วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 10:50  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 69 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2015, 14:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ภาษาบาลีเป็นมูลภาษา
ภาษาบาลีจัดเป็นภาษาของมนุษย์ในยุคแรกของโลก เพราะเมื่อโลกถึงการแตกสลาย พรหมโลกมิได้แตกสลายไปด้วย ฉะนั้นพรหมโลกจึงตั้งอยู่ในสภาพเดิม โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง มีอธิบายเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยว่า มนุษย์ในยุคแรกของโรคนั้น เป็นผู้จุติมาจากพรหมโลกด้วยอุปาทปฏิสนธิ มนุษย์ดังกล่าวนั้นพูดภาษาบาลีซึ่งเป็นภาษาที่ใช้กันในพรหมโลกเป็นต้น ฉะนั้น นักไวยากรณ์จึงมีความเชื่อว่า ภาษาบาลี เป็นมูลภาษาคือเป็นภาษาที่มนุษย์ในยุคแรกใช้พูดกัน ดังที่คัมภีร์ปทรูปสิทธิ ได้กล่าวว่า
สา มาคธี มูลภาสา นรา ยายาทิกปฺปิกา
พฺรหฺมาโน จสฺสุตาลาปา สมฺพุทฺธา จาปิ ภาสเร ฯ
แปลว่า นรชนผู้เกิดในปฐมกัป พรหม แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย และบุคคลผู้มิได้สดับคำพูดของมนุษย์เลย กล่าวด้วยภาษาใด ภาษานั้นคือมาคธี ภาษามคธเป็นภาษาดั้งเดิม
ภาษามาคธี เป็นภาษาดั้งเดิมที่ใช้พูดกันโดยมนุษย์ต้นกัปป์ พวกพรหม พระพุทธเจ้า และบุคคลผู้ที่ยังไม่เคยได้ยินคำพูดจากบุคคลอื่น


ที่มา http://www.cybervanaram.net/index.php/2 ... 6-14-10-14

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2015, 14:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


คำอาราธนาศีล 5
สะกดแบบบาลี
ปาณาติปาตา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ
อทินนาทานา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ
กาเมสุมิจฺฉาจารา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ
มุสาวาทา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ
สุราเมรยมชฺชปมาทฎฐานา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ
สะกดแบบไทย
ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
คำแปล
งดเว้นจากการฆ่าสัตว์
งดเว้นจากการลักทรัพย์
งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม
งดเว้นจากการพูดเท็จ
งดเว้นจากการดื่มของมึนเมา
ที่มา

http://kb.mcu.ac.th/BO/download/Documen ... le1925.doc

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2015, 18:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b39:
ภาษาธรรมเป็นภาษาบาลีและสันสกฤต ความสำคัญอย่างยิ่งคือตอนแปลความหมายในเชิงปฏิบัติถ้าแปลผิดมันจะพาให้ปฏิบัติผิดไปคนละทิศละทางกับเจตนาที่แท้จริงที่จะให้ผู้ฟังผู้อ่านได้รู้และเข้าใจ ยกตัวอย่างเช่นคำว่า

สวากขาโต ภควตาธัมโม พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสไว้ดีแล้วนั้น

สันทิฏฐิโก เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติพึงเห็นได้ด้วยตนเอง

แต่สำนวนแปลใหม่เชิงปฏิบัติแปล สันทิฏฐิโก ว่าธรรมะๆที่พระพุทธเจ้าทรงสอนนั้น เป็นสิ่งที่เมื่อทำความเห็นให้ตรงให้ถูกต้องแล้วจักรู้ได้ด้วยตนเอง

ปัญญาความเห็นตรงเห็นถูกต้องนั้นคือปัญญาที่รู้เห็นว่าธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา ดังนั้นเมื่อใครเห็นอนัตตา เมื่อนั้นเขาก็เห็นธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงสอน


ดังนี้เป็นต้น
:b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2015, 19:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


คนที่ศึกษาธรรมนั้นอะไรๆก็ศิล5ไม่เข้าใจเลยว่าศิล5นั้นก็คือการตั้งเจตนาระเว้นสิ่งที่เป็นโทษแก่ผู้อื่น ตรงนี้ยังมีคนเข้าใจกันผิดมาก จนทำให้ความคิดเอนเอียงอริยะจะต้องไม่มีกิริยาเหล่านั้นจนทำให้ไม่มีความเป็นกลางของจิตเลยเพียงเห็นแค่บุคคลกระทำกิริยาเหล่านั้น พระองค์ถึงกล่าวเรากล่าวว่าเจตนาเป็นกรรม. อย่างที่เคยยกตัวอย่างมาให้ดู เช่น อริยะละเว้นกิเลสกรรม4อย่าง ปานาติบาต อทินาทาน มุสาวาส กาเมสุมิจฉาก็มีแค่นี้ ข้อสุราก็ไม่มี ไม่สงสัยกันบ้างเหรอ. และมาดูอกุศลกรรมบท10ก็ไม่มี. ทางเสื่อม6ประการก็ยังไม่ใช่เพราะไม่ประกอบเนื่องๆนี่เป็นคำพูดของพระองค์ทั้งนั้น และที่ผมยกตัวอย่างที่พอจะมองให้เห็นภาพประกอบ เช่นบางสังคมเขาดื่มก็เพื่อเป็นสัญญาลักษณ์ของความสำเร็จแค่ชนแก้วจิบๆหรือดื่มเล็กน้อยไม่ได้ดื่มเพื่อความติดในรสชาติ. โทษมันอยู่ตรงไหนผมละงงจริงๆ.

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2015, 21:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ลองไล่เลียง....ข้อปฏิบัติที่ กล่าว..ๆ กัน

มีศีล 5...ศีล 8 ..ศีล 10 ศีล 227...กรรมบถ 10...เอ้า..รวมเอา...อบายมุข 6 ด้วย

ถ้าผมเรียง..จากหยาบ..ไปหาละเอียดปราณีต..

ผมจะเรียงจาก...

อบายมุข6.....ศีล 5....กรรมบถ10....ศีล 8....ศีล 10.....ศีล 227
(ปล. กรรมบถ 10 กับศีล 8 นี้...สูสีกัน...แต่ผมมาพิจารณาความชัดเจนในการปฏิบัติเพื่อละกิเลสกามที่รองรับการละ..กามราคะสังโยชน์...ปฏิฆะสังโยชน์...ผมจึงให้ ศีล 8 ละเอียดกว่า..กรรมบถ10)

อบายมุข6.....ศีล 5....กรรมบท10....ศีล 8...นี้ข้อปฏิบัติของฆราวาส...พอถึงศีล 10 เป็นของเณร...227 เป็นศีลของภิกษุ...แล้ว

มาพิจารณาเฉพาะของฆราวาส..ก็แล้วกัน...นะครับ
(ปล. ต่อไปนี้...ผมเอามาจากที่อื่น..ไม่ได้เขียนเองนะคราบ...จึงแนบลิงค์มาด้วย...ใครมีปัญหากับถ่อยคำที่ใช้..ก็ตามไปเช็คบิลกับเจ้าของข้อความเอง..นะคราบ... :b32:)

อบายมุข 6...
http://mediacenter.mcu.ac.th/data/caipy ... nit2-6.php
..........................
อบายมุข หมายถึง ช่องทางแห่งความเสื่อม ,ทางแห่งความพินาศ,หรือเหตุให้เกิดความย่อยยับแห่งโภคทรัพย์ เป็นสิ่งที่ควรละเว้น ประกอบด้วย

1. ติดสุราและของมึนเมา มีโทษ 6 ประการคือ

1.1 เสียทรัพย์ คือทรัพย์หมดไป ๆ เห็นชัด
1.2 ก่อการทะเลาะวิวาท
1.3 ทำลายสุขภาพ
1.4 เสื่อมเสียเกียรติยศชื่อเสียง
1.5 ไม่รู้จักอาย
1.6 บั่นทอนกำลังปัญญา

2. ชอบเที่ยวกลางคืน มีโทษ 6 ประการคือ
2.1 เป็นการไม่รักษาตัว
2.2 เป็นการไม่รักษาลูกเมีย
2.3 เป็นการไม่รักษาทรัพย์สมบัติ
2.4 เป็นที่ระแวงสงสัย เป็นผู้ต้องสงสัย
2.5 เป็นเป้าให้เขาใส่ความหรือเป็นที่เล่าลือของบุคคลอื่น
2.6 นำเรื่องเดือดร้อนมาให้ตนเองและครอบครัว

3. ชอบดูการละเล่น มีโทษคือทำให้การงานเสื่อมเสีย เพราะใจกังวลคอยคิดแต่การละเล่น และเสียเวลาเมื่อไปดูสิ่งนั้น ๆ 6 ประการคือ

3.1 เต้นรำที่ไหนไปที่นั่น
3.2 ขับร้องที่ไหนไปที่นั่น
3.3 ดีดสีตีเป่า(ดนตรี) ที่ไหนไปที่นั่น
3.4 เสภาที่ไหนไปที่นั่น
3.5 เพลงที่ไหนไปที่นั่น
3.6 เถิดเทิงที่ไหน ไปที่นั่น

4. ติดการพนัน เป็นนักพนัน เป็นคนที่ชอบเล่นการพนัน มีโทษ 6 ประการคือ
4.1 เมื่อชนะย่อมก่อเวร
4.2 เมื่อแพ้ก็เสียดายทรัพย์สินที่เสียไป
4.3 เสียทรัพย์ ทรัพย์หมดไป ๆ เห็นได้ชัด
4.4 เข้าที่ประชุม เขาไม่เชื่อถ้อยคำ
4.5 เป็นที่หมิ่นประมาทของเพื่อนฝูง
4.6 ไม่เป็นที่พึงประสงค์ของผู้ที่จะหาคู่ครองให้ลูกของเขา เพราะเห็นว่าจะเลี้ยงลูกเมียไม่ไหว

5. คบคนชั่ว ทำให้เกิดโทษ โดยนำให้กลายไปเป็นคนชั่วอย่างคนที่ตนคบทั้ง 6 ประเภท คือ
5.1 นักการพนัน
5.2 นักเลงผู้หญิง
5.3 นักเลงเหล้าและสิ่งเสพติดต่าง ๆ
5.4 นักลวงของปลอม
5.5 นักหลอกลวง
5.6 นักเลงหัวไม้

6. เกียจคร้านทำการงาน มีโทษ โดยทำให้ยกเหตุต่าง ๆ เป็นข้ออ้าง ผลัดวันประกันพรุ่ง ไม่ทำการงานโภคทรัพย์ใหม่ก็ไม่เกิดโภคทรัพย์เก่าที่มีอยู่ก็หมดไป คืออ้างไปทั้ง 6 กรณีว่า

6.1 มักอ้างว่า หนาวนัก แล้วไม่ทำงาน
6.2 มักอ้างว่า ร้อนนัก แล้วไม่ทำงาน
6.3 มักอ้างว่า เย็นแล้ว แล้วไม่ทำงาน
6.4 มักอ้างว่า ยังเช้าอยู่ แล้วไม่ทำงาน
6.5 มักอ้างว่า หิว กระหายน้ำ แล้วไม่ทำงาน
6.6 มักอ้างว่า อิ่มนัก แล้วไม่ทำงาน
......................

ศีล 5 ...
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id ... =1&gblog=2
ศีล ๕ ข้อ คือ
๑. ปาณาติปาตา เวรมณี งดเว้นจากการทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วงไป
๒. อทินนาทานา เวรมณี งดเว้นจากการถือเอาของที่เจ้าของมิได้ให้
๓. กาเมสุ มิจฉาจารา เวรมณี งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม
๔. มุสาวาทา เวรมณี งดเว้นจากการกล่าวเท็จ
๕. สุราเมรยมัชชปมาทัฏฐานา เวรมณี งดเว้นจากการดื่มสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
...................

กรรมบถ 10
https://sites.google.com/site/dhammatha ... krrmbth-10

กรรม 10 อย่าง ที่ละเอียดกว่า ศีล โดยแบ่งเป็น กายกรรม 3 วจีกรรม 4 มโนกรรม 3 ทั้งกาย วาจา ใจ นั่นเอง ศีล 5 นั้น ไม่ได้หมายความว่าจะรอดจากนรกชัวร์ ๆ แต่กรรมบถ 10 นี้ต่างหากที่จะรอดจากนรก ชัวร์ ๆ
1. กรรมจากการฆ่าสัตว์ (ปาณาติบาตร)
2. กรรมจากการลักทรัพย์ (อทินนาทานา)
3. กรรมจากการประพฤติผิดในกาม (กาเม)
4. การพูดโกหก (มุสา)
5. การพูดส่อเสียด (ทำให้คนแตกความสามัคคี ทำให้คนเกลียดกัน ทำให้คนโกรธกัน)
6. การพูดเพ้อเจ้อ (พูดในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้)
7. การพูดคำหยาบ (พูดคำด่าคำ)
8. ความโลภ (อยากได้ของผู้อื่นจนทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน อยากได้ในสิ่งที่ไม่ควรได้)
9. ความโกรธ
10. ความหลง (มีความเห็นผิด มิจฉาทิฐฐิ)
...................

ศีล 8
http://www.labdhamma.com/2013/04/test-3/
ศีล 8 มีดังนี้

1. เว้นจากทำลายชีวิต
2. เว้นจากถือเอาของที่เขามิได้ให้
3. เว้นจากประพฤติผิดพรหมจรรย์ คือเว้นจากร่วมประเวณี
4. เว้นจากพูดเท็จ
5. เว้นจากของเมา คือ สุราเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
6. เว้นจากบริโภคอาหารในเวลาวิกาล คือเที่ยงแล้วไป
7. เว้นจากฟ้อนรำ ขับร้อง บรรเลงดนตรี ดูการเล่นอันเป็นข้าศึกต่อพรหมจรรย์ การทัดทรงดอกไม้ ของหอม และเคลื่องลูบไล้ซึ่งใช้เป็นเครื่องประดับตกแต่ง
8. เว้นจากที่นอนอันสูงใหญ่ หรูหราฟุ่มเฟือย
.................


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2015, 22:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2015, 22:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ลองเอามาเทียบกันดู

อบายมุข 6...กับ..ศีล ( 5 , 8 )
มีข้อที่ตรงกัน คือ..สุรา

ลักษณะของอบายมุข6 คือทางเสื่อมของโภคะ(ทรัพย์)...คือต้องทำบ๋อย ๆ ทรัพย์จึงจะเสื่อม...นาน ๆ ครั้ง..ทรัพย์ก็เสื่อมช้า...มี..ติดสุรา..ชอบเที่ยวที่ไม่ควรไป..ชอบดูการละเล่นเต้นรำ..ติดการพนัน...คบคนชั่ว...และ..ขี้เกียจทำงานผลัดวันประกันพรุ่ง..

อบายมุข 6 จึงเป็นสิ่งพื้นฐานปุถุชนคนดีไม่ปฏิบัติ...เพื่อการรักษาทรัพย์ของตน...ไม่เป็นการเบียดเบียนตน...ยังไม่ได้ห้ามการเบียดเบียนผู้อื่น

แต่..ลักษณะของ..ศีล คือ..ห้ามทำเลย...ใช้คำว่า..เว้นจาก...เว้นจากการเบียดเบียนผู้อื่น..มี..ปาณาติบาต เป็นต้น และเว้นขาดการเบียดเบียนตน.คือ..สุราของมึนเมาทั้งหลาย.

ศีล...จึงหนักแน่นกว่า..อบายมุข 6...แม้แต่ศีล 5 ก็ยังหนักแน่นกว่า..อบายมุข 6

นี้ก็เพียงพอที่จะวินิจฉัยได้ทางหนึ่ง..ว่า...

อริยสาวกไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะ 6 เป็นไฉน...ดูกร..แปลว่า...อริยะสาวก...เว้นขาด..จากทางเสื่อม...อย่างเด็ดขาดสมบูรณ์...

แล้วมีข้อให้คิดนิดหนึ่งว่า...แล้วอริยะสาวกพบเจอเพื่อนที่เป็นคนชั่วได้มั้ย?...ก็เจอกันคุยกันได้นะ...แต่การคบหาสมาคม...นี้มันต้องเวียนไปมาหาสู่ประจำ..จึงเรียกว่าคบ...จึงไม่ขัดกับการที่ว่า..ไม่เสพทางเสื่อม..แต่อย่างใด..

แค่นี้ก่อน..นึกได้ใหม่จะมาต่อ..
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2015, 23:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


rolleyes
มาตามอ่านอยู่
กระทู้ดี... :b45:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2015, 23:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อ่านเฉย ๆ..ไม่มีคอมเมนต์...เด้วเขาปลด..นะเอ้า

bigtoo เขียน:
เงียบเลยไม่มีความเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิเลย. ต้องปลดๆๆ


:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2015, 23:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
อ่านเฉย ๆ..ไม่มีคอมเมนต์...เด้วเขาปลด..นะเอ้า

bigtoo เขียน:
เงียบเลยไม่มีความเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิเลย. ต้องปลดๆๆ


:b32: :b32:


ไม่ไยดี ต่อ ยศ :b17: :b17: :b17:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2015, 23:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


จริง ๆ ..ไม่ใยดี..

ก็ใยดี แบบ แกล้ง แกล้ง...หน่อยก็ได้...

เพื่อน ๆ จะได้ไม่เหงา.. :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ส.ค. 2015, 00:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
จริง ๆ ..ไม่ใยดี..

ก็ใยดี แบบ แกล้ง แกล้ง...หน่อยก็ได้...

เพื่อน ๆ จะได้ไม่เหงา.. :b16:

การได้ฟัง บัณฑิตสนนา แม้เพียงบทหนึ่ง
ก็มีประโยชน์กว่าการได้อ่านเองหลายร้อยบท :b38: :b38:

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ส.ค. 2015, 07:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ลองเอามาเทียบกันดู

อบายมุข 6...กับ..ศีล ( 5 , 8 )
มีข้อที่ตรงกัน คือ..สุรา

ลักษณะของอบายมุข6 คือทางเสื่อมของโภคะ(ทรัพย์)...คือต้องทำบ๋อย ๆ ทรัพย์จึงจะเสื่อม...นาน ๆ ครั้ง..ทรัพย์ก็เสื่อมช้า...มี..ติดสุรา..ชอบเที่ยวที่ไม่ควรไป..ชอบดูการละเล่นเต้นรำ..ติดการพนัน...คบคนชั่ว...และ..ขี้เกียจทำงานผลัดวันประกันพรุ่ง..

อบายมุข 6 จึงเป็นสิ่งพื้นฐานปุถุชนคนดีไม่ปฏิบัติ...เพื่อการรักษาทรัพย์ของตน...ไม่เป็นการเบียดเบียนตน...ยังไม่ได้ห้ามการเบียดเบียนผู้อื่น

แต่..ลักษณะของ..ศีล คือ..ห้ามทำเลย...ใช้คำว่า..เว้นจาก...เว้นจากการเบียดเบียนผู้อื่น..มี..ปาณาติบาต เป็นต้น และเว้นขาดการเบียดเบียนตน.คือ..สุราของมึนเมาทั้งหลาย.

ศีล...จึงหนักแน่นกว่า..อบายมุข 6...แม้แต่ศีล 5 ก็ยังหนักแน่นกว่า..อบายมุข 6

นี้ก็เพียงพอที่จะวินิจฉัยได้ทางหนึ่ง..ว่า...

อริยสาวกไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะ 6 เป็นไฉน...ดูกร..แปลว่า...อริยะสาวก...เว้นขาด..จากทางเสื่อม...อย่างเด็ดขาดสมบูรณ์...

แล้วมีข้อให้คิดนิดหนึ่งว่า...แล้วอริยะสาวกพบเจอเพื่อนที่เป็นคนชั่วได้มั้ย?...ก็เจอกันคุยกันได้นะ...แต่การคบหาสมาคม...นี้มันต้องเวียนไปมาหาสู่ประจำ..จึงเรียกว่าคบ...จึงไม่ขัดกับการที่ว่า..ไม่เสพทางเสื่อม..แต่อย่างใด..

แค่นี้ก่อน..นึกได้ใหม่จะมาต่อ..
:b32: :b32:
เห็นแล้วเศร้าใจจังเลยตีความผิดเละไปหมด ปลดได้เลยผู้ทรงคุณวุฒิประจำบอร์ดอายเขาจังเลย. พระองค์บอกต้องทำบ่อยๆถึงจะเกิดโทษ. เจอเพื่อนที่ไม่ดีอริยะกบตกใจหายใจไม่ออกเลยกลัวคบมิตรชั่ว555 นี่ละน๊าพวกลูบคลำศิล

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


แก้ไขล่าสุดโดย bigtoo เมื่อ 28 ส.ค. 2015, 07:21, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ส.ค. 2015, 07:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กรรมกิเลส ๔ เป็นไฉน ที่อริยสาวกละได้แล้ว ดูกรคฤหบดีบุตร กรรมกิเลส
คือ ปาณาติบาต ๑ อทินนาทาน ๑ กาเมสุมิจฉาจาร ๑ มุสาวาท ๑ กรรมกิเลส ๔ เหล่านี้
ที่อริยสาวกนั้นละได้แล้ว ฯ. แค่4อย่างนี้เลิกได้แล้วก็เป็นอริยะได้แล้วนะกบ. ไม่เห็นมีงดเหล้าเลยนิ. พุทธวจนกบเถียงมั้ย พอเห็นตรงนี้แล้วกบไม่คิดอะไรต่อเหรอ. ผมนะคิดต่อก็เลยไปดูอกุศลกรรมบทและไปดูทางเสื่อม6ประการ ก็เลยร้องอ๋อว่า. อะไรที่ไม่มีโทษในฝ่ายเดียวพระองค์ทรงพระปัญญาชจึงแยกออกไปให้ถูกต้องตรงธรรมจริงๆ. ชี้ให้เห็นโทษ ชี้เหตุที่จะเกิดโทษต้องกระทำอย่างไร. แต่กบไปมองที่โทษ. แต่ไมมองสาเหตุที่เกิดโทษ. กบถึงมองเรื่องคำว่าเจตนาเป็นกรรมไม่ออก และในบริบทของสังคมจึงต้องวัดกันที่เจตนาไม่ใช่กิริยา กรุณาวางใจเป็นกลางคุณจะเห็นแสงสว่าง

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


แก้ไขล่าสุดโดย bigtoo เมื่อ 28 ส.ค. 2015, 12:36, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ส.ค. 2015, 07:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
เห็นแล้วเศร้าใจจังเลยตีความผิดเละไปหมด ปลดได้เลยผู้ทรงคุณวุฒิประจำบอร์ดอายเขาจังเลย. พระองค์บอกต้องทำบ่อยๆถึงจะเกิดโทษ. เจอเพื่อนที่ไม่ดีอริยะกบตกใจหายใจไม่ออกเลยกลัวคบมิตรชั่ว555 นี่ละน๊าพวกลูบคลำศิล


ตกใจตรงไหน....
กบนอกกะลา เขียน:

แล้วมีข้อให้คิดนิดหนึ่งว่า...แล้วอริยะสาวกพบเจอเพื่อนที่เป็นคนชั่วได้มั้ย?...ก็เจอกันคุยกันได้นะ...แต่การคบหาสมาคม...นี้มันต้องเวียนไปมาหาสู่ประจำ..จึงเรียกว่าคบ...จึงไม่ขัดกับการที่ว่า..ไม่เสพทางเสื่อม..แต่อย่างใด..
แค่นี้ก่อน..นึกได้ใหม่จะมาต่อ..
:b32: :b32:


huh huh huh


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 69 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร