วันเวลาปัจจุบัน 25 ก.ค. 2025, 20:07  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 21 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2010, 12:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 17:52
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: สวัสดีครับท่านกรัชกาย
ผมก็นึกอย่างนี้นะครับ
1.นึกถึงพระพุทธเจ้า หลับตาทีไรก็เห็นแต่พระแก้วมรกต พระพุทธชินราช
2.นึกถึงพระธรรม หลับตาทีไรก็เห็นแต่ตู้พระไตรปิฎก หนังสือสวดมนต์ หนังสือธรรมะ
3.นึกถึงพระสงฆ์ หลับตาทีไรก็เห็นแต่หลวงตามหาบัว หลวงปู่โต สมเด็จสังฆราช หลวงปู่มั่น

ทุกคืนที่ออกปฏิบัติหน้าที่ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2010, 13:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ม.ค. 2010, 16:32
โพสต์: 323

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

โบราณว่าไว้

"ไหว้พระพุทธ อย่าให้ถูกทองคำ

ไหว้พระธรรม อย่าให้ถูกไปลาน

ไหว้พระสงฆ์ อย่าให้ถูกลูกหลานชาวบ้าน"



องค์แห่งการไหว้ที่ได้กุศลมาก

สิ่งที่ไหว้, เจตนาไหว้ และ ผู้ไหว้ประกอบการไหว้โดยทวารทั้ง ๓

สิ่งที่ไหว้

สังเวชนียสถาน วัตถุแทน รูปเหมือน สิ่งที่ควรแก่การไหว้ทั้งปวง โดยที่สุดแม้ชายผ้าของครูบาอาจารย์

เจตนาไหว้

ผู้ไหว้มีเจตนาจะไหว้ กุศลจิตผลักดันให้เกิดการไหว้ มีเจตนาเป็นกุศลทั้งก่อนไหว้ ขณะไหว้ และหลังไหว้


ผู้ไหว้ประกอบการไหว้โดยทวารทั้ง ๓

ไหว้ด้วยกาย

ยกมือไหว้ กราบองค์ ๕ กราบองค์ ๘ คำนับศรีษะ หรือแสดงความเคารพตามประเพณี

โดยที่สุดกายเคลื่อนไหวแม้เพียงหลับตาเพื่อจะไหว้ หรือมองด้วยสายตาเลื่อมใส


ไหว้ด้วยวาจา

เปล่งเสียงด้วยวาจาที่ตนเข้าใจ หรือ ตามแบบแผนที่ครูบาอาจารย์วางไว้ สั้นยาวตามโอกาสอำนวย

โดยที่สุดแม้เปล่งว่า นโม พุทฺธาย


ไหว้ด้วยใจ

ระลึกถึงคุณอันดีงามแห่งพระรัตนตรัย หรือคุณอื่นอันเป็นกุศลตามหลักอนุสติ ๑๐

(พุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ สีลานุสติ จาคานุสติ เทวตานุสติ มรณสติ กายคตาสติ อานาปานสติ อุปสมานุสติ )


ไหว้ด้วยกาย วาจา ใจ ที่มีกุศลจิตเป็นพื้นฐาน ย่อมได้กุศลแล

..........

โอมฺ มณีปทฺเม หุมฺ

ขอปัญญาจงบังเกิดมี

งมงาย


:b51: :b51: :b51:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2010, 13:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




Y8715244-5.gif
Y8715244-5.gif [ 119.1 KiB | เปิดดู 2855 ครั้ง ]
คนขวางโลก เขียน:
:b8: สวัสดีครับท่านกรัชกาย
ผมก็นึกอย่างนี้นะครับ
1.นึกถึงพระพุทธเจ้า หลับตาทีไรก็เห็นแต่พระแก้วมรกต พระพุทธชินราช
2.นึกถึงพระธรรม หลับตาทีไรก็เห็นแต่ตู้พระไตรปิฎก หนังสือสวดมนต์ หนังสือธรรมะ
3.นึกถึงพระสงฆ์ หลับตาทีไรก็เห็นแต่หลวงตามหาบัว หลวงปู่โต สมเด็จสังฆราช หลวงปู่มั่น

ทุกคืนที่ออกปฏิบัติหน้าที่ครับ


คนขวางโลก พูดจริงหรือพูดประชดใครครับเนี่ย พุทโธ ธัมโม สังโฆ บุคคโล ดาวคะนอง :b32:


ถ้าหากเป็นดังว่า คุณคงระลึกนึกถึงสิ่งเหล่านั้นเนื่องๆ จึงเห็นแต่สิ่งนั้นธรรมดาครับ ไม่แปลก

อุปมาก็เหมือนคนนึกถึงคนที่ตนรัก คนรักก็อยู่ในใจเราอยู่ใกล้เรา

คิดถึงพ่อแม่ พ่อแม่ก็อยู่ในใจเรา อยู่ใกล้เรากับเรา

นึกถึงพระแก้วมรกต พระแก้วมรกตก็ในใจเรา เป็นกรรมฐานนะครับน่า หากมองในแง่นี้

เทียบการฝึกกสิณต่างๆ มีปถวีกสิณ เป็นต้น ปถวีกสิณก็อยู่ในใจเรา กับเรา :b1: :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 10 ก.พ. 2010, 11:40, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2010, 00:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ม.ค. 2010, 20:54
โพสต์: 163

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


1. พระพุทธ คือ ความรู้แจ้ง (อริยะสัจ 4 เหรอครับ แล้วให้นึกยังไงครับ)
2. พระธรรม คือ ธรรมที่ปฎิบัติให้รู้แจ้ง (มรรค 8 เหรอครับ แล้วนึกยังไงครับ)
3. พระสงฆ์ คือ ความบริสุทธิ์ ของศีล ( 227 ข้อ เหรอครับ แล้วนึกยังไงครับ)

นี่ก็ด้วยความจริงนะครับ ผมยังไม่กระจ่างครับ(ก็ยังโง่อยู่จริงๆ อีกนั่นแหละครับ)

อย่าพึ่งนึกมันนึกไม่ออกหรอกในเมื่อยังไม่ปฏิบัติ
3.พระสงฆ์คือ ความบริสุทธิ ของศีล ท่านก็ถือศีล 5ก็พอ เมื่อจะทำอะไรที่ผิดศีลก็ให้นึกถึงศีลข้อที่จะทำผิดเราควรระลึกชอบ และต้องเป็นผู้มีหิริโอตะปะด้วย ทำจนเป็นธรรมชาติ
2. พระธรรม คือ ธรรมที่ปัฏิบัติให้รู้แจ้ง ไม่ว่าธรรมนั้น จะเป็นมรรค8 หรือ พรหมวิหาร4 หรือธรรมใดก็ได้ที่มุ่งไปสู่แห่งการรู้แจ้ง ทำอะไรก็ให้นึกถึงธรรมที่เราปฏิบัติอยู่ เช่นการงานที่เราทำอยู่ก็ควรระลึกชอบด้วย สัมมาอาชีพ จะพูดกับใครหรือติดต่อธุระกับใคร ก็ควรระลึกชอบด้วย สัมมาวาจา
1. พระพุทธ คือความรู้แจ้ง เมื่อปฏิบัติตามข้อ 3 และ ข้อ2แล้ว ก็จะรู้แจ้งถึงอริยะสัจ4เอง รู้ว่าสิ่งไหนคือทุกข์ รู้ว่าสมุทัยเหตุของการเกิดทุกข์ รู้ว่านิโรธ คือการดับทุกข์ รู้ว่ามรรค 8คือทางแห่งการดับทุกข์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2010, 01:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.พ. 2010, 23:10
โพสต์: 3

แนวปฏิบัติ: ฌาน9
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คนขวางโลก เขียน:
:b8: สวัสดีครับ ท่าน กรัชกาย

อ้างคำพูด:
ตอบสั้นๆนะขอรับ

พุทธ มนุษย์ (ชี้ถึงศักยภาพสูงสุด ที่มีอยู่ในมนุษย์แต่ละบุคคล)
ธรรม ธรรมชาติ (ธรรมดาแห่งเหตุปัจจัย ที่รู้แล้วจะลุธรรมที่เหนือเหตุปัจจัย)
สงฆ์ สังคม (สังคมอุดมคติแห่งอริยชนผู้ดำเนินอยู่ในชั้นต่างๆ แห่งการรู้ธรรมและก้าวตามวิถีแห่งพุทธะ)

ผิดถูกอย่างไร เฉลยโจทก์ที่ตั้งด้วยนะขอรับ


ผมคงจะเฉยไม่ได้หรอกครับ ที่ผมตั้งคำถามเพราะไม่รู้จริงๆ
เขาพาปฏิญาณตนทุกวัน ว่า
ให้รักษาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ยิ่งชีพ ในส่วนของชาติกับพระมหากษัตริย์ เข้าใจดีครับ
แต่ศาสนา ไม่เข้าใจครับว่าจะให้รักษาอะไร เพราะศาสนา ถามหลายคนแล้วให้คำตอบไม่เหมือนกันเลย
แล้วจะให้ พิทักษ์รักษา อะไรหนะครับ

ตามที่ท่านกรัชกายว่ามานี่ คือ
เมื่อนึกถึงพุทธ ให้นึกถึง มนุษย์(คนที่เก่งๆ)เหรอครับ
เมื่อนึกถึงธรรม ให้นึกถึง ธรรมชาติ(ป่าเขาลำเนาไพร ฯลฯ)เหรอครับ
เมื่อนึกถึงสงฆ์ ให้นึกถึง สังคม(ที่มีแต่พระ มีแต่คนเก่ง คนดี)เหรอครับ

ด้วยความจริงนะครับ ยังไม่กระจ่างครับ(ก็ยังโง่อยู่จริงๆ ครับ)


สวัสดีครับ ท่านเจ้าวังทอง
อ้างคำพูด:
1. พระพุทธ คือ ความรู้แจ้ง
2. พระธรรม คือ ธรรมที่ปฎิบัติให้รู้แจ้ง
3. พระสงฆ์ คือ ความบริสุทธิ์ ของศีล


1. พระพุทธ คือ ความรู้แจ้ง (อริยะสัจ 4 เหรอครับ แล้วให้นึกยังไงครับ)
2. พระธรรม คือ ธรรมที่ปฎิบัติให้รู้แจ้ง (มรรค 8 เหรอครับ แล้วนึกยังไงครับ)
3. พระสงฆ์ คือ ความบริสุทธิ์ ของศีล ( 227 ข้อ เหรอครับ แล้วนึกยังไงครับ)

นี่ก็ด้วยความจริงนะครับ ผมยังไม่กระจ่างครับ(ก็ยังโง่อยู่จริงๆ อีกนั่นแหละครับ)



เนื่องด้วยศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่สอนเรื่อง ทุกข์กับความดับทุกข์ หลุดพ้นจากกิเลสตัณหา เมื่อบุคคลยังความเลื่อมใสในพุทธคำสอน ด้วยการปฏิบัติ อย่างถูกต้อง สมควรแก่ธรรม แก่อินทรีย์และบารมีของตนแล้ว เกิดศรัทธาต่อศาสนา บุคคลนั้นย่อมระลึกถึงคุณของพระศาสดา คุณแห่งพระธรรมที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวให้เป็นแนวปฏิบัติ ตลอดจนพระสงฆ์ที่มีสภาวะธรรมจากการปฏิบัติได้สอน อธิบายธรรมะที่ถูกต้องให้แก่เราได้น้อมนำไปปฏิบัติ เมื่อเราเกิดมีความศรัทธา เห็นทาง เห็นธรรม อย่างถูกต้องแล้ว ย่อมยังประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่นอย่างมากมาย นั่นคือการระลึกถึงอานิสงส์ของพระพุทธเจ้าที่เริ่มต้น พระองค์ตรัสรู้พระองค์เดียว แต่ด้วยพระกรุณาพระองค์ก็สงเคราะห์เราชาวโลกสั่งสอนให้ได้ตรัสรู้ตามพระองค์ก็มากมายครั้งพุทธกาล ดั่งที่เราได้อ่านในพระไตรปิฎกนับเวลาสองพันกว่าปี จนปัจจุบัน แม้บางคนจะเป็นเพียงได้เห็นธรรม ได้ศรัทธา ก็ยังความสุข ปลาบปลื้มใจอันประมาณมิได้
เพราะฉะนั้น การที่เราระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นั้น เราระลึกถึงอานิสงฆ์ที่เราได้รับจาการที่เราประพฤติ ปฏิบัติแล้วได้ผลต่างหากครับ

.....................................................

เพ่งจิต ดับความคิด ดับทุกข์แลฯ
เมื่อทุกข์เกิดขึ้น ให้ดับสติ
นิโรธธรรม การดับความคิด
ดับสติ ดับปัญญา ดับขันธ์๕ ตรงมโนทวาร
กิเลสทั้งหลาย มันเกิดจากใจ ดับใจ ถึงเลย
ฌาน9 สูงสุดในพระพุทธศาสนา
นิพพาน สูญจากความคิดปรุงแต่งใดๆทั้งสิ้น
http://sawoklokudorn.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.พ. 2010, 13:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 17:52
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b11: :b11: ในความเมตตา ของทุกท่านครับ :b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 21 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร