วันเวลาปัจจุบัน 19 มิ.ย. 2025, 04:49  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 23 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2009, 11:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


พุทธธรรมหน้า๔๗๑

มารนี้คือเทพในสวรรค์ชั้นสูงสุดของระดับกามาวจร

คือชั้นที่๖ ได้แก่ปรมินมิตวสวัตตี

แต่ชอบขัดขวางรังควาญผู้อื่น

เมื่อเขาจะทำความดี

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใครจะเปลื้องตนให้อิสระจากกาม

ถือว่าผู้นั้นจะก้าวออกนอกเขตอำนาจของมาร

เป็นอันต้องเผชิญหน้ากับมารทีเดียว

มารมีฤทธิ์ มีอิทธิพลยิ่งใหญ่มาก

แม้แต่พระอินทร์ พอมารมาก็หนีไม่รอหน้า

ไปหลบอยู่สุดขอบจักรวาล

พระพรหมก็หลีกเลี่ยง

บางคราวมารก็ขึ้นรังควาญถึงพรหมโลกซึ่งเป็นชั้นรูปวจรสูงกว่าตน

พระพุทธเจ้าตรัสว่า

“บรรด่ผู้ยิ่งใหญ่ มารเป็นเลิศ”

แม้มารจะมีอำนาจยิ่งใหญ่ถึงอย่างนี้

แต่มนุษย์ผู้อบรมดีแล้วด้วย ศีล สมาธิ ปํญญา

ก็พิชิตมารได้ด้วยคุณธรรมของตน

และมนุษย์ที่มีคุณธรรมสูงเช่นนี้

เทพเจ้าทั้งปวงตลอดถึงพรหมย่อมนบไหว้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2009, 11:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 มิ.ย. 2009, 17:37
โพสต์: 123


 ข้อมูลส่วนตัว


มารที่ชอบขัดขวางรังควาญผู้อื่น เมื่อเขาจะทำความดี คุยเรื่องธรรมะในเว็บศาสนาคือใครหนอ แล้วมารตัวนี้ก็ทำสำเร็จด้วย ยุยงให้ผู้ดูแลเว็บ ย้ายกระทู้ของผมลงถังขยะสำเร็จด้วย


ดีใจด้วยนะมาร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2009, 13:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2009, 19:25
โพสต์: 579

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลงถังขยะ หนะดีแล้ว

ดีที่คุณ ไม่ต้องลงหลุมไปรอบสอง ถือว่าเจ้าหน้าที่เขายังเมตตา

ถึงจะไปอยู่ในถังขยะ แต่อย่างน้อยก็ยังอยู่

หากใครเขาเป็นมิตรรักแฟนพันธ์แท้ของคุณ เขาก็จะรู้ว่าควรตามคุณไปที่ถังขยะเอง

และถ้าหากใคร ยังมีภูมิคุ้มกันสติปัญญาที่อ่อนด้อย เขาก็จะรู้ว่า การรับข้อมูล
จากข้อความในถังขยะ ควรต้องรอบคอบรัดกุมที่สุด

หากใครที่มีวาสนาบารมีเห็นชอบไปด้วยกับคุณ ก็ถือซะว่าเขาสร้างบารมีมาอย่างนี้
ถึงแม้เขาจะไม่เจอเนื้อหาธรรมะของคุณในที่นี้ เขาก็จะไปหาเจอธรรมะแบบเดียวกับคุณ
ของเขาเองที่เบื้องนอก เพราะในที่นี้ก็มีธรรมหลายระดับให้เลือก แต่เขาก็ยังเลือก
ที่จะเชื่อคุณ ดังนั้นต่อให้เขามีปกติอยู่กับโลกภายนอก ซึ่งมีธรรมะให้เลือกเชื่อ
ศรัทธามากมาย หลายแนวทาง เขาก็ยังจะเห็นดีเห็นงามกับธรรมะอย่างของคุณอยู่ดี

เพราะสติปัญญา วาสนาบารมี ของเขาเป็นเช่นนั้น............. และคือเช่นเดียวกับคุณ

หากคุณ คิดว่าธรรมะของคุณ ถูกต้องแล้ว ดีเลิศประเสริฐแล้ว
ก็จะไปสนใจอะไรกับการไปอยู่ในถังขยะ เพราะยังไงเดี๋ยวผู้มีจริตเดียวกับท่านก็จะตามไปเอง

และผมคิดว่าในถังขยะนั่นหละ เน้น และเด่นดีพึลึก
บอกให้รู้ถึงความเป็นส่วนตัว ที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน

ในเมื่อธรรมะของคุณ เป็นสิ่งที่ไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านทั่วไป
คุณก็ควร เปิดโอกาสให้คนอื่นๆที่ยังเดียงสาในทางธรรม ได้้รู้ว่า
บทธรรมที่อยู่ในถังขยะ ต้องกลั่นกรองให้มากที่สุดก่อนจะเชื่อ
ซึ่งจะเป็นประโยชนกับตัวเขาเอง ในการจะได้กลั่นกรองธรรมะของคุณมากเป็นพิเศษ

ผมคิดว่าถ้าคุณจะพูดจะแสดง คุณควรแสดงในขอบเขต ของเทคนิคการเจริญปัญญา
เทคนิคการทำสมาธิ อารมณ์ของสมาธิ อารมณ์ของวิปัสสนา

สภาพของจิต ธรรมชาติของจิต หรือไม่ก็เรื่องศีลธรรม ซึ่งอีกหลายเรื่องที่น่า
จะเกิดประโยชน์ แก่ผู้เรียนรู้มากกว่า แต่คุณกลับพยายามแสดงในสิ่งที่ไกลเกินตัว
และหาประโยชน์อะไรไม่ได้เลย ต่อให้คนเขาเชื่อตามคุณแล้วเขาได้อะไรขึ้นมา

และคนที่เขาเชื่อตามคุณ ก็เชื่อไปตามอย่างงมงาย เพราะสิ่งที่คุณแสดงไม่ใช่สิ่งที่
เป็นตัวสภาวธรรมที่พิสูจน์กันได้ หรือสัมผัสได้ นอกจากคิด และจินตนาการ
ผสมเรื่องนั้น เรื่องโน้น เรื่องนี้ เอามาจนดูพิศดาร อลังการ และลึกลับ
ถึงจะใช้คำโก้หรู สักหลายๆคำ แต่มันก็คือถ้อยคำ ที่จากออกจากวิสัยคิด
ออกมาจากการจินตนาการ ผสมผสานจนดูจะขัดกันเองในหลายๆ เรื่อง

ผมคิดว่าสิ่งที่คุณทราบไม่ได้เกิดจากฌาณ และไม่ได้เกิดจากญาณ

แต่เกิดจากความเชื่อจิต เชื่อความรู้สึกของจิต เชื่อมโนภาพของจิต
เชื่อความคิด เชื่อสังหรณ์ เชื่อในสิ่งที่เห็น ที่ทราบ ที่รู้ ที่รู้สึก

คุณกำลังถูกจิตหลอก และคุณก็ไม่รู้จักจิต ที่สำคัญคุณไม่ได้อยู่เหนือจิต
ไม่ได้อยู่เหนือความรู้ ไม่ได้อยู่เหนือความคิด และไม่ได้อยู่เหนือความรู้สึก

นักปฏิบัติที่ผ่านการเรียนรู้ศึกษา อบรมเรื่องจิตมา
ไม่เพียงแต่จะสามารถพัฒนาให้จิตมีความสมบูรณ์เปี่ยมพลังแล้ว
แต่เขายังจะต้องพัฒนาตนเอง ให้มีอำนาจเหนือจิตของตนอีกด้วย

และอำนาจที่ทำให้บุคคลนั้น สามารถอยู่เหนือจิตได้
ก็ต้องเกิดจากการรู้ทั่วถึง ธรรมชาติของจิต อย่างสมบูรณ์ครบถ้วน
ในทุกแง่ทุกมุม ทุกสภาพ และทุกพฤติของจิต จนไม่เหลือแง่มุมที่สงสัย
ชีวิตจึงปลอดภัยจากการถูกจิตของตนหลอก

และชีวิตก็จะเปลี่ยนจากการเชื่อจิต เชื่อความรู้สึกของจิต
มาเชื่อตัวความรู้ เชื่อญาณทัสสนะ หรือตัววิชชานั้นแทน

ก่อนที่คุณจะมาแสดงความรู้ เรื่องพระพุทธเจ้า คุณรู้จักธรรมชาติของจิตรึยัง

ว่าจิตหน้าตาเป็นยังไง อยู่ตรงไหน ก่อตัวอย่างไร สืบต่ออย่างไร
ดับลงสนิทด้วยอาการอย่างไร มีความวิจิตรอย่างไร และไม่มีตัวเราอยู่ในจิตนั้นเป็นยังไง

ก่อนที่จิตจะก่อตัวทำหน้าที่เป็นจิต ขณะนั้นจิตอยู่ในสภาพอย่างไร
และระบบการก่อตัวเป็นจิต มันมีกระบวนการอย่างไร อาศัยอะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัยในการ
เกิดขึ้น วิญญาณขันธ์ ที่ปราศจากปัจจัยในการตั้งอาศัย หรือเกาะกำหนด
มันจะมีลักษณะอย่างไร และทำอย่างไรให้วิญญาณขันธ์ไม่มีอารมณ์ในการตั้งอยู่

ผมแค่ยกตัวอย่างเพียงบางส่วน สำหรับคนที่คิดว่ารู้แจ้งธรรมชาติของจิตดีแล้ว
ควรจะต้องรู้ว่า สิ่งที่ผมถามนั้นมันเป็นยังไง แต่ถ้าแค่เรื่องจิตคุณยังไม่ทราบ
คุณจะไปรู้จัก ภูมิสภาวะของพระพุทธเจ้าได้อย่างไร ว่าจิตที่ปรินิพพานนั้นเป็นอย่างไร

คนโดยมากหากจะดูจิต ก็เห็น แค่เพียง ตัวรู้ เห็นความรู้สึก
เห็นความคิด เห็นนิมิต และเห็นพฤติการเคลื่อนไหวแทบทุกชนิดที่เกิดขึ้น

แต่ไม่ทราบถึงที่มาที่ไป ไม่ทราบถึงระบบการทำงานว่าทุกพฤติที่เกิดขึ้น ดับลง
ของจิตนั้น มันก่อตัวมาจากอะไร และมันคืออะไร

หากคุณเป็นผู้รู้จริงตามที่คุณ พยายามประกาศอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า
คุณลองตอบหน่อยเถอะว่า วิญญาณขันธ์ คืออะไร
ก่อตัวขึ้นมาด้วยอาการอย่างไร และจะดับสนิทได้อย่างไร
และมีวิธีอย่างไรในการ ตามดูธรรมชาติของวิญญาณขันธ์
ให้เห็นได้อย่างครบถ้วน ทั้งก่อนที่วิญญาณจะก่อตัว
ทั้งระบบการสืบต่อของวิญญาณ และการดับสนิทลงไป

ขอเป็นคำตอบที่ออกจากสภาวะ ไม่เอาคำตอบจากตำรา


ขอบคุณครับ


:b8: :b8: :b8: :b8: :b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2009, 14:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านบัวสกล

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2009, 14:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


suwichai เขียน:
มารที่ชอบขัดขวางรังควาญผู้อืน เมื่อเขาจะทำความดี คุยเรื่องธรรมะในเว็บศาสนาคือใครหนอ แล้วมารตัวนี้ก็ทำสำเร็จด้วย ยุยงให้ผู้ดูแลเว็บ ย้ายกระทู้ของผมลงถังขยะสำเร็จด้วย

ดีใจด้วยนะมาร



สมาชิกท่านนี้เพิ่งหมักเมื่อวาน ใครหนอช่างยุยงให้ผู้มีอำนาจ ย้ายกระทู้ลงถัง หรือว่า ท่าน
คือ... :b10: :b10: แมว ๙ ชีวิต


ก๊ากกๆๆๆๆๆๆ ไปดูในถังแล้วมีสองศพ ที่แท้ก็เพื่อนเรานั่นเอง :b4:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2009, 15:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.พ. 2009, 10:40
โพสต์: 8


 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีค่ะ
ดิฉันมีเรื่องกลุ้มใจมากๆเลยค่ะ เป็นเรื่องของที่บ้าน เรื่องมีอยู่ว่า แม่ของดิฉันเพิ่งเสียชีวิต ได้ไม่นาน 8 เดือนนิดๆ อายุน้อยมากๆ 46 ปีเองค่ะ แต่ด่วนจากพวกเราไปเสียก่อน ปกติพ่อจะเป็นคนที่คิดถึงแต่ลูกๆ มีอะไรก็คอยช่วยเหลือลูกๆ และให้คำปรึกษา ตลอด คือรักลูกๆมาก แต่พอไม่นาน(ประมาณ3เดือน)หลังจากที่แม่เสีย ยังไม่ครบร้อยวันเลยค่ะ พ่อดิฉันแต่งงานใหม่กับคนใน จังหวัดเดียวกัน แต่คนละเขต ถ้าแม่เลี้ยงเป็นคนนิสัยดี ดิฉัยคงไม่กลุ้มใจหรอกค่ะ แต่แม่เลี้ยงมีสามีมาก่อนหน้าแล้ว 3 คนมีลูกติดมา 1 คน และเพิ่งจะหย่าจากสามีเก่าได้ไม่ถึงเดือนก็มาแต่งงานกับพ่อ แรกๆก็ทำใจไม่ได้ค่ะที่อยู่ๆมีคนมาแทนที่แม่ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะพ่อต้องการแบบนั้น และคงจะเป็นความสุขของพ่อ ก็ปล่อยให้พ่อแต่ง ตั้งแต่แต่งงานมา พ่อเริ่มขายที่เอาเงินไปให้ผู้หญิงคนนี้ ซื้อรถ ซื้อโน่นนี่ ให้ลูกชายแม่เลี้ยง แต่ไม่เคยสนใจลูกที่จริงๆของตัวเองอีกเลย ดิฉันงง มากๆค่ะ เพราะพ่อไม่เคยเป็นแบบนี้ และมันต้องมีอะไรผิดปกติแน่นอน เลยตัดสินใจ ลองเอาวันเดือนปีเกิดของพ่อ กับแม่เลี้ยง (โดยที่ไม่ได้บอกชื่อสกุลเลย) ให้พระที่ จ.บุรีรัมย์ดู (พระอยู่คนละภาคกับบ้านดิฉัน ) ฉะนั้นพระจะไม่รู้จักครอบครัวของดิฉันเลย พระท่านทักขึ้นมาเลยว่า คนนี้โดนทำของนะ โดนอีกคนนึงที่ให้ดูพร้อมๆกันเนี๊ยะแหละทำ (วันเกินปีเกิดของแม่เลี้ยงที่ให้พระดูคู่กับของพ่อ) พระบอกว่าคนนี้จะมาหลอกเอาสมบัติทุกอย่างถ้าได้แล้วจะไปหาคนอื่นต่อ ดิฉันตกใจมากกลัวว่าถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ แล้วพ่อดิฉันจะอยู่ยังไง พ่อจะอยู่ในสภาพไหน
พระท่านแนะนำให้พาพ่อมาหาที่วัดพระจะช่วยแก้ให้ (แต่คงเป็นไปไม่ได้ที่พ่อจะยอมไป) เลยไม่รู้จะทำยังไงต่อไป เพราะหมดหนทางแล้วที่จะช่วยพ่อ โปรดช่วยดิฉัยคิดหาหนทาง แก้ไข หรือให้คำปรึกษาที่ดีๆกับดิฉันด้วยเถอะค่ะ (ดิฉันไม่ได้งมงายว่าเชื่อเรื่องไสยศารตร์)แต่ หากไม่ใช่สิ่งนี้แล้วสิ่งไหนจะทำให้พ่อเปลี่ยนไปเป็นคนละคนได้ถึงขนาดนี้ ช่วยด้วยนะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2009, 15:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
พระท่านแนะนำให้พาพ่อมาหาที่วัดพระจะช่วยแก้ให้ (แต่คงเป็นไปไม่ได้ที่พ่อจะยอมไป)



เจ้าของคำถาม ชวนพ่อตรงๆไม่ไป ลองกุสโลบายสิครับ คิดสิว่าจะกลวิธีใด เช่นชวนไปเที่ยว หรือ ให้ท่านพาเราไปที่นั่นที่นี่ แต่เราก็พาเลี้ยวไปวัดนั้น ปรึกษาพี่ๆน้องๆดูร่วมมือกันหรือญาติใกล้ชิดฝ่ายพ่อเรา แต่อย่าให้พ่อเรารู้ตัว

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2009, 15:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


“พระองค์ผู้เจริญ เรียกว่า “มาร มาร” ....เรียกว่า “สัตว์ สัตว์” ...เรียกว่า “ทุกข์ ทุกข์” ดังนี้
ด้วยเหตุเพียงไร จึงมีมารหรือบัญญัติว่ามาร...จึงมีสัตว์ หรือ ปัญญัติว่าสัตว์...จึงมีทุกข์ หรือ ปัญญัติว่า
ทุกข์”


“ดูกรสมิทธิ ที่ใดมีตา มีรูป มีจักขุวิญญาณ มีธรรมอันพึงรู้ด้วยจักขุวิญญาณ ฯลฯ มีใจ
มีธรรมารมณ์ มีธรรมอันพึงรู้ด้วยมโนวิญญาณ ที่นั้น ก็มีมารหรือบัญญัติว่ามาร...สัตว์ หรือ ปัญญัติว่า
สัตว์...ทุกข์ หรือ ปัญญัติว่าทุกข์”

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2009, 16:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 เม.ย. 2009, 02:22
โพสต์: 83

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การมีสิ่งที่ไม่ดีมาคู่กันก็เป็นประโยชน์นะ มารไม่มีบารมีไม่เกิด และเพื่อเห็นถึงความเสื่อม เหตุที่ทำให้ศาสนาเสื่อม คนที่ทำให้ศาสนาเสื่อม และเหตุทำให้คนเสื่อม บางที่การมีสิ่งไม่ดีพวกนี้บ่อย ๆ หากจะมองให้ได้ประโยชน์ก็เป็นการแสดง ตัวอย่าง ให้ได้เห็นกันชัดเจน เพื่อความสลดสังเวช นี่ย่อมเป็นปัญญาที่ผู้ปฏิบัติธรรมพึงแยกแยะได้

พุทธะ ย่อมอยู่ในทางพุทธะ และย่อมมองเห็นพุทธะ มารย่อมดำรงในทางมาร และมองเห็นแต่มารรอบกาย
การถกเถียงกันโดยไม่เป็นไปเพื่อมรรคผลนิพพาน ไม่เพื่อคลายกำหนัด ไม่เพื่อดับภพชาติ
ย่อมไม่ไช่กิจแห่ง พุทธะ



เอาใว้วันหน้าผมจะเอาเรื่อง เหตุที่พุทธศาสนาเสื่อมจากอินเดีย มาฝากนะครับแต่คงไม่เยอะมากเพราะจะยาวเกินไป เอะแต่กระทู้มารที่มาก่อกวนเมื่อวานรีบลบจัง แหมผมน่ะเอาใจช่วยตลอดว่า อยุ่ให้นานนะ แต่มันก็แพ้กรรมตัวเอง :b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2009, 17:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 เม.ย. 2009, 19:55
โพสต์: 548

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


mes เขียน:
ท่านบัวสกล

:b8: :b8: :b8:


:b8: :b8: :b8:

ท่านก็รู้
ถึงแม้ผมจะไม่เห็นด้วยกับการนำเสนอของท่านพล...
แต่อย่างว่า....ผมเป็นโรคขี้เห็นใจคน...ครับ...
การกระทำใด ๆ หรือสรรหาวาจาเผ็ด ๆ ใด มากล่าว
ไม่ใช่วิสัยที่ผมพึงจะทำได้เลย...
ก็กำลังนั่งคิด ๆ อยู่...ทำไงดีหว๋า...
ก็เจอเพื่อนผม...กระโดดลงมาฉับ ไปซะแล้ว...

:b10: :b10: :b10:

ต้องรบกวนถามความเห็นท่านจริง ๆ...
เพราะเห็นท่านเป็นผู้หนึ่งที่มีความเจนสังเวียน...
เพื่อแนะนำผมด้วย...เพื่อว่าวันข้างหน้า...
และเพื่อเป็นประโยชน์สำหรับคนใจอ่อนคนอื่น ๆ ด้วย...
เมื่อเจอของเผ็ด ๆ จะได้วางตัวถูก...

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2009, 18:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2009, 19:25
โพสต์: 579

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้มีธรรมแท้อันบริสุทธิ์ ย่อมไม่หวาดหวั่นต่อคำถาม

และไม่หวั่นไหว เมื่อถูกถาม ด้วยถ้อยคำี่แฝงการหักล้าง อย่างแสบเผ็ด

เพราะให้เกียรติว่าทรงภูมิ จึงไม่ถามในเรื่องพื้นๆ และไม่สนใจว่าจะหวั่นไหวรึไม่
เนื่องจากเห็นว่า ผู้ประพฤติธรรม ย่อมมีจิตกว้างขวาง ไม่ถือสาผู้อื่น
แต่จะกลับมาถือสาตัวเองมากกว่า...............ถ้าหากจิตตนนั้นหวั่นไหวแม้เพียงนิดเดียว

ความหวั่นไหว ก็คือครูอาจารย์อันประเสริฐ เพราะผู้ประพฤติธรรมยิ่งสูงขึ้น
จะยิ่งมั่นใจตัวเองสูง จนบางครั้งคนอื่นไม่สามารถบอกกล่าวหรือทักท้วงอะไรได้เลย

แต่ความหวั่นไหว เมื่อปรากฏขึ้นแก่ใจตน คนผู้นั้นก็จะหลอกตัวเองไม่ได้
ว่าตัวเองแท้แล้วก็ยังหวั่นไหวอยู่ เขาอาจได้รู้ตัวและดีขึ้นเจริญขึ้นในภายภาคหน้า


เหมือนอย่างพวกนักบวชเซ็น ที่มีธรรมเนียมปฏิบัติ ด้วยการโต้ตอบ
หักล้างกันในทางธรรม แบบชนิดต้องต้อนกันให้จน เหมือนจะเอาให้ตาย

แต่ท้ายที่สุดแล้วเมื่อบทสรุปเกิดขึ้น ผู้หนึ่งย่อมเป็นผู้จนในวาทะ
หรือจนในทางปัญญาแก่อีกฝ่าย แต่เขาทั้งสองก็จะได้ประโยชน์
ด้วยกันทั้งสองคน และไม่ถือสาซึ่งกันและกัน..........เพราะว่าพวกเขา
หนักในธรรม มีธรรมเป็นใหญ่ ไม่หนักในตัวตน ไม่ใช้ตัวตนเป็นใหญ่


ผมก็เป็นคนใจอ่อน และไม่มีจิตคิดอคติสักนิดแก่คุณพลศักดิ์
รู้สึกยินดีที่ได้เห็นแกอีกครั้ง แต่เมื่อธรรมะบางอย่างเห็นไม่ตรงกัน
มันก็ควรที่เราชาวพุทธ จะมาถกวิสัฌชนา เพื่อหาบทสรุปร่วมกันและตรงกัน
เพราะนี่ก็คือสิ่งที่พระพุทธเจ้า ปรารถนาให้สาวกทั้งหลายกระทำการสอบสวนธรรมะ
ซึ่งกันและกันให้มาก เพื่อความมั่นคง และความไม่คลาดเคลื่อนของหลักธรรมอยู่แล้ว


บางครั้งการนิ่งเฉยดูดาย กลับเป็นการทำร้ายสหายธรรมของเรายิ่งเสียกว่า
การส่งวาจาอันแสบเผ็ด เพื่อให้เขาเหลียวหันกลับมาย้อนทบทวน ให้ละเอียดกว่าที่เป็น


หวังว่าคุณพลศักดิ์ จะไม่ใช่เด็กน้อยที่หวั่นไหวกันง่ายๆ
เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น ผมคงเข้าใจคุณผิด และต้องขออภัยคุณ

:b8: :b8: :b8: :b8: :b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2009, 19:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


mayandammie เขียน:
สวัสดีค่ะ
ดิฉันมีเรื่องกลุ้มใจมากๆเลยค่ะ เป็นเรื่องของที่บ้าน เรื่องมีอยู่ว่า แม่ของดิฉันเพิ่งเสียชีวิต ได้ไม่นาน 8 เดือนนิดๆ อายุน้อยมากๆ 46 ปีเองค่ะ แต่ด่วนจากพวกเราไปเสียก่อน ปกติพ่อจะเป็นคนที่คิดถึงแต่ลูกๆ มีอะไรก็คอยช่วยเหลือลูกๆ และให้คำปรึกษา ตลอด คือรักลูกๆมาก แต่พอไม่นาน(ประมาณ3เดือน)หลังจากที่แม่เสีย ยังไม่ครบร้อยวันเลยค่ะ พ่อดิฉันแต่งงานใหม่กับคนใน จังหวัดเดียวกัน แต่คนละเขต ถ้าแม่เลี้ยงเป็นคนนิสัยดี ดิฉัยคงไม่กลุ้มใจหรอกค่ะ แต่แม่เลี้ยงมีสามีมาก่อนหน้าแล้ว 3 คนมีลูกติดมา 1 คน และเพิ่งจะหย่าจากสามีเก่าได้ไม่ถึงเดือนก็มาแต่งงานกับพ่อ แรกๆก็ทำใจไม่ได้ค่ะที่อยู่ๆมีคนมาแทนที่แม่ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะพ่อต้องการแบบนั้น และคงจะเป็นความสุขของพ่อ ก็ปล่อยให้พ่อแต่ง ตั้งแต่แต่งงานมา พ่อเริ่มขายที่เอาเงินไปให้ผู้หญิงคนนี้ ซื้อรถ ซื้อโน่นนี่ ให้ลูกชายแม่เลี้ยง แต่ไม่เคยสนใจลูกที่จริงๆของตัวเองอีกเลย ดิฉันงง มากๆค่ะ เพราะพ่อไม่เคยเป็นแบบนี้ และมันต้องมีอะไรผิดปกติแน่นอน เลยตัดสินใจ ลองเอาวันเดือนปีเกิดของพ่อ กับแม่เลี้ยง (โดยที่ไม่ได้บอกชื่อสกุลเลย) ให้พระที่ จ.บุรีรัมย์ดู (พระอยู่คนละภาคกับบ้านดิฉัน ) ฉะนั้นพระจะไม่รู้จักครอบครัวของดิฉันเลย พระท่านทักขึ้นมาเลยว่า คนนี้โดนทำของนะ โดนอีกคนนึงที่ให้ดูพร้อมๆกันเนี๊ยะแหละทำ (วันเกินปีเกิดของแม่เลี้ยงที่ให้พระดูคู่กับของพ่อ) พระบอกว่าคนนี้จะมาหลอกเอาสมบัติทุกอย่างถ้าได้แล้วจะไปหาคนอื่นต่อ ดิฉันตกใจมากกลัวว่าถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ แล้วพ่อดิฉันจะอยู่ยังไง พ่อจะอยู่ในสภาพไหน
พระท่านแนะนำให้พาพ่อมาหาที่วัดพระจะช่วยแก้ให้ (แต่คงเป็นไปไม่ได้ที่พ่อจะยอมไป) เลยไม่รู้จะทำยังไงต่อไป เพราะหมดหนทางแล้วที่จะช่วยพ่อ โปรดช่วยดิฉัยคิดหาหนทาง แก้ไข หรือให้คำปรึกษาที่ดีๆกับดิฉันด้วยเถอะค่ะ (ดิฉันไม่ได้งมงายว่าเชื่อเรื่องไสยศารตร์)แต่ หากไม่ใช่สิ่งนี้แล้วสิ่งไหนจะทำให้พ่อเปลี่ยนไปเป็นคนละคนได้ถึงขนาดนี้ ช่วยด้วยนะคะ

ก็นิมนต์ท่านซิครับ....ให้ท่านไปโปรดพ่อเรา ถ้ามีวาสนากันก็ไม่น่าจะยากนะครับ ( :b10: ใช่หลวงปู่ฤทธิ์ วัดชลประทาน รึป่าว :b10: )

ส่วนที่ถามมาว่า หากไม่ได้โดนของแล้วอะไรทำให้พ่อเปลี่ยนไป สิ่งนั้นก็คือ ตัณหาอุปปาทานครับ ลองคุยกับพ่อดูก็ดีนะครับ อย่าไปคิดแทนท่านครับเพราะท่านอาจไม่ได้คิดเหมือนเรา การอยู่ร่วมกันให้มีความสุขก็ต้องเจรจาสื่อสารกัน ให้เข้าใจอะไรๆตรงกัน ก็จะไม่ค่อยมีปัญหาครับ

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2009, 20:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


yahoo เขียน:
ท่านก็รู้
ถึงแม้ผมจะไม่เห็นด้วยกับการนำเสนอของท่านพล...
แต่อย่างว่า....ผมเป็นโรคขี้เห็นใจคน...ครับ...
การกระทำใด ๆ หรือสรรหาวาจาเผ็ด ๆ ใด มากล่าว
ไม่ใช่วิสัยที่ผมพึงจะทำได้เลย...
ก็กำลังนั่งคิด ๆ อยู่...ทำไงดีหว๋า...
ก็เจอเพื่อนผม...กระโดดลงมาฉับ ไปซะแล้ว...



ต้องรบกวนถามความเห็นท่านจริง ๆ...
เพราะเห็นท่านเป็นผู้หนึ่งที่มีความเจนสังเวียน...
เพื่อแนะนำผมด้วย...เพื่อว่าวันข้างหน้า...
และเพื่อเป็นประโยชน์สำหรับคนใจอ่อนคนอื่น ๆ ด้วย...
เมื่อเจอของเผ็ด ๆ จะได้วางตัวถูก...




ขออภัยทjานyahooครับ

ผมไม่เข้าใจความหมายของคำถามจริงๆครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2009, 21:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2008, 14:07
โพสต์: 285

อายุ: 0
ที่อยู่: ประเทศไทย

 ข้อมูลส่วนตัว


อย่าทะเลาะกันเลย

การยุยงให้แตกความสามัคคี หรือกล่าวหาคนอื่นด้วยคำไม่จริง
ไม่ใช่วิสัยของผู้ปฎิบัติธรรม

.....................................................
"ใครเกิดมา ไม่พบพระพุทธศาสนา ไม่เลื่อมใส ไม่ปฎิบัติ ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย เป็นโมฆะตลอด ตั้งแต่วันเกิดจนวันตาย"

"ให้พากันหมั่นให้ทาน รักษาศีล เจริญเมตตาภาวนา"

พระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี
http://www.luangta.com/

"ทำสมาธิมากเนิ่นช้า คิดพิจารณามากฟุ้งซ่าน หัวใจของการปฏิบัติคือการมีสติในชีวิตประจำวัน"
หลวงปู่มั่น

"ดูจิต...ด้วยความรู้สึกตัว"
หลวงพ่อปราโมทย์ สวนสันติธรรม ชลบุรี
http://www.wimutti.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2009, 22:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2006, 20:52
โพสต์: 1210

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:
ข้าพเจ้ารู้สึกรื่นเริงบันเทิงในวาทะธรรมของท่านบัวศกลค่ะ
ตรง ชัด เฉียบ สง่างาม
อนุโมทนาสาธุ


อ้างคำพูด:
ผู้มีธรรมแท้อันบริสุทธิ์ ย่อมไม่หวาดหวั่นต่อคำถาม
.....


ไม่หวั่นไหว...แต่เอือม....ค่ะ

.....................................................
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธรรมา อนัตตา...


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 23 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร