วันเวลาปัจจุบัน 16 มิ.ย. 2024, 04:41  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 65 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2018, 12:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2159

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
คุณกรัชกาย น่าจะยกพระไตรปิฎกทั้งสามมาให้หมดเรยนะคะ

จะได้เห็นชัดๆๆ ทั้งหมด


พระสูตรต่างๆ ที่คุณกรัชกาย ยกมานั้น สรุป ง่ายๆคือ
พระสูตรเหล่านั้น พระพุทธองค์สอนให้รู้ว่า ความอยากในโลกีย์สุขน่ะ ทำได้ยังไง ?

แต่คุณกรัชกายไม่ได้ยกพระสูตร ต่อมา ว่า ความอยากหาความสุขทางโลกแบบนั้น
จะเวียนว่ายตายเกิดไปเป็นอะไรบ้าง ไปสู่ภพภูมิไหน


ซึ่งคนที่ถ้าอ่านพระไตรปิฎกทั้งหมดครบถ้วนแล้ว พอมีปัญญาเห็นแล้ว

จะเห็นพระพุทธองค์สอนสรุปว่า

นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ นิพฺพาน สุขา ปรํ นตฺถิ

คือสอนให้ออกจากโลกพ้นจากโลกค่ะ


คุณโรสว่า "ตถาคตไม่ได้สอนวิชาการทางโลกค่ะ"

อ้างคำพูด:
เกิดเป็นคนแล้วอย่าให้เสียชาติที่ได้เกิดเป็นชายค่ะ คิดตรงไม่เป็นจริงๆเลย เอ้าจะให้ว่าไงคะ
ตถาคตไม่ได้สอนวิชาการทางโลกค่ะ ทรงสอนความจริงเดี๋ยวนี้ ก็คิดให้ถูกตามตรงคำที่อ่าน
ไม่สอดแทรกความคิดเห็นของตนเองเพิ่มเข้าไปในข้อความที่อ่านคืออ่านและคิดตามเท่านั้น
อ่านใหม่สิคะข้างบนนั้นน่ะแล้วน้อมจิตไปดูพฤติกรรมผู้ที่ทำผิดทั่วเมืองกำลังมีเกิดขึ้นจริงไหม
มีความจริงตามที่มีคนมาบอกกล่าวเล่าให้อ่านตรงตามที่เขาเขียนไหมเขาพูดคำจริงแทนตถาคตไหม
ถ้าบวชแล้วสละเงินทองไม่ได้แสดงว่ามีอัธยาศัยแบบคฤหัสถ์นะคะต้องมาอยู่ทำมาหากินแบบคฤหัสถ์ค่ะ


กรัชกายไปหาคำสอนการดำเนินชีวิตตามวิถีพุทธมาหักล้างคำพูดคุณโรสแล้ว ว่าคำสอนทางโลกน่ามีอยู่ ไม่ใช่ไม่มี มีเยอะด้วย :b13:

ก่อนพระพุทธเจ้าจะสอนคนท่านดูอุปนิสัย ตัวอย่างก็ที่สอนกาลามชนนั่นแล มิใช่ไปยัดเยียดหรือบีบบังคับให้เขาเชื่อให้เขาทำอะไรซึ่งมันเกินสติกำลังของเขา คนเขาอยากประสบผลสำเร็จในทิฏฐธัมม์พระองค์ก็สอนหลักทิฏฐธรรมิกัตถประโยชน์ให้ ดังนี้เป็นต้น

ส่วนผู้มีอุปนิสัยยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ก็แนะนำให้ แม่นบ่คับ :b1:


ไม่ใช่หรอกค่ะ

นับแต่วันแรก ที่พระพุทธองค์ตรัสรู้
ทรงตั้งพระทัยสอน ตั้งใจสอนให้สำเร็จอย่างที่พระพุทธองค์ได้ปฎิบัติ และทรงตรัสรู้มา

แต่ทรงเห็นว่ายาก ที่จะมีคนเข้าใจ และทำได้
จนท้อพระทัยจนหลบไปอยู่ที่เร้น

แล้วพรหม ได้มาอาราธนา ให้พระพุทธองค์สอนค่ะ
พระพุทธองค์จึงได้สอน
ภายหลังวันต่อมา จึงเกิดพระอรหันต์สาวกขึ้นในโลก

พระธรรมนั้น แสดงทั้งหมด ยกตัวอย่างทั้งหมด

เป็นเรื่องของคนเข้าใจยาก กะคนเข้าใจง่าย ค่ะ








โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2018, 12:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
คุณกรัชกาย น่าจะยกพระไตรปิฎกทั้งสามมาให้หมดเรยนะคะ

จะได้เห็นชัดๆๆ ทั้งหมด


พระสูตรต่างๆ ที่คุณกรัชกาย ยกมานั้น สรุป ง่ายๆคือ
พระสูตรเหล่านั้น พระพุทธองค์สอนให้รู้ว่า ความอยากในโลกีย์สุขน่ะ ทำได้ยังไง ?

แต่คุณกรัชกายไม่ได้ยกพระสูตร ต่อมา ว่า ความอยากหาความสุขทางโลกแบบนั้น
จะเวียนว่ายตายเกิดไปเป็นอะไรบ้าง ไปสู่ภพภูมิไหน


ซึ่งคนที่ถ้าอ่านพระไตรปิฎกทั้งหมดครบถ้วนแล้ว พอมีปัญญาเห็นแล้ว

จะเห็นพระพุทธองค์สอนสรุปว่า

นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ นิพฺพาน สุขา ปรํ นตฺถิ

คือสอนให้ออกจากโลกพ้นจากโลกค่ะ


คุณโรสว่า "ตถาคตไม่ได้สอนวิชาการทางโลกค่ะ"

อ้างคำพูด:
เกิดเป็นคนแล้วอย่าให้เสียชาติที่ได้เกิดเป็นชายค่ะ คิดตรงไม่เป็นจริงๆเลย เอ้าจะให้ว่าไงคะ
ตถาคตไม่ได้สอนวิชาการทางโลกค่ะ ทรงสอนความจริงเดี๋ยวนี้ ก็คิดให้ถูกตามตรงคำที่อ่าน
ไม่สอดแทรกความคิดเห็นของตนเองเพิ่มเข้าไปในข้อความที่อ่านคืออ่านและคิดตามเท่านั้น
อ่านใหม่สิคะข้างบนนั้นน่ะแล้วน้อมจิตไปดูพฤติกรรมผู้ที่ทำผิดทั่วเมืองกำลังมีเกิดขึ้นจริงไหม
มีความจริงตามที่มีคนมาบอกกล่าวเล่าให้อ่านตรงตามที่เขาเขียนไหมเขาพูดคำจริงแทนตถาคตไหม
ถ้าบวชแล้วสละเงินทองไม่ได้แสดงว่ามีอัธยาศัยแบบคฤหัสถ์นะคะต้องมาอยู่ทำมาหากินแบบคฤหัสถ์ค่ะ


กรัชกายไปหาคำสอนการดำเนินชีวิตตามวิถีพุทธมาหักล้างคำพูดคุณโรสแล้ว ว่าคำสอนทางโลกน่ามีอยู่ ไม่ใช่ไม่มี มีเยอะด้วย :b13:

ก่อนพระพุทธเจ้าจะสอนคนท่านดูอุปนิสัย ตัวอย่างก็ที่สอนกาลามชนนั่นแล มิใช่ไปยัดเยียดหรือบีบบังคับให้เขาเชื่อให้เขาทำอะไรซึ่งมันเกินสติกำลังของเขา คนเขาอยากประสบผลสำเร็จในทิฏฐธัมม์พระองค์ก็สอนหลักทิฏฐธรรมิกัตถประโยชน์ให้ ดังนี้เป็นต้น

ส่วนผู้มีอุปนิสัยยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ก็แนะนำให้ แม่นบ่คับ :b1:


ไม่ใช่หรอกค่ะ

นับแต่วันแรก ที่พระพุทธองค์ตรัสรู้
ทรงตั้งพระทัยสอน ตั้งใจสอนให้สำเร็จอย่างที่พระพุทธองค์ได้ปฎิบัติ และทรงตรัสรู้มา

แต่ทรงเห็นว่ายาก ที่จะมีคนเข้าใจ และทำได้
จนท้อพระทัยจนหลบไปอยู่ที่เร้น

แล้วพรหม ได้มาอาราธนา ให้พระพุทธองค์สอนค่ะ
พระพุทธองค์จึงได้สอน
ภายหลังวันต่อมา จึงเกิดพระอรหันต์สาวกขึ้นในโลก

พระธรรมนั้น แสดงทั้งหมด ยกตัวอย่างทั้งหมด

เป็นเรื่องของคนเข้าใจยาก กะคนเข้าใจง่าย ค่ะ



สอนให้ขยันหมั่นเพียร เมว่าเข้าใจยากหรือเข้าใจง่าย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2018, 12:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นี่ยิ่งชัด


พระพุทธศาสนามองเห็นความสำคัญของทรัพย์ในสังคมของชาวโลกว่า ความจนเป็นความทุกข์ในโลก * (องฺ.ฉกฺก.22/316/393) ความยากไร้ขาดแคลน เป็นสาเหตุสำคัญของอาชญากรรมและความชั่วร้ายต่างๆในสังคม* (ที.ปา.11/39/70; 45/77) (เช่นเดียวกับความโลภ และสัมพันธ์กันกับความโลภด้วย) และ
ถือว่า เป็นหน้าที่ของรัฐ หรือผู้ปกครองบ้านเมืองที่จะต้องคอยเอาใจใส่ดูแลจัดสรรปันทรัพย์ให้แก่เหล่าชนผู้ไร้ทรัพย์ ไม่ให้มีคนจนยากขัดสนในแผ่นดิน * (เช่น ที.ปา.11/35/65 ฯลฯ มุ่งช่วย พร้อมกับส่งเสริมความขยัน ไม่ให้จนเพราะเกียจคร้าน) ซึ่งทั้งนี้ ย่อมต้องอาศัยวิธีการต่างๆประกอบกัน และตามที่เหมาะกับสถานการณ์

เฉพาะอย่างยิ่ง การเปิดช่องทางสร้างโอกาสให้ทวยราษฎร์ทำมาหาเลี้ยงชีพเจริญก้าวหน้าโดยสุจริต การส่งเสริมอาชีพ การจัดสรรเกี่ยวกับทุนและอุปกรณ์ ตามหลักสังคหวัตถุ ๔ * (เช่น องฺ.อฏฺฐก.23/91/152 ฯลฯ) และ
การควบคุมป้องกันไม่ให้มีอธรรมการ คือ การทำการและวิธีการทั้งหลาย ที่ไม่ชอบธรรม ไม่เป็นธรรม มีการเอารัดเอาเปรียบกัน เป็นต้น โดยที่รัฐควรถือเป็นหลักการว่า การลดหมดไปของคนยากไร้ เป็นเครื่องวัดความสำเร็จได้ดีกว่าการเพิ่มขึ้นของคนร่ำรวย และให้การลดหมดไปของความขัดสนนั้น เป็นผลของการจัดการทางสังคม ที่ไม่ละเลยการพัฒนาคน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2018, 12:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2159

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
คุณกรัชกาย น่าจะยกพระไตรปิฎกทั้งสามมาให้หมดเรยนะคะ

จะได้เห็นชัดๆๆ ทั้งหมด


พระสูตรต่างๆ ที่คุณกรัชกาย ยกมานั้น สรุป ง่ายๆคือ
พระสูตรเหล่านั้น พระพุทธองค์สอนให้รู้ว่า ความอยากในโลกีย์สุขน่ะ ทำได้ยังไง ?

แต่คุณกรัชกายไม่ได้ยกพระสูตร ต่อมา ว่า ความอยากหาความสุขทางโลกแบบนั้น
จะเวียนว่ายตายเกิดไปเป็นอะไรบ้าง ไปสู่ภพภูมิไหน


ซึ่งคนที่ถ้าอ่านพระไตรปิฎกทั้งหมดครบถ้วนแล้ว พอมีปัญญาเห็นแล้ว

จะเห็นพระพุทธองค์สอนสรุปว่า

นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ นิพฺพาน สุขา ปรํ นตฺถิ

คือสอนให้ออกจากโลกพ้นจากโลกค่ะ


คุณโรสว่า "ตถาคตไม่ได้สอนวิชาการทางโลกค่ะ"

อ้างคำพูด:
เกิดเป็นคนแล้วอย่าให้เสียชาติที่ได้เกิดเป็นชายค่ะ คิดตรงไม่เป็นจริงๆเลย เอ้าจะให้ว่าไงคะ
ตถาคตไม่ได้สอนวิชาการทางโลกค่ะ ทรงสอนความจริงเดี๋ยวนี้ ก็คิดให้ถูกตามตรงคำที่อ่าน
ไม่สอดแทรกความคิดเห็นของตนเองเพิ่มเข้าไปในข้อความที่อ่านคืออ่านและคิดตามเท่านั้น
อ่านใหม่สิคะข้างบนนั้นน่ะแล้วน้อมจิตไปดูพฤติกรรมผู้ที่ทำผิดทั่วเมืองกำลังมีเกิดขึ้นจริงไหม
มีความจริงตามที่มีคนมาบอกกล่าวเล่าให้อ่านตรงตามที่เขาเขียนไหมเขาพูดคำจริงแทนตถาคตไหม
ถ้าบวชแล้วสละเงินทองไม่ได้แสดงว่ามีอัธยาศัยแบบคฤหัสถ์นะคะต้องมาอยู่ทำมาหากินแบบคฤหัสถ์ค่ะ


กรัชกายไปหาคำสอนการดำเนินชีวิตตามวิถีพุทธมาหักล้างคำพูดคุณโรสแล้ว ว่าคำสอนทางโลกน่ามีอยู่ ไม่ใช่ไม่มี มีเยอะด้วย :b13:

ก่อนพระพุทธเจ้าจะสอนคนท่านดูอุปนิสัย ตัวอย่างก็ที่สอนกาลามชนนั่นแล มิใช่ไปยัดเยียดหรือบีบบังคับให้เขาเชื่อให้เขาทำอะไรซึ่งมันเกินสติกำลังของเขา คนเขาอยากประสบผลสำเร็จในทิฏฐธัมม์พระองค์ก็สอนหลักทิฏฐธรรมิกัตถประโยชน์ให้ ดังนี้เป็นต้น

ส่วนผู้มีอุปนิสัยยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ก็แนะนำให้ แม่นบ่คับ :b1:


ไม่ใช่หรอกค่ะ

นับแต่วันแรก ที่พระพุทธองค์ตรัสรู้
ทรงตั้งพระทัยสอน ตั้งใจสอนให้สำเร็จอย่างที่พระพุทธองค์ได้ปฎิบัติ และทรงตรัสรู้มา

แต่ทรงเห็นว่ายาก ที่จะมีคนเข้าใจ และทำได้
จนท้อพระทัยจนหลบไปอยู่ที่เร้น

แล้วพรหม ได้มาอาราธนา ให้พระพุทธองค์สอนค่ะ
พระพุทธองค์จึงได้สอน
ภายหลังวันต่อมา จึงเกิดพระอรหันต์สาวกขึ้นในโลก

พระธรรมนั้น แสดงทั้งหมด ยกตัวอย่างทั้งหมด

เป็นเรื่องของคนเข้าใจยาก กะคนเข้าใจง่าย ค่ะ



สอนให้ขยันหมั่นเพียร เมว่าเข้าใจยากหรือเข้าใจง่าย



สำหรับเมหรอ

ว่านอนสอนง่ายอยู่แร๊วววคร้า



โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2018, 12:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
คุณกรัชกาย น่าจะยกพระไตรปิฎกทั้งสามมาให้หมดเรยนะคะ

จะได้เห็นชัดๆๆ ทั้งหมด


พระสูตรต่างๆ ที่คุณกรัชกาย ยกมานั้น สรุป ง่ายๆคือ
พระสูตรเหล่านั้น พระพุทธองค์สอนให้รู้ว่า ความอยากในโลกีย์สุขน่ะ ทำได้ยังไง ?

แต่คุณกรัชกายไม่ได้ยกพระสูตร ต่อมา ว่า ความอยากหาความสุขทางโลกแบบนั้น
จะเวียนว่ายตายเกิดไปเป็นอะไรบ้าง ไปสู่ภพภูมิไหน


ซึ่งคนที่ถ้าอ่านพระไตรปิฎกทั้งหมดครบถ้วนแล้ว พอมีปัญญาเห็นแล้ว

จะเห็นพระพุทธองค์สอนสรุปว่า

นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ นิพฺพาน สุขา ปรํ นตฺถิ

คือสอนให้ออกจากโลกพ้นจากโลกค่ะ


คุณโรสว่า "ตถาคตไม่ได้สอนวิชาการทางโลกค่ะ"

อ้างคำพูด:
เกิดเป็นคนแล้วอย่าให้เสียชาติที่ได้เกิดเป็นชายค่ะ คิดตรงไม่เป็นจริงๆเลย เอ้าจะให้ว่าไงคะ
ตถาคตไม่ได้สอนวิชาการทางโลกค่ะ ทรงสอนความจริงเดี๋ยวนี้ ก็คิดให้ถูกตามตรงคำที่อ่าน
ไม่สอดแทรกความคิดเห็นของตนเองเพิ่มเข้าไปในข้อความที่อ่านคืออ่านและคิดตามเท่านั้น
อ่านใหม่สิคะข้างบนนั้นน่ะแล้วน้อมจิตไปดูพฤติกรรมผู้ที่ทำผิดทั่วเมืองกำลังมีเกิดขึ้นจริงไหม
มีความจริงตามที่มีคนมาบอกกล่าวเล่าให้อ่านตรงตามที่เขาเขียนไหมเขาพูดคำจริงแทนตถาคตไหม
ถ้าบวชแล้วสละเงินทองไม่ได้แสดงว่ามีอัธยาศัยแบบคฤหัสถ์นะคะต้องมาอยู่ทำมาหากินแบบคฤหัสถ์ค่ะ


กรัชกายไปหาคำสอนการดำเนินชีวิตตามวิถีพุทธมาหักล้างคำพูดคุณโรสแล้ว ว่าคำสอนทางโลกน่ามีอยู่ ไม่ใช่ไม่มี มีเยอะด้วย :b13:

ก่อนพระพุทธเจ้าจะสอนคนท่านดูอุปนิสัย ตัวอย่างก็ที่สอนกาลามชนนั่นแล มิใช่ไปยัดเยียดหรือบีบบังคับให้เขาเชื่อให้เขาทำอะไรซึ่งมันเกินสติกำลังของเขา คนเขาอยากประสบผลสำเร็จในทิฏฐธัมม์พระองค์ก็สอนหลักทิฏฐธรรมิกัตถประโยชน์ให้ ดังนี้เป็นต้น

ส่วนผู้มีอุปนิสัยยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ก็แนะนำให้ แม่นบ่คับ :b1:


ไม่ใช่หรอกค่ะ

นับแต่วันแรก ที่พระพุทธองค์ตรัสรู้
ทรงตั้งพระทัยสอน ตั้งใจสอนให้สำเร็จอย่างที่พระพุทธองค์ได้ปฎิบัติ และทรงตรัสรู้มา

แต่ทรงเห็นว่ายาก ที่จะมีคนเข้าใจ และทำได้
จนท้อพระทัยจนหลบไปอยู่ที่เร้น

แล้วพรหม ได้มาอาราธนา ให้พระพุทธองค์สอนค่ะ
พระพุทธองค์จึงได้สอน
ภายหลังวันต่อมา จึงเกิดพระอรหันต์สาวกขึ้นในโลก

พระธรรมนั้น แสดงทั้งหมด ยกตัวอย่างทั้งหมด

เป็นเรื่องของคนเข้าใจยาก กะคนเข้าใจง่าย ค่ะ



สอนให้ขยันหมั่นเพียร เมว่าเข้าใจยากหรือเข้าใจง่าย



สำหรับเมหรอ

ว่านอนสอนง่ายอยู่แร๊วววคร้า




พ่อแม่ว่าเข้าหน่อยนอนเลยหรอ คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2018, 13:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วันนี้ ไม่เห็นคุณโรสเข้าลาน หรือว่าเกิดอาการต้อแต้ไปแว้ว คิกๆๆ บอกไม่เชื่อ บอกให้หอบเสื่อหอบหมอนออกจากบ้านธัมมะก่อนตกนารก :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2018, 13:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ร่ำรวยมีทรัพย์แล้วก็ไม่หลงติดมัวเมาในทรัพย์ กินใช้อย่างมีผู้ปัญญา

การมีปัญญาที่ทำให้เป็นอิสระ: ไม่ลุ่มหลงหมกมุ่นมัวเมา กินใช้ทรัพย์อย่างรู้เท่าทันเห็นคุณ โทษ มีจิตใจเป็นอิสระด้วยนิสสรณปัญญา และอาศัยทรัพย์ได้โอกาสที่จะพัฒนาจิตปัญญายิ่งๆขึ้นไป

ขอยกพุทธพจน์ที่ตรัสสอนในเรื่องการปฏิบัติเกี่ยวกับทรัพย์มาดูเป็นตัวอย่าง

“ภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๓ จำพวกเหล่านี้ มีปรากฏอยู่ในโลก สามจำพวกไหน ? คือคนตาบอด คนตาเดียว คนสองตา”

“บุคคลตาบอดเป็นไฉน ? บุคคลบางคนในโลกนี้ ไม่มีดวงตาชนิดที่ช่วยให้ได้โภคทรัพย์ที่ยังไม่ได้ หรือทำโภคทรัพย์ที่ได้แล้วให้เพิ่มพูน กับทั้งไม่มีดวงตาชนิดที่จะช่วยให้รู้จักธรรม ที่เป็นกุศล เป็นอกุศล...ธรรมมีโทษ...ไม่มีโทษ... ธรรมทราม ธรรมประณีต...ธรรมที่เปรียบได้กับของดำ หรือของขาว นี้เรียกว่า บุคคลตาบอด

“บุคคลตาเดียวเป็นไฉน ? บุคคลบางคนในโลกนี้ มีดวงตาชนิดที่ช่วยให้ได้โภคทรัพย์ที่ยังไม่ได้ หรือทำโภคทรัพย์ที่ได้แล้วให้เพิ่มพูน แต่ไม่มีดวงตาชนิดที่จะช่วยให้รู้จักธรรม ที่เป็นกุศล เป็นอกุศล...ธรรมมีโทษ...ไม่มีโทษ... ธรรมทราม ธรรมประณีต...ธรรมที่เปรียบได้กับของดำ หรือของขาว นี้เรียกว่า บุคคลตาเดียว

“บุคคลสองตาเป็นไฉน ? บุคคลบางคนในโลกนี้ มีดวงตาชนิดที่ช่วยให้ได้โภคทรัพย์ที่ยังไม่ได้ หรือทำโภคทรัพย์ที่ได้แล้วให้เพิ่มพูน อีกทั้งมีดวงตาชนิดที่ช่วยให้รู้จักธรรม ที่เป็นกุศล เป็นอกุศล...ธรรมมีโทษ...ไม่มีโทษ... ธรรมทราม ธรรมประณีต...ธรรมที่เปรียบได้กับของดำ หรือของขาว นี้เรียกว่าบุคคลสองตา

“คนตาบอด ตาเสีย มีแต่กาลีเคราะห์ร้ายทั้งสองทาง คือโภคทรัพย์อย่างที่ว่า ก็ไม่มี คุณความดี ก็ไม่ทำ

“อีกคนหนึ่ง ที่เรียกว่าตาเดียว เที่ยวเสวงหาแต่ทรัพย์ถูกธรรมก็เอา ผิดธรรมก็เอา ไม่ว่าจะเป็นการลักขโมยคดโกง หรือโกหกหลอกลวงก็ได้ เขาเป็นคนเสวยกามที่ฉลาดสะสมทรัพย์ แต่จากนี้ ไปนรก คนตาเดียวย่อมเดือดร้อน

“ส่วนคนที่เรียกว่าสองตา เป็นคนประเสริฐ ย่อมแบ่งปันทรัพย์ ซึ่งได้มาด้วยความขยัน จากกองโภคะที่ได้มาโดยชอบธรรม ออกเผือแผ่ มีความคิดสูง ประเสริฐ มีจิตใจแน่วแน่ ย่อมเข้าถึงสถานะดีงาม ที่ไปแล้วไม่เศร้าโศก

“พึงหลีกเว้นคนตาบอดและคนตาเดียวเสียให้ไกล ควรคบหาแต่คนสองตา ผู้ประเสริฐ” (องฺ.ติก.20/468/162)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2018, 13:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2159

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
คุณกรัชกาย น่าจะยกพระไตรปิฎกทั้งสามมาให้หมดเรยนะคะ

จะได้เห็นชัดๆๆ ทั้งหมด


พระสูตรต่างๆ ที่คุณกรัชกาย ยกมานั้น สรุป ง่ายๆคือ
พระสูตรเหล่านั้น พระพุทธองค์สอนให้รู้ว่า ความอยากในโลกีย์สุขน่ะ ทำได้ยังไง ?

แต่คุณกรัชกายไม่ได้ยกพระสูตร ต่อมา ว่า ความอยากหาความสุขทางโลกแบบนั้น
จะเวียนว่ายตายเกิดไปเป็นอะไรบ้าง ไปสู่ภพภูมิไหน


ซึ่งคนที่ถ้าอ่านพระไตรปิฎกทั้งหมดครบถ้วนแล้ว พอมีปัญญาเห็นแล้ว

จะเห็นพระพุทธองค์สอนสรุปว่า

นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ นิพฺพาน สุขา ปรํ นตฺถิ

คือสอนให้ออกจากโลกพ้นจากโลกค่ะ


คุณโรสว่า "ตถาคตไม่ได้สอนวิชาการทางโลกค่ะ"

อ้างคำพูด:
เกิดเป็นคนแล้วอย่าให้เสียชาติที่ได้เกิดเป็นชายค่ะ คิดตรงไม่เป็นจริงๆเลย เอ้าจะให้ว่าไงคะ
ตถาคตไม่ได้สอนวิชาการทางโลกค่ะ ทรงสอนความจริงเดี๋ยวนี้ ก็คิดให้ถูกตามตรงคำที่อ่าน
ไม่สอดแทรกความคิดเห็นของตนเองเพิ่มเข้าไปในข้อความที่อ่านคืออ่านและคิดตามเท่านั้น
อ่านใหม่สิคะข้างบนนั้นน่ะแล้วน้อมจิตไปดูพฤติกรรมผู้ที่ทำผิดทั่วเมืองกำลังมีเกิดขึ้นจริงไหม
มีความจริงตามที่มีคนมาบอกกล่าวเล่าให้อ่านตรงตามที่เขาเขียนไหมเขาพูดคำจริงแทนตถาคตไหม
ถ้าบวชแล้วสละเงินทองไม่ได้แสดงว่ามีอัธยาศัยแบบคฤหัสถ์นะคะต้องมาอยู่ทำมาหากินแบบคฤหัสถ์ค่ะ


กรัชกายไปหาคำสอนการดำเนินชีวิตตามวิถีพุทธมาหักล้างคำพูดคุณโรสแล้ว ว่าคำสอนทางโลกน่ามีอยู่ ไม่ใช่ไม่มี มีเยอะด้วย :b13:

ก่อนพระพุทธเจ้าจะสอนคนท่านดูอุปนิสัย ตัวอย่างก็ที่สอนกาลามชนนั่นแล มิใช่ไปยัดเยียดหรือบีบบังคับให้เขาเชื่อให้เขาทำอะไรซึ่งมันเกินสติกำลังของเขา คนเขาอยากประสบผลสำเร็จในทิฏฐธัมม์พระองค์ก็สอนหลักทิฏฐธรรมิกัตถประโยชน์ให้ ดังนี้เป็นต้น

ส่วนผู้มีอุปนิสัยยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ก็แนะนำให้ แม่นบ่คับ :b1:


ไม่ใช่หรอกค่ะ

นับแต่วันแรก ที่พระพุทธองค์ตรัสรู้
ทรงตั้งพระทัยสอน ตั้งใจสอนให้สำเร็จอย่างที่พระพุทธองค์ได้ปฎิบัติ และทรงตรัสรู้มา

แต่ทรงเห็นว่ายาก ที่จะมีคนเข้าใจ และทำได้
จนท้อพระทัยจนหลบไปอยู่ที่เร้น

แล้วพรหม ได้มาอาราธนา ให้พระพุทธองค์สอนค่ะ
พระพุทธองค์จึงได้สอน
ภายหลังวันต่อมา จึงเกิดพระอรหันต์สาวกขึ้นในโลก

พระธรรมนั้น แสดงทั้งหมด ยกตัวอย่างทั้งหมด

เป็นเรื่องของคนเข้าใจยาก กะคนเข้าใจง่าย ค่ะ



สอนให้ขยันหมั่นเพียร เมว่าเข้าใจยากหรือเข้าใจง่าย



สำหรับเมหรอ

ว่านอนสอนง่ายอยู่แร๊วววคร้า




พ่อแม่ว่าเข้าหน่อยนอนเลยหรอ คิกๆๆ


การนอน เป้นเรืองของอิริยาบทค่ะ

การปฎิบัติเป็นเรื่องของใจ

แต่ใจรู้ รู้ใจ เป็นความเพียรยิ่งยวด

มากกว่าความเพียรไหนๆ ค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2018, 18:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... agebreak=0


อ้างคำพูด:

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕
อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต

สัปปุริสสูตรที่ ๒


[๑๒๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัปบุรุษเมื่อเกิดในตระกูล ย่อมเกิดเพื่อ
ประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุข แก่ชนเป็นอันมาก คือ ย่อมเกิดเพื่อประโยชน์
เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่มารดาบิดา ๑ แก่บุตรภรรยา ๑ แก่หมู่คนผู้เป็นทาส
กรรมกร ๑ แก่มิตรอำมาตย์ ๑ แก่ญาติที่ล่วงลับไปแล้ว ๑ แก่พระราชา ๑ แก่
เทวดาทั้งหลาย ๑ แก่สมณพราหมณ์ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย มหาเมฆเมื่อตกให้
ข้าวกล้าเจริญงอกงาม ย่อมตกเพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่ชน
เป็นอันมาก ฉันใด สัปบุรุษก็ฉันนั้นเหมือนกัน เมื่อเกิดในตระกูล ย่อมเกิด
เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุข แก่ชนเป็นอันมาก คือ ย่อมเกิด
เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุข แก่มารดาบิดา ... แก่สมณพราหมณ์ ฯ

สัปบุรุษผู้มีปัญญาอยู่ครองเรือน เป็นผู้ไม่เกียจคร้านทั้ง
กลางคืนกลางวัน บำเพ็ญตนเพื่อประโยชน์แก่ชนเป็นอันมาก
ในชั้นต้นระลึกถึงอุปการะที่ท่านทำไว้ก่อน ย่อมบูชามารดา
บิดาโดยชอบธรรม สัปบุรุษผู้มีศรัทธาตั้งมั่นแล้ว และมีศีล
เป็นที่รัก ทราบธรรมแล้ว ย่อมบูชาบรรพชิตผู้ไม่ครองเรือน
ผู้ไม่มีบาปประพฤติพรหมจรรย์ สัปบุรุษนั้นเป็นผู้เกื้อกูลต่อ
พระราชา ต่อเทวดา ต่อญาติและสหายทั้งหลาย ตั้งมั่นแล้ว
ในสัทธรรม เป็นผู้เกื้อกูลแก่คนทั้งปวง สัปบุรุษนั้น กำจัด
มลทินคือความตระหนี่ได้แล้ว ย่อมประสบโลกอันเกษม

จบสูตรที่ ๘




โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2018, 01:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เริ่มมั่นใจแล้วว่า สำนักบ้านธัมมะ ไม่ได้เข้าใจพระพุทธศาสนาเลย นอกจากความเพ้อเจ้อเรื่องพระพุทธศาสนา ฟุ้งซ่านธัมมะ ข้อนี้ปรบมือให้ :b35:

จากคคห.นี้ คือ คคห.ผสมปนๆกัน แต่ที่เด่นชัดก็ "ตถาคตไม่ได้สอนวิชาการทางโลก"

อ้างคำพูด:
กรัชกาย
เรากำลังพูดเรื่องกาลามสูตร ของชาวบ้านกาลามชน พูดเรื่องกาลามสูตร ของชาวบ้านกาลามชน พูดเรื่องกาลามสูตร ของชาวบ้านกาลามชน กัน


อ้างคำพูด:
Rosarin
เกิดเป็นคนแล้วอย่าให้เสียชาติที่ได้เกิดเป็นชายค่ะคิดตรงไม่เป็นจริงๆเลยเอ้าจะให้ว่าไงคะ
ตถาคตไม่ได้สอนวิชาการทางโลกค่ะ ทรงสอนความจริงเดี๋ยวนี้ ก็คิดให้ถูกตามตรงคำที่อ่าน
ไม่สอดแทรกความคิดเห็นของตนเองเพิ่มเข้าไปในข้อความที่อ่านคืออ่านและคิดตามเท่านั้น
อ่านใหม่สิคะข้างบนนั้นน่ะแล้วน้อมจิตไปดูพฤติกรรมผู้ที่ทำผิดทั่วเมืองกำลังมีเกิดขึ้นจริงไหม
มีความจริงตามที่มีคนมาบอกกล่าวเล่าให้อ่านตรงตามที่เขาเขียนไหมเขาพูดคำจริงแทนตถาคตไหม
ถ้าบวชแล้วสละเงินทองไม่ได้แสดงว่ามีอัธยาศัยแบบคฤหัสถ์นะคะต้องมาอยู่ทำมาหากินแบบคฤหัสถ์ค่ะ
viewtopic.php?f=1&t=56203&p=423667#p423667


กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
คุณกรัชกาย น่าจะยกพระไตรปิฎกทั้งสามมาให้หมดเรยนะคะ

จะได้เห็นชัดๆๆ ทั้งหมด


พระสูตรต่างๆ ที่คุณกรัชกาย ยกมานั้น สรุป ง่ายๆคือ
พระสูตรเหล่านั้น พระพุทธองค์สอนให้รู้ว่า ความอยากในโลกีย์สุขน่ะ ทำได้ยังไง ?

แต่คุณกรัชกายไม่ได้ยกพระสูตร ต่อมา ว่า ความอยากหาความสุขทางโลกแบบนั้น
จะเวียนว่ายตายเกิดไปเป็นอะไรบ้าง ไปสู่ภพภูมิไหน


ซึ่งคนที่ถ้าอ่านพระไตรปิฎกทั้งหมดครบถ้วนแล้ว พอมีปัญญาเห็นแล้ว

จะเห็นพระพุทธองค์สอนสรุปว่า

นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ นิพฺพาน สุขา ปรํ นตฺถิ

คือสอนให้ออกจากโลกพ้นจากโลกค่ะ


คุณโรสว่า "ตถาคตไม่ได้สอนวิชาการทางโลกค่ะ"

อ้างคำพูด:
เกิดเป็นคนแล้วอย่าให้เสียชาติที่ได้เกิดเป็นชายค่ะ คิดตรงไม่เป็นจริงๆเลย เอ้าจะให้ว่าไงคะ
ตถาคตไม่ได้สอนวิชาการทางโลกค่ะ ทรงสอนความจริงเดี๋ยวนี้ ก็คิดให้ถูกตามตรงคำที่อ่าน
ไม่สอดแทรกความคิดเห็นของตนเองเพิ่มเข้าไปในข้อความที่อ่านคืออ่านและคิดตามเท่านั้น
อ่านใหม่สิคะข้างบนนั้นน่ะแล้วน้อมจิตไปดูพฤติกรรมผู้ที่ทำผิดทั่วเมืองกำลังมีเกิดขึ้นจริงไหม
มีความจริงตามที่มีคนมาบอกกล่าวเล่าให้อ่านตรงตามที่เขาเขียนไหมเขาพูดคำจริงแทนตถาคตไหม
ถ้าบวชแล้วสละเงินทองไม่ได้แสดงว่ามีอัธยาศัยแบบคฤหัสถ์นะคะต้องมาอยู่ทำมาหากินแบบคฤหัสถ์ค่ะ


กรัชกายไปหาคำสอนการดำเนินชีวิตตามวิถีพุทธมาหักล้างคำพูดคุณโรสแล้ว ว่าคำสอนทางโลกน่ามีอยู่ ไม่ใช่ไม่มี มีเยอะด้วย :b13:

ก่อนพระพุทธเจ้าจะสอนคนท่านดูอุปนิสัย ตัวอย่างก็ที่สอนกาลามชนนั่นแล มิใช่ไปยัดเยียดหรือบีบบังคับให้เขาเชื่อให้เขาทำอะไรซึ่งมันเกินสติกำลังของเขา คนเขาอยากประสบผลสำเร็จในทิฏฐธัมม์พระองค์ก็สอนหลักทิฏฐธรรมิกัตถประโยชน์ให้ ดังนี้เป็นต้น

ส่วนผู้มีอุปนิสัยยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ก็แนะนำให้ แม่นบ่คับ :b1: ถ้าไม่จริงก็ช่วยกันเถียงมา


tongue
จำแต่บัญญัติกับเรื่องราวตายแล้วลืม
บอกไม่รู้จักฟังแค่เห็นดับอย่างเดียว
แปลว่าตัวคุณกรัชกายเองก็ไม่มีแล้ว
พอเกิดใหม่จิตเห็นอันใหม่ก็คิดว่ามีไง
ไม่หายไปไหนจำในอัตภาพเดิมก็จำผิด
ดับคือไม่เหลือความทรงจำใดๆแล้วนะคะ
แต่จำผิดว่ายังมีตัวเราทำได้แบบที่ไปก๊อปมาแปะ
:b12:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2018, 01:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/item.php?book=23&item=128&items=1&preline=5&pagebreak=0


อ้างคำพูด:

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕
อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต

สัปปุริสสูตรที่ ๒


[๑๒๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัปบุรุษเมื่อเกิดในตระกูล ย่อมเกิดเพื่อ
ประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุข แก่ชนเป็นอันมาก คือ ย่อมเกิดเพื่อประโยชน์
เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่มารดาบิดา ๑ แก่บุตรภรรยา ๑ แก่หมู่คนผู้เป็นทาส
กรรมกร ๑ แก่มิตรอำมาตย์ ๑ แก่ญาติที่ล่วงลับไปแล้ว ๑ แก่พระราชา ๑ แก่
เทวดาทั้งหลาย ๑ แก่สมณพราหมณ์ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย มหาเมฆเมื่อตกให้
ข้าวกล้าเจริญงอกงาม ย่อมตกเพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่ชน
เป็นอันมาก ฉันใด สัปบุรุษก็ฉันนั้นเหมือนกัน เมื่อเกิดในตระกูล ย่อมเกิด
เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุข แก่ชนเป็นอันมาก คือ ย่อมเกิด
เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุข แก่มารดาบิดา ... แก่สมณพราหมณ์ ฯ

สัปบุรุษผู้มีปัญญาอยู่ครองเรือน เป็นผู้ไม่เกียจคร้านทั้ง
กลางคืนกลางวัน บำเพ็ญตนเพื่อประโยชน์แก่ชนเป็นอันมาก
ในชั้นต้นระลึกถึงอุปการะที่ท่านทำไว้ก่อน ย่อมบูชามารดา
บิดาโดยชอบธรรม สัปบุรุษผู้มีศรัทธาตั้งมั่นแล้ว และมีศีล
เป็นที่รัก ทราบธรรมแล้ว ย่อมบูชาบรรพชิตผู้ไม่ครองเรือน
ผู้ไม่มีบาปประพฤติพรหมจรรย์ สัปบุรุษนั้นเป็นผู้เกื้อกูลต่อ
พระราชา ต่อเทวดา ต่อญาติและสหายทั้งหลาย ตั้งมั่นแล้ว
ในสัทธรรม เป็นผู้เกื้อกูลแก่คนทั้งปวง สัปบุรุษนั้น กำจัด
มลทินคือความตระหนี่ได้แล้ว ย่อมประสบโลกอันเกษม

จบสูตรที่ ๘



สาธุค่ะคุณกบนอกกะลา
คุณกรัชกายเข้าใจไหมคะ
ระลึกถึงพระรัตนตรัยคือฟัง
:b32:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2018, 15:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ถ้าเรียนแบบวิชาการทางโลกคือจำบัญญัติและความหมายเพื่อเอาไปใช้นั้นเป็นการจำเพิ่มขึ้นเท่านั้น
แต่คำสอนของพระพุทธเจ้าเมื่อเข้าใจถูกตามได้นั้นจะเป็นการลดละคลายความยึดติดถือมั่นลงนะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2018, 15:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
องค์มรรคข้อศีล (สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ) นี่มันเรื่องของสังคม เรื่องการทำงานทำการ เรื่องการเลี้ยงชีวิตทั้งเพทั้งระยองฮิฮิ :b32:

ต่อไปจะนำมาให้ดู ดูกันฟรีๆ ไม่ต้องเสียเฮิน :b13:

Kiss
:b16:
สิกขาบทข้อที่8ข้อเดียวที่กล่าวถึงเงินว่า
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ไม่รับเงินไม่ยินดีรับ
ทั้งเงินและทองถามว่าสมัยนี้แกล้งรับรึ
มีครบองค์ประชุมมีเจตนารับคือสำเร็จ
เสร็จกิจแห่งการทุศีลของภิกษุแล้วนี่
ศีลขาดทะลุถ้าไม่สละเพื่อทำคืนแล้ว
ตายลงต้องตกนรกเท่านั้นเป็นอกุศลศีลไม่ปิดอบายภูมิ
เก็บสะสมได้แค่1บาตร(1ใบ)2จีวร(3ผืน)3บริขาร(อัฏฐบริขาร8)
เกินนั้นคือทุศีลแล้วมีปกติเป็นมิจฉาอาชีโวมันปิดกั้นมรรคผลนิพพานคร่า
:b12:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2018, 15:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
คุณกรัชกาย น่าจะยกพระไตรปิฎกทั้งสามมาให้หมดเรยนะคะ

จะได้เห็นชัดๆๆ ทั้งหมด


พระสูตรต่างๆ ที่คุณกรัชกาย ยกมานั้น สรุป ง่ายๆคือ
พระสูตรเหล่านั้น พระพุทธองค์สอนให้รู้ว่า ความอยากในโลกีย์สุขน่ะ ทำได้ยังไง ?

แต่คุณกรัชกายไม่ได้ยกพระสูตร ต่อมา ว่า ความอยากหาความสุขทางโลกแบบนั้น
จะเวียนว่ายตายเกิดไปเป็นอะไรบ้าง ไปสู่ภพภูมิไหน


ซึ่งคนที่ถ้าอ่านพระไตรปิฎกทั้งหมดครบถ้วนแล้ว พอมีปัญญาเห็นแล้ว

จะเห็นพระพุทธองค์สอนสรุปว่า

นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ นิพฺพาน สุขา ปรํ นตฺถิ

คือสอนให้ออกจากโลกพ้นจากโลกค่ะ


คุณโรสว่า "ตถาคตไม่ได้สอนวิชาการทางโลกค่ะ"

อ้างคำพูด:
เกิดเป็นคนแล้วอย่าให้เสียชาติที่ได้เกิดเป็นชายค่ะ คิดตรงไม่เป็นจริงๆเลย เอ้าจะให้ว่าไงคะ
ตถาคตไม่ได้สอนวิชาการทางโลกค่ะ ทรงสอนความจริงเดี๋ยวนี้ ก็คิดให้ถูกตามตรงคำที่อ่าน
ไม่สอดแทรกความคิดเห็นของตนเองเพิ่มเข้าไปในข้อความที่อ่านคืออ่านและคิดตามเท่านั้น
อ่านใหม่สิคะข้างบนนั้นน่ะแล้วน้อมจิตไปดูพฤติกรรมผู้ที่ทำผิดทั่วเมืองกำลังมีเกิดขึ้นจริงไหม
มีความจริงตามที่มีคนมาบอกกล่าวเล่าให้อ่านตรงตามที่เขาเขียนไหมเขาพูดคำจริงแทนตถาคตไหม
ถ้าบวชแล้วสละเงินทองไม่ได้แสดงว่ามีอัธยาศัยแบบคฤหัสถ์นะคะต้องมาอยู่ทำมาหากินแบบคฤหัสถ์ค่ะ


กรัชกายไปหาคำสอนการดำเนินชีวิตตามวิถีพุทธมาหักล้างคำพูดคุณโรสแล้ว ว่าคำสอนทางโลกน่ามีอยู่ ไม่ใช่ไม่มี มีเยอะด้วย :b13:

ก่อนพระพุทธเจ้าจะสอนคนท่านดูอุปนิสัย ตัวอย่างก็ที่สอนกาลามชนนั่นแล มิใช่ไปยัดเยียดหรือบีบบังคับให้เขาเชื่อให้เขาทำอะไรซึ่งมันเกินสติกำลังของเขา คนเขาอยากประสบผลสำเร็จในทิฏฐธัมม์พระองค์ก็สอนหลักทิฏฐธรรมิกัตถประโยชน์ให้ ดังนี้เป็นต้น

ส่วนผู้มีอุปนิสัยยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ก็แนะนำให้ แม่นบ่คับ :b1:


ไม่ใช่หรอกค่ะ

นับแต่วันแรก ที่พระพุทธองค์ตรัสรู้
ทรงตั้งพระทัยสอน ตั้งใจสอนให้สำเร็จอย่างที่พระพุทธองค์ได้ปฎิบัติ และทรงตรัสรู้มา

แต่ทรงเห็นว่ายาก ที่จะมีคนเข้าใจ และทำได้
จนท้อพระทัยจนหลบไปอยู่ที่เร้น

แล้วพรหม ได้มาอาราธนา ให้พระพุทธองค์สอนค่ะ
พระพุทธองค์จึงได้สอน
ภายหลังวันต่อมา จึงเกิดพระอรหันต์สาวกขึ้นในโลก

พระธรรมนั้น แสดงทั้งหมด ยกตัวอย่างทั้งหมด

เป็นเรื่องของคนเข้าใจยาก กะคนเข้าใจง่าย ค่ะ



สอนให้ขยันหมั่นเพียร เมว่าเข้าใจยากหรือเข้าใจง่าย



สำหรับเมหรอ

ว่านอนสอนง่ายอยู่แร๊วววคร้า




พ่อแม่ว่าเข้าหน่อยนอนเลยหรอ คิกๆๆ

:b16:
ไสยะคือหลับไหล
ตถาคตไม่มีท้อพระทัย
เพราะท้อแท้เป็นอกุศลค่ะ
เมื่อทรงตรัสรู้แล้วจึงทรงดำริถึง
การตรัสรู้ว่าบำเพ็ญมายาวนานยากที่จะเข้าใจได้
พอดีท้าวมหาพรหมเกรงว่าจะไม่ทรงแสดงพระธรรม
จึงรีบเข้าไปกล่าวอาราธนาค่ะเป็นไปไม่ได้หรอกนะที่จะท้อแท้
ก็พระพุทธเจ้าทุกพระองค์บำเพ็ญพระบารมียาวนานเพื่อเปล่งพระวาจาโดยตรง
:b12:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2018, 15:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
จะค่อยๆทยอยๆลง ไม่ติดต่อยาวพรืดแต่จะเจาะๆมา เพื่อให้คุณโรสเห็นว่าพระพุทธศาสนาเป็นคำสอนที่ครอบชีวิตทุกด้าน (พูดยังงี้ไม่รู้จะเข้าหรือเปล่า)


รูปภาพ

:b12:
เข้าใจคือปัญญาคือรู้จริงถูกตัวตนว่าตรงสัจจะคำไหนเดี๋ยวนี้
ไม่รู้1สัจจะที่ตนมีคืออวิชชาตนหลงพาไปทำขาดสุตมยปัญญา
:b32: :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 65 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 7 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร