วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 06:30  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 925 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 15, 16, 17, 18, 19, 20, 21 ... 62  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 27 ธ.ค. 2013, 17:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


คนธรรมดาๆ เขียน:
โค้ด:
นี่แหละคือกฏเกณฑ์ ของอโศกะ

เมตตา ให้อภัย มีน้ำใจไมตรีต่อกัน อยู่ร่วมกันอย่างศานติสุข


:b8: เมตตาเนี่ยดีครับ ผมสาธุ

แต่คาดหวังให้คนอื่นมีเมตตาเนี่ย ไม่ดี จะทุกข์ครับ

:b16:
คาดหวังให้คนอื่นมีเมตตา จากจิตใจของผู้ไร้อัตตา ไม่เป็นทุกข์หรอกครับ มีแต่คุณและบุญกุศล
:b37:


โพสต์ เมื่อ: 27 ธ.ค. 2013, 18:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
คนธรรมดาๆ เขียน:
โค้ด:
นี่แหละคือกฏเกณฑ์ ของอโศกะ

เมตตา ให้อภัย มีน้ำใจไมตรีต่อกัน อยู่ร่วมกันอย่างศานติสุข


:b8: เมตตาเนี่ยดีครับ ผมสาธุ

แต่คาดหวังให้คนอื่นมีเมตตาเนี่ย ไม่ดี จะทุกข์ครับ

:b16:
คาดหวังให้คนอื่นมีเมตตา จากจิตใจของผู้ไร้อัตตา ไม่เป็นทุกข์หรอกครับ มีแต่คุณและบุญกุศล
:b37:


ดีครับต่างคนต่างช่วยกันปลอบใจ อัดอั่นตันใจด้วยกันทั้งคู่ :b32:


โพสต์ เมื่อ: 27 ธ.ค. 2013, 18:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
asoka เขียน:
คนธรรมดาๆ เขียน:
โค้ด:
นี่แหละคือกฏเกณฑ์ ของอโศกะ

เมตตา ให้อภัย มีน้ำใจไมตรีต่อกัน อยู่ร่วมกันอย่างศานติสุข


:b8: เมตตาเนี่ยดีครับ ผมสาธุ

แต่คาดหวังให้คนอื่นมีเมตตาเนี่ย ไม่ดี จะทุกข์ครับ

:b16:
คาดหวังให้คนอื่นมีเมตตา จากจิตใจของผู้ไร้อัตตา ไม่เป็นทุกข์หรอกครับ มีแต่คุณและบุญกุศล
:b37:


ดีครับต่างคนต่างช่วยกันปลอบใจ อัดอั่นตันใจด้วยกันทั้งคู่ :b32:

:b12: :b12: :b12: :b12:
โฮฮับมั้ง ที่อัดอั้นตันใจเนี๊ยะ ไม่รู้จะระบายออกยังไง เลยมาไถลว่าคนอื่น

ดูถ้อยคำที่พูดซิ เขาพูดด้วยเมตตาปารถนาดีกัน ไม่่ใช่มากระแนะกระแหนกันอย่างคนมีปมเช่นโฮฮับหรอกนะ สังเกต พิจารณาดูให้ดีๆ

:b11: :b11:
:b12: :b12: :b12: :b12:


โพสต์ เมื่อ: 27 ธ.ค. 2013, 19:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
โฮฮับ เขียน:
asoka เขียน:
คนธรรมดาๆ เขียน:
โค้ด:
นี่แหละคือกฏเกณฑ์ ของอโศกะ

เมตตา ให้อภัย มีน้ำใจไมตรีต่อกัน อยู่ร่วมกันอย่างศานติสุข


:b8: เมตตาเนี่ยดีครับ ผมสาธุ

แต่คาดหวังให้คนอื่นมีเมตตาเนี่ย ไม่ดี จะทุกข์ครับ

:b16:
คาดหวังให้คนอื่นมีเมตตา จากจิตใจของผู้ไร้อัตตา ไม่เป็นทุกข์หรอกครับ มีแต่คุณและบุญกุศล
:b37:


ดีครับต่างคนต่างช่วยกันปลอบใจ อัดอั่นตันใจด้วยกันทั้งคู่ :b32:

:b12: :b12: :b12: :b12:
โฮฮับมั้ง ที่อัดอั้นตันใจเนี๊ยะ ไม่รู้จะระบายออกยังไง เลยมาไถลว่าคนอื่น

ดูถ้อยคำที่พูดซิ เขาพูดด้วยเมตตาปารถนาดีกัน ไม่่ใช่มากระแนะกระแหนกันอย่างคนมีปมเช่นโฮฮับหรอกนะ สังเกต พิจารณาดูให้ดีๆ

:b11: :b11:
:b12: :b12: :b12: :b12:


เอาน่ามันก็รู้ดีอยู่แก่ใจ โกหกคนอื่นได้ แต่โกหกตัวเองไม่ได้หรอกครับ

คุณคนธรรมดา เขาก็เหมือนคุณนั้นแหล่ะครับ ชอบดมขี้หมา :b32:


โพสต์ เมื่อ: 27 ธ.ค. 2013, 21:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
asoka เขียน:
โฮฮับ เขียน:
asoka เขียน:
คนธรรมดาๆ เขียน:
โค้ด:
นี่แหละคือกฏเกณฑ์ ของอโศกะ

เมตตา ให้อภัย มีน้ำใจไมตรีต่อกัน อยู่ร่วมกันอย่างศานติสุข


:b8: เมตตาเนี่ยดีครับ ผมสาธุ

แต่คาดหวังให้คนอื่นมีเมตตาเนี่ย ไม่ดี จะทุกข์ครับ

:b16:
คาดหวังให้คนอื่นมีเมตตา จากจิตใจของผู้ไร้อัตตา ไม่เป็นทุกข์หรอกครับ มีแต่คุณและบุญกุศล
:b37:


ดีครับต่างคนต่างช่วยกันปลอบใจ อัดอั่นตันใจด้วยกันทั้งคู่ :b32:

:b12: :b12: :b12: :b12:
โฮฮับมั้ง ที่อัดอั้นตันใจเนี๊ยะ ไม่รู้จะระบายออกยังไง เลยมาไถลว่าคนอื่น

ดูถ้อยคำที่พูดซิ เขาพูดด้วยเมตตาปารถนาดีกัน ไม่่ใช่มากระแนะกระแหนกันอย่างคนมีปมเช่นโฮฮับหรอกนะ สังเกต พิจารณาดูให้ดีๆ

:b11: :b11:
:b12: :b12: :b12: :b12:


เอาน่ามันก็รู้ดีอยู่แก่ใจ โกหกคนอื่นได้ แต่โกหกตัวเองไม่ได้หรอกครับ

คุณคนธรรมดา เขาก็เหมือนคุณนั้นแหล่ะครับ ชอบดมขี้หมา :b32:

:b12: :b12: :b12:

่ตกลงยังยอมสารภาพและรับความจริงอยู่ว่า...ความเห็นของโฮฮับนั้นเหม็นเหมือนขี้หมาอยู่นะครับ

:b12: :b12: :b12: :b12:


โพสต์ เมื่อ: 28 ธ.ค. 2013, 07:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
โฮฮับ เขียน:
asoka เขียน:
โฮฮับ เขียน:
asoka เขียน:
คนธรรมดาๆ เขียน:
โค้ด:
นี่แหละคือกฏเกณฑ์ ของอโศกะ

เมตตา ให้อภัย มีน้ำใจไมตรีต่อกัน อยู่ร่วมกันอย่างศานติสุข


:b8: เมตตาเนี่ยดีครับ ผมสาธุ

แต่คาดหวังให้คนอื่นมีเมตตาเนี่ย ไม่ดี จะทุกข์ครับ

:b16:
คาดหวังให้คนอื่นมีเมตตา จากจิตใจของผู้ไร้อัตตา ไม่เป็นทุกข์หรอกครับ มีแต่คุณและบุญกุศล
:b37:


ดีครับต่างคนต่างช่วยกันปลอบใจ อัดอั่นตันใจด้วยกันทั้งคู่ :b32:

:b12: :b12: :b12: :b12:
โฮฮับมั้ง ที่อัดอั้นตันใจเนี๊ยะ ไม่รู้จะระบายออกยังไง เลยมาไถลว่าคนอื่น

ดูถ้อยคำที่พูดซิ เขาพูดด้วยเมตตาปารถนาดีกัน ไม่่ใช่มากระแนะกระแหนกันอย่างคนมีปมเช่นโฮฮับหรอกนะ สังเกต พิจารณาดูให้ดีๆ

:b11: :b11:
:b12: :b12: :b12: :b12:


เอาน่ามันก็รู้ดีอยู่แก่ใจ โกหกคนอื่นได้ แต่โกหกตัวเองไม่ได้หรอกครับ

คุณคนธรรมดา เขาก็เหมือนคุณนั้นแหล่ะครับ ชอบดมขี้หมา :b32:

:b12: :b12: :b12:

่ตกลงยังยอมสารภาพและรับความจริงอยู่ว่า...ความเห็นของโฮฮับนั้นเหม็นเหมือนขี้หมาอยู่นะครับ

:b12: :b12: :b12: :b12:


พูดแก่นธรรมให้ฟัง ถ้ายังมัวเมากับอวิชา ไม่พยายามสำเนียกรู้ ผมก็จนปัญญาจะอธิบาย :b32:

แต่อยากจะบอกให้หน่อย.....ก้อนขี้หมาถ้าคนมีปัญญา เขาก็รู้จักไปทำให้เกิดประโยชน์
เช่นทำปุ๋ยใส่ต้นไม้ให้เจริญงอกงาม คำพูดของคนก็เช่นกัน ความสำคัญมันไม่ได้อยู่ที่สำเนียง
แต่มันอยู่ที่เนื้อหา ถ้ารู้จักเอาไปพิจารณาให้เกิดปัญญา มันก็เหมือนก้อนขี้หมา ไม่ต่างกัน

เช่นกันคนโง่ ถ้าไม่รู้จักเอาสิ่งที่พบเห็น ไปทำให้เกิดประโยชน์หรือเอาไปใช้แบบผิดๆ
มันก็ย่อมเป็นโทษ
แบบเดียวกับ โสกะและคุณคนธรรมดา ที่เห็นกองขี้หมา แทนที่จะเอาไปใส่ต้นไม้
กลับเอาไปดม.....นี่แหล่ะเขาเรียก .....คนโง่ขาดซึ่งสติปัญญา


ปล.แล้วอย่าเอาความเห็นของผมไปดมอีกล่ะ
ลองพิจารณาดูว่ามันจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อจิตใจอย่างไร
:b32:


โพสต์ เมื่อ: 28 ธ.ค. 2013, 16:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
asoka เขียน:
โฮฮับ เขียน:
asoka เขียน:
โฮฮับ เขียน:
asoka เขียน:
คนธรรมดาๆ เขียน:
โค้ด:
นี่แหละคือกฏเกณฑ์ ของอโศกะ

เมตตา ให้อภัย มีน้ำใจไมตรีต่อกัน อยู่ร่วมกันอย่างศานติสุข


:b8: เมตตาเนี่ยดีครับ ผมสาธุ

แต่คาดหวังให้คนอื่นมีเมตตาเนี่ย ไม่ดี จะทุกข์ครับ

:b16:
คาดหวังให้คนอื่นมีเมตตา จากจิตใจของผู้ไร้อัตตา ไม่เป็นทุกข์หรอกครับ มีแต่คุณและบุญกุศล
:b37:


ดีครับต่างคนต่างช่วยกันปลอบใจ อัดอั่นตันใจด้วยกันทั้งคู่ :b32:

:b12: :b12: :b12: :b12:
โฮฮับมั้ง ที่อัดอั้นตันใจเนี๊ยะ ไม่รู้จะระบายออกยังไง เลยมาไถลว่าคนอื่น

ดูถ้อยคำที่พูดซิ เขาพูดด้วยเมตตาปารถนาดีกัน ไม่่ใช่มากระแนะกระแหนกันอย่างคนมีปมเช่นโฮฮับหรอกนะ สังเกต พิจารณาดูให้ดีๆ

:b11: :b11:
:b12: :b12: :b12: :b12:


เอาน่ามันก็รู้ดีอยู่แก่ใจ โกหกคนอื่นได้ แต่โกหกตัวเองไม่ได้หรอกครับ

คุณคนธรรมดา เขาก็เหมือนคุณนั้นแหล่ะครับ ชอบดมขี้หมา :b32:

:b12: :b12: :b12:

่ตกลงยังยอมสารภาพและรับความจริงอยู่ว่า...ความเห็นของโฮฮับนั้นเหม็นเหมือนขี้หมาอยู่นะครับ

:b12: :b12: :b12: :b12:


พูดแก่นธรรมให้ฟัง ถ้ายังมัวเมากับอวิชา ไม่พยายามสำเนียกรู้ ผมก็จนปัญญาจะอธิบาย :b32:

แต่อยากจะบอกให้หน่อย.....ก้อนขี้หมาถ้าคนมีปัญญา เขาก็รู้จักไปทำให้เกิดประโยชน์
เช่นทำปุ๋ยใส่ต้นไม้ให้เจริญงอกงาม คำพูดของคนก็เช่นกัน ความสำคัญมันไม่ได้อยู่ที่สำเนียง
แต่มันอยู่ที่เนื้อหา ถ้ารู้จักเอาไปพิจารณาให้เกิดปัญญา มันก็เหมือนก้อนขี้หมา ไม่ต่างกัน

เช่นกันคนโง่ ถ้าไม่รู้จักเอาสิ่งที่พบเห็น ไปทำให้เกิดประโยชน์หรือเอาไปใช้แบบผิดๆ
มันก็ย่อมเป็นโทษ
แบบเดียวกับ โสกะและคุณคนธรรมดา ที่เห็นกองขี้หมา แทนที่จะเอาไปใส่ต้นไม้
กลับเอาไปดม.....นี่แหล่ะเขาเรียก .....คนโง่ขาดซึ่งสติปัญญา


ปล.แล้วอย่าเอาความเห็นของผมไปดมอีกล่ะ
ลองพิจารณาดูว่ามันจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อจิตใจอย่างไร
:b32:

:b11:
ผมไม่ดมหรอกเพียงแต่ยืนพิจารณาห่างๆก็รู้ว่าความเห็นของโฮฮับมันเหม็น มันผิดศีลผิดธรรม มันเพี้ยนมากยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ
จาก มรรค 8 ปฏิบัติได้เฉพาะพระอริยเจ้า

ให้ความหมายของ ตถตาก็ยังไม่ได้

วันนี้ยังไปตั้งกระทู้ใหม่อีกว่าธรรมะ ไม่ใช่ธรรมชาติ
แสดงว่าธรรมะเป็นสิ่งที่คนประดิษฐ์ขึ้นมาเสียล่ะซิ

เพี้ยนไปใหญ่แล้วนะโฮฮับ
:b34:


โพสต์ เมื่อ: 28 ธ.ค. 2013, 19:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
โฮฮับ เขียน:
asoka เขียน:
โฮฮับ เขียน:
asoka เขียน:
โฮฮับ เขียน:
asoka เขียน:
คนธรรมดาๆ เขียน:
โค้ด:
นี่แหละคือกฏเกณฑ์ ของอโศกะ

เมตตา ให้อภัย มีน้ำใจไมตรีต่อกัน อยู่ร่วมกันอย่างศานติสุข


:b8: เมตตาเนี่ยดีครับ ผมสาธุ

แต่คาดหวังให้คนอื่นมีเมตตาเนี่ย ไม่ดี จะทุกข์ครับ

:b16:
คาดหวังให้คนอื่นมีเมตตา จากจิตใจของผู้ไร้อัตตา ไม่เป็นทุกข์หรอกครับ มีแต่คุณและบุญกุศล
:b37:


ดีครับต่างคนต่างช่วยกันปลอบใจ อัดอั่นตันใจด้วยกันทั้งคู่ :b32:

:b12: :b12: :b12: :b12:
โฮฮับมั้ง ที่อัดอั้นตันใจเนี๊ยะ ไม่รู้จะระบายออกยังไง เลยมาไถลว่าคนอื่น

ดูถ้อยคำที่พูดซิ เขาพูดด้วยเมตตาปารถนาดีกัน ไม่่ใช่มากระแนะกระแหนกันอย่างคนมีปมเช่นโฮฮับหรอกนะ สังเกต พิจารณาดูให้ดีๆ

:b11: :b11:
:b12: :b12: :b12: :b12:


เอาน่ามันก็รู้ดีอยู่แก่ใจ โกหกคนอื่นได้ แต่โกหกตัวเองไม่ได้หรอกครับ

คุณคนธรรมดา เขาก็เหมือนคุณนั้นแหล่ะครับ ชอบดมขี้หมา :b32:

:b12: :b12: :b12:

่ตกลงยังยอมสารภาพและรับความจริงอยู่ว่า...ความเห็นของโฮฮับนั้นเหม็นเหมือนขี้หมาอยู่นะครับ

:b12: :b12: :b12: :b12:


พูดแก่นธรรมให้ฟัง ถ้ายังมัวเมากับอวิชา ไม่พยายามสำเนียกรู้ ผมก็จนปัญญาจะอธิบาย :b32:

แต่อยากจะบอกให้หน่อย.....ก้อนขี้หมาถ้าคนมีปัญญา เขาก็รู้จักไปทำให้เกิดประโยชน์
เช่นทำปุ๋ยใส่ต้นไม้ให้เจริญงอกงาม คำพูดของคนก็เช่นกัน ความสำคัญมันไม่ได้อยู่ที่สำเนียง
แต่มันอยู่ที่เนื้อหา ถ้ารู้จักเอาไปพิจารณาให้เกิดปัญญา มันก็เหมือนก้อนขี้หมา ไม่ต่างกัน

เช่นกันคนโง่ ถ้าไม่รู้จักเอาสิ่งที่พบเห็น ไปทำให้เกิดประโยชน์หรือเอาไปใช้แบบผิดๆ
มันก็ย่อมเป็นโทษ
แบบเดียวกับ โสกะและคุณคนธรรมดา ที่เห็นกองขี้หมา แทนที่จะเอาไปใส่ต้นไม้
กลับเอาไปดม.....นี่แหล่ะเขาเรียก .....คนโง่ขาดซึ่งสติปัญญา


ปล.แล้วอย่าเอาความเห็นของผมไปดมอีกล่ะ
ลองพิจารณาดูว่ามันจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อจิตใจอย่างไร
:b32:

:b11:
ผมไม่ดมหรอกเพียงแต่ยืนพิจารณาห่างๆก็รู้ว่าความเห็นของโฮฮับมันเหม็น มันผิดศีลผิดธรรม มันเพี้ยนมากยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ
จาก มรรค 8 ปฏิบัติได้เฉพาะพระอริยเจ้า

ให้ความหมายของ ตถตาก็ยังไม่ได้

วันนี้ยังไปตั้งกระทู้ใหม่อีกว่าธรรมะ ไม่ใช่ธรรมชาติ
แสดงว่าธรรมะเป็นสิ่งที่คนประดิษฐ์ขึ้นมาเสียล่ะซิ

เพี้ยนไปใหญ่แล้วนะโฮฮับ
:b34:


ไปอ่านให้เข้าใจ จะได้รู้ว่า อะไรเป็นของพระพุทธเจ้า
อะไรเป็นสิ่งที่ไม่มีเจ้าของ ผมตั้งกระทู้มาเพื่ออธิบายความเขลาของโสกะโดยเฉพาะ :b32:


โพสต์ เมื่อ: 30 ธ.ค. 2013, 22:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




GEDC1775_resize.JPG
GEDC1775_resize.JPG [ 78.03 KiB | เปิดดู 3667 ครั้ง ]
โฮฮับ เขียน:
asoka เขียน:
โฮฮับ เขียน:
asoka เขียน:
โฮฮับ เขียน:
asoka เขียน:
โฮฮับ เขียน:
asoka เขียน:
คนธรรมดาๆ เขียน:
โค้ด:
นี่แหละคือกฏเกณฑ์ ของอโศกะ

เมตตา ให้อภัย มีน้ำใจไมตรีต่อกัน อยู่ร่วมกันอย่างศานติสุข


:b8: เมตตาเนี่ยดีครับ ผมสาธุ

แต่คาดหวังให้คนอื่นมีเมตตาเนี่ย ไม่ดี จะทุกข์ครับ

:b16:
คาดหวังให้คนอื่นมีเมตตา จากจิตใจของผู้ไร้อัตตา ไม่เป็นทุกข์หรอกครับ มีแต่คุณและบุญกุศล
:b37:


ดีครับต่างคนต่างช่วยกันปลอบใจ อัดอั่นตันใจด้วยกันทั้งคู่ :b32:

:b12: :b12: :b12: :b12:
โฮฮับมั้ง ที่อัดอั้นตันใจเนี๊ยะ ไม่รู้จะระบายออกยังไง เลยมาไถลว่าคนอื่น

ดูถ้อยคำที่พูดซิ เขาพูดด้วยเมตตาปารถนาดีกัน ไม่่ใช่มากระแนะกระแหนกันอย่างคนมีปมเช่นโฮฮับหรอกนะ สังเกต พิจารณาดูให้ดีๆ

:b11: :b11:
:b12: :b12: :b12: :b12:


เอาน่ามันก็รู้ดีอยู่แก่ใจ โกหกคนอื่นได้ แต่โกหกตัวเองไม่ได้หรอกครับ

คุณคนธรรมดา เขาก็เหมือนคุณนั้นแหล่ะครับ ชอบดมขี้หมา :b32:

:b12: :b12: :b12:

่ตกลงยังยอมสารภาพและรับความจริงอยู่ว่า...ความเห็นของโฮฮับนั้นเหม็นเหมือนขี้หมาอยู่นะครับ

:b12: :b12: :b12: :b12:


พูดแก่นธรรมให้ฟัง ถ้ายังมัวเมากับอวิชา ไม่พยายามสำเนียกรู้ ผมก็จนปัญญาจะอธิบาย :b32:

แต่อยากจะบอกให้หน่อย.....ก้อนขี้หมาถ้าคนมีปัญญา เขาก็รู้จักไปทำให้เกิดประโยชน์
เช่นทำปุ๋ยใส่ต้นไม้ให้เจริญงอกงาม คำพูดของคนก็เช่นกัน ความสำคัญมันไม่ได้อยู่ที่สำเนียง
แต่มันอยู่ที่เนื้อหา ถ้ารู้จักเอาไปพิจารณาให้เกิดปัญญา มันก็เหมือนก้อนขี้หมา ไม่ต่างกัน

เช่นกันคนโง่ ถ้าไม่รู้จักเอาสิ่งที่พบเห็น ไปทำให้เกิดประโยชน์หรือเอาไปใช้แบบผิดๆ
มันก็ย่อมเป็นโทษ
แบบเดียวกับ โสกะและคุณคนธรรมดา ที่เห็นกองขี้หมา แทนที่จะเอาไปใส่ต้นไม้
กลับเอาไปดม.....นี่แหล่ะเขาเรียก .....คนโง่ขาดซึ่งสติปัญญา


ปล.แล้วอย่าเอาความเห็นของผมไปดมอีกล่ะ
ลองพิจารณาดูว่ามันจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อจิตใจอย่างไร
:b32:

:b11:
ผมไม่ดมหรอกเพียงแต่ยืนพิจารณาห่างๆก็รู้ว่าความเห็นของโฮฮับมันเหม็น มันผิดศีลผิดธรรม มันเพี้ยนมากยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ
จาก มรรค 8 ปฏิบัติได้เฉพาะพระอริยเจ้า

ให้ความหมายของ ตถตาก็ยังไม่ได้

วันนี้ยังไปตั้งกระทู้ใหม่อีกว่าธรรมะ ไม่ใช่ธรรมชาติ
แสดงว่าธรรมะเป็นสิ่งที่คนประดิษฐ์ขึ้นมาเสียล่ะซิ

เพี้ยนไปใหญ่แล้วนะโฮฮับ
:b34:


ไปอ่านให้เข้าใจ จะได้รู้ว่า อะไรเป็นของพระพุทธเจ้า
อะไรเป็นสิ่งที่ไม่มีเจ้าของ ผมตั้งกระทู้มาเพื่ออธิบายความเขลาของโสกะโดยเฉพาะ :b32:

:b34:
เป็นความเขลา ความเห็นผิด ความอวดรู้อวดฉลาดของโฮฮับ จนสำคัญว่า ธรรมะกับธรรมชาติเป็นคนละอันกัน
ยิ่งแสดงความเห็นมากไปเท่าไรก็ยิ่งบิดเบือนธรรมไปมากเท่านั้น ไปสังเกตการณ์มาแล้วกระทู้ใหม่ที่โฮฮับตั้ง ก็มีท่านกรัชกายมาชี้แจง ยกหลักฐานที่พระบรมศาสดามาให้ดู โฮฮับก็ยังไม่ยอมเชื่อ

พระบรมศาสดาทรงตรัสไว้แล้วว่า ธรรมะหรือธรรมชาตินั้นเขาเป็นมาอยู่อย่างนั้นคู่โลกคู่จักรวาล พระบรมศาสดา มาทรงค้นพบแล้วนำมาสั่งสอนแนะนำชาวโลก เท่านั้น

แต่โฮฮับมากล่าวตู่ว่าธรรมะเป็นของพระสมณะโคดมพุทธเจ้า เป็นการพูดโดยไม่ได้คำนึงถึงคำสอนคำบอกของพระพุทธเจ้า ในเรื่องที่ว่า พระพุทธเจ้าที่อุบัติขึ้นมาในโลกนี้ มีจำนวนเท่าเม็ดหินเม็ดทรายในท้องสมุทร

ถ้าธรรมะเป็นของพระสมณะโคดมพุทธเจ้า แล้วพระพุทธเจ้าองค์อื่นๆละ ทั้งที่เกิดมาก่อนพระสมณะโคดมพุทธเจ้าและที่จะเกิดหลังๆต่อไปอีกจำนวนนับไม่ถ้วน ท่านต้องไปเอาธรรมะจากพระสมณโคดมพุทธเจ้าอย่างนั้นหรือ

เหตุผลเพียงแค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะตัดสินว่าความเห็นของโฮฮับนั้นผิดธรรม ยิ่งแสดงออกไปยิ่งทำให้ผู้คนสับสน ในธรรม

ดังนั้นอโศกะจึงไม่ไปแสดงความเห็นในกระทู้ใหม่ของโฮฮับ ไม่อยากไปมีส่วนร่วมในการเผยแพร่สิ่งที่ผิดๆ และความชั่วบาป ของโฮฮับต่อมวลชนทั้งหลาย จึงเชิญโฮฮับพล่ามไปตามสบาย

บัณฑิตท่านมาเห็นแค่ชื่อกระทู้ของโฮฮับ....."ธรรมะ ไม่ใช่ธรรมชาติ"........ธรรมะเป็นของพระสมณโคดมพุทธเจ้า".......เพียงแค่นี้ท่านก็จะยิ้มด้วยความสงสารสัตว์โลกผู้โง่เขลา แถมยังดึงเอาพุทธพจน์มาบิดเบือนอ้างสนับสนุนความเห็นผิดของตนเอง

เดียวก็รู้นะโฮฮับ ว่าปล่อยไก่ตัวเบ้อเร้อ ประจานตนเองต่อหน้าสาธารณชนทั่วโลก

:b34: :b34: :b34: :b34:
โพสต์ เมื่อ: 04 ม.ค. 2014, 12:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
:b36:
:b37:
:b38:
สวัสดีปีใหม่นะครับ มิตรสหายในธรรมทุกๆท่าน
smiley
ปีใหม่นี้เราคงผ่านด่านโฮฮับไปสนทนาธรรมกันได้สบายๆไปตามครรลองแห่งธรรมกันแล้วนะครับ โฮฮับก็คงปรับปรุงนิสัยใหม่ ตั้งใจใหม่ ให้เป็นคนที่ดียิ่งขึ้นกว่าปีที่แล้ว ลานธรรมจะได้สงบและเป็นสุข
:b16: :b16:
กลับมาต่อกระทู้นี้ให้จบสมบูรณ์ตามธรรมกันดีกว่านะครับ

"ครึ่งชั่วโมง ทำใจให้สงบจากนิวรณ์ 5 ไม่ได้ รู้มากมายก็ไร้ค่า"

"รู้มากมาย ก็ไร้ค่า"....กับ....."ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด".......นี่ก็มีความหมายคล้ายๆกันนะครับคือ

รู้ แต่ยังทำไม่ได้ตามที่รู้


นิวรณืธรรมทั้ง 5 จะสงบลงได้ มีอยู่ 2 วิธีดังได้เคยกล่าวไว้แล้วในตอนแรกๆของกระทู้ คือ

1.สบยหรือกลบบังไว้โดยสมถะภาวนา

2.ขุดถอนหรือชำระออกจากใจโดยวิปัสสนาภาวนา

:b48:
1.การสยบหรือกลบบังไว้ด้วยสมถะภาวนานั้น เป็นวิธีที่ค้นคว้าและทำกันมานานตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ก่อนครั้งพุทธกาลเสียอีก ที่รวบรวมเป็นสถิติและหลักฐานชัดเจนก็คือ กรรมฐาน 40 อย่าง ส่วนวิธีการปลีกย่อยอื่นๆนั้นก็แล้วแต่การศึกษาค้นคว้าและปฏิบัติของแต่ละชาติแต่ละภาษาแต่ละศาสนา ความเชื่อถือ

หลักการจริงๆก็คือ ผูกจิต มัดจิตมัดใจไว้กับ ภาพนิมิตร คาถา คำบริกรรม กิริยาอาการ หรือการกระทำต่างๆ จนลืมความเป็นจริงในปัจจุบันอารมณ์ของตน จนมีอารมณ์กรรมฐานเป็นอารมณ์ปัจจุบันแต่เพียงหนึ่งเดียว ทรงอารมณ์เดียวนั้นไปนานๆ จนเข้าถึงฌาณได้ตามลำดับขึ้นไปจนถึงฌาณที่ 8 หรืออรูปฌาณที่ 4 เป็นสูงสุดของสมถะภาวนา


2.ขุดถอนหรือชำระออกจากใจโดยวิปัสสนาภาวนา.....

วิชาวิปัสสนาภาวนาเป็นวิชาที่เกิดขึ้นมาใหม่หลังจากมีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาในโลก

พระพุทธเจ้าทรงสอนวิชาวิปัสสนาภาวนาแก่ชาวโลกตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์เป็นหลักใหญ่

วิปัสสนาภาวนาเป็นชื่อย่อของการเจริญมรรค 8 อันอริยสัจข้อที่ 4 ในอริยสัจ 4 เป็นตัวทำงานของอริยสัจ 4

วิ.......วิเศษ.....พิเศษ.......ยิ่ง

ปัสสนา......มาจากคำว่า...."ทัศนา"แปลว่า มอง.....เห็น.....ดู.....จนเกิดเป็น......รู้......ขึ้นมาในที่สุด

ภาวนา.....การทำให้เจริญงอกงามขึ้น....ซึ่งจะต้องอาศัย การสังเกต พิจารณา เป็นสำคัญ

วิปัสสนาภาวนา........จึงมีความหมายโดยรวมว่า การเฝ้ามอง ดู สังเกต พิจารณา สิ่งวิเศษ ในที่นี่ก็คือ ธรรม หรือธรรมชาติที่ปรากฏขึ้นในกายและจิตของมนุษย์ โดยเน้นที่ทุกขสัจจะ อันเป็นอริยสัจข้อที่ 1 เพื่อให้รู้ ถึงเหตุทุกข์และผลของปรากฏการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นและหมุนเวียนเปลี่ยนไปในใจกายของมนุษย์ จนกว่าจะค้นพบเหตุ หรือสมุทัย อันเป็นอริยสัจข้อที่ 2

ประเด็นและจุดสำคัญของการค้นคว้าหรือปฏิบัติภาวนา ต้องทำที่ปัจจุบันอารมณ์ หรือปัจจุบันธรรม

เมื่อค้นคว้าเข้าไปอย่างตั้งใจ ฉลาด แยบคาย และจริงจัง ในที่สุดก็จะพบเหตุ สติปัญญารู้จักเหตุแล้ว จักถอนทำลายเหตุอันเป็นอุปาทานหรือความเห็นผิด(สักกายทิฏฐิ) และความยึดผิด (มานะทิฏฐิ)ที่ผูกติดผูกมัดอยู่ในใจมานานแสนนาน ให้ขาดสะบั้นทำลายลงจนหมดจดจากจิตจากใจไปตามลำดับ.....ท้ายที่สุด นิโรธ หรือนิพพาน อันเป็นผล เป็นอริยสัจข้อ ที่ 3 ก็จะผุดปรากฏชัดและเป็นจริงขึ้นมาในจิตในใจของเจ้าของผู้เจริญหรือปฏิบัติวิปัสสนาภาวนามาอย่างถูกต้องโดยตลอด

:b36:
:b37:
จักได้อธิบายต่อไปโดยลำดับ
:b8:


โพสต์ เมื่อ: 04 ม.ค. 2014, 14:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณน้องเกิดสภาวะบางอย่างขณะนั่งอ่านเวปพุทธศาสนา ในขณะที่เราตั้งใจอ่านอยู่ในอารมณ์สงบ อยู่ๆก็เกิดอาการรับรู้ถึงแรงเต้นตอดของหัวใจ และมันก็ดังขึ้นๆๆ ดังตึกๆๆๆ จนคุณน้องเสียสมาธิจากการอ่านมาสนใจกับแรงเต้นของหัวใจข้างใน พอเข้าไปจดจ่อกับมัน มันยิ่งเต้นหนักกว่าเดิม จนคุนน้องสังเกตุตัวเองว่าร่ายกายเหมือนมันกระตุกไปตามแรงเต้นหัวใจ คุณน้องเลยถามเพื่อนว่า เทอมองเห็นว่าเรามีอาการตัวกระตุกๆไหม เค้าก้บอกไม่นะ คุณน้องก็บอกเค้าว่า ตอนนี้เราได้ยินเสียงใจเต้นตอดแรงๆมาก เต้นตึกๆๆๆอยู่แบบนั้น และเริ่มรำคาญแล้วว่ะ อยากให้มันหายไม่ชอบแบบนี้ ไม่อยากรับรู้แรงเต้นตอดหัวใจ คุณน้องพยายามเปลี่ยนอริยาบถ แรงเต้นมันก็ลดลง แต่พออยู่นิ่งๆมาอีกแล้วกระเพื่มตึกๆๆๆๆ แต่พอลุกไปทำนั้นทำนี่มันก็หายไปเอง แต่คุณน้องก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่า ทำไมคุณน้องรับรู้แรงเต้นตอดของหัวใจแล้ว คุณน้องระงับนิวรณ์ไม่ได้ ยิ่งแรงเต้นตอดมากแค่ไหนคุณน้องยิ่งรำคาญ 555+ ไม่เห็นสงบเลย ทำไงดี แล้วทำไงถึงจะผ่านไปได้อ่ะ คือดูรู้ตามที่มันเป็นหรอ คือก็ดูตามที่มันเป็นแล้วนะแต่มันรำคาญอ่าอยากหลุดออกไปจากสภาวะที่เป็นอยู่ ทำไมเป็นแบบนี้นะ s002


โพสต์ เมื่อ: 04 ม.ค. 2014, 15:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
คุณน้องเกิดสภาวะบางอย่างขณะนั่งอ่านเวปพุทธศาสนา ในขณะที่เราตั้งใจอ่านอยู่ในอารมณ์สงบ อยู่ๆก็เกิดอาการรับรู้ถึงแรงเต้นตอดของหัวใจ และมันก็ดังขึ้นๆๆ ดังตึกๆๆๆ จนคุณน้องเสียสมาธิจากการอ่านมาสนใจกับแรงเต้นของหัวใจข้างใน พอเข้าไปจดจ่อกับมัน มันยิ่งเต้นหนักกว่าเดิม จนคุนน้องสังเกตุตัวเองว่าร่ายกายเหมือนมันกระตุกไปตามแรงเต้นหัวใจ คุณน้องเลยถามเพื่อนว่า เทอมองเห็นว่าเรามีอาการตัวกระตุกๆไหม เค้าก้บอกไม่นะ คุณน้องก็บอกเค้าว่า ตอนนี้เราได้ยินเสียงใจเต้นตอดแรงๆมาก เต้นตึกๆๆๆอยู่แบบนั้น และเริ่มรำคาญแล้วว่ะ อยากให้มันหายไม่ชอบแบบนี้ ไม่อยากรับรู้แรงเต้นตอดหัวใจ คุณน้องพยายามเปลี่ยนอริยาบถ แรงเต้นมันก็ลดลง แต่พออยู่นิ่งๆมาอีกแล้วกระเพื่มตึกๆๆๆๆ แต่พอลุกไปทำนั้นทำนี่มันก็หายไปเอง แต่คุณน้องก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่า ทำไมคุณน้องรับรู้แรงเต้นตอดของหัวใจแล้ว คุณน้องระงับนิวรณ์ไม่ได้ ยิ่งแรงเต้นตอดมากแค่ไหนคุณน้องยิ่งรำคาญ 555+ ไม่เห็นสงบเลย ทำไงดี แล้วทำไงถึงจะผ่านไปได้อ่ะ คือดูรู้ตามที่มันเป็นหรอ คือก็ดูตามที่มันเป็นแล้วนะแต่มันรำคาญอ่าอยากหลุดออกไปจากสภาวะที่เป็นอยู่ ทำไมเป็นแบบนี้นะ s002


ในทางการแพทย์ท่านว่า...หัวใจเต้นผิดจังหวะ
ในเรื่องความรักกามเทพว่า....เธอโดนฉันยิงศรปักอก
ในเรื่องไสยศาสตร์เทพธิดาพยากรณ์บอกว่า เธอโดนเจ้ากรรมนายเวรเสกหนังควายเข้าท้อง
ถ้าเป็นเรื่องอภินิหารย์ ท่านโยคีฤษีศีลบอกว่า ........ขณะนี้คุณกำลังเข้าสู่บริการรับฝากหัวใจ ตอดๆๆๆๆๆๆ

ยัยน้องพี่โฮถาม.....หล่อนจะเชื่อคำพูดไหน :b13:


โพสต์ เมื่อ: 04 ม.ค. 2014, 16:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
สวัสดีปีใหม่นะครับ มิตรสหายในธรรมทุกๆท่าน
smiley
ปีใหม่นี้เราคงผ่านด่านโฮฮับไปสนทนาธรรมกันได้สบายๆไปตามครรลองแห่งธรรมกันแล้วนะครับ โฮฮับก็คงปรับปรุงนิสัยใหม่ ตั้งใจใหม่ ให้เป็นคนที่ดียิ่งขึ้นกว่าปีที่แล้ว ลานธรรมจะได้สงบและเป็นสุข
:b16: :b16:
กลับมาต่อกระทู้นี้ให้จบสมบูรณ์ตามธรรมกันดีกว่านะครับ


ผมโฮฮับขอบอกยากครับ เที่ยวบังคับให้คนอื่นปรับปรุงตัว อ้างว่าเป็นนักปฏิบัติ
เพียงแค่เรื่องเล็กๆยังไม่รู้......มันต้องเป็นตัวเองที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับเขา
ไม่ใช่มาบังคับเขาให้เข้ากับเรา

ผมเคยแนะนำไปแล้วว่า รับคนอื่นไม่ได้ เราต้องไปพูดในห้องน้ำห้องส้วมคนเดียว
มาพูดในที่สาธารณะ แล้วจะให้คนอื่นเชื่อฟัง โสกะจะต้องถือM16มาด้วยครับ :b32:


โพสต์ เมื่อ: 04 ม.ค. 2014, 16:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
nongkong เขียน:
คุณน้องเกิดสภาวะบางอย่างขณะนั่งอ่านเวปพุทธศาสนา ในขณะที่เราตั้งใจอ่านอยู่ในอารมณ์สงบ อยู่ๆก็เกิดอาการรับรู้ถึงแรงเต้นตอดของหัวใจ และมันก็ดังขึ้นๆๆ ดังตึกๆๆๆ จนคุณน้องเสียสมาธิจากการอ่านมาสนใจกับแรงเต้นของหัวใจข้างใน พอเข้าไปจดจ่อกับมัน มันยิ่งเต้นหนักกว่าเดิม จนคุนน้องสังเกตุตัวเองว่าร่ายกายเหมือนมันกระตุกไปตามแรงเต้นหัวใจ คุณน้องเลยถามเพื่อนว่า เทอมองเห็นว่าเรามีอาการตัวกระตุกๆไหม เค้าก้บอกไม่นะ คุณน้องก็บอกเค้าว่า ตอนนี้เราได้ยินเสียงใจเต้นตอดแรงๆมาก เต้นตึกๆๆๆอยู่แบบนั้น และเริ่มรำคาญแล้วว่ะ อยากให้มันหายไม่ชอบแบบนี้ ไม่อยากรับรู้แรงเต้นตอดหัวใจ คุณน้องพยายามเปลี่ยนอริยาบถ แรงเต้นมันก็ลดลง แต่พออยู่นิ่งๆมาอีกแล้วกระเพื่มตึกๆๆๆๆ แต่พอลุกไปทำนั้นทำนี่มันก็หายไปเอง แต่คุณน้องก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่า ทำไมคุณน้องรับรู้แรงเต้นตอดของหัวใจแล้ว คุณน้องระงับนิวรณ์ไม่ได้ ยิ่งแรงเต้นตอดมากแค่ไหนคุณน้องยิ่งรำคาญ 555+ ไม่เห็นสงบเลย ทำไงดี แล้วทำไงถึงจะผ่านไปได้อ่ะ คือดูรู้ตามที่มันเป็นหรอ คือก็ดูตามที่มันเป็นแล้วนะแต่มันรำคาญอ่าอยากหลุดออกไปจากสภาวะที่เป็นอยู่ ทำไมเป็นแบบนี้นะ s002


ในทางการแพทย์ท่านว่า...หัวใจเต้นผิดจังหวะ
ในเรื่องความรักกามเทพว่า....เธอโดนฉันยิงศรปักอก
ในเรื่องไสยศาสตร์เทพธิดาพยากรณ์บอกว่า เธอโดนเจ้ากรรมนายเวรเสกหนังควายเข้าท้อง
ถ้าเป็นเรื่องอภินิหารย์ ท่านโยคีฤษีศีลบอกว่า ........ขณะนี้คุณกำลังเข้าสู่บริการรับฝากหัวใจ ตอดๆๆๆๆๆๆ

ยัยน้องพี่โฮถาม.....หล่อนจะเชื่อคำพูดไหน :b13:

ไม่เชื่อสักกะอย่างเลย :b32: :b32:


โพสต์ เมื่อ: 04 ม.ค. 2014, 17:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วางหลักสมถะ กับ วิปัสสนาเทียบเคียง พึงสังเกตสมถะกับวิปัสสนาอาศัยกันด้วย


อ้างคำพูด:
สติ ทำกิจสำคัญทั้งในสมถะ และในวิปัสสนา เทียบระหว่างบทบาทของสติ ในสมถะ กับ ในวิปัสสนา

ในสมถะ สติ กุมจิตไว้กับอารมณ์ หรือดึงอารมณ์ไว้กับจิต เพียงเพื่อให้จิตเพ่งแน่วแน่หรือจับแนบสนิทอยู่กับอารมณ์นั้น นิ่งสงบไม่ส่าย ไม่ซ่านไปที่อื่น เมื่อจิตแน่วแน่แนบสนิทอยู่กับอารมณ์นั้น เป็นหนึ่งเดียวต่อเนื่องไปสม่ำเสมอ ก็เรียกว่าเป็นสมาธิ และเพียงเท่านี้ สมถะก็สำเร็จ

ส่วนในวิปัสสนา สติ กำหนดอารมณ์ให้แก่จิต หรือดึงจิตไว้กับอารมณ์เหมือนกัน แต่มุ่งให้จิตเป็นที่วางอารมณ์ เพื่อเสนออารมณ์นั้นให้ปัญญาตรวจสอบพิจารณา คือจับอารมณ์ไว้ให้ปัญญาตรวจดู และวิเคราะห์วิจัยโดยใช้จิตที่ตั้งมั่น เป็นที่ทำงาน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 925 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 15, 16, 17, 18, 19, 20, 21 ... 62  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร