นี่หรือครับ(ด้านล่าง)คือสิ่งที่คุณเข้าใจแล้วมาแสดงออกแบบนี้ที่นี่





ไม่ได้บัญญัติเองครับ อ่านพระไตรปิฎกบ้างหรือยัง

พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๒ ทีฆนิกาย มหาวรรค
[๒๙๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจเป็นไฉน นี้คือมรรค
มีองค์ ๘ อันประเสริฐ คือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมา
อาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ
ก็สัมมาทิฏฐิเป็นไฉน ความรู้ในทุกข์ ความรู้ในทุกขสมุทัย ความรู้ใน ทุกขนิโรธ
ความรู้ในทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา อันนี้เรียกว่า สัมมาทิฏฐิ ฯ
ฯเปฯ
สัมมากัมมันตะ เป็นไฉน การงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ งดเว้นจากการถือ เอาสิ่งของ
ที่เขามิได้ให้ งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม อันนี้เรียกว่า สัมมากัมมันตะ ฯ



ใครบอกว่าผมยอมรับล่ะ จะมาบอกใบ้ให้คุณอีกนิด ไม่ได้บอกว่ายอมรับซักหน่อย
ข้อที่ ๑ มีรูปกาย คือรูปขันธ์ เพิ่มให้อีกหน่อย รูปอินทรีย์ อรูปอินทรีย์
ข้อที่ ๒ มีวิญญาณขันธ์ หรือมี จิต จิตจะเกิดต้องอาศัยที่เกิด ที่เกิดของจิตมี ๖ ที่ ฉนั้น สัตว์ที่เรียกว่าปาณะ
จะต้องมีที่เกิดของจิตอย่างน้ัอย ๑ ที่
ข้อที่ ๓ มีเวทนา สัญญา สังขาร เหล่านี้เป็นเจตสิกที่เกิดพร้อมจิต มีจิตไม่มีเจตสิกไม่ได้ มีเจตสิกไม่มีจิตไม่ได้
ฉนั้น ปาณะ ตามข้อนี้ ต้องมีจิตและเจตสิก
ข้อที่ ๔ ปาณะ สัตว์มีปาณะ คุณสังเกตหรือเปล่าว่าทำไมใช้คำว่าสัตว์ ทั้งที่พระพุทธองค์ตรัสใช้คำว่า ปาณะ
เวลาอธิบายเขาก็อธิบายว่า ยังสัตว์มีปาณะให้ตกล่วง ทำไมไม่ใช้สัตว์เฉยๆล่ะ ทำไมใช้ปาณะ ทั้งที่จริงน่าจะหมาย
ถึงสัตว์ทั้งหมดในข้อนี้ จากสัตว์ ๓๑ ภพภูมิ เห็นเปล่าครับ แคบลงแล้ว อีกไม่กี่วันคงรู้ว่า ปาณะตัวมันเป็นไง
ข้อที่ ๕ กิเลส กรรม ผลของกรรม คือต้องมีสิ่งที่ทำให้สัตว์ข้อง เกี่ยว วน อยู่ในวัฏฏะ และสัตว์นั้นต้องมีการ
กระทำเพื่อให้มีผลของกรรมสืบต่อไป(วัฏฎะ)





บทเต็มของเจ้าของเขา ผมอ่านแล้ว ผมไม่มองแค่พยาธิหรอก โน่นเลย ผมคิดถึงจุลินทรีย์และตัวบาซิลลัส(พันธุื์ที่ยา
คูลเลือกใช้)แล้ว
ที่สำคัญ อ่านดีๆ ผมยังไม่ได้มีความเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยเลย แต่กำลังเสนอข้อที่ควรพิจารณาที่เป็นกลางมาก
กว่า หมอรักษาโรคนั้น มีทั้งที่บาปและไม่บาปในความเห็นผม แล้วแต่ข้อเท็จจริง ไม่ไช่ทุกอย่างเหมือนกันหมด
ทุกกรณีต้องมีแต่นะครับ โรคที่หมอรักษา เชื้อโรคไม่ไช่มีแค่พยาธิ ลองพิจารณาว่ามีอะไรบ้าง แล้วแต่ละอย่าง
เป็นสัตว์ตามที่ผมเสนอมาหรือเปล่า

อ้อหนอ..กรรมเวณ

อะไรที่มันละเอียด ๆ นี้ มันเกินปัญญาผมจะตามทัน จริง ๆ นะ

ในโลก มันเป็นระบบปิด เกิด Action แล้วก็มี Reaction ทั้งนั้นแหละ จะมาก จะน้อย

จะรู้ไปทั้งหมดนี้ คงเกินวิสัย(ของผม)

พระเลยบอกให้ออกจากโลกซะ เพราะรู้ว่าถึงงัยก็หลบ reaction พ้นยาก วันนี้ไม่โดน วันหน้าไม่แน่

จะออกจากโลกก็ให้มีสัมมาทั้งทาง ใจ วาจา กาย ทางกาย มีสัมมาอาชีวะ คุ้น ๆ ว่ามี ไม่ค้าสัตว์ที่ต้องถูกฆ่า ไม่ค้ามนุษย์ ไม่ค้าขายวัตถุที่ใช้ฆ่าได้เช่น อาวุธ ยาพิษ ไม่ค้าขายสุรายาเมา และ อื่น ๆ จำไม่ได้ อยากออกจากโลก เลยเชื่อพระ จึงเป็นร้านขายของชำ ร้านเดียวไม่ขายเหล้า บุหรี่ ลูกค้ามาถามซื้อ ก็เป็นงง

แต่ถ้ายังอยากอยู่ในโลกก็ให้มีศีล มีธรรม

ขออนุโมทนากับความดีทุกท่านครับ สาธุ

คุณ"กามโภคี" ครับ


สัมมากัมมันตะ เป็นไฉน การงดเว้นจากการฆ่าสัตว์

ก็ต้องคุยเถียงกันเหมือนเดิม เรื่องเดิม เพราะคุณตีความคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นการกระทำทางกาย ซึ่งผิดพุทธพจน์ และเป็นสัทธรรมปฏิรูปของมารที่สิงใจชาวพุทธ เพื่อไม่ให้เข้าใจพุทธศาสนาของแท้

อกุศลทั้งหมดเป็นเรื่องของเจตนาของจิต ไม่ใช่เจตนาของกาย ผมตีความถูกกับพุทธพจน์เลย พระพุทธเจ้าตรัสว่า "เรากล่าวเจตนาว่าเป็นกรรม" และตรัสว่า " ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกอย่างสำเร็จด้วยใจ "

ถ้าคุณยังไม่เห็นความความจริงข้อนี้ คุณย่อมไม่มีทางรู้เรื่อง สัมมากัมมันตะ เป็นไฉน การงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ พระพุทธองค์หมายถึงใจต้องไม่ฆ่า ไม่ใช่กายต้องไม่ฆ่า เหมือนที่พระพุทธองค์ตัดสินว่า "ภิกษุที่คัน เลยเอามือไปปัด และโดนมดตาย กายเขาฆ่ามด แต่ใจมิได้ฆ่า จึงไม่บาป" นอกจากนี้ ผมก็อธิบายไปแล้วว่า อาชีพประมงมีโอกาสน้อยว่า ใจเขาจะคิดเป็นอกุศลตามมือ ในขณะที่โจรปล้นฆ่าคน ใจของเขาไม่มีโอกาสที่จะไม่คิดเป็นอกุศลเลย นอกจากหลอกตัวเอง

ผมคงไม่ตอบโต้ในประเด็นอื่น บัวใต้น้ำบางบัวก็ฉุดให้พ้นน้ำได้ บางบัวก็ฉุดไม่ได้ เพราะเขามีมิจฉาทิฏฐิ ได้รับการสอนมาผิดๆตลอดชีวิต และตีความผิดๆมาตลอดด้วย โดยเฉพาะยิ่งรู้ปริยัติมากๆ ใช้สมองตีความ เป็นเหตุให้ไม่ได้ "ปัญญา" .....อันนี้ก็ต้องปล่อยไป

ท่านใบไม้ ฯ
หลวงพ่อองค์ประถม หรือพระเจ้าองค์ประถมไม่แน่ใจอ่านผ่านๆ คือ ใคร คุณพอรู้ที่มาที่ไปไหมขอรับ เห็นที่บอร์ดหนึ่งนับถือกันมาก เล่าให้ฟังบ้างสิขอรับ

จิต เป็นต้นกำเนิดของสรรพสัตว์ทั้ง 3 โลก อริยธรรมคือ จิตสะอาด จิตพระอริยเจ้า โลกียธรรมคือร่างกาย จำเอาไว้แยกจิตออกจากร่างกายได้ก็ไปนิพพาน ร่างกายทุกอย่างที่ตามองเห็น คือรูป แตกสลายกลายเป็นความว่างเปล่า จิตเป็นรัตนะดวงแก้วแววสดใส องค์พระบรมธรรมบิดาโปรดประทานให้ลูกเก็บรักษา เป็นจิตพุทธะ รู้ชัดแจ้งแห่งปัญญา องค์พระบรมธรรมบิดาโปรดประทานพลัง แสงทิพย์นำจิตทิพย์ลูกรักกลับนิพพาน

ในความว่าง ไม่ว่างเปล่า มีจิตองค์พระบรมธรรมบิดาเจ้า พระผู้สร้างสุริยะจักรวาลทั้ง 3 โลก คือ ศูนย์พลังธรรมชาติ ทุกศาสนาได้กำหนดหมายถวายพระนาม ต่างๆ นาๆ คือ องค์พระผู้เป็นเจ้า (GOD) , พระอนุตตรธรรมมารดา,องค์สมเด็จพระวิสุทธิพุทธรังษีบรมธรรมบิดา , องค์สมเด็จพระปฐมพุทธะ,องค์สมเด็จ พระธรรมบิดา , องค์สมเด็จพระทรงปราบมาร หรือท่านพ่อเกิดแม่เกิด ทั้ง 3 ภพ ทั่วทิศ องค์สมเด็จพระวิสุทธิพุทธรังษี ทรงเสกสร้าง และสั่งงาน ดูแลปกป้อง เหนือกฎแห่งกรรม

คัดจากองค์สมเด็จพระบรมธรรมบิดาวิสุทธิพุทธโอวาท นี่เป็นบางส่วนเท่านั้น อ่านให้ครบอ่านที่http://www.sangthip.com/ovat_prabida.htm

ศาสนาพุทธมหายานเรียกองค์พระผู้เป็นเจ้า (GOD)ว่า อาทิพุทธะ หรือ พระพุทธเจ้าองค์ปฐม หรือ“พระไวโรจนพุทธเจ้า” หรือพระสยัมภูพุทธเจ้า ฯลฯ จะเรียกชื่อว่าอะไรก็แล้วแต่ แต่แท้จริง พระองค์ก็คือ พระธรรมกายอันบริสุทธิ์หมดจดของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์

โคตมะพุทธเจ้าก็คือ อวตารปางหนึ่งของพระพุทธเจ้าองค์ปฐม พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็ล้วนแล้วแต่เป็นอวตารปางหนึ่งของอาทิพุทธะพระองค์นี้ทั้งสิ้น หลวงพ่อสดเรียกท่านว่า ต้นธาตุ-ต้นธรรม อิสลามเรียก อัลเลาะห์ คริสต์ เรียก ยะโอวา หรือ พระบิดา

หลวงพ่อองค์ประถม หรือพระเจ้าองค์ประถม ก็คือ อาทิพุทธะ
อย่างไรก็ตาม พึงรู้ว่าพระพุทธเจ้ามีทั้งที่เกิดมาเป็นมนุษย์ แล้วสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าองค์แรก ก็เรียก หลวงพ่อองค์ประถม หรือพระพุทธเจ้าองค์ปฐมเหมือนกัน

อนึ่ง พึงตระหนักว่า พระพุทธเจ้ามีทั้งที่เกิดมาเป็นมนุษย์และไม่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ แต่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็ล้วนเป็นอวตารของอาทิพุทธะทั้งสิ้น

อ้อ เป็นอย่างนี้นี่เอง คุณจึงกล่าวว่า คัมภีร์ฝ่ายเถรวาทบันทึกผิด
นิพพานฝ่ายเถรวาทว่า นิพพานดับอวิชชา คือ ความโง่ ความไม่รู้นามรูปตามสภาวะของมัน
หรือ นิพพานว่าดับกิเลสตัณหาอุปาทาน

ส่วนความหมายนิพพานที่คุณกล่าวนั่นต้อง แยกจิตออกจากร่างกายได้ก็ไปนิพพาน คล้ายๆมีโลกนิพพานซ้อนอยู่อีกโลกหนึ่ง
นั่นสินะ เห็นที่บอร์ดพลังจิตพยามทำกรรมฐานแยกจิตออกจากกายกันจ้าละหวั่น

เหนื่อยยยยย ใจ เหลือเกิน

ผมรู้แล้ว ว่าทำไม เขาถึงแบนคุณพลศักดิ์ กันนักหนา

ผมอ้างอิงองค์ประกอบที่มีเจตนาไว้ชัดแจ้งนะครับ ไม่ได้หมายทางกายอย่างเดียวอ่านดีๆ



ก็ไม่ผิดที่คุณกล่าวว่าเป็นเรื่องของจิต แต่คุณปฏิเสธเรื่องปาณาติบาต เมื่อผิดปาณาติบาตก็ผิดซิครับ ไม่ใช่
มากล่าวเหมือนไม่ผิด ผิดก็คือผิด จะมีโทษน้อยแต่มีกุศลมากก็อีกเรื่องหนึ่ง เหมือนที่คุณเคยพูดเรื่องฉีดยุงนั่น
แหละ ผมกล่าวเลยว่าผิดข้อปาณาติบาต แต่จะมากล่าวว่าไม่ผิดไม่ได้ ส่วนจะเป็นผลดีกับใครๆเช่นลูกเมีย ถือ
เป็นกุศล ลบล้างกันไม่ได้ ต่างมีอยู่ด้วยกันทั้งบุญและบาป โทษจะน้อยจะมากต้องมีตามข้อปาณาติบาต
ส่วนจะกุศลมากน้อยเป็นอีกประเด็นหนึ่ง แต่ศีลผิดก็ผิดตามหลักเกณฑ์



ข้อนี้เขารู้กันทั่วครับว่าใจไม่ฆ่านี่ไม่ผิด แต่ที่ผมไม่เลิกลากระทู้คุณเพราะคุณมากล่าวว่าการฆ่าของชาวประมง
ไม่บาป แต่ผมเชื่อว่าปาบ จะมีโทษมากโทษน้อยต้องบาป ไม่ไช่ไม่บาป โปรดทราบ ประเด็นผมอยู่ตรงนี้ อยู่
ตรงที่คุณบอกว่าไม่บาปนั่นเอง หากคุณกล่าวว่าบาป แต่มีโทษน้อย ผมไม่ตามกระทู้คุณมาถึงนี่หรอกครับ
ถ้าคุณปฏิเสธว่าไม่บาป เท่ากับปฏิเสธผลของปาณาติบาตนั่นเอง ทั้งที่จริงแล้ว ปาณาติบาตมีผลมีโทษ จะหนัก
จะเบาก็มีผล ประมงที่คุณว่านั้น เขาก็มีที่ต้องบาปเกิดจากการฆ่า ส่วนกุศลเขาก็มี ลูกเมียเขาไม่อด ลูกเมียเขา
สบาย อันนี้ก็ส่วนบุญไป แต่จะมาปฏิเสธว่าไม่บาปเลยนั้น ไม่ได้แน่ แค่นี้เองที่ผมตามมาไม่เลิกลา
อนึ่งเดี๋ยวคุณจะลืมอีก ครบองค์ประกอบ เป็นปาณาติบาต ผิดศีล มีโทษ
--------------------------------------------------------------------
มาชื่อใหม่ สำนวนเดิมๆวุ้ยย
เอ้้้.......ต้องถามคุณกรัชกายแล้วว่า สำนวนนี้ของใคร(ด้านล่างจ้า)

เหตุไฉนพระพุทธองค์จะประทานวิชชาในไม้นอกกำมือให้ผม..............ไม่ได้?

-------------------------------------------------------------

อ่าวว นึกว่าไม่เข้าใจธรรมอย่างเดียว

1.คัมภีร์ฝ่ายเถรวาทบันทึกไม่ผิดนะครับ เพราะพระพุทธเจ้าสอนให้เริ่มจากตอนที่เราเป็นจิตปภัสสร และโดนอวิชชา จึงเกิดปฏิจจสมุปบาท ด้วยจุดมุ่งหมายของนิกายนี้คือหาทางพ้นทุกข์โดยเร็วที่สุดนั่นเอง แต่นิกายมหายานบางนิกาย พระพุทธเจ้าสอนให้เริ่มจากตอนที่เราเป็นส่วนหนึ่งของต้นธาตุ-ต้นธรรมเลย ด้วยจุดมุ่งหมายของนิกายของเขา เขาต้องรู้ตั้งแต่จุดแรกสุดเลย ไม่งั้นความอยากรู้อยากเห็นของเขาไม่หมดไป เขาก็ย่อมไม่หาทางพ้นทุกข์

ที่ผิดคือสมมุติสงฆ์ฝ่ายบริหารของเรานั่นแหละผิด ทะลึ่งไปยึดอำนาจของพระอรหันต์ และไปเปลี่ยนกฎการสัมมนาพระไตรปิฎก ให้พระทั่วไปเข้าร่วมได้ และพระทั่วไปมีอภิญญา 6 ตรวจสอบได้ไหมว่า เรื่องที่พระพุทธเจ้าสอนไปทางมหายานเป็นความจริง

พวกนี้ไม่มีปัญญาตรวจสอบ เลยใช้วิธีกีดกันไม่ให้ฝ่ายมหายานเข้าร่วมในการสัมมนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 2 เท่านั้นยังไม่พอ พอฝ่ายมหายาน 18 นิกายไปรวมตัวกันได้หลังพศ.5 นิกายของเขารุ่งเรือง ก็ไปบอกว่า ฝ่ายมหายานโดนแทรกซึมโดยศาสนาพราหมณ์ ไปๆมาๆก็ไปบอกว่า คัมภีร์ของเขาไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า ฯลฯ

2. เอาจิตไปดูจิตคืออะไรล่ะครับ ก็คือเอาจิตพุทธะที่สะอาดบริสุทธิ์ ไปดูจิตติดอวิชชาที่สกปรก เพราะในตัวเรามี 2 จิตนั่นเอง

คุณ"กามโภคี" ครับ


ในทุกเว็บที่ผมเข้าไป เวลาที่มีคนสงสัยเรื่องศีล 5 ในข้อใดข้อหนึ่ง จะมีพวกบ้าตำราที่ตีความคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่ได้ แต่ทะลึ่งไปสอนเขาว่า สิ่งที่เป็นบุญเป็นบาปอยู่เสมอ เช่น เรื่องฆ่ายุง และฆ่าปลวก ใจของเขาไม่อยากฆ่าหรอกครับ แต่เขาเสียสละทำเพื่อคนอื่น กรรมที่เขาฆ่าอย่างมากก็เป็นกตัตกากรรม หรือเป็นกรรมไม่ดีที่ทำไปโดยไม่ได้ตั้งใจ และไม่มีเจตนาจะให้เป็นอย่างนั้น ... ถ้าไม่มีกรรมที่หนักกว่าเช่นพหุลกรรม กรรมนี้จึงจะให้ผล

แม้แต่กตัตกากรรมก็เกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าจิตไม่คิดปรุงแต่งเป็นอกุศล แต่นี่พวกนักธรรมกำมะลอเหล่านั้น ไปร่วมกันปลุกปั่นให้เห็นว่า ฆ่ายุง และฆ่าปลวก เป็นบาปที่ไม่ควรทำ เมื่อจิตของเขาไปหลงเชื่ออย่างนั้น มันก็กลายเป็นกรรมหนักที่ไม่ใช่กตัตตกากรรมอีกต่อไป

คนไม่ลงนรก พอเข้าเว็บธรรมะถาม หลังจากนั้นลงนรกเลย เพราะพวกนักธรรมกำมะลอเหล่านี้ไม่เข้าใจศีล 5 อย่างแท้จริง ส่วนใหญ่พวกนี้เป็นผู้ดูแลเว็บธรรมะซะด้วย เพราะมารเขาเล่นสิงใจคนเหล่านี้ ผมโดนกีดกันจากทุกเว็บ เนื่องจากผมป้องกันไม่ให้คนตกนรกจากสิ่งที่เขาทำความดีนั่นเอง

เมื่อเข้าไม่ถึงธรรม ย่อมแบ่งแยกศาสนา เมื่อเข้าถึงธรรมแล้ว ศาสนาแต่ละศาสนาจะเป็นเหมือนโรงเรียน มีอนุบาล ประถม มัธยม พอก้าวเข้าสู่โลกุตระธรรม เข้าสู่เส้นทางพระนิพพาน ก็จะอยู่ในระดับอุดมศึกษา มีปริญญาตรี โท เอก

พอดีเป็นแฟนคลับคุณพลศักดิ์เหมือนกัน

บาป-บุญ พูดมาเป็นปี สงสัยเป็นชาติก็คงไม่จบ จริงๆแล้ว ใช้คำว่า เจตนาน่ะดีที่สุด กรรมคือ การกระทำ ให้ดูที่การระทำ ไม่ว่าจะเจตนามากหรือน้อยที่ได้ลงมือกระทำไปแล้ว ทุกอย่างล้วนส่งผลแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นกุศลกรรมหรืออกุศลกรรม ผู้กระทำเป็นผู้รับผล ไม่ใช่คนอื่น

จริงๆแล้วเรื่องที่คุณพลศักดิ์นำมาเสนอนี่ ถ้าทุกคนไม่ให้ความสนใจซะ เขาอยากโพสอะไรก็ปล่อยไป เมื่อไม่มีตอบโต้หรือเข้ามาสนทนากับเขา เขาก็หยุดเอง แล้วส่วนมากก็จะเรื่องเดิมๆซ้ำๆ ส่วนที่ไปกังวลกันว่าจะเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ ไม่ต้องไปวิตกกังวลแทนหรอกค่ะ ไม่ว่าใครจะเชื่อใคร หรือใครไม่เชื่อใคร ทุกอย่างล้วนมีเหตุปัจจัย การที่มาเชื่อกัน เนื่องจากเขาเคยสร้างเหตุมาร่วมกัน ไม่ว่าจเป็นกุศลหรืออกุศลก็ตาม อย่างน้อยคุณพลศักดิ์ไม่เคยใช้ถ้อยคำรุนแรงหรือถ้อยคำหยาบคาย ทางเว็บเขาก็เลยปล่อยให้โพสได้ ถึงแม้ว่า คุณพลศักดิ์อาจจะชอบโจมตีทางเว็บมาสเตอร์ว่าเป็นมารก็ตาม เพราะสุดท้ายก็ต้องวิ่งกลับมาหาในสิ่งที่เขาเรียกว่ามาร เพราะไปที่ไหนๆ ที่ไหนจะมีเมตตาเขาเหมือนที่นี่ ไม่มีอีกแล้ว

ก็คนเขาสงสัยเรื่องศีล 5 เดิมๆ แล้วก็โดนพวกไม่เข้าใจธรรมะของพระพุทธเจ้าหน้าเดิมๆ บิดเบือนพุทธพจน์ พวกนักธรรมะที่ไม่รู้ธรรมเหล่านี้ จะนำคนที่ทำกตตกากรรม หรือกรรมไม่ดีที่ทำไปโดยไม่ได้ตั้งใจ และไม่มีเจตนาจะให้เป็นอย่างนั้น ไปสู่นรกโดยการเอาความคิดและความเข้าใจผิดๆของตนไปยัดเยียดให้เขา ผมก็ต้องพูดเรื่องเดิมๆเหมือนกัน นำคำวินิจฉัยของพระพุทธเจ้ามาสอนไม่รู้ก็ครั้ง พวกที่โดนมารสิงพวกนี้ ก็ยังไม่ฟัง

คนไม่ลงนรกแน่นอน พอเข้ามาในเว็บธรรมะถาม ฟังคำตอบของนักธรรมที่ไม่เคยปฏิบัติให้ถึงขั้นได้ปัญญา หลังจากนั้นคนเหล่านั้นเลยมีความเสี่ยงว่าจะลงนรกทันที เมื่อนักธรรมที่โดนมารสิงใจให้พูด มาหลอกลวงเขา ผมก็มีสิทธิ์นำเสนอความจริงทุกครั้งไป เกมระหว่างมารกับพทธะเพื่อแย่งชิงดวงวิญญาณมนุษย์มันต้องเป็น fair game ครับ