ไม่ต้องวิจารณ์ผมหรอกผมไม่ชอบ ถึงจบชมก็เหอะครับกระมัง

ไม่ชอบจริง ๆ เหร๋อ...
แต่เวลาที่เราทำให้คุณไม่ชอบได้เนี่ย...เราชอบจัง

ทำได้สิครับจิตญานทุกคนล้วนเหมือนกันเพียงแต่มายึดถือเอาหญิงชายเมื่อเกิดมา ส่วนจิตพระอรหันต์นั้นไม่มีเพศแล้วไม่มีหญิงหรือชาย เพียงแต่ทำหน้าที่ไปตามของร่างกายที่รับมาอย่างดีให้ทำบุญกุศลได้ ส่วนจิตใจท่านทิ้งอัตภาพ ทิ้งสังขารที่เป็นรูปและเพศนี้ไปนานแล้ว

อยากจะเสนอความเห็นส่วนตัวนะคะว่า
ไม่น่าจะได้ เพราะ เปรียบเสมือนบุคคลที่เป็น บัณเฑาะว์
ไม่สามารถเข้าถึงธรรมอันลึกซึ้งขั้นปราศจากกิเลสได้
บุคคลคนนั้น ต้องมาเกิดจนมีความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แท้จริงก่อน
ทั้งทางกายและทางใจ อยากให้นึกถึง แม้พญานาคเอง
มีจิตตรงต่อพุทธศาสนาก็ไม่สามารถบรรลุธรรมขั้นสูงสุดได้
ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น เช่นกัน จิตที่ปฏิพัสด์ต่อเพศเดียวกัน
ก็คือเศษกรรมที่บุคคลนั้นผิดศีลข้อ 3 จึงคิดว่า
ยังไม่ได้หรอกนะคะ ส่วนพระสาวกที่หลงไหลในรูปกายอันงดงามของ
พระพุทธเจ้าก็คิดว่าไม่ได้เป็นตุ๊ด เป็นแต๋วไรหรอกนะคะ
อาจเป็นเพราะท่านอยากมีรูปกายที่สง่างามเฉกเช่น
องค์พระสัมมาสัมพุทธะ มากกว่า ความคิดความรู้สึกที่ชอบพอ
ในเพศเดียวกันค่ะ

ขอแสดงความเห็นค่ะ
ขอบคุณค่ะ

เราได้ชาติกำเนิดเป็ฯมนุษผู้ชายที่ประเสริฐแล้ว ไม่ไช่พยานาคหรือสัตว์ นั่นคนละกรณีที่ชาติกำเนิดทำไม่ได้เพราะกรรมกางกั้นไว้ กระเทยที่เปลี่ยนแปลงตัวเองก็สามารถทำมรรคผลให้ถึงพร้อมได้ แต่ต้องไม่ไช่คนสองเพศเหมือนอย่างสมัยก่อนนะครับ อย่างนี้เรียกว่า บัณเฑาะ ตามบัญญัติ ให้บวชไม่ได้ เพราะราคะแรงกล้า แต่ถ้ากลับใจทิ้งความเป็นเฑาะนั้นได้เปลี่ยนแปลงใหม่ ย่อมบวชได้ นอกจากตัดอวัยวะเพศแล้วนี่ไม่ได้แน่นอน เพราะคนพิการบวชไม่ได้และก็ทำหน้าทำของผู้ชายและนักบวชไม่ได้ แต่ต้องเปลี่ยนละทิ้งจริง ๆนะครับไม่ไช่เดินอ้อนแอ้นแล้วแซวผู้ชายพูดเสียงแหลม อันนี้เป็ฯบัณเฑาะชัดเจนบวชไม่ได้
ขอแก้กระทู้หน่อยนะครับ พระวักลิ ไม่ได้ชอบหรือรักพระพุทธเจ้าแบบชู้สาวนะครับ เพียงแต่ท่านหลงในรูปเพราะพระพุทธเจ้ามีรูปที่งามมาก ตามลักษณะของมหาบุรุษ 32 ประการ และ รายละเอียด 80 ประการ รวมถึงพระรัสมีที่สมบูรทุกอย่างทำให้ พระวักลิ ตกตะลึงในความงามและบุญญาธิการ จึงหลงในรูปที่สมบูรนั้น แล้วก็มองท่านตลอดเวลา ฟังเทศก็ไม่เข้าใจเพราะมัวแต่มองพระพุทธเจ้า จึงโดนไล่ออกมา เพราะเรื่องนี้แต่ท่านไม่ไช่บันเฑาะนะครับ