วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 18:06  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ต.ค. 2012, 22:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ต.ค. 2012, 20:20
โพสต์: 6


 ข้อมูลส่วนตัว


เกิดเหตุการณ์ต่อเนื่อง เวลาทำอะไรก็รู้สึกเบื่อหน่าย พบเจอะผู้คน ทั้งคนกำลังสุข คนกำลังทุกข์ เห็นถึงความไม่เที่ยง เห็นเด็กที่ร้องไห้แต่ไม่รู้เหตุผล คนแก่ที่ต้องเก็บขยะขาย หรือหมาที่เป็นมะเร็ง หรือสรรพสิ่งที่ตาย แม้กระทั่งแม่ตัวเอง ที่แก่ลงทุกวัน มันคือความไม่เที่ยงที่กำลังมาถึงเรา แต่มีบางอย่างเมื่อเห็นหรือคิดตามภาพที่เห็น เกิดสุขใจมากๆ และเข้าใจตามที่เห็น มันกำลังเกิดอะไรขึ้น มีทางแก้ไขไหมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ต.ค. 2012, 23:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2011, 01:57
โพสต์: 324

แนวปฏิบัติ: อริยสัจ4
อายุ: 27
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว


เบื่อแล้วยังทุกข์ไหม

มีความสุขกับเรื่องอะไร พอเจอเรื่องตรงข้ามแล้วยังทุกข์ไหม

ถ้ายังทุกข์ ก็แปลว่าความเห็นของเราต่อเรื่องนั้นๆยังไม่ตรง ก็กลับไปหาวิธีปรับความเห็นของเราให้ถูกต้องต่อไป

เบื่อจากความไม่ชอบ กับเบื่อจากมีปัญญารู้เท่าทัน ไม่เหมือนกันครับ

.....................................................
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคือความจริง การฝืนความจริงทำให้เกิดทุกข์ การเห็นและยอมตามความจริงทำให้หายทุกข์

คนที่รู้ธรรมะ มักจะชอบเอาชนะผู้อื่น แต่คนเข้าใจธรรมะ มักจะเอาชนะใจตนเอง

สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ ยะทา ปัญญายะ ปัสสะติ
เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า, ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา

อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา
เมื่อนั้น ย่อมเหนื่อยหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ ที่ตนหลง,
นั่นแหละเป็นทางแห่งพระนิพพานอันเป็นธรรมหมดจด

.....ติลักขณาทิคาถา.....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ต.ค. 2012, 08:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หมีน้อยคอยรัก เขียน:
มองความไม่เที่ยงของชีวิต แล้วเกิดความสุขใจ เป็นทางที่ถูกต้อง
เป็นความเห็นที่ผิด ไม่ถูกต้อง เป็นมิจฉาทิฏฐิ ..

ความเห็นที่ถูก เป็นสัมมาทิฏฐิ คืออย่างไร ? ..

เมื่อประสบพบเห็น ความเกิด แก่ เจ็บ ตาย โสกะปริเทวะ ฯ ก็ให้
"โอปนยิโก" น้อมนำเข้าที่ตนว่า ตนเองก็จะประสบเช่นนั้นเหมือนกัน
พิจารณาบ่อย ๆ "จนทำให้เกิดความสลดสังเวช เกิดความเบื่อหน่าย"

เกิดเป็น "นิพพิทาญาณ" ความรู้ความเบื่อหน่ายในกองทุกข์
ที่จะนำไปสู่การแสวงหาหนทางแห่งการพ้นทุกข์ ...

เหมือนเจ้าชายสิทธัตถะ ที่พระองค์ทรงเห็นเทวทูตทั้งสี่ แล้วแสวงหาหนทางเพื่อพ้นทุกข์
จนตรัสรู้เป็นพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าในที่สุด ...

ผู้เกิด "นิพพิทาญาณ" จะเจริญรอยตามแนวทางที่พระพุทธเจ้าแสดงไว้เสมอ ..


:b1:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ต.ค. 2012, 09:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


หมีน้อยคอยรัก เขียน:
เกิดเหตุการณ์ต่อเนื่อง เวลาทำอะไรก็รู้สึกเบื่อหน่าย พบเจอะผู้คน ทั้งคนกำลังสุข คนกำลังทุกข์ เห็นถึงความไม่เที่ยง เห็นเด็กที่ร้องไห้แต่ไม่รู้เหตุผล คนแก่ที่ต้องเก็บขยะขาย หรือหมาที่เป็นมะเร็ง หรือสรรพสิ่งที่ตาย แม้กระทั่งแม่ตัวเอง ที่แก่ลงทุกวัน มันคือความไม่เที่ยงที่กำลังมาถึงเรา แต่มีบางอย่างเมื่อเห็นหรือคิดตามภาพที่เห็น เกิดสุขใจมากๆ และเข้าใจตามที่เห็น มันกำลังเกิดอะไรขึ้น มีทางแก้ไขไหมครับ


ยินดีด้วย....ท่านได้ญาณบางญาณในญาณ16แล้ว...

ทำต่อไป....ทำต่อไป....

ทำอย่างเดิมนั้นแหละ...

:b17: :b17: :b17:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2012, 02:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มิ.ย. 2011, 22:25
โพสต์: 59

แนวปฏิบัติ: รักษาศีลให้แน่นหนามั่นคง
ชื่อเล่น: Soduku
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หมีน้อยคอยรัก เขียน:
เกิดเหตุการณ์ต่อเนื่อง เวลาทำอะไรก็รู้สึกเบื่อหน่าย พบเจอะผู้คน ทั้งคนกำลังสุข คนกำลังทุกข์ เห็นถึงความไม่เที่ยง เห็นเด็กที่ร้องไห้แต่ไม่รู้เหตุผล คนแก่ที่ต้องเก็บขยะขาย หรือหมาที่เป็นมะเร็ง หรือสรรพสิ่งที่ตาย แม้กระทั่งแม่ตัวเอง ที่แก่ลงทุกวัน มันคือความไม่เที่ยงที่กำลังมาถึงเรา แต่มีบางอย่างเมื่อเห็นหรือคิดตามภาพที่เห็น เกิดสุขใจมากๆ และเข้าใจตามที่เห็น มันกำลังเกิดอะไรขึ้น มีทางแก้ไขไหมครับ


หากสงสัยเป็นเพียงสัญญาความจำหรือสังขารความคิด ลองแก้ไขด้วยการการหัดเจริญสติ ตามลิงค์นี้ดูนะครับ :b8:



โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ต.ค. 2012, 10:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หมีน้อยคอยรัก เขียน:
เกิดเหตุการณ์ต่อเนื่อง เวลาทำอะไรก็รู้สึกเบื่อหน่าย พบเจอะผู้คน ทั้งคนกำลังสุข คนกำลังทุกข์ เห็นถึงความไม่เที่ยง เห็นเด็กที่ร้องไห้แต่ไม่รู้เหตุผล คนแก่ที่ต้องเก็บขยะขาย หรือหมาที่เป็นมะเร็ง หรือสรรพสิ่งที่ตาย แม้กระทั่งแม่ตัวเอง ที่แก่ลงทุกวัน มันคือความไม่เที่ยงที่กำลังมาถึงเรา แต่มีบางอย่างเมื่อเห็นหรือคิดตามภาพที่เห็น เกิดสุขใจมากๆ และเข้าใจตามที่เห็น มันกำลังเกิดอะไรขึ้น มีทางแก้ไขไหมครับ

การพูดในลักษณะนี้ เขาเรียกคนไม่รู้ธรรม หยิบคำพูดหรือตัวหนังสือมาปรุงแต่ง
แล้วก็คิดไปเองว่า กำลังเกิดอะไรขึ้นกับตนหรืออาจคิดว่า บรรลุธรรมแล้ว

การรู้ธรรมหรือบรรลุธรรมอะไรสักอย่าง เขารู้กันที่กายใจตนเอง
ไม่ใช่สอดส่ายส่งจิตออกนอกแบบจขกท

ความไม่เที่ยง มันเกิดขึ้นที่กายใจเรา และความไม่เที่ยงมันเป็นสังขาร
ไม่ใช่อย่างที่จขกทบอก เห็นคนอื่น เกิดแก่ เจ็บตาย ดันบอกเห็นความไม่เที่ยง
การเกิดแก่ เจ็บตายมันเป็นสิ่งที่จริงแท้แนอน มันจึงไม่ใช่ความไม่เที่ยง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ต.ค. 2012, 13:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มิ.ย. 2011, 10:18
โพสต์: 590

โฮมเพจ: www.bhuddhakhun.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


โฮฮับ เขียน:
หมีน้อยคอยรัก เขียน:
เกิดเหตุการณ์ต่อเนื่อง เวลาทำอะไรก็รู้สึกเบื่อหน่าย พบเจอะผู้คน ทั้งคนกำลังสุข คนกำลังทุกข์ เห็นถึงความไม่เที่ยง เห็นเด็กที่ร้องไห้แต่ไม่รู้เหตุผล คนแก่ที่ต้องเก็บขยะขาย หรือหมาที่เป็นมะเร็ง หรือสรรพสิ่งที่ตาย แม้กระทั่งแม่ตัวเอง ที่แก่ลงทุกวัน มันคือความไม่เที่ยงที่กำลังมาถึงเรา แต่มีบางอย่างเมื่อเห็นหรือคิดตามภาพที่เห็น เกิดสุขใจมากๆ และเข้าใจตามที่เห็น มันกำลังเกิดอะไรขึ้น มีทางแก้ไขไหมครับ

การพูดในลักษณะนี้ เขาเรียกคนไม่รู้ธรรม หยิบคำพูดหรือตัวหนังสือมาปรุงแต่ง
แล้วก็คิดไปเองว่า กำลังเกิดอะไรขึ้นกับตนหรืออาจคิดว่า บรรลุธรรมแล้ว

การรู้ธรรมหรือบรรลุธรรมอะไรสักอย่าง เขารู้กันที่กายใจตนเอง
ไม่ใช่สอดส่ายส่งจิตออกนอกแบบจขกท

ความไม่เที่ยง มันเกิดขึ้นที่กายใจเรา และความไม่เที่ยงมันเป็นสังขาร
ไม่ใช่อย่างที่จขกทบอก เห็นคนอื่น เกิดแก่ เจ็บตาย ดันบอกเห็นความไม่เที่ยง
การเกิดแก่ เจ็บตายมันเป็นสิ่งที่จริงแท้แนอน มันจึงไม่ใช่ความไม่เที่ยง


เข้าใจกันไปคนละอย่างมากกว่านะครับคุณโฮฮับ เจ้าของกระทู้อาจเข้าใจว่า การเกิดแก่เจ็บตาย นั้นเรียกว่าความไม่เที่ยงของชีวิต คือชีวิตไม่เที่ยง ที่ไม่เที่ยงเพราะเกิดการเปลี่ยนแปลงในสังขาร สิ่งที่เปลี่ยนแปลงจึงเรียกว่าความไม่เที่ยง ไม่จีรัง ยึดไม่ได้ เอาแน่ไม่ได้

แต่คุณโฮฮับเข้าใจไปอีกมุมนึง คือ การเกิดแก่เจ็บตาย ความเปลี่ยนแปลงในสังขารเป็นความเที่ยง เป็นนิจจัง เพราะสิ่งเหล่านั้นล้วนต้อง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และเปลี่ยนแปลงไปอย่างแน่นอน คุณโฮฮับจึงเรียกสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นกับสังขารอย่างแน่นอนนี้ว่าความเที่ยง

จะอธิบายให้เข้าใจยังไงดีหนอ

สรุปก็คือ เข้าใจสิ่งเดียวกันนั่นแหละครับ แต่มองกันคนละมุม

ทั้ง จขกท และคุณโฮฮับ ต่างก็ทราบดีว่า ทุกชีวิตย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไป

จขกท มองว่า การเปลี่ยนแปลงคือ ความไม่เที่ยง เพราะมันย่อมเกิดขึ้นกับทุกคน ทุกสิ่ง
แต่คุณโฮฮับมองว่า การเปลี่ยนแปลงคือความเที่ยง เพราะมันเกิดขึ้นกับทุกคนแน่นอน

รู้สึกว่าจะยังอธิบายไม่ค่อยเคลียร์เท่าไหร่ ขอยกตัวอย่างประกอบนะครับ

เช่น

คุณโฮฮับ มองเห็นพระอาทิตย์ พระจันทร์ คุณโฮฮับก็เรียกสิ่งที่เห็นว่า พระอาทิตย์ พระจันทร์
แต่ จขกท เรียกพระอาทิตย์ว่า ดวงตะวัน เรียกพระจันทร์ว่า ดวงจันทร์

แต่สรุปก็คือ เข้าใจแบบเดียวกันว่ากำลังพูดถึงอะไร แต่เรียกกันคนละชื่อ เท่านั้นเองครับ

.....................................................
รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ต.ค. 2012, 16:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พุทธคุณ เขียน:
เข้าใจกันไปคนละอย่างมากกว่านะครับคุณโฮฮับ เจ้าของกระทู้อาจเข้าใจว่า การเกิดแก่เจ็บตาย นั้นเรียกว่าความไม่เที่ยงของชีวิต คือชีวิตไม่เที่ยง ที่ไม่เที่ยงเพราะเกิดการเปลี่ยนแปลงในสังขาร สิ่งที่เปลี่ยนแปลงจึงเรียกว่าความไม่เที่ยง ไม่จีรัง ยึดไม่ได้ เอาแน่ไม่ได้

การจะเข้าใจเรื่องของอนิจจังได้นั้น บุคคลนั้นจะต้องผ่านการเห็นไตรลักษณ์มาครับ
(ไม่เอาดีกว่า ผมขอเปลี่ยนเป็นต้องมีความเข้าใจในเรื่องไตรลักษณ์ครับ)

ที่เราอธิบายความไปคนละทางสองทางเป็นเพราะ ไม่รู้สภาวะไตรลักษณ์
ด้วยเหตุนี้ คนส่วนใหญ่จึงได้แค่เอาคำศัพท์มาแปลตามความเข้าใจหรือความคิดตัวเอง

ดังตัวอย่างของจขกทและคุณพุทธคุณนั้นแหล่ะครับ คุณพุทธคุณและจขกท
เข้าใจไปเองว่า สังขารคือชีวิตหรือร่างกาย แท้จริงแล้วมันไม่ใช่นะครับ
ถ้าเราดูจากพุทธพจน์ที่ว่า.....
สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา.....สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง
สังขารทั้งปวงก็หมายถึงสิ่งที่ถูกปรุงแต่ง แล้วอะไรที่ถูกปรุงแต่งก็คือ...
ขันธ์ห้าหรือกายใจเราครับ

ต้องไม่ลืมเป็นอันขาดเรื่องกายใจเรา เพราะการรู้ธรรมที่แท้
ต้องรู้ด้วยกรรมฐานหรือรู้กายใจที่เกิดณ... ปัจจุบัน จีงจะเรียกว่ารู้ธรรมตามความเป็นจริง

สังขารไม่เที่ยง พระพุทธองค์หมายถึง กระบวนการขันธ์ห้าอันเกิดขึ้นที่ใจของเรา
ต้วอย่างก็คืออารมณ์ต่างๆ โลภ โกรธ หลงสิ่งเหล่านี้มันเป็นสังขารการปรุงแต่ง
มันมีลักษณะเป็นไตรลักษณ์ เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปในทันที่ทันใด

ส่วนร่างกายหรือชีวิตที่เกิดแก่เจ็บและตาย มันไม่ได้มีลักษณะเป็น...อนิจจัง
เพราะมันไม่ได้เกิดขึ้นทันที่ทันใด และมันไม่ได้เกิดที่กายใจเรา สิ่งที่เกิดขึ้นที่กายใจเราได้
มันเป็นแค่อายตนะภายนอกมากระทบกับอายตนะภายใน ...มันเป็นแค่ผัสสะเท่านั้น
มันไม่ใช่การเกิดแก่เจ็บตายที่เป็นธรรมชาติ
พุทธคุณ เขียน:
แต่คุณโฮฮับเข้าใจไปอีกมุมนึง คือ การเกิดแก่เจ็บตาย ความเปลี่ยนแปลงในสังขารเป็นความเที่ยง เป็นนิจจัง เพราะสิ่งเหล่านั้นล้วนต้อง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และเปลี่ยนแปลงไปอย่างแน่นอน คุณโฮฮับจึงเรียกสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นกับสังขารอย่างแน่นอนนี้ว่าความเที่ยง

สังขารที่พระพุทธองค์ทรงกล่าวคือ ขันธ์ห้า การเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปหมายถึง
การเกิดดับของกระบวนการขันธ์ ...พระพุทธองค์ไม่ได้หมายถึงร่างกายหรือชีวิต

การเกิดดับของกระบวนการขันธ์ ก็คือ การเกิดผัสสะระหว่างรูปกับนาม จนเป็นวิญญาณขันธ์ จนเป็น
เวทนาขันธ์ เป็นสัญญาขันธ์และสังขารขันธ์ นี่แบบนี้ถึงจะเรียกว่า ...สังขารไม่เที่ยง

ที่เป็นแบบนี้เป็นเพราะความไม่รู้ของคุณ ไม่รู้ไตรลักษณ์ ไม่รู้ว่าขันธ์ห้าเป็นสังขาร
จึงเอาสิ่งที่กล่าวมาผสมปนเปกับกฎปฏิจจสมุบาทและกฎของอิทัปปัจจยตา

การเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป...ขึ้นกับกฎไตรลักษณ์
การเกิดแก่ เจ็บตายหรือวัฏฏะสงสาร.....ขี้นกับปฏิจจสมุบาทและอิทัปปัจจยตา



โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ต.ค. 2012, 17:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พุทธคุณ เขียน:
จะอธิบายให้เข้าใจยังไงดีหนอ
สรุปก็คือ เข้าใจสิ่งเดียวกันนั่นแหละครับ แต่มองกันคนละมุม

มันไม่ใช่มองคนละมุม แต่มันเป็นคนละเรื่อง มันเกิดจากความไม่รู้
จนเป็นสาเหตุให้คุณกับจขกทเข้าใจผิด ในเรื่องของธรรมชาติกับความคิดที่ปรุงแต่ง
พุทธคุณ เขียน:
ทั้ง จขกท และคุณโฮฮับ ต่างก็ทราบดีว่า ทุกชีวิตย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไป

จขกท มองว่า การเปลี่ยนแปลงคือ ความไม่เที่ยง เพราะมันย่อมเกิดขึ้นกับทุกคน ทุกสิ่ง
แต่คุณโฮฮับมองว่า การเปลี่ยนแปลงคือความเที่ยง เพราะมันเกิดขึ้นกับทุกคนแน่นอน

คุณไม่เข้าใจครับ การเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ กับคำว่าอนิจจังมันไม่เหมือนกันครับ

การเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ สรรพสิ่งหรือสิ่งที่เปลี่ยนแปลง
มันยังคงอยู่มันไม่ได้หายไปไหน และการเปลี่ยนแปลงเกิดตามเหตุปัจจัยไม่สามารถ
บังคับมันได้ เช่นตายแล้วร่างกายก็ยังเหลือ ธาตุสี่ไว้

แต่ความหมายของ...อนิจจัง มันไม่ใช่การเปลี่ยนแปลง แต่เป็นการดับไปของสิ่งนั้น
มันไม่สามารถคงทนอยู๋ได้ ไม่หลงเหลือสภาวะนั้นไว้เลย


ความแตกต่างของ วัฏฏะสงสารกับอนิจังอีกอย่างก็คือ
อนิจจังเราสามารถปฏิบัติไม่ให้มันเกิดได้
แต่วัฏฏะสงสารเราไม่สามารถบังคับมันได้

พุทธคุณ เขียน:
คุณโฮฮับ มองเห็นพระอาทิตย์ พระจันทร์ คุณโฮฮับก็เรียกสิ่งที่เห็นว่า พระอาทิตย์ พระจันทร์
แต่ จขกท เรียกพระอาทิตย์ว่า ดวงตะวัน เรียกพระจันทร์ว่า ดวงจันทร์

แต่สรุปก็คือ เข้าใจแบบเดียวกันว่ากำลังพูดถึงอะไร แต่เรียกกันคนละชื่อ เท่านั้นเองครับ

คนละเรื่องครับ การมองเห็นพระอาทิตย์หรือพระจันทร์ เขาเรียกว่า ...เห็นรูป เกิดจักขุวิญญาณขึ้น ตัวจักขุวิญาณ ก็จะดับไปเกิดเป็น
เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์และสังขารขันธ์ นี่แหล่ะครับ
เขาเรียกสังขาร เป็นอนิจจัง ทุกขังและอนัตตา

แต่ถ้ากล่าวโดยหลักของธัมมาวิปัสสนา ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์เป็นบัญญัติที่ใช่เรียกแทน
สิ่งที่เป็นธรรมชาตินอกกายใจ มันไม่ใช่สังขาร แต่เป็น...วิสังขารและเป็นแค่อนัตตาเพียงอย่างเดียว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ย. 2012, 09:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หมีน้อยคอยรัก เขียน:
เกิดเหตุการณ์ต่อเนื่อง เวลาทำอะไรก็รู้สึกเบื่อหน่าย พบเจอะผู้คน ทั้งคนกำลังสุข คนกำลังทุกข์ เห็นถึงความไม่เที่ยง เห็นเด็กที่ร้องไห้แต่ไม่รู้เหตุผล คนแก่ที่ต้องเก็บขยะขาย หรือหมาที่เป็นมะเร็ง หรือสรรพสิ่งที่ตาย แม้กระทั่งแม่ตัวเอง ที่แก่ลงทุกวัน มันคือความไม่เที่ยงที่กำลังมาถึงเรา แต่มีบางอย่างเมื่อเห็นหรือคิดตามภาพที่เห็น เกิดสุขใจมากๆ และเข้าใจตามที่เห็น มันกำลังเกิดอะไรขึ้น มีทางแก้ไขไหมครับ


tongue สวัสดีค่ะ คุณหมีน้อย

การจะนำพาตนเองออกไปจากวัฏฏะทุกข์ได้ คุณต้องรู้ว่าอะไรคือทุกข์ อะไรคือเหตุแห่งทุกข์ ข้อปฏิบัติเพื่อดับทุกข์.. นำไปสู่ภาวะไร้ทุกข์ หรือเรียกว่า อริยสัจสี่...

การรู้ทุกข์ต้องรู้จักทุกข์ที่มีในตน ในกายในใจของเรา รู้ว่าขันธ์ห้านี้มันทำให้เราเป็นทุกข์อย่างไร หรือ
จะเรียกย่อๆ ว่ารูปนาม ...รูปนามเกิดขึ้นและหมดไปด้วยเหตุอะไร ..มีเหตุปัจจัยอะไรให้มันเกิดให้มันดับ
และเหล่านี้ตกอยู่ภายใต้กฎไตรลักษณ์ เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ได้อย่างไร...การที่เราจะเข้าไปเห็นอาการไม่เที่ยงของรูปนามได้ต้องเจริญวิปัสสนาเท่านั้น...เมื่อเห็นอาการเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปบ่อยๆ ...
มันจะเกิดอาการเบื่อหน่ายจากอาการไม่เที่ยง ทนอยู่ในสภาพนั้นไม่ได้ ไม่อยู่ในบังคับบัญชาของใคร...
อาการของใจมันจะเริ่มคลายกำหนัด..คลายจากความยึดถือที่สำคัญผิดว่ามีเราเป็นสุขหรือมีเราเป็นทุกข์... :b41:

เจริญในธรรมค่ะ

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


แก้ไขล่าสุดโดย ปลีกวิเวก เมื่อ 09 พ.ค. 2014, 14:04, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ย. 2012, 14:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


พิจารณาให้ดี จะพบกับ ความลึกซึ้งของธรรมที่ หลายท่านนำมากล่าวในที่นี้ อนุโมทนาครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ย. 2012, 14:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มิ.ย. 2011, 10:18
โพสต์: 590

โฮมเพจ: www.bhuddhakhun.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


หมีน้อยคอยรัก เขียน:
เกิดเหตุการณ์ต่อเนื่อง เวลาทำอะไรก็รู้สึกเบื่อหน่าย พบเจอะผู้คน ทั้งคนกำลังสุข คนกำลังทุกข์ เห็นถึงความไม่เที่ยง เห็นเด็กที่ร้องไห้แต่ไม่รู้เหตุผล คนแก่ที่ต้องเก็บขยะขาย หรือหมาที่เป็นมะเร็ง หรือสรรพสิ่งที่ตาย แม้กระทั่งแม่ตัวเอง ที่แก่ลงทุกวัน มันคือความไม่เที่ยงที่กำลังมาถึงเรา แต่มีบางอย่างเมื่อเห็นหรือคิดตามภาพที่เห็น เกิดสุขใจมากๆ และเข้าใจตามที่เห็น มันกำลังเกิดอะไรขึ้น มีทางแก้ไขไหมครับ


ผู้ได้รับผลกรรมที่ร้ายแรง มีปรากฏให้รู้เห็นอยู่เป็นอันมาก ยังให้เกิดความสลดสังเวชยิ่งนักแก่ผู้รู้ผู้เห็น อันความสลดหดหู่เสร้าหมองใจแม้จะเกิดด้วยจิตมีเมตตา แต่ก็ไม่ใช่ความถูกต้องดีงาม ความถูกต้องอยู่ที่ความมีจิตใจสงบสบายผ่องใสเยือกเย็น

ฉะนั้น จึงไม่ควรยินดีพอใจในจิตที่เศร้าหมองด้วยความรู้สึกเมตตาสงสาร ด้วยคิดว่าตนเป็นผู้มีเมตตา ผู้มีเมตตาไม่พึงยินดีในลักษณะจิตเช่นนั้น ผู้มีจิตสงบสบาย ผ่องใสเยือกเย็นอยู่ได้ แม้เมื่อพบกับผู้เผชิญกรรมร้ายแรงทุกข์ทรมานหนักหนา มิได้แสดงว่าผู้นั้นเป็นผู้ปราศจากเมตตา ความเมตตาตนเองอย่างถูกต้อง มีความสำคัญมิได้น้อยกว่าความเมตตาทั้งหลายอื่น ความเมตตาตนเอง คือความระวังรักษาจิตของตนให้มีความสุขสงบ ความผ่องใสไกลจากความทุกข์ความร้อนอันเกิดจากอำนาจของความโลภ ความโกรธ ความหลง

อันความโลภ ความโกรธ ความหลงนี้แหละ ที่เป็นเหตุให้เกิดกรรมไม่ดีทั้งหลาย กรรมไม่ดีทั้งหลายที่เกิดขึ้นแล้วจากกาย วาจา ใจ ของผู้ใดก็ตาม ย่อมส่งผลไม่ดีให้เกิดแก่ผู้นั้นแน่นอน

.....................................................
รูปภาพ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร