นทุกขคือการตัดตัญหาโดยอาศัยอริยะมรรคที่มีองค์แปด

หนึ่งในการปฏิบัตินั้นคือ สติปัฏฐานสี่ ที่เป็นทั้งสมถและวิปัสสนากรรมฐาน ในการทำนิพพานให้แจ้ง

เรียกว่าการครองชีวิตอันประเสริฐหรือประพฤติพรหมจรรย์

การปฏิบัติเช่นนี้ไม่เห็นต้องไปทำลายอะไรเลยก็ประพฤติปฏิบัติได้


เหมือนคนทุกข์เพราะถูกธนูยิง

ต้องรักษาอาการทุกข์ที่บาดแผล

มิใช่วิเคราะห์คันธนูหรือชาติตระกูลคนยิง


หากเรานมสิการพระพุทธรูปแล้วมนสิการด้วยว่า

แม้พระพุทธอันศักดิ์สิทธิ์น่าเลื่อมใสนี้จักต้องเสื่อมสลายลงไปเรื่อยๆ

เป็นอนิจจัง อนัตตา

อย่ากระนั้นเลย

เรารีบปฏิบัติธรรมเสียแต่บัดนี้จะดีกว่า

ก่อนที่เรี่ยวแรงเราจะอ่อนกำลังลงจนไม่สามารถปฏิบัติธรรมได้สะดวก


ด้วนเหตุผลประการทั้งปวงที่กล่าวมา

จึงมองไม่เห็นว่า

พระพุทธรูปหรือพระเครื่องทำให้พระพุทธศาสนาเสื่อมตรงไหน


ขอเห็นด้วยกับคุณชาติสยาม

อย่าทำเกินที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอน

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


แก้ไขล่าสุดโดย mes เมื่อ 07 พ.ค. 2010, 15:21, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2010, 22:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว




คำอธิบาย: เหรียญเสือเผ่นที่ระลึกทำบุญวันเกิดหลวงพ่อสุด ซึ่งจอมโจรตี๋ใหญ่คล้องคอเป็นประจำ
User30614_EYMZI2.jpg
User30614_EYMZI2.jpg [ 23.19 KiB | เปิดดู 5014 ครั้ง ]
คำอธิบาย: ตะกรุดโทนหลวงพ่อสุดวัดกาหลง
t_4356_2.jpg
t_4356_2.jpg [ 51.46 KiB | เปิดดู 5008 ครั้ง ]
คำอธิบาย: เหรียญเสือหมอบ
123554-1.jpg
123554-1.jpg [ 44.98 KiB | เปิดดู 5009 ครั้ง ]
คำอธิบาย: ยันต์ตะกร้อซึ่งเป็นยันต์ที่ปรากฏในเหรียญที่ระลึกทุกรุ่นของหลวงพ่อสุด ตรงกลางเป็นยันต์พระปิดตา
132695-2.jpg
132695-2.jpg [ 56.03 KiB | เปิดดู 5000 ครั้ง ]
nuchy เขียน:

ไม่รู้นะนุชมีวัตถุมงคลหลายชนิดเต็มบ้านเลยค่ะ บูชามาเต็มเลย 555+ เป็นความชอบส่วนตัวหน่ะค่ะ แหะ ๆ ไม่ว่าจะสาลิกา ตะกรุด ตระกล้อ จากวัดกาหลง [/color]

ไม่ทราบว่าที่คุณนุชมี วัตถุมงคลวัดกาหลงนี่ ทันหลวงพ่อสุดปลุกเสกหรือเปล่าครับ เจ๋งดีนะครับ

ตี๋ใหญ่หนีคดีมาอยู่ต่างจังหวัดหลายแห่ง หนึ่งในนั้นคือวัดหลักหกซึ่งเขาอยู่ใต้อาณัติของ “เสี่ยปิ่น” เจ้าพ่อท่าฉลอมเจ้าของโสเภณีและโรงน้ำชา
นั้นเองทำให้ตี๋ใหญ่ได้เข้ามาเรียนรู้ธุรกิจค้ากามโดยไม่รู้ตัว หน้าที่ของตี๋ใหญ่คือเป็นลูกน้องคอยกำราบนักท่องเที่ยวและลูกค่าชั้นเลวทีมีทุกวัน
เนื่องจากอาชีพนี้รุนแรง และอันตรายเพราะลูกค้าบางคนก็มีอาวุธ นั้นทำให้ตี๋ใหญ่มีความใฝ่ฝันว่าจะเป็นเจ้าของปืนสักกระบอกเพื่อเอาไว้เป็นเครื่องประจำตัว.......
สมัยก่อนนั้นประเทศไทยหาซื้ออาวุธปืนไม่ยากถ้ามีทรัพย์ โดยเฉพาะช่วงนั้นสงครามเวียดนาม เขมร ลาว พม่า ยังระอุทำให้ตี๋ใหญ่ได้ปืนมาไม่ยากจากการช่วยเหลือของเพื่อนก็ได้เป็นเจ้าของอาวุธปืน 11 มม. ไว้เป็นเพื่อนตาย และแน่นอนพอนักเลงมีปืนมันก็อยากลองของ ตี๋ใหญ่เริ่มฝึกยิงไม่ว่าเป็นเป้านิ่ง หรือเป้าเคลื่อนไหว ศัตรูคู่อาฆาตของเขาเอง
ในไม่ช้าเมื่อตี๋ใหญ่เริ่มเชี่ยวชาญยิงปืนถึงขั้น “แม่นราวจับวาง” เขาเริ่มคิดว่าการเป็นนักเลงคุมซ่องมันไม่พอกิน เลยปรึกษากับเพื่อนเพื่อขอลาเสี่ยปิ่นเพื่อพ้นจากอาณัติไปสู่โลกอิสระที่ท้าทาย
แต่....ชีวิตอิสระ มันไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะช่วงนั้นตี๋ใหญ่ขาดเงิน ทำให้ต้องจำใจเป็นลูกวัดที่วัดกาหลงของ “หลวงพ่อสุด” เกจิอาจารย์ชื่อดัง ของจังหวัดสมุทรสาคร เป็นการชั่วคราว




ด้วยความเป็นหนุ่มกระทงพูดจาคมคาย อ่อนน้องต่อผู้อาวุโส มีความขยัน และชอบศึกษาพุทธาคม สวดมนต์เก่ง ทำให้พระอาจารย์หลวงพ่อสุดชมชอบตี๋ใหญ่มากๆ จนมอบของขลังหลายอย่าง เช่นเหรียญ “เสือหมอบ” “เสือเผ่น” “ยันต์ตระกร้อ” และ “ตะกรุดโทน” ซึ่งแต่ละอย่างล้วนเป็นที่ปรารถนาของพวกนิยมชมชอบศาสตร์เร้นลับแขนงนี้
แต่.................สันดานก็คือสันดาน วัดไม่ได้ช่วยให้จิตใจเลวๆ ของตี๋ใหญ่พัฒนาขึ้นเลย มือตี๋ใหญ่มีปืนมีของขลัง ตี๋ใหญ่เริ่มตั้งตัวเป็นโจรเพราะมันง่ายดีปล้นทีเดียวก็ได้เงิน เขาเริ่มรวบรวมลูกน้อง โดยส่วนใหญ่เป็นหนุ่มดำเนินสะดวกที่ศรัทธาในตัวเขามาเป็นลูกน้อง ทำให้กลายเป็นแก๊งอิทธิพลย่อยๆ ในดำเนินสะดวกในเวลาต่อมา
และแล้ววันประวัติศาสตร์ ของวงการตำรวจก็มาถึง และนี้คือผลงานเปิดตัวของตี๋ใหญ่แบบอหังการ
__________________

มีข่าวลือ ข่าวอ้างว่า ขณะตี๋ใหญ่อยู่ระหว่างหลบหนี ก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน นายทวีป เสือคล้ำ ได้ขโมยตะกรุดโทนของพระอาจารย์สุดแห่งวัดกาหลงมอบให้ตี๋ใหญ่ ไม่รู้เพราะสาเหตุใดที่ทำให้นายทวีปต้องเสี่ยงขโมย อาจเป็นเพราะอาจทำให้ตี๋ใหญ่ขาดมนต์คาถาอาคม หรือตำรวจสั่งให้ทำเพราะคาดว่าถ้าตี๋ใหญ่ทำตะกรุดหายเขาต้องมาวัดกาหลงแน่ซึ่งที่นั้นเหมาะสำหรับการล้อมจับตี๋ใหญ่อย่างยิ่ง(บางแห่งบอกว่าเขาได้ลืมตะกรุดโทนและเขี้ยวเสือที่รับจากหลวงพ่อสุดมา อยู่ในซ่องมหาชัย แต่ค้นหาอย่างไรก็ไม่เจอ จึงต้องบากหน้ามาที่วัดกาหลง)
แน่นอนไปตามที่คาดเมื่อตะกรุดหาย ตี๋ใหญ่จำต้องเดินทางไปวัดกาหลง เพื่อไปขอตะกรุดอันใหม่จากหลวงพ่อสุดอีกครั้ง………….


และนี้คือจุดจบของตี๋ใหญ่!!

26 กุมภาพันธ์ ณ นากุ้ง ลึกเข้าไปที่วัดกาหลง เขตจังหวัดสมุทรสาคร
ตี๋ใหญ่และสมุนสามคนขับรถปิกอัพมาสด้าสีขาวหมายเลขทะเบียน ม 0063 ขนาด 1200 ซีซี. สมุทรสาคร ขับไปทางวัดกาหลงเพื่อมาหาพระอาจารย์หลวงพ่อสุด แห่งวัดกาหลง แต่ไม่พบตัว

ขณะที่เดินทางกลับ รถของตี๋ใหญ่มาถึงซอยวัดธรรม เขาก็พบด่านตำรวจและตำรวจรายล้อม........ ตำรวจโบกมือให้รถหยุด แต่ดาวโจรเลือดมังกรใช้กระสุนปืน 11 ม.ม. ยิงใส่ และใช้รถแหกด่านจ้าละหวั่น

จากนั้น รถตี๋ใหญ่ก็พุ่งวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว จนถึงบริเวณที่ตำรวจวางแผนซุ่ม จากนั้นทัเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ใช้อาวุธปืนนานาชนิดยิ่งใส่รถส่ายไปส่ายมาจนลูกน้องที่นั่งอยู่ด่านหลังต้องหนีลงจากรถวิ่งหนีไปป่าละเมาะสองข้างทาง เพราะขื่นอยู่ต้องตายตามลูกพี่แน่นอน
หลังจากนั้นประชาชนอย่างเราก็ไม่ทราบแล้วละครับ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตี๋ใหญ่?
__________________

ตามข่าวจากหนังสือพิมพ์ว่ากันว่า ณ เวลานั้นเองกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ประกบไล่ตามรถที่ตี๋ใหญ่ขับอย่างกระชั้นชิด

ตี๋ใหญ่รู้ตัวแล้วว่า ตอนนี้ตำรวจไล่ล่าตามติดมาและตัดสินใจสู้ ดีกว่าถูกจับไปขังที่คุกนรกนั้น

จากนั้นเสียงระเบิด ห่ากระสุน จากปลายกระบอกปืน ของผู้ไล่ล่า และผู้ถูกล่า ดังบกึกก้องกัมปนาท สนั่นหวั่นไหว สะท่านสะเทือน เลื่อนสั่น

พอฝุ่นจาง เสียงปืนสงบ ปรากฏร่างของตี๋ใหญ่เขานั่งที่คนขับ เขานอนสงบนิ่ง คราบเลือดแดงฉาดเปรื้อนเปรอะ เขาสวมยีนส์ เสื้อลายสก็อตสีน้ำเงิน จากการสำรวจตามร่างกาย ตี๋ใหญ่โดนกระสุนทะลุทะลวงเข้าที่โหนกแก้มซ้าย 2 นัด กกหูขวา 1 นัด ไหล่ซ้ายและราวนมซ้ายอย่างละ 1 นัดรวมทั้งที่รักแร้ซ้าย และต้นคอ เขาเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ
แน่นอนเหตุการณ์นี้เป็นคำออกจากของ พล.ต.ท.เสน่ห์ สิทธิพันธ์ ผบ.ช.น. กับ พล.ต.ท. สุขุมวาท ผบ.ช.ภ. 1 ได้ร่วมกันแถลงข่าวทั้งหมดว่าตี๋ใหญ่ตายเพราะตำรวจยิง

แต่ก็มีเสียงเล่าอ้างอีก ว่าตี๋ใหญ่อาจตายเพราะลูกน้องหักหลัง โดยสมุนสามคนอาจฆ่าตี๋ใหญ่ก่อนที่จะหนี เพราะกลัวตำรวจตามจับเพราะลูกพี่ตามหนีพร้อมสามคนมีหวังโดนจับพร้อมกันหมดแน่ จึงน่าจะทิ้งไว้สักคนเป็นตัวล่อถ่วงเวลาตำรวจ ซึ่งคนนั้นคงไม่มีใครเกินตี๋ใหญ่คนที่ตำรวจต้องการตจัวมากที่สุดนั้นเอง หรือไม่ก็ไม่ก็มีความแค้นกับตี๋ใหญ่อยู่ก่อนแล้วเพราะเงินจากการปล้นที่สมุทรสาครที่ผ่านมาไม่ลงตัวทำให้แตกแยกกันในแก๊ง

ภายหลังจากการเสียชีวิตแล้ว ยังมีเสียงเล่าลือกันอีกว่า ตี๋ใหญ่แท้จริงยังไม่ตาย บ้างก็ลือกันว่าตี๋ใหญ่ได้หนีไปอยู่สหรัฐอเมริกา บ้างก็เชื่อว่าที่ตี๋ใหญ่เสียท่าแก่ตำรวจ เพราะได้หลบไปซ่อนอยู่ใต้ผ้าถุง อาคมในตัวจึงเสื่อม เป็นต้น เรื่องราวของตี๋ใหญ่ยังถูกเล่าขานต่อ ๆ กันมา จึงได้ถูกสร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2 ครั้ง ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2528 ทางช่อง 5 ผู้ที่รับบทตี๋ใหญ่ คือ ฉัตรชัย เปล่งพานิช พล.ต.ท.สมเกียรติ พ่วงทรัพย์ รับบทโดย ฐาปกรณ์ ดิษยนันท์ และในปี พ.ศ. 2543 ทางช่อง 3 ผู้รับบทตี๋ใหญ่ คือ ศรราม เทพพิทักษ์ และ พล.ต.ท.สมเกียรติ พ่วงทรัพย์ รับบทโดย ธีรพงศ์ เหลียวรักษ์วงศ์
__________________
ทั้งหมดนี้คือข่าวที่โด่งดังที่สุดในปีนั้นซึ่งยังอยู่ในความทรงจำต่อใครหลายๆ คนจนถึงทุกวันนี้


ก่อนจบ
ตะกรุดโทนของหลวงพ่อสุดนั้นเป็นตะกรุดดอกใหญ่ทำจากตะกั่ว หลวงพ่อลงมือจารด้วยตัวเอง เป็นการจารทีละตัวและท่องคาถากำกับแล้วปรุกเสกครั้งแล้วครั้งเล่า จากนั้นเอาด้ายมามัดหุ้มตัวตะกร้ออีกทีแล้วก็ว่าด้วยคาถากำกับเป็นอันเสร็จพิธี สำหรับตะกรุดโทนที่ตี๋ใหญ่ใช้นั้นหลวงพ่อสุดใช้เวลาปลุกเสกเป็นพิเศษถึง 3 ไตรมาส และตะกรุดโทนนี้เองที่ทำให้ตี๋ใหญ่คงกระพันชาตรี นอกจากตะกรุดโทนแล้วยังมียันต์ตะกร้ออีกด้วย

หลวงพ่อสุด ศิริทฺโร มรณภาพในปี 2526 ภายหลังจากตี๋ใหญ่ถูกสังหาญไปแล้ว 2 ปีรวมศิริอายุได้ 81 ปี...แต่ตำนานของขลังของท่านกลายเป็นที่กล่าวขลังของคนชอบคาถาอาคมอย่างไม่รู้จบ

วันนั้นตี๋ใหญ่เดินทางไปวัดกาหลง เพื่อกราบนมัสการหลวงพ่อสุด เพื่อให้ท่านปลุกเสกตะกรุดโทนดอกใหม่ให้(ซึ่งหายไปทั้งพระเครื่องและตะกรุดบางข่าวว่าหายไปในซ่องโสเภณี อาจเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ให้ลูกน้องตี๋ใหญ่แอบขโมยออกมา) :b14:
โดยที่ตนเองไม่ระแคะระคายเลยว่ามีตำรวจนอกเครื่องแบบเกือบร้อยคอยจับตาอยู่เป็นระยะ..
ที่วัดกาหลงตี๋ใหญ่ไม่พบหลวงพ่อสุด อาจจะเป็นว่าพระคุณเจ้ารู้ด้วยญาณ ศิษย์จะมาหาและคงหยั่งรู้ชะตาของศิษย์ขาดสะบั้น เพราะดำเนินชีวิตเบียดเบียนผู้อื่น จึงออกไปทำกิจนอกวัด เพื่อให้ศิษย์เดินไปตามคันลองของกฎแห่งกรรม
ความขมังเวทของหลวงพ่อสุด แห่งวัดกาหลง ซึ่งตี๋ใหญ่ให้ความนับถือว่ามีวิชาอาคมหลายอย่าง เช่น วิชากำบังตัว
กล่าวกันว่าวิชานี้ ตี๋ใหญ่ เรียนบริกรรมคาถาจนขึ้นใจ หลายครั้งที่ตำรวจล้อมปรามแบบจนมุมไม่มีทางหนี เขาจะกำเอาเศษดิน เศษไม้ใบหญ้าขึ้นอาราธนาคาถาแล้วโปรยหว่านรอบตัว เอาปืนเหน็บเอวแล้วเดินฝ่าวงล้อมตำรวจโดยที่ไม่มีใครมองเห็น
มาแล้ว


แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 07 พ.ค. 2010, 22:23, แก้ไขแล้ว 5 ครั้ง.
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ค. 2010, 04:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

:b44: :b8: :b8: :b8: :b44:
สาธุ สาธุ สาธุ

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ค. 2010, 08:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
หลับอยุ่ เขียน:
ส่วนตัวผมอยากรู้ว่า คุณเช่นนั้น มีพระเครื่องอะไรครอบครองอยู่บ้าง อยากรู้จริงๆ :b12:


ยกมือครับ ถูกพาดพิง :b17:

พระเครื่องมีครับ มีเป็นกล่องๆ ได้ตอนทำบุญ ทอดผ้าป่า บำรุงศาสนาสถาน



แสดงว่าทางวัดแจกให้เป็นที่ระลึกในการทำบุญทำความดีของคุณเช่นนั้น ที่ได้ช่วยเหลือบำรุงศาสนสถาน....ๆลๆ



กล้าพูดได้เลยทีเดียวว่า หากคุณเช่นนั้น ได้ไปหยิบวัตถุมงคลที่ได้รับเป็นระลึกจากการทำบุญมาดู...คุณเช่นนั้นก็จะระลึกได้ถึงว่า " อ้อ นี่เราไปทำบุญสละทรัพย์หรือช่วยเหลือบำรุงพระศาสนามาจึงได้ของที่ระลึกมาองค์นี้ๆ ซึ่ง กุศลจิตของคุณเช่นนั้น ย่อมต่างจากจอมโจรตี๋ใหญ่ แน่นอน"

อนุโมทนาครับคุณเช่นนั้น ล่าสุด ผมเองก็ได้ วัตถุมงคล จากการใช้พละกำลัง ช่วยพระท่านยกของหนักๆมาเหมือนกัน เมื่อยกไปที่กุฏิท่านหลวงพี่ท่านก็เมตตาหยิบวัตถุมงคลมาให้ชิ้นหนึ่ง :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ค. 2010, 08:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 พ.ย. 2009, 18:14
โพสต์: 435

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
หลับอยุ่ เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
หลับอยุ่ เขียน:
ส่วนตัวผมอยากรู้ว่า คุณเช่นนั้น มีพระเครื่องอะไรครอบครองอยู่บ้าง อยากรู้จริงๆ :b12:


ยกมือครับ ถูกพาดพิง :b17:

พระเครื่องมีครับ มีเป็นกล่องๆ ได้ตอนทำบุญ ทอดผ้าป่า บำรุงศาสนาสถาน



แสดงว่าทางวัดแจกให้เป็นที่ระลึกในการทำบุญทำความดีของคุณเช่นนั้น ที่ได้ช่วยเหลือบำรุงศาสนสถาน....ๆลๆ



กล้าพูดได้เลยทีเดียวว่า หากคุณเช่นนั้น ได้ไปหยิบวัตถุมงคลที่ได้รับเป็นระลึกจากการทำบุญมาดู...คุณเช่นนั้นก็จะระลึกได้ถึงว่า " อ้อ นี่เราไปทำบุญสละทรัพย์หรือช่วยเหลือบำรุงพระศาสนามาจึงได้ของที่ระลึกมาองค์นี้ๆ ซึ่ง กุศลจิตของคุณเช่นนั้น ย่อมต่างจากจอมโจรตี๋ใหญ่ แน่นอน"

อนุโมทนาครับคุณเช่นนั้น ล่าสุด ผมเองก็ได้ วัตถุมงคล จากการใช้พละกำลัง ช่วยพระท่านยกของหนักๆมาเหมือนกัน เมื่อยกไปที่กุฏิท่านหลวงพี่ท่านก็เมตตาหยิบวัตถุมงคลมาให้ชิ้นหนึ่ง :b8:


:b8: อนุโมทนาค่ะ...จริงด้วยค่ะ

เห็นคุยกันเรื่องนี้ เลยยกกล่องพระบนหิ้งพระมาดูบ้าง เป็นลังเลยค่ะ หยิบมาดูก็จะระลึกได้ว่าที่ไหนให้มาบ้าง
แต่ไม่ค่อยรู้ค่ะว่าชื่อพระอะไรบ้าง ถ้าไม่มีเขียนบอกไว้หรือคนที่ให้บอกตอนที่ให้
ได้มาก็เก็บรวมไว้ในกล่อง ล่าสุดได้จากทำบุญสร้างวิทยาลัยการอาชีพวังไกลกังวล 2 กล่อง เป็นพระเบญจภาคี
ตอนกราบไหว้จะระลึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่น

.....................................................
สรุปคำสอนของสมเด็จองค์ปฐม
"ท่านทั้งหลาย การหลบหลีกไม่ต้องตกอบายภูมิ มีนรกเป็นต้น เป็นของ ไม่ยาก
1. ขอทุกท่านจงอย่าลืมความตาย จงคิดว่าความตาย อาจจะมีกับเราเดี๋ยวนี้ไว้เสมอๆ
2. เคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ด้วยศรัทธาแท้ (ด้วยความจริงใจ)
3. มีศีลบริสุทธิ์เป็นปกติ และ
4. เป็นกรณีพิเศษ ปฏิเสธการเกิดเป็นมนุษย์ เทวดา นางฟ้า และพรหม ในชาติต่อไป ทุกท่านเห็นนิพพาน แล้วตั้งใจไปพระนิพพานได้ในที่สุด"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ค. 2010, 10:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


sirisuk เขียน:
หลับอยุ่ เขียน:
หลับอยุ่ เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
หลับอยุ่ เขียน:
ส่วนตัวผมอยากรู้ว่า คุณเช่นนั้น มีพระเครื่องอะไรครอบครองอยู่บ้าง อยากรู้จริงๆ :b12:


ยกมือครับ ถูกพาดพิง :b17:

พระเครื่องมีครับ มีเป็นกล่องๆ ได้ตอนทำบุญ ทอดผ้าป่า บำรุงศาสนาสถาน



แสดงว่าทางวัดแจกให้เป็นที่ระลึกในการทำบุญทำความดีของคุณเช่นนั้น ที่ได้ช่วยเหลือบำรุงศาสนสถาน....ๆลๆ



กล้าพูดได้เลยทีเดียวว่า หากคุณเช่นนั้น ได้ไปหยิบวัตถุมงคลที่ได้รับเป็นระลึกจากการทำบุญมาดู...คุณเช่นนั้นก็จะระลึกได้ถึงว่า " อ้อ นี่เราไปทำบุญสละทรัพย์หรือช่วยเหลือบำรุงพระศาสนามาจึงได้ของที่ระลึกมาองค์นี้ๆ ซึ่ง กุศลจิตของคุณเช่นนั้น ย่อมต่างจากจอมโจรตี๋ใหญ่ แน่นอน"

อนุโมทนาครับคุณเช่นนั้น ล่าสุด ผมเองก็ได้ วัตถุมงคล จากการใช้พละกำลัง ช่วยพระท่านยกของหนักๆมาเหมือนกัน เมื่อยกไปที่กุฏิท่านหลวงพี่ท่านก็เมตตาหยิบวัตถุมงคลมาให้ชิ้นหนึ่ง :b8:


:b8: อนุโมทนาค่ะ...จริงด้วยค่ะ

เห็นคุยกันเรื่องนี้ เลยยกกล่องพระบนหิ้งพระมาดูบ้าง เป็นลังเลยค่ะ หยิบมาดูก็จะระลึกได้ว่าที่ไหนให้มาบ้าง
แต่ไม่ค่อยรู้ค่ะว่าชื่อพระอะไรบ้าง ถ้าไม่มีเขียนบอกไว้หรือคนที่ให้บอกตอนที่ให้
ได้มาก็เก็บรวมไว้ในกล่อง ล่าสุดได้จากทำบุญสร้างวิทยาลัยการอาชีพวังไกลกังวล 2 กล่อง เป็นพระเบญจภาคี
ตอนกราบไหว้จะระลึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่น


คุณหนูแนนคร๊าบ อิงอาศัยธาตุตั้งสามอย่างแล้วน๊าคร๊าบ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ค. 2010, 10:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เจ้าของกระทู้ หายไปไหน แล้วครับ :b32: :b28:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ค. 2010, 11:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 พ.ย. 2009, 18:14
โพสต์: 435

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


enlighted เขียน:
sirisuk เขียน:
หลับอยุ่ เขียน:
หลับอยุ่ เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
หลับอยุ่ เขียน:
ส่วนตัวผมอยากรู้ว่า คุณเช่นนั้น มีพระเครื่องอะไรครอบครองอยู่บ้าง อยากรู้จริงๆ :b12:


ยกมือครับ ถูกพาดพิง :b17:

พระเครื่องมีครับ มีเป็นกล่องๆ ได้ตอนทำบุญ ทอดผ้าป่า บำรุงศาสนาสถาน



แสดงว่าทางวัดแจกให้เป็นที่ระลึกในการทำบุญทำความดีของคุณเช่นนั้น ที่ได้ช่วยเหลือบำรุงศาสนสถาน....ๆลๆ



กล้าพูดได้เลยทีเดียวว่า หากคุณเช่นนั้น ได้ไปหยิบวัตถุมงคลที่ได้รับเป็นระลึกจากการทำบุญมาดู...คุณเช่นนั้นก็จะระลึกได้ถึงว่า " อ้อ นี่เราไปทำบุญสละทรัพย์หรือช่วยเหลือบำรุงพระศาสนามาจึงได้ของที่ระลึกมาองค์นี้ๆ ซึ่ง กุศลจิตของคุณเช่นนั้น ย่อมต่างจากจอมโจรตี๋ใหญ่ แน่นอน"

อนุโมทนาครับคุณเช่นนั้น ล่าสุด ผมเองก็ได้ วัตถุมงคล จากการใช้พละกำลัง ช่วยพระท่านยกของหนักๆมาเหมือนกัน เมื่อยกไปที่กุฏิท่านหลวงพี่ท่านก็เมตตาหยิบวัตถุมงคลมาให้ชิ้นหนึ่ง :b8:


:b8: อนุโมทนาค่ะ...จริงด้วยค่ะ

เห็นคุยกันเรื่องนี้ เลยยกกล่องพระบนหิ้งพระมาดูบ้าง เป็นลังเลยค่ะ หยิบมาดูก็จะระลึกได้ว่าที่ไหนให้มาบ้าง
แต่ไม่ค่อยรู้ค่ะว่าชื่อพระอะไรบ้าง ถ้าไม่มีเขียนบอกไว้หรือคนที่ให้บอกตอนที่ให้
ได้มาก็เก็บรวมไว้ในกล่อง ล่าสุดได้จากทำบุญสร้างวิทยาลัยการอาชีพวังไกลกังวล 2 กล่อง เป็นพระเบญจภาคี
ตอนกราบไหว้จะระลึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่น


คุณหนูแนนคร๊าบ อิงอาศัยธาตุตั้งสามอย่างแล้วน๊าคร๊าบ

รูปภาพ อิ อิ ...รับทราบเจ้าค่ะ อาจารย์คนที่ 2...

หนูแนนช่างโชคดีอะไรอย่างนี้

ขอบคุณค่ะ
:b8: :b8: :b12:

.....................................................
สรุปคำสอนของสมเด็จองค์ปฐม
"ท่านทั้งหลาย การหลบหลีกไม่ต้องตกอบายภูมิ มีนรกเป็นต้น เป็นของ ไม่ยาก
1. ขอทุกท่านจงอย่าลืมความตาย จงคิดว่าความตาย อาจจะมีกับเราเดี๋ยวนี้ไว้เสมอๆ
2. เคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ด้วยศรัทธาแท้ (ด้วยความจริงใจ)
3. มีศีลบริสุทธิ์เป็นปกติ และ
4. เป็นกรณีพิเศษ ปฏิเสธการเกิดเป็นมนุษย์ เทวดา นางฟ้า และพรหม ในชาติต่อไป ทุกท่านเห็นนิพพาน แล้วตั้งใจไปพระนิพพานได้ในที่สุด"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ค. 2010, 12:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ม.ค. 2010, 21:56
โพสต์: 92

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
งานอดิเรก: ทำตัวน่ารักไปวัน ๆ
สิ่งที่ชื่นชอบ: คู่มือสะกดใจคน - เดวิด เจ.ไลเบอร์แมน
ชื่อเล่น: นุช
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


cool สวัสดีคร๊า

รูปที่พี่หลับอยู่เอามาลง สวยงามมาก นุชทันรุ่นปุกเสก บางทีก็ได้มาโดยการมัดมือชก คริ คริ มันเป็นความชอบส่วนตัวจริง ๆ ค่ะ
วันนั้นไปวัดกับเพื่อนมา เพื่อนจะบูชาชูชก นุชยังแซว ๆ เลบว่า กินท้องแตกตาย 555+ บางทีทำบุญตามวัดต่าง ๆ ก็ได้มา เยอะแยะมากมาย เอามาแล้วชีวิตนุชไม่ได้ตกต่ำ เวลาบูชาไม่ได้ไปเงินในกระเป๋าใคร ทำบุญทำทานเข้าวัด รักษาศีลเหมือนเดิม นุชว่ามันก็โอเคที่สุดแย้ววววววว ......คร๊า


.....................................................
กฏเหล็กข้อแรกสุด ทุกสิ่งต้องเปลี่ยนแปลงไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ค. 2010, 13:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว




คำอธิบาย: หลวงพ่อสุด วัดกาหลง
7.jpg
7.jpg [ 77.53 KiB | เปิดดู 4919 ครั้ง ]
ศพของหลวงพ่อสุด ไม่เน่าไม่เปื่อย แต่นี่ยังไม่เด็ดครับ(สมัยก่อนหลวงพ่อสุดท่าน สักยันต์ด้วย) ยังมีอีก เมื่อคราวณาปณกิจศพท่าน ปรากฏว่า ไฟเผาไม่ติดศพของท่าน จนทางวัดต้องทำพิธีหรือ อะไรก็ไม่ทราบถึงจะเผาไฟศพท่านได้ และเมื่อเผาไฟแล้ว ไฟก็ไม่กินกระดูก ยังคงเป็น ทรงโครงกระดูกอยู่เก็บไว้ในโลงแก้วที่วัดกาหลง

เคยได้คุยกับชายคนหนึ่งนานมาแล้ว แก่แล้ว เขาว่่าเขาได้รับแจกเหรียญรูปเสือหมอบ ตอนที่เขาไปรักษาศีล ปฏิบัติธรรมกับหลวงพ่อสุดที่วัดกาหลง หลวงพ่อสุดก็ได้แจกเหรียญเป็นที่ระลึกมา

วิถีของชายคนนั้น ก็ไม่ได้ หลงไปโจรแบบตี๋ใหญ่ อีกเหมือนกัน
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ค. 2010, 13:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ปาฏิหาริย์ หลวงพ่อสุด วัดกาหลง

โดย......สายทิพย์

****************





“มนุษย์”แทบทุกคนเมื่อสิ้นลมหายใจแล้ว ผู้อยู่ข้างหลังก็จะนำร่างไปทำพิธีทางศาสนา ขั้นตอนสุดท้าย คือ การเผากายเนื้อให้เหลือเพียงเถ้ากระดูกละเอียด และหยาบเพียงไม่กี่ชิ้น บรรจุใส่โกศเล็ก ๆ ไว้ดูต่างหน้า เพื่อระลึกถึงผู้ที่จากไป

มีการเผาศพอยู่กรณีหนึ่ง ซึ่งเป็นข่าวดังทางหน้าหนังสือพิมพ์ รายวันหลายฉบับ เกี่ยวกับศพของ พระครูสมุทรธรรมสุนทร หรือ “หลวงพ่อสุด" อดีตเจ้าอาวาสวัดกาหลง เกจิอาจารย์ชื่อดังของจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเคยเป็นอาจารย์ของ “ตี๋ใหญ่” ที่มีพิธีพระราชทานเพลิงศพไปเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2545 ที่วัดกาหลง

เนื้อข่าวน่าสนใจที่ว่า ศพของท่านโดนไฟเผาไหม้ไม่หมด แม้ว่าร่างจะเป็นเนื้อหนังกระดูกเผาหมดแล้ว แต่กระดูก หรือ อัฐิยังอยู่ในภาพที่สมบูรณ์มาก ไม่บิ่น หรือแตกร้าว เป็นชิ้นๆ แบบการเผาศพทั่วไป เลยทำให้หลายคนไม่อยากเชื่อ จึงต้องไปพิสูจน์ให้เห็นกับตา

ที่มาแห่งเหตุอัศจรรย์นี้ มีนิมิตเกิดแก่ พระศิษย์เอกของหลวงพ่อสุดรูปหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดกาหลง ท่านเล่าว่า

“ก่อนหน้าที่จะเผาประมาณ 2 เดือน ที่ผ่านมา อาตมาฝันเห็นหลวงพ่อสุดมาบอกว่า ไม่มีใครเผาท่านได้ นอกจากตัวท่านเอง อาตมาเลยถามกลับไปว่า แล้วจะให้ทำอย่างไร ท่านบอก ให้จัดดอกไม้จันทร์มาบายศรีขอขมาไว้และให้อาตมาเป็นคนจุดไฟเผา โดยให้อาตมาจับมือท่าน เผาร่างท่านเอง" อาตมาก็นำเรื่องความฝันไปเล่าให้ลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดฟัง

ต่อมาในวันพระราชทานเพลิงศพ ช่วงพิธีเผาจริง เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร ท่านมาเป็นประธานจุดไฟ ปรากฏว่าเกิดเหตุประหลาดขึ้น เมื่อไฟที่จุดกับดอกไม้จันทน์ดับลงเฉย ๆ ต้องวางเอาไว้อย่างนั้นอาตมาเห็นจึงเข้าไปจุดไฟเผาตามที่ฝันเอาไว้

“ปกติแล้วศพโดยทั่วไปใช้เวลาเผาประมาณ 2 ชั่วโมงก็ไหม้หมด แต่นี่เวลาเผาท่าน ก็ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ระดับไฟร้อนมากประมาณ 300 องศา ขณะที่เผา ก็จะมีเจ้าหน้าที่ไปกลับร่างท่าน แต่เมื่อได้เวลาราไฟ ปรากฏว่า ยังเห็นร่างของท่านยังอยู่เป็นโครงกระดูกทั้งโครง ทั้งที่เผามานาน”

คุณอุบลรัตน์ ใยไหม กำนันตำบลกาหลง ยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า

“ก่อนวันประชุมเพลิงท่าน คณะกรรมการก็ได้เตรียมงานแต่เนิ่น ๆ โดยได้เคลื่อนสรีระร่างของท่านมา หลวงพ่อคล้ายคนนอนหลับ ร่างท่านมีแต่หนังหุ้มกระดูก ไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า จีวรเก่าแต่ก็ไม่เปียกคราบน้ำเหลืองเลย ที่เผาท่านเป็นคนสุดท้าย เมื่อเจ้าหน้าที่เปิดให้ดู ก็เห็นภาพที่ว่า ท่านยังเป็นโครงกระดูกอยู่นะ พี่ก็แปลกใจเลยตะโกนบอกว่า “หลวงปู่ไม่ไหม้” แล้วชาวบ้านก็วิ่งไปดู เพราะชาวบ้านก็ยังไม่กลับ เขาจะรอดูที่ว่ากันว่าหลวงปู่จะเผาไม่ไหม้จะเป็นจริงมั้ย เขาก็เลยอยากพิสูจน์แล้วก็เป็นจริงหนังท่านไหม้แต่กระดูกท่านยังไม่หลุด”

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ชาวบ้านละแวกวัด และประชาชนทั่วไป ที่สนใจมั่นใจมากขึ้นว่า เป็นปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อสุดเพราะท่านสำเร็จ วิชาอยู่ยงคงกระพันชาตรี ศาสตร์ลี้ลับที่ทำให้สังขารของท่านไม่อาจเผาให้ไหม้หมดอย่างคนธรรมดาทั่วไปได้...

ตามประวัติของหลวงพ่อสุดแห่งวัดกาหลง จ.สมุทรสาคาเจ้าตำรับ ยันต์ตะกร้อ และ เสือเผ่น ท่านเป็นชาวอำเภอพนมไพร จ.ร้อยเอ็ด เกิดในตระกูลชาวนา ในสมัยราชกาลที่ 5 ท่านบวชเป็นสามเณรเมื่ออายุ 16 ปี ที่วัดกลางพนมไพร จ.ร้อยเอ็ด แล้วเดินทางรอนแรมจากร้อยเอ็ด ไปแสวงหาวิชา และ ความรู้ในทางธรรมตามที่ต่าง ๆ จนกระทั่งได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดกาหลง จนมรณภาพ

เรื่องราวของหลวงพ่อสุดเกี่ยวกับพลังอำนาจจิต ที่อยู่ในรูปการสักยันต์ตะกร้อ และเสือแผ่นนั้น โด่งดังมากแม้แต่ “ตี๋ใหญ่” ขุนโจรชื่อดัง ที่เขาลือกันว่าหนังเหนียว และแคล้วคลาดอยู่ตลอดยังนับถือ ไปมาหาสู่หลวงพ่ออยู่บ่อยๆ “ตี๋ใหญ่” มีของดี คือ มีผ้ายันต์ กับ ตะกรุดของหวงพ่อสุดไว้ป้องกันตัว ขนาดถูกตำรวจเป็นร้อยล้อมจับก็ยังหนีเอาตัวรอดไปได้ จนใคร ๆ ลือกันว่าตี๋ใหญ่มีวิชาล่องหนหายตัวได้!

มีเรื่องเล่าถึงวันที่ “ตี๋ใหญ่” สิ้นชื่อ คือ วันนั้น ก่อนที่จะหนีไปหลบซ่อนตัว “ตี๋ใหญ่” ให้ลูกน้องขับรถพามาหาหลวงพ่อสุดที่วัดกาหลง แต่มาแล้วไม่พบหลวงพ่อ จึงกลับออกมา ระหว่างที่รถวิ่งออกมา ก็โดนถล่มจากเจ้าหน้าที่ทั้งสองข้างทาง นับไม่ถ้วนว่ากี่นัด

จะเห็นว่าคนเราเมื่อดวงขาด มันก็ต้องมีอันเป็นไป และเหตุที่ตี๋ใหญ่มาหาลวงพ่อสุดนั้น เป็นเพราะว่า พวงพระและตะกรุดของตี๋ใหญ่หายไป ก็เลยจะมาขอใหม่จากหลวงพ่อ จึงมาพบจุดจบในวันนั้น

หลายคนกล่าวว่าถ้าผ้ายันต์ กับ ตะกรุดยังอยู่ ตี๋ใหญ่อาจจะยังไม่ตาย แต่ถึงอย่างไรตี๋ใหญ่ก็ก่อกรรมทำเข็ญไว้มาก พลังอำนาจจิตหรืออิทธิฤทธิ์ใดๆ ก็มาอยู่ “เหนือกรรม” ไม่ได้ สุดท้ายตี๋ใหญ่ก็ต้องจบชีวิตลง ท่ามกลางการสาปแช่งของผู้คน และใครจะรู้ว่านั้นเป็นสิ่งที่หลวงพ่อสุดกำหนดให้เป็นไปด้วยหรือไม่

ก็ยังมีเรื่องเล่าถึง อดีตนาวิกโยธินคนหนึ่ง ที่ได้เครื่องรางของหลวงพ่อสุดไป เป็น เหรียญเสือเผ่น และ รอยสัก ขณะที่รับราชการอยู่ เขาถูกส่งไปปราบผู้ก่อการร้ายที่ อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ในปี พ.ศ.2519 แล้วโดนถล่ม ขณะอยู่บนรถบีเอ็มซี เพื่อนคนหนึ่งถูกยิงจนตาตุ่มหายไปทั้งแถบ ส่วนตัวเองถูกยิงห้านัด กระสุนเข้ากลางหลังตรงยันต์พอดี เสื้อทะลุเป็นรู แต่กระสุนกลับไม่เข้าเนื้อ และ ไม่มีบาดแผลเพียงแต่เป็นรอยจ้ำ ๆ เท่านั้น

ส่วนอีกคนเป็นศิษย์หลวงพ่อสุดเหมือนกัน คนนี้เป็นโรคที่ตา ต้องเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลศิริราช ระหว่างการรักษาต้องฉีดยาเพื่อผ่าตัด เข้าใจว่าเป็นยาชา แต่พอฉีด เข็มฉีดยากลับไม่เข้าเนื้อ เพราะคนนี้หลวงพ่อสุดสักน้ำมันครอบไว้ ผลสุดท้าย ต้องมานิมนต์หลวงพ่อสุดไปโรงพยาบาล เพื่อทำพิธีถอน คนป่วยจึงได้รับการฉีดยา และ ผ่าตัดเรียบร้อย

ปัจจุบันทางวัดกาหลง จ.สมุทรสาคร ได้นำร่างที่เป็นโครงกระดูกของ หลวงพ่อสุด บรรจุไว้ในโลงแก้ว ตั้งให้ประชาชนไปกราบนมัสการอยู่ที่ชั้นสอง ของศาลาการเปรียญภายในวัดซึ่งทุกวัน จะมีประชาชนและลูกศาย์ที่เลื่อมใสแวะเวียนไปกราบเสรีระร่างของท่านไม่ขาดสาย


--------------------------------------------------------------------------------



สารบัญเรื่อง อภินิหารและสิ่งศักดิ์สิทธิ์

บทความทางพระพุทธศาสนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 พ.ค. 2010, 14:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ธ.ค. 2009, 15:33
โพสต์: 98

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ชาติสยามเขียน:คือทนไม่ได้ที่มีพระพุทธรูปอยู่ ทนไม่ได้ที่มีสิ่งสมมุติอยู่ สิ่งเกินไปจากพระไตรปิฏก
คำว่า ...ส่วนเกิน ...

แล้ว ถ้าร่างกายของเรามีส่วนเกินอะไรออกมาจากตัวมองเห็นและทนไม่ได้ คือมันอาจจะทำให้รำคาญลูกกะตาเรา เราตัดทิ้งก็ได้ ไม่ตัดทิ้งก็ได้ มันสิทธิของเรา
และเราก็ไม่ได้ไปตัดในส่วนเกินของใคร
เราเพียงบอกความรู้ให้เขาว่า สิ่งที่เกินออกมาอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ในภายหลังและพวกเขาก็เข้าใจ ก็ไปตัดออก ในส่วนของตัวเองเท่านั้น

อ้างคำพูด:
ชาติสยามเขียน: เมื่อมีความคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเนื้องอก
จึงมีความคิดที่จะ "ทำลายเสีย"

ถ้าเปรียบเทียบกับร่างกายมนุษย์ คำว่า“เนื้องอก” คือส่วนที่คนมัก รังเกียจ กลัว
และต้องไปหาหมอ ตรวจเช็ค รักษา ทำการผ่าตัดออก เพราะอาจเป็นเนื้อร้าย และเป็นโรคมะเร็งได้

แต่ พวกอิฐ หิน ดิน ทราย เงิน ทอง ตะกั่ว ทองเหลือง ทองแดง เหล็ก ที่นำมาปั้น ปั้ม เป็นรูปร่าง ลักษณะมานั้น เป็นสิ่งปนเปื้อนทำให้สกปรก ในพระศาสนา มิใช่เนื้องอก

เมื่อบ้านมีเศษขยะ และสิ่งสกปรก ปลิวมาเปื้อนบ้านเรา เราก็ต้องล้างด้วยน้ำสะอาด จึงจะทำให้ บ้านสะอาดได้ฉันใด

วัตถุอัปมงคลเหล่านั้น เมื่อเราไม่ชอบ เราย่อมทำลายได้ เพราะมันเป็นสิทธิของเรา และเราก็ไม่ได้ไปทำลายในสิทธิของผู้ใด หรือก้าวก่ายในทำลายในบ้านใคร

เพียงแต่ เราให้เพียงความรู้ที่ถูกต้อง แก่ผู้คนทั่วไป ...เท่านั้น
เพราะในเรื่องนี้ ย่อมมีผู้คน... อยากออกจากสิ่งนี้มากมาย
เพราะเขารำคาญมานานแล้ว แต่ยังหาทางออกไม่ได้
ไม่มีผู้ให้ความรู้ในการออกจากวัตถุอัปมงคลเหล่านั้น

แท้ที่จริงแล้ว แม้แต่หลวงปู่พุทธาส หลวงปู่ปัญญา ก็รังเกียจมานานแล้ว เหมือนกัน
แต่ เป็นเพราะไม่มีความกล้าพอ หรือความรู้ทางธรรม ยังไม่หยั่งลึก ซึ้งลงไปมากนัก
แต่ท่านก็เทศน์ เลียบ ๆ เคียง ในการรังเกียจอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะหลวงปู่ปัญญา แสดงออกชัดเจน (ข้าพเจ้าเป็นลูกศิษย์มาก่อน) จึงได้ถอนตัวออกจากสิ่งเหล่านี้ได้ง่ายโดยการไม่มี เสียเลยนั่นแหละดี เกะกะลูกกะตา ไม่รู้จะมีไว้ทำไมเพราะ

ต้องคอยรักมัน มิใช่มันรักษาเรา .......
ผู้ยึดถือ สวมใส่ไว้ในคอเป็นพวงคงรู้ดี เวลาเข้าห้องน้ำ....หรือนอนกะเมีย
ต้องคอยถอดออก ถอดเข้า แขวนไว้ที่ใด แล้วก็ลืม........
ต้องวิ่งกลับไปเอา .....คิดด้วยปัญญาเถิดท่าน.....ใครรักษาใคร.....กันแน่...

แม้พวกที่ตั้งสง่าอยู่ที่บ้าน...ไม่เห็นมีอิทธิฤทธิ์ รักษาตัวมันเองได้...
ฝุ่นจับสกปรก ต้องคอยเช็ดคอยถู....
ต้องกังวลว่า หันไปทางด้านไหนจึงจะดี...เหมาะสม
ต้องซื้อดอกไม้พวงมาลัย มาบูชา ซึ่งเรื่อง การบูชา แบบพระพุทธเจ้าก็มิได้สรรเสริญ

นี่คือ หาเป็นทุกข์ ทั้งนั้น.....
แต่ที่คุยสนทนากัน นั้นเรื่องพ้นทุกข์ แต่ยังเอาทุกข์ มาอยู่เต็มหัว
แล้วใยหนอ ผู้ทีมีความรู้ธรรมะ ถึงขั้นคุยกันเรื่อง จิต
ยังคาใจ นิยมยกย่อง สิ่งปนเปื้อนในพระศาสนา
อย่างไม่คิดละอายแก่ใจ บ้างว่า

ตัวเอง กล่าวชม พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ อยู่เป็นประจำ
แล้วคุณสมบัติของวัตถุ นำมาเปรียบเทียบ พระมหากรุณาธิคุณของพระพุทธเจ้า
เปรียบเทียบได้เข้ากันตรงไหน
คือจะพูดง่าย ๆ ก็ เหมือนว่าการสร้างรูปแทนเป็นสัญญลักษณ์ขึ้นมาแทน นั้น
เป็นการลบหลู่ พระพุทธเจ้า ลบหลู่ พระมหากรุณาธิคุณ เสีย มากกว่า สรรเสริญยกย่อง


เพราะถ้ามองด้วยปัญญาแล้ว อิฐ ดิน หินทราย เงิน ทอง โลหะ เหล็ก
เป็นของต่ำมาก ๆ.... เพราะนำมาจากสิ่งของสกปรกเลอะเทอะ ทั้งสิ้น
แม้ร่างกายพระพุทธเจ้า ยังต้องเผา ทิ้ง เก็บไว้เคารพ ระลึกถึงก็แค่พระบรมสารีริกธาตุ
และยิ่งโฆษณาว่า มีเศษกระเบื้อง มีเศษผม ฯลฯ ของครูบาฯอาจารย์ องค์นั้นนี้
สารพัดโฆษณา ชวนผู้คนให้ลุ่มหลงคลั่งไคล้ และอยากได้มาป้อง กัน อันตราย ช่วยทำมาหากิน ค้าขายร่ำรวย ดี อะไร ต่าง ๆ นา ๆ สารพัด ยิ่งเลอะเทอะ

พระพุทธเจ้าสอนไว้ที่ไหนเล่าพวกท่าน


พระพุทธเจ้าตำหนิ เรื่อง รูป รูปใน รูปนอก รูปใกล้ รูปไกล รูปในโลกนี้ รูปในโลกอื่น รูปในเทวโลก พรหมโลก รูปทั้งหมด รูปตัวเราเอง ยังเหม็นได้ขนาดนี้ ยังจะไปหาสรรเสริญ รูปอื่น มันผิดคำสอนอยู่มากนัก มิใช่หรือ

ท่านไม่ต้องกล่าวอ้างนำเอาเรื่อง การยึดมั่น ถือมั่น ......ที่เป็นเรื่องการใช้ปัญญาระดับสูง สำหรับผู้มีความรู้ ในทางธรรม มากล่าวกับเรื่องพื้นฐานเช่นนี้หรอก
มันคนละเรื่อง กันเรื่องอย่างนั้นต้องผู้ที่เรียนศึกษาธรรมมาก ๆ นานๆ แล้ว เขาคุยกันได้พวกท่านอย่าเอามามั่วปน กับเรื่องนี้เลย ....ต้องพิจารณา ให้ดี

นี้คือการนับถือ ศาสนาที่ถูกต้องแบบพื้นฐาน ยังนับถือกันมาแบบผิด ๆ
จนลุกลามใหญ่โต และสามารถทำให้เป็นเรื่อง แก่งแย่ง ชิงดี ชิงเด่น
แย่งผลประโยชน์กัน
เห็นทั่วไปๆ เช่น วัดดัง แถวๆ แปดริ้ว นั่นเป็นต้น

ท่านเห็นว่าดีงามกันละหรือ......

ไปศึกษา ข้อมูลทางโบราณคดีกันบ้างว่า การสร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นนั้น
มาจากไหนอย่างไร ดูกันให้ชัด....ๆ
ผู้ที่ยังไม่เคยเรียนรู้มาก่อน แต่ สงสัยในเรื่องแบบนี้ และอยากออกจากสิ่งเหล่านี้ ติดตามได้ที่นี่ เพราะมันทางพ้นทุกข์ เรื่องเริ่มแรก ในการนับถือศาสนาพุทธ เลยทีเดียว

เมื่อใคร ผู้ใด เข้ามาอ่านศึกษา กระทู้นี้ จะได้รู้ความจริงว่า ความเป็นมาของสิ่งปนเปื้อนพระศาสนานี้เกิดขึ้นได้อย่างไร

http://www.samyaek.com/board2/index.php?topic=1326.0

และลองศึกษาจากพระสูตรข้างล่างนี้ก็ได้ว่าพระพุทธเจ้าตรัสไว้อย่างไร

เล่ม 24 หน้า 401

รูปใด ๆ จะอยู่ในโลกนี้หรือโลกอื่นและจะอยู่ในอากาศ มีรัศมีรุ่งเรืองก็ตามที
รูปทั้งหมดเหล่านั้น อันมารสรรเสริญแล้ว วางดักสัตว์ไว้แล้ว เหมือนเขาใส่เหยื่อล่อเพื่อฆ่าปลา ฉะนั้น.


บ่วงแห่งมาร เล่ม 28 หน้า 192

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย รูปที่จะพึงรู้แจ้งด้วยจักษุ อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก
อาศัยความใคร่ ชวนให้กำหนัด มีอยู่หากภิกษุเพลิดเพลินสรรเสริญ หมกมุ่น พัวพันรูปนั้น
ภิกษุนี้เรากล่าวว่าไปสู่ที่อยู่ของมาร ตกอยู่ในอำนาจของมาร ถูกมารคล้อง รัด
มัดด้วยบ่วง ภิกษุนั้นพึงถูกมารผู้มีบาปใช้บ่วงทำได้ตามปรารถนา ฯลฯ

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมารมณ์ที่จะพึงรู้แจ้งด้วยใจ อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก
อาศัยความใคร่ ชวนให้กำหนัด มีอยู่ หากภิกษุเพลิดเพลินหมกมุ่น พัวพันธรรมารมณ์นั้น
ภิกษุนี้เรากล่าวว่า ไปสู่ที่อยู่ของมาร ตกอยู่ในอำนาจของมาร ถูกมารคล้อง รัด มัดด้วยบ่วง
ภิกษุนั้นพึงถูกมารผู้มีบาปใช้บ่วงทำได้ตามปรารถนา.

ใครจะสรรเสริญ อย่างไรก็ทำกันไป ไม่ได้หมายใจว่าให้ใครมาเชื่อตาม....เห็นด้วย
แต่ถ้าผู้นั้นถึงเวลาที่จะฟังธรรม ได้รู้เรื่องดีแล้ว ศึกษาแล้วย่อมจะรู้ได้เอง เห็นได้เอง.
นี้คือการปฏิบัติธรรม ขั้นแรก ขั้นพื้นฐานของชาวพุทธ เลยทีเดียวเพราะ คือที่พึ่งที่ระลึก ...ที่ถูกต้อง.. เพราะพวกเขายังเป็นปุถุชนอยู่ มิใช่เป็นอริยะ...จึงจะกราบลงไป และผ่านไปได้ ถึงพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ซึ่งปรินิพพานนานแล้ว...เพราะเมื่อมาเรียนรู้ จึงรู้ได้ว่า กราบกันแบบผิด ๆ กันมานาน ปู่ย่าตาทวดตายไปรุ่นแล้วรุ่นเล่า ..
ยังกราบไม่ถูกพระพุทธเจ้าเสียที.....
เพราะโง่ ให้เขาหลอกเสียให้เข็ด :b8: ...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ค. 2010, 10:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ใครคิดทำลาย หรือต่อต้านจะมุ่งทำลายล้างให้ได้ กับวัตถุมงคลที่เขาสร้างขึ้นมา(ตัวเองก็ไม่ได้ไปสร้างกับเขา) :b6:
แสดงว่าในจิตในใจคนๆนั้น ยอมรับอะไรๆที่ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปในโลกนี้ยัง ไม่ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ค. 2010, 12:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ม.ค. 2010, 21:56
โพสต์: 92

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
งานอดิเรก: ทำตัวน่ารักไปวัน ๆ
สิ่งที่ชื่นชอบ: คู่มือสะกดใจคน - เดวิด เจ.ไลเบอร์แมน
ชื่อเล่น: นุช
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


cool สวัสดีคร๊า
เนี่ย คนที่นุชรู้จักนะ เขาก็มีนิ้วโป้ง งอกออกมาอีกนิ้ว ไม่เห็นเขาจะต้องตัดเลยอ่ะ หมอบอกว่ามันไม่ได้เป็นเนื้อร้ายอะไรซะขนาดนั้น ทุกวันนี้เห็นพี่แกยังไม่มีอาการเนื้อร้ายใด ๆ ทั้งสิ้น คริ คริ ....

ระดับสติปัญญาและการศึกษาของคนที่เขามีใจรักเรื่องนี้โดยที่ไม่ได้ไปเดือดร้อน หรือพูดง่าย ๆ ว่าไม่ได้ไปเหยียบหัวใครเวลาไปบูชา ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ไปได้ไปปล้นจี้เงินใครเขามา นุชว่ามันก็โอเคแล้วนะ ...อย่าไปคิดแทนคนอื่นเลยว่าใครรักษาใครกันแน่ ฟุ้งซ่านเปล่า ๆ ...

เมื่อเรายังไม่ฉลาดพอก็อย่าได้ไปว่าคนอื่นว่าเขาโง่เลย :b34: ... เอาเวลาไปพัฒนาตัวเองให้ฉลาดมากกว่านี้จะดีกว่า วัยรุ่นเซ็งงงงงง :b16: ไม่ได้ว่าใครนะ แต่เผอิญเป็นคนไม่อะไรมากมาย ง่าย ๆ สบาย ๆ ตรง ๆ ....ไปดีกว่า ชะแว๊บบบบบบ :b29:

.....................................................
กฏเหล็กข้อแรกสุด ทุกสิ่งต้องเปลี่ยนแปลงไป


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 67 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron