ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

คนเข้าใจธรรมะหมด ทำไมไม่สำเร็จอรหันต์
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=39422
หน้า 2 จากทั้งหมด 2

เจ้าของ:  student [ 03 ก.ย. 2011, 15:01 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คนเข้าใจธรรมะหมด ทำไมไม่สำเร็จอรหันต์

แม่และพ่อก็ได้ชื่อว่าเป็นพระอรหันต์ของลูกอยู่แล้ว แล้วจะไปหาพระอรหันต์ที่ไหนอีกละ

เจ้าของ:  กามโภคี [ 03 ก.ย. 2011, 16:53 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คนเข้าใจธรรมะหมด ทำไมไม่สำเร็จอรหันต์

คุณฮานะ

ด้วยความจริงใจยิ่ง จะว่าผมเป็นคนประเภทไหนก็ตามแต่คุณ

ขอความกรุณา อย่าได้อ้างอิงโพสของผมทุกประการครับ ไม่ว่าจะหัวข้อธรรมที่ใดๆ

ผมไม่เคยรู้จักคุณมาก่อนนะครับ ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางใจกัน และไม่คิดบาดหมาง

ที่ผมไม่อยากสนทนากับคุณด้วย ขออนุญาตที่ต้องตรงๆ ณ ตรงนี้ เพราะ วิธีการถามตอบ หรือลีลา
การพูดคุยของคุณ ไม่สุภาพ และบางครั้งก็ไม่เหมาะไม่ควร

ผมมองว่า การสนทนาธรรม เราควรต้องมีความเคารพย่ำเกรงในพระธรรมคำสั่งสอน การจะพูดจะจากัน
ก็ควรให้ดูสุภาพ ใช้วาจาให้เหมาะแก่สภาวะของลานธรรม

ผมสังเกตุมาหลายกระทู้ที่คุณเข้าไปถามตอบหลายวาระหลายโอกาสมาแล้ว ตั้งใจว่าจะไม่ยุ่งกับการ
แสดงความคิดเห็นของคุณเลยแม้น้อย และก็ไม่ยุ่งจริงๆ ไม่ว่าข้อที่คุณแสดงออกมาจะอย่างไร แบบไหน
เพราะผมมองว่า เหมือนไม่ย่ำเกรงในพระรัตนตรัย บางครั้งคนที่สนทนาด้วย อาจจะมากด้วยสัมมาปฏิบัติ
ตัวเองอาจจะใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสมออกไปได้ จะไม่เป็นการดี เหมือนสร้างเหตุทางร้ายมากกว่า ผมตระ
หนักว่า อาจจะห้ามคุณไม่ได้ แต่ ผมก็ขอบอกตรงๆนะครับ

ด้วยความจริงใจอย่างที่สุดต่อเพื่อนสหธรรมิก หวังว่าคุณคงจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับข้อความทั้งหมดของผม
ไม่ว่าที่ใดๆในลานธรรมนี้

ขอบคุณมากครับ

เจ้าของ:  eragon_joe [ 03 ก.ย. 2011, 21:48 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คนเข้าใจธรรมะหมด ทำไมไม่สำเร็จอรหันต์

จางบางลางเลือน เขียน:
ที่ว่าตอบได้ฉะฉาน อาจกำลังตอบได้มั่วอย่างฉะฉานก็ได้นี่นา

แล้วรู้ได้ไงว่าใครหัน ใครไม่หัน

onion


:b32: :b32: :b32:

นี่กะลังแอบกระทบข้าพเจ้าอยู่อ๊ะป่าว
อิอิ เห็น มั่ว มั่ว แว๊บ ๆ แล้วมันรู้สึกร้อนตัวช๊อบก๊ล ชอบกล

smiley smiley smiley

กำลังนึกถึงท่านอยู่เมื่อคืน
กำลังว่าจะมีคำขอบคุณ
ในความทะเล่อทะล่าของท่าน ในครั้งกระโน้น
ซึ่งการนำพาโอกาสมาให้กับข้าพเจ้า
ได้ก้าวเข้าสู่บทเรียนที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง

:b16: :b16: :b16:

เป็นบทเรียนที่หนักจริง ๆ :b16: :b12:

แต่นั่นคือ สิ่งที่ดีที่สุดแล้ว :b16: :b16:
ขอบคุณ

:b8: :b8: :b8:


:b55: :b55: :b55: :b55:

เจ้าของ:  FANTASIA [ 03 ก.ย. 2011, 21:57 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คนเข้าใจธรรมะหมด ทำไมไม่สำเร็จอรหันต์

กามโภคี เขียน:
คุณฮานะ

ด้วยความจริงใจยิ่ง จะว่าผมเป็นคนประเภทไหนก็ตามแต่คุณ

ขอความกรุณา อย่าได้อ้างอิงโพสของผมทุกประการครับ ไม่ว่าจะหัวข้อธรรมที่ใดๆ

ผมไม่เคยรู้จักคุณมาก่อนนะครับ ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางใจกัน และไม่คิดบาดหมาง

ที่ผมไม่อยากสนทนากับคุณด้วย ขออนุญาตที่ต้องตรงๆ ณ ตรงนี้ เพราะ วิธีการถามตอบ หรือลีลา
การพูดคุยของคุณ ไม่สุภาพ และบางครั้งก็ไม่เหมาะไม่ควร

ผมมองว่า การสนทนาธรรม เราควรต้องมีความเคารพย่ำเกรงในพระธรรมคำสั่งสอน การจะพูดจะจากัน
ก็ควรให้ดูสุภาพ ใช้วาจาให้เหมาะแก่สภาวะของลานธรรม

ผมสังเกตุมาหลายกระทู้ที่คุณเข้าไปถามตอบหลายวาระหลายโอกาสมาแล้ว ตั้งใจว่าจะไม่ยุ่งกับการ
แสดงความคิดเห็นของคุณเลยแม้น้อย และก็ไม่ยุ่งจริงๆ ไม่ว่าข้อที่คุณแสดงออกมาจะอย่างไร แบบไหน
เพราะผมมองว่า เหมือนไม่ย่ำเกรงในพระรัตนตรัย บางครั้งคนที่สนทนาด้วย อาจจะมากด้วยสัมมาปฏิบัติ
ตัวเองอาจจะใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสมออกไปได้ จะไม่เป็นการดี เหมือนสร้างเหตุทางร้ายมากกว่า ผมตระ
หนักว่า อาจจะห้ามคุณไม่ได้ แต่ ผมก็ขอบอกตรงๆนะครับ

ด้วยความจริงใจอย่างที่สุดต่อเพื่อนสหธรรมิก หวังว่าคุณคงจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับข้อความทั้งหมดของผม
ไม่ว่าที่ใดๆในลานธรรมนี้

ขอบคุณมากครับ


:b13: ฮานะ

เจ้าของ:  กามโภคี [ 03 ก.ย. 2011, 23:09 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คนเข้าใจธรรมะหมด ทำไมไม่สำเร็จอรหันต์

ทักษา เขียน:
คุณครับ อย่าไปหัวเสียกับสิ่งมีชีวิตประเภทนี้เลยครับ พยายามทำใจให้เข้าใจเขาดีกว่าครับ
ฯลฯ ส่วนอะไรที่เขาทำเกินขอบเขตไปก็พยายามอดทน
ตามไปเช็ดไปล้างเอาแล้วกันครับ ถือว่าทำบุญทำทาน เป็นการสร้างกุศลให้ตนเองและ
แผ่เมตตาให้กับเขาได้อีกนะครับ


ขอบคุณครับที่ยังติงให้ผมเข้าใจบางคน

ตอนที่ผมพิมพ์โพสแจ้งเขาไว้ กะเอาว่าติงไป และ ขอร้อง
ส่วนผลจะออกมาอย่างไร ก็จะไม่สนใจ เรื่องจะไปตามล้างตามเช็ดคงไม่ไหวครับ
ผมเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า ใครทำอะไรไว้ ก็ปรากฏผลที่บุคคลนั้นนั่นเองครับ

ขอบคุณอีกครั้งครับ

เจ้าของ:  sleepingwakeup [ 04 ก.ย. 2011, 20:44 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คนเข้าใจธรรมะหมด ทำไมไม่สำเร็จอรหันต์

ยังไม่เข้าถึง ปล่อยวางไม่ได้ หลงทางก็มี :b42:

เจ้าของ:  world2/2554 [ 05 ก.ย. 2011, 19:53 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คนเข้าใจธรรมะหมด ทำไมไม่สำเร็จอรหันต์

ผู้ถามก็น่าจะถามตนเองก่อนว่า ทำไมเราไม่พ้นจากกองทุกข์ การศึกษาสำเหนียกในตน ในกาย ในใจของๆตนนี้แหละคือทางที่จะทำให้ตนรู้แจ้งแจ่มใสภายในจิตใจตน เมื่อรู้แล้วเห็นแล้วจะสงสัยอะไร แม้หากคำตอบ ความคิดเห็นต่างๆของผู้ร่วมสนทนาด้วยหรือของใครๆอื่นก็ตามแต่จะถูกหรือผิดประการใด นั่นก็เป็นปัญหาสำหรับท่านแล้วที่จะใช้ความรู้ความเห็นของท่านในการพิจารณา ใครเขาจะเป็นอะไร รู้อะไรหากไม่เป็นการทำลายเบียดเบียนผู้อื่นก็เป็นธรรมดาของเขาอย่างนั้น หรือหากท่านเห็นรู้มากกว่านั้นในทางที่ถูกที่ชอบ เมื่อพบว่า เป็นการไม่ถุกต้องชอบธรรมแล้วท่านแนะเขาในทางที่ถูกที่ชอบ นั้นก็เป็นการควรแล้ว ธรรมดาว่า สิ่งนอกนั้นภายในภายนอกทั้งหมดเขามีความเกิดแปรเปลี่ยนดับไปเป็นธรรมดาอย่างนั้นมิใช่หรือ การใช้ปัญญาพิจารณาก็พิจารณาสิ่งที่เกิดที่มีนี้อยู่ การปฏิบัติไม่ว่าขั้นใดภูมิใดก็ใช้สิ่งที่เกิดที่มีนี้อยู่ หาใช้สิ่งที่ไม่มีไม่ หากไม่เห็นแม้เพียงความจริงอย่างนี้ จะถามหาความเป็นอรหันต์แต่ที่ไหนได้

เจ้าของ:  จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ [ 05 ก.ย. 2011, 19:54 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คนเข้าใจธรรมะหมด ทำไมไม่สำเร็จอรหันต์

deecup เขียน:
ไม่ได้ลบหลู่นะครับ แค่ขอความเห็นสำหรับคนเข้าใจธรรมะ ตอบธรรมะได้ฉะฉาน

ถามอะไรก็ตอบได้หมด แต่ทำไมบางท่านถึงไม่สำเร็จพระอรหันต์ครับ

ไปติดตรงไหน ขอบคุณครับ


มนุษย์ (หมายเอาเฉพาะมนุษย์) มีความจำ สามารถจำความรูัในด้านต่างๆได้อย่างมากมาย นับไม่ถ้วน อีกทั้งยังสามารถนำความรู้เหล่านั้นมาปรุงแต่งให้เกิดเป็น ความรู้ใหม่ๆได้อีกด้วย
"ธรรมะ" ก็เป็นความรู้ชนิดหนึ่ง เป็นความรู้ทางธรรมชาติที่เป็นหลักความจริงของมนุษย์ มนุษย์ย่อมจำได้ถ้ามีการอ่านมีการท่องจำ และย่อมตอบคำถามทั้งหลาย หรือสามารถ สอนผู้อื่น เกี่ยวกับธรรมะได้
แต่ การที่บุคคลจะบรรลุธรรมชั้น "อริยบุคคล" ตั้งแต่ชั้น โสดาบัน,สกทาคามี,อนาคามี,อรหันต์,นิพพานหรือปรินิพพาน ได้นั้น ต้องรู้จักการปฏิบัติตามธรรมะทั้งหลายเหล่านั้น
การปฏิบัติธรรม มีอยู่ ๓ ชนิด คือ
๑. ปฏิบัติไปตามธรรมชาติแห่งการครองเรือนแห่งสังคมการเป็นอยู่ร่วมกัน กล่าวคือไม่ต้องเรียนรู้ธรรมะ ก็สามารถปฏิบัติธรรมทั้งหลายได้โดยอัตโนมัติ เหตุเพราะ ธรรมะ ก็คือ พฤติกรรม การกระทำ ในด้านต่างๆของมนุษย์ ทั้งในด้านดี และในด้านที่ไม่ดี ถ้าปฏิบัติในด้านดี ก็จิตใจสงบเป็นสุข ไม่ทุกข์ ,แต่ถ้าปฏิบัติในทางที่ไม่ดี ก็ย่อมไม่เป็นสุข เป็นทุกข์ นี้เป็นเรื่องธรรมะซึ่งเกิดขึ้นหรือมีอยู่ในจิตใจของมนุษย์เป็นปกติตามธรรมชาติ
๒. ปฏิบัติธรรม โดยเป็นไปตามธรรมชาติ และเป็นไปด้วยการได้รับการขัดเกลาทางสังคม และตัวผู้ปฏิบัติน้อมใจ ขยัน สนใจที่จะปฏิบัติธรรม โดยหมั่นทบทวน หมั่นพิจารณาพฤติกรรมที่ตัวเองได้ปฏิบัติไป ว่าอย่างไรดี อย่างไรไม่ดี แล้วแก้ไข เพื่อให้เกิดการประพฤติปฏิบัติในทางที่ถูกที่ควรตามทำนองคลองธรรม การปฏิบัติธรรมตามที่ได้กล่าวไป เป้นการปฏิบัติธรรม ในลำดับปุถุชน คฤหัสถ์ หรือ ฆราวาส อันเป็นปกติวิสัยของคนชุมชน หรือประเทศที่มีศาสนา เพื่อการสังคมเป็นอยู่ร่วมกันอันสงบสุข ทั้งตนเองและผู้อื่น
๓. การปฏิบัติธรรม เพื่อบรรลุธรรมในชั้น"อริยบุคคล" ตามหลักพุทธศาสนา อันนี้ขอให้ทุกท่านเมื่อได้อ่านแล้วก็ควรคิดพิจารณา อย่ารีบเชื่อตามที่ข้าพเจ้าจะอธิบายดังต่อไปนี้ ความว่า
การปฏิบัติธรรม เพื่อบรรลุธรรมในชั้น "อริยบุคคล"ตั้งแต่ชั้น โสดาบันเป็นต้นไปนั้น มีรากฐานมาจาก "ศาสนาพราหมณ์ฮินดู" ต้องอาศัยหลักธรรมมากมายหลายข้อ เพื่อให้บรรลุถึง หลักการปฏิบัติที่ปรากฎมีอยู่ในพระไตรปิฎก ส่วนใหญ่จะเป็นการอธิบาย วิธีการปฏิบัติ ว่าควรปฏิบัติอย่างไร ไม่ใช่ตัวธรรมะที่จะทำให้เกิดความหลุดพ้นหรือบรรลุถึง ที่ข้าพเจ้าอธิบายอย่างที่ได้กล่าวไป ก็ให้ท่านทั้งหลายได้ไปศึกษาและทำความเข้าใจในหลักการที่ปรากฎมีอยู่ในพระไตรปิฎกให้ดีนะขอรับ
การจะปฏิบัติเพื่อให้บรรลุถึงธรรม ตั้งแต่ชั้นโสดาบันเป็นต้นไปนั้น จะต้องฝึกทางใจ และฝึกทางสมอง ถ้าจะกล่าวโดยรวม ก็คือ ฝึกปฏิบัติทางร่างกายภายใน คือ ฝึกทาง " รูป ,เวทนา,สัญญา,สังขาร,จิตวิญญาณ" ให้เกิดความรู้ความเข้าใจนับตั้งแต่ตัวเองเป็นต้นไป และยังต้องมีความรู้ด้านอื่นๆ ประกอบอยู่ด้วย เหตุเพราะ การจะบรรลุธรรมตั้งแต่ชั้นโสดาบันเป็นต้นไปได้นั้น จะต้องรู้จัก ขจัดคลื่นความคิด คลื่นอารมณ์ คลื่นความรู้สึก ออกจากร่างกายได้ ถ้าขจัดออกได้บางส่วน ก็ให้สันนิษฐาน บรรลุธรรมชั้นอริยบุคคลชั้นแรกไว้ก่อน ถ้าหากท่านทั้งหลายจะถามว่า จะรู้ได้อย่างไรว่าขจัดคลื่นความคิด คลื่นอารมณ์ คลื่นความรู้สึกได้อย่างไร คำตอบก็คือ ทุกท่านที่ปฏิบัติถึงขั้นนั้น จะสามารถมองเห็นคลื่นซึ่งเป็นคลื่นไฟฟ้าส่งพลังงานแสงออกจากร่างกายตัวเอง และผู้อื่น ก็สามารถเห็นพลังงานแสงเหล่านั้นได้ด้วยตา
ที่ได้อธิบายไปข้างต้น จงนำไปคิดพิจารณา หรือจะฝึกปฏิบัติเลยก็ย่อมได้ เพียงให้ท่านทั้งหลายคิดพิจารณา แยกแยะรายละเอียด หลักธรรมที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไว้ ให้เกิดความรู้ ความเข้าใจว่า จาก"รูป ,เวทนา,สัญญา,สังขาร,จิตวิญญาณ"นั้น มันเกิดความดี ความไม่ดี ความทุกข์ ความไม่ทุกข์ ฯลฯ ได้อย่างไรกัน

หน้า 2 จากทั้งหมด 2 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/