วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 07:22  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.พ. 2016, 09:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วงเสวนา ม.รังสิต จี้ปฏิรูปวงการสงฆ์ ออกกฎพระห้ามรับเงินทอง ยึดพระธรรมวินัย

ส.ศิวลักษ์ ชี้ทุนนิยมทำพระเอาอย่างฆราวาส แข่งสะสมทรัพย์ แนะ คสช. ยุบมหาเถรสมาคม

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.พ. 2016, 09:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ระดมความคิดความเห็นชาวพุทธ เชิญว่ากันได้เต็มเหนี่ยวครับ

โฮฮับ เช่นนั้นว่าไง :b1: :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.พ. 2016, 10:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
การเจริญปัญญาเกิดจากการศึกษาคำสอนให้เข้าใจความจริงที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ดีแล้ว
แต่ทุกวันนี้มีคำสอนเป็นตู้เป็นหีบเก็บไว้อย่างดีตามวัดวาอารามเป็นเหมือนสมบัติล้ำค่ามากๆ
ไม่ได้สนใจตำราแต่สนใจสถานที่เก็บตำราสถานที่อยู่ของพระภิกษุให้โอ่อ่าฟู้ฟ่าแทนธัมมะในใจ
จะโทษใครถ้าไม่โทษคนให้เงินกับการโฆษณาขอเงินและไม่เข้าใจว่าเป็นการเบียดเบียนชาวบ้าน
ความไม่พอใจในฐานะผู้อุทิศตนเพื่อดำรงคำสอนจึงวัดแต่ละแห่งแข่งการระดมทุนสร้างวัตถุกันไป
ความจริงก็คือสร้างวัตถุแล้วก็ต้องการเงินไปปรับปรุงบูรณะซ่อมแซมวัตถุที่เก่าชำรุดคร่ำคร่าแค่นั้น
แต่ธัมมะในใจแห้งผากเหมือนปลาขาดน้ำรอวันตายเท่านั้นอย่าลืมว่าคำสอนตรงมากทีละ1ขณะจิต
ถ้าบวชแล้วศึกษาธัมมะไม่ตรงตามธรรมเป็นการบิดเบือนคำสอนไปจากสิ่งที่มีจริงด้วยหวังลาภสักการะ
ทุคติเป็นที่หมายเป็นที่ไปอย่างแน่นอนเพราะการเป็นผู้ตรงต้องรู้ด้วยตนเองว่าควรศึกษาคำสอนในเพศใด
ระหว่างเป็นคฤหัสถ์จับเงินทำมาหาเลี้ยงชีพได้และบรรลุธรรมได้ถึงพระอนาคามีบุคคล
กับการบวชในเพศบรรพชิตเพื่อสละการติดข้องในวัตถุแต่ยังมาแสวงหาวัตถุลาภสักการะ
ในครั้งพุทธกาลการบวชไม่ใช่ทำเล่นๆผู้บวชมีปัญญามากและการบรรลุอรหันต์ทำให้ต้องบวช
:b12: :b1: :b16:
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.พ. 2016, 13:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


:b1: ...

:b32: :b32: :b32:

:b1: :b1: :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.พ. 2016, 14:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
วงเสวนา ม.รังสิต จี้ปฏิรูปวงการสงฆ์ ออกกฎพระห้ามรับเงินทอง ยึดพระธรรมวินัย

ส.ศิวลักษ์ ชี้ทุนนิยมทำพระเอาอย่างฆราวาส แข่งสะสมทรัพย์ แนะ คสช. ยุบมหาเถรสมาคม



เหนื่อยก็พักบางล่ะ ขาดไม่ได้ อาอม ยาดม ยาหม่อง
:b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.พ. 2016, 20:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
วงเสวนา ม.รังสิต จี้ปฏิรูปวงการสงฆ์ ออกกฎพระห้ามรับเงินทอง ยึดพระธรรมวินัย

ส.ศิวลักษ์ ชี้ทุนนิยมทำพระเอาอย่างฆราวาส แข่งสะสมทรัพย์ แนะ คสช. ยุบมหาเถรสมาคม



เหนื่อยก็พักบางล่ะ ขาดไม่ได้ อาอม ยาดม ยาหม่อง
:b32:



น่าไล่ไปอยู่อินเดีย :b13:

ไปอยู่กับพระราม พระลักษณ์ นางสีดา

http://news.voicetv.co.th/world/323634.html

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2016, 00:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ก.พ. 2016, 05:27
โพสต์: 4

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระวินัยก็ระบุไว้แล้ว ภิกษุงดรับเงินและทอง รับก็อาบัติ

แต่ภิกษุบางรูป กล้าต่อบาป ไม่เคารพพระศาสดา ไม่ยำเกรงในพระธรรมวินัย
รู้แล้วแต่ก็ยังทำสะสมเงินทอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2016, 08:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จะกล่าวนำให้เห็นภาพกว้างๆก่อน แล้วช่วยแสดงความเห็นของแต่ละคนๆตามสภาพแวดล้อมปัจจุบัน

เบื้องต้น ขอให้นึกย้อนกลับไปครั้งพุทธกาล เมื่อ ๒๕๕๙ + ๔๕ ปี ล่วงมาแล้ว ครั้งเมื่อพระศาสดายังทรงพระชนม์ชีพอยู่ ครั้งกระนั้น การก่อสร้างวัดวาอารามต่างๆ การบูรณะปฏิสังขรณ์วิหารลานเจดีย์ เป็นต้น ร่วมทั้งการบำรุงภิกษุ ภิกษุณี ยามเจ็บไข้ได้ป่วย อุบาสก อุบาสิการับเป็นภาระธุระ

กลับมาสถานการณ์ปัจจุบัน การก่อสร้างกุฎิวิหารลานเจดีย์ บูรณะปฏิสังขรณ์ส่ิ่งชำรุดทรุดโทรมภายในวัด ค่าน้ำ ค่าไฟ เป็นต้นของวัด รวมทั้งภิกษุสงฆ์ องค์เณรเจ็บไข้ได้ป่วย เป็นต้น อุบาสก อุบาสิกา ยังรับเป็นภาระธุระอยู่ไหม

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2016, 22:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ก.พ. 2016, 05:27
โพสต์: 4

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เบื้องต้น ขอให้นึกย้อนกลับไปครั้งพุทธกาล เมื่อ ๒๕๕๙ + ๔๕ ปี ล่วงมาแล้ว ครั้งเมื่อพระศาสดายังทรงพระชนม์ชีพอยู่ ครั้งกระนั้น การก่อสร้างวัดวาอารามต่างๆ การบูรณะปฏิสังขรณ์วิหารลานเจดีย์ เป็นต้น ร่วมทั้งการบำรุงภิกษุ ภิกษุณี ยามเจ็บไข้ได้ป่วย อุบาสก อุบาสิการับเป็นภาระธุระ

กลับมาสถานการณ์ปัจจุบัน การก่อสร้างกุฎิวิหารลานเจดีย์ บูรณะปฏิสังขรณ์ส่ิ่งชำรุดทรุดโทรมภายในวัด ค่าน้ำ ค่าไฟ เป็นต้นของวัด รวมทั้งภิกษุสงฆ์ องค์เณรเจ็บไข้ได้ป่วย เป็นต้น อุบาสก อุบาสิกา ยังรับเป็นภาระธุระอยู่ไหม


คุณกรัชกายต้องการสื่อว่าเหตุที่พระจำเป็นต้องรับเงินเพื่อดูแลวัด เนื่องจาก อุบาสกอุบาสิกาไม่สนใจดูแลใช่มั้ยครับ และเพราะเหตุนี้รึเปล่าทำให้พระภิกษุปัจจุบันมีกิจมากต้องหาเงินมาดูแลวัด

ซึ่งกรณีนี้หากเรามีระบบของไวยาวัจกรณ์ที่ดี มีการคัดเลือกบุคคลที่ซื่อสัตย์อาจตั้งเป็นคณะบุคคลที่สามารถตรวจสอบได้ มีความโปร่งใส ซึ่งในพระวินัยก็ได้ระบุไว้แล้ว แต่ไม่ปฏิบัติตามเอง ปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้นเพราะพระภิกษุปฏิบัติย่อหย่อนในพระวินัย และคฤหัสถ์เองก็ถวายเงินให้พระ ทั้งรู้และไม่รู้ก็ดี แต่พระที่เคร่งครัดในพระวินัยก็ควรบอกกล่าวแก่คฤหัสถ์ว่าควรทำอย่างไรจึงเหมาะสม พอภิกษุมีเงินก็เป็นบ่อเกิดของปัญหาต่างๆตามมา ลาภ ยศ สรรเสริญ เปรียบเหมือนอสรพิษดีๆนี่เอง เป็นข้าศึกของพรหมจรรย์ แต่ทุกวันนี้ภิกษุรับทั้งเงิน มีทั้งยศ สวนทางกับแนวทางและจุดประสงค์ของการเข้ามาบวชเป็นภิกษุในพระศาสนานี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.พ. 2016, 06:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ธามัน เขียน:
พระวินัยก็ระบุไว้แล้ว ภิกษุงดรับเงินและทอง รับก็อาบัติ

แต่ภิกษุบางรูป กล้าต่อบาป ไม่เคารพพระศาสดา ไม่ยำเกรงในพระธรรมวินัย
รู้แล้วแต่ก็ยังทำสะสมเงินทอง


สองอาการนี้....ไม่ใช่อันเดียวกันนะครับ...แต่คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าเป็นอย่างเดียวกัน..อย่างที่ชอบกล่าวกันดั่งข้างต้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.พ. 2016, 10:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
...ง่ายมากที่จะรู้ว่าโลภมากโลภะมีความติดข้องและต้องการมากไหมไม่ว่าเป็นใคร...
...ความพอใจที่เห็นจำนวนตัวเลขในบัญชีมีมากขึ้นไปเรื่อยๆความฝันก็บรรเจิดไง...
...จะเป็นโยมหรือเป็นพระถ้าพอใจก็เป็นอกุศลจิตเห็นไหมว่าขณะนั้นจิตอะไร...
...โดยเฉพาะพระภิกษุเนี่ยเห็นเงินน้อยไปจะทำอะไรได้ก็ขวนขวายหาเพิ่มไง...
...ถามว่าขณะที่ขวนขวายเป็นอกุศลจิตใช่หน้าที่ตามพระธรรมวินัยหรือไม่...
...เห็นไหมว่าระหว่างบวชกับไม่บวชจะต้องปล่อยวางภาระมากแค่ไหน...
...ถ้าปล่อยวางไม่ได้ถามว่าทำผิดในเพศบรรพชิตด้วยความไม่รู้...
...จะบาปมากแค่ไหนแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าบาปบวชเพื่ออะไร...
...บวชเพื่อศึกษาพระธรรมให้เข้าใจตามคำสอนจริงหรือ...
...พระพุทธเจ้าให้พอใจในการบิณฑบาตจริงอะป่าว...
...ปัจจัยสี่ได้ฟรีหมดถามว่าสมบัติอะไรที่สมควร...
...ถ้าไม่ตายคาผ้าเหลืองก็สึกด้วยเงินเต็มบัญชี...
https://m.youtube.com/watch?v=wMCVMJ-CGsk
:b1: :b12:
:b16: :b16: :b16:
onion onion onion


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 41 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron