วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 15:04  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ย. 2019, 06:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


วิธีสังเกตตัวเอง
สังเกตจิตที่มีนิสัยหลุกหลิก ไม่อยู่เป็นปกติสุข
ด้วยมีสติตามระลึกรู้ความเคลื่อนไหวของจิต
โดยมีธรรมบทใดบทหนึ่งเป็นคำบริกรรม
เพื่อเป็นยารักษาจิตให้ทรงตัวอยู่
ด้วยความสงบสุขในขณะภาวนา
ที่ให้ผลดีก็มี อานาปานสติ
คือ กำหนดจิตตามลมหายใจเข้าออก
ด้วยคำภาวนา พุทโธ
พยายามบังคับให้อยู่กับอารมณ์แห่งธรรมบท
ที่นำมาบริกรรมขณะภาวนา
พยายามทำอย่างนี้เสมอด้วยความไม่ลดละ ความเพียร
จิตที่เคยทำบาปหาบทุกข์อยู่เสมอ
จะค่อยรู้สึกตัวและปล่อยวางไปเป็นลำดับ
มีความสนใจหนักแน่นในหน้าที่ของตนเป็นประจำ
จิตที่สงบตัวลงเป็นสมาธิ
เป็นจิตที่มีความสุขเย็นใจมาก และจำไม่ลืม
ปลุกใจให้ตื่นตัว และตื่นใจได้อย่างประหลาด

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต







"เป็นพระ เป็นนักปฏิบัติ กินง่าย อยู่ง่าย อย่าคิดว่าดีกว่าคนอื่น อย่าคิดว่าสบายกว่าคนอื่น เฮ็ดความเพียรฝึกตนเองหลายๆ อย่าขี้คร้าน เพราะเรายังกินข้าวชาวบ้านที่เขาเอามาถวาย ควรรู้คุณเขาด้วยเด้อ"
...
โอวาทธรรม หลวงปูจื่อ พนฺธมุตฺโต







"สมบัติทั้งหลายที่เรามีอยู่มันเป็นสมบัติโลก
ตายไปก็เป็นสมบัติโลก
เมื่อยังมีชีวิตอยู่ก็ควรนำสมบัติโลกมาใช้เพื่อประโยชน์ตน
ทำบุญเท่าไหร่ก็ทำไป บ่ต้องเสียดาย
ทำแล้วมันก็เป็นของเราทั้งหมดแหละ..."

โอวาทธรรม
หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร
วัดถ้ำสหายธรรมจันทร์นิมิต
ต. ทับกุง อ. หนองแสง จ. อุดรธานี









ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐานัง

"ทำบุญก็ได้รับบุญไปจนได้สวรรค์ ทำบาปก็ได้บาปไปจนถึงนรกอเวจี"

1. จิตตานุปัสสนา จิตไม่ฆ่าสัตว์ จิตก็เป็นพระโสดามรรค พระโสดาผล
2. จิตตานุปัสสนา จิตไม่ลักทรัพย์ จิตก็เป็นสกทาคามิมรรค สกทาคามิผล
3. จิตตานุปัสสนา จิตออกบวช ไม่มีผัวมีเมีย จิตนั้นก็เป็นอนาคามิมรรค อนาคามิผล
4. จิตตานุปัสสนา จิตไม่กล่าวมุสาวาท จิตเป็นพระอรหันตามรรค อรหันตาผล

หนึ่ง จิตไม่ฆ่าสัตว์ จิตก็เป็นศีล จิตเป็นฌาน จิตเป็นนิพพาน
อยู่ที่หัวใจของเราทุกคน

สอง จิตไม่ลักทรัพย์ จิตก็เป็นศีล จิตเป็นฌาน จิตเป็นนิพพาน
อยู่ที่หัวใจของเราทุกคน

สาม จิตออกบวช จิตก็เป็นศีล จิตเป็นฌาน จิตเป็นนิพพาน
อยู่ที่หัวใจของเราทุกคน

สี่ จิตไม่ขี้ปด จิตก็เป็นศีล จิตเป็นฌาน จิตเป็นนิพพาน
อยู่ที่หัวใจของเราทุกคน

ห้า จิตไม่กินเหล้า จิตก็เป็นศีล
จิตเป็นฌาน จิตเป็นนิพพาน
อยู่ที่หัวใจของเราทุกคน

ขอให้นักธรรม นักกรรมฐานจงเจริญทำให้มากๆ

ตั้งพุทโธ ใจของท่านทั้งหลาย
จะรู้จักพระพุทธเจ้า
ตั้งธรรมโม ใจของท่านทั้งหลายจะได้บรรลุโลกุตรธรรม
ตั้งสังโฆ จะได้ตัดสังขาร ตัดอุปาทาน
แล้วใจของท่านทั้งหลายจะได้พระอรหันต์

ขอนิมนต์พระคุณเจ้าตั้งพุทโธ
นั่งก็นั่งพระพุทโธ
กินก็กินพระพุทโธ
พุทโธคือใจของพระคุณเจ้านั่นแหละ
นั่งก็นั่งพระธรรม
นอนก็นอนพระธรรม
พระธรรมก็คือใจของพระคุณเจ้าทุกคน
นั่งก็นั่งสังโฆ สังโฆคือใจของพระคุณเจ้าทุกพระองค์
เดินก็เดินอยู่ในพระสังโฆ

นี้แหละคือหัวใจพระศาสนา
พระอาจารย์ตื้อ อจลธัมโม
ให้ไว้เป็นประโยชน์ในพระศาสนา สวัสดี ให้ดีจริงๆ ดีสังโฆ ให้ดีจริงๆ


หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม













หลวงปู่ขาวท่านฉลาดในการสอนเด็กมาก ท่านบอกว่า

“ถ้าเด็กคนไหนมีความประพฤติเรียบร้อย ไม่ดื้อดึง ไม่เกเร รักพ่อรักแม่ รักญาติมิตร ขยันหมั่นเพียรเรียนวิชาความรู้แล้ว หลวงปู่จะสอนคาถาดีให้ ถ้าคนไหนไม่ขยันหมั่นเพียร ก็เอาของดีไปไม่ได้ คาถาหรือของดี มันจะอยู่กับคนดีเท่านั้น”

พวกเด็กๆ ในหมู่บ้านล้วนแต่ขยันขันแข็ง ทำตัวน่ารักทุกคน พ่อแม่พอใจมาก วันหนึ่ง หลวงปู่จึงบอกคาถาดีให้ พวกเด็กประณมมือ แล้วตั้งใจทำสมาธิ ทำใจให้
แน่วแน่ แล้วหลวงปู่ก็บอกคาถาหัวใจพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ว่า

“อิ สวา สุ อิ สวา สุ นะโมพุทธายะ”

เด็กๆ จดจำกันได้อย่างรวดเร็ว เพราะต่างก็ได้ฝึกสมาธิมาแล้ว หลวงปู่ให้ฝึกท่องบริกรรมทุกเช้าเย็น หรือบริกรรมตลอดเวลาเหตุการณ์เกิดขึ้น เนื่องจาก
เด็กๆ ชอบพากันไปกระโดดน้ำเล่นมีฝายกั้นน้ำเข้านาใกล้หมู่บ้าน สร้างรำคาญใจให้เจ้าของนา เพราะกลัวฝายจะพัง เจ้าของนาจึงไปตัดไม่ไผ่รวกลาย แล้วเอาไปปักไว้ใต้น้ำ ตรงที่เด็กชอบกระโดด หวังจะให้ไม่ไผ่เสียบเด็กตาย หรือบาดเจ็บ จะได้เข็ดหลาบ

พวกเด็กๆ ไปกระโดดน้ำเล่นเช่นเคย ก่อนกระโดดก็ว่าคาถาก่อนทุกคนไป ทุกคนจึงรอดพ้นจากขวากไม้ไผ่ที่เจ้าของนาปักไว้หลายอันเจ้าของนาแอบดูอยู่ ไม่เห็นเด็กรับอันตรายสักคน จึงได้เข้าใจว่าคง เป็นเพราะคาถาที่เด็กท่องนั่นเองทำให้แคล้วคลาดได้

หลวงปู่ขาวท่านบอกว่า

“คาถานี้ดีสำหรับผู้นับถือเชื่อถือด้วยศรัทธา อย่างจริงใจ เพราะพระธรรมย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรมให้พ้นจากภัยพิบัติทั้งปวง เว้นไว้เสียแต่กรรมเวรตามทัน หรือหมดอายุขัยซึ่งต้องไปตามบุญกรรมนั้นๆ”

ที่มา : หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกองเพล จ.หนองบัวลำภู (โครงการหนังสือบูรพาจารย์)











การอยู่กับคน : หลวงปู่หลอด ปโมทิโต
1.ในหมู่คนดี ย่อมมีคนไม่ดีปะปนอยู่ด้วยเป็นของธรรมดา จึงไม่ควรใส่ใจ คนไหนดีเราก็สรรเสริญ คนไหนไม่ดีเราก็ออกห่าง ไม่ยกย่อง

2.จงรักคนทุกคน ไว้ใจบางคน

3.อย่าทำผิดต่อทุกคน

4.จงดูตนเสมอ

5.เกิดเป็นคน จะสอนคน ต้องสอนตนก่อน

6.เมื่อถูกสอน อย่าทำค้อนคำสอนเขา จะดีคนหรือคนดีจงติเรา จะโกรธเขาหรือเขาโกรธดูโทษตัว

หลวงปู่หลอด ปโมทิโต









"ถ้าหลวงปู่รับปั๊บ(จับเงิน)ดังออกไปถึงไหนแล้ว..หลวงปู่อินทร์ลูกศิษย์หลวงปู่ศรีทำไมรับจตุปัจจัยดังถึงไหนล่ะทีนี้
หลวงพ่อไม่ได้บวชมาหาจตุปัจจัยเด้..
บวชมาหาศีลหาธรรม เรื่องจตุปัจจัยเรื่องของทางโลกคนไม่เข้าใจก็อยากถวายๆอยากถวายต้องของเป็นประโยชน์ ทำเหมือนพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าขอถวายใบปวารณา ทำผิดครั้งเดียวมันเสียหายไปถึงไหน เทวดาเห็นเลยล่ะ ลูกศิษย์พระพุทธเจ้าเอาอย่างนี้หรอ..มันเป็นเยี่ยงอย่างต่อไป เพราะฉะนั้นอยากให้คนที่เอาปัจจัยใส่บาตรเข้าใจหลักธรรมหลักวินัย"

โอวาทธรรมคำสอนพ่อแม่ครูอาจารย์
หลวงปู่ทองอินทร์ กตปุญฺโญ
วัดป่ากุง อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด








ในคัมภีร์มหาปัจจรีกล่าวไว้ว่า นางเทพยุดามาชมดอกปาริชาติ
เผลอพลาดตกลงมา เกิดเป็นมนุษย์ในเมืองมนุษย์ คือเมืองลังกาทวีป เป็นลูกสาวมหาเศรษฐีธนันไชย เศรษฐีใหญ่ เมื่อเติบโตแล้ว ได้มีสามีอย่างมนุษย์เรา ได้ลูกสาว 5 คน ลูกชาย 5 คน เมื่อใหญ่ (เจริญวัย) แล้ว
ได้พร้อมกันกับลูกสาว หลานชายสร้างวัดขึ้นใหม่ใส่ชื่อว่า "เชตวนาราม" บวชลูกบวชหลาน

อายุของคุณยายนั้นได้ถึง 100 ปีเอา วิญญาณไปสวรรค์ถึงต้นไม้ปาริชาติ นางเทพยุดาเจ้าก็ถามนางว่า "คุณพี่ไปไหนมา"

คุณยายก็ตอบว่า "ไปลังกาทวีป อายุได้ 100 ปี แล้วจึงขึ้นมา
เป็นหนึ่งชั่วโมงของสวรรค์"

100 ปี ของมนุษย์ เป็นหนึ่งชั่วโมงในสวรรค์

1,000 ปี ของมนุษย์เป็น 10 ชั่วโมงของสวรรค์

1 ชั่วโมงในสวรรค์เป็น 1 นาทีในนรก
2 ชั่วโมงในสวรรค์เป็น 2 นาทีในนรก

นี้แหละ นักธรรมเจ้าทั้งหลาย
พระศาสดาของเราว่าอย่างนี้
ได้บัญญัติพระศาสนาไว้ 5,000 ปี
แต่เทศนาสั่งสอนมนุษย์อยู่ 45 ปี รวมโลกิยะมนุษย์ เมื่อเป็นพระเจ้าแผ่นดิน

โลกุตระมนุษย์ ได้เป็นพระอรหันต์เข้าพระนิพพานไปแล้ว

พระนิพพาน ก็ยังมีอยู่ไม่เสื่อมสูญ
พระพุทธเจ้าเข้านิพพาน ก็มีอยู่ในพระนิพพานนั้นแล
พระโมคคัลลา พระสารีบุตร และพระอนุรุทธะ พระอานนท์
เข้านิพพานก็มีอยู่ในนิพพานนั้นแล

นางภิกษุณีทั้งหลาย ได้บวชกาย วาจา ใจ ใจก็เป็นพระนิพพานแล้ว เข้าพระนิพพานได้ด้วย เหมือนกับพระจันทร์ พระจันทร์ไม่มีเกิด ไม่มีแก่ พระจันทร์ไม่มีเจ็บ พระจันทร์ไม่มีร้อน ไม่มีหนาว ดาวไม่มีเกิด ไม่มีตาย

คนเรานี้เป็นบอเป็นบ้า คอยาว ตาขาว ลิ้นยาว ใช้ไม่ได้

ส่วนพระธรรมคำสั่งสอนเกิดจากหัวใจของพระพุทธเจ้า
เกิดจากหัวใจของพระอรหันตาเจ้าทั้งหลาย

ทำไมพวกเราและท่านทั้งหลายจึงไม่รู้ ทำไมเราทั้งหลายจึงไม่เห็น

ถ้าเราเป็นพระอรหันต์
เป็นพระโสดาบัน
เป็นพระอนาคามีเมื่อใด
ก็เมื่อนั้นแหละจึงจะเห็น
จะรู้ที่อยู่ของพระพุทธเจ้า
ที่อยู่ของพระอรหันตาเจ้าทั้งหลาย

เมื่อเป็นมนุษย์ ตาก็เป็นมนุษย์ หูก็เป็นมนุษย์ รูจมูกก็เป็นมนุษย์ ปากก็เป็นมนุษย์ กายก็เป็นมนุษย์ ตาเป็นมนุษย์

เห็นเงินก็อยากได้เงิน เห็นคำก็อยากได้คำ เห็นแก้วก็อยากได้แก้ว เห็นแหวนก็อยากได้แหวน

เห็นลูกสาวก็รักลูกสาว เห็นหลานก็รักหลาน ตลอดถึงเหลนไม่มีที่สิ้นสุด

เป็นมนุษย์ฟังเสียงขับ เสียงลำ เสียงแคน เสียงแสดง

ธรรมเทศนา ถ้าขัดคอก็ผิดผีปู่ผีย่า หูขวาหูซ้ายเป็นของผีตาผียาย โกรธง่ายหายเร็ว

พุทโธ ก็อยู่ที่มนุษย์ ธัมโม สังโฆ ก็อยู่ที่มนุษย์ทั้งนั้น

เราจะทำอย่างไรจึงจะไม่มองข้ามตัวมนุษย์นี้ไป
ถ้าเรามองข้ามไปเราก็ไม่พบมนุษย์พุทโธ
ไม่พบมนุษย์ธัมโม
ไม่พบมนุษย์สังโฆได้

หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 33 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร