วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 04:21  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ย. 2015, 05:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


หลวงปู่เพียร วิริโย
---------------------------------
ถ้าภาวนามันก็ดูเข้ามาหากายหาใจของตัวเองจึงจะถูก พิจารณาอสุภะอสุภังให้มันเบื่อหน่าย คลายกำหนัด ในความเกิด ความตายของตัวเอง ให้มันรู้มันเห็น
เห็นก็ให้เห็นในตัวของเรา ไม่ได้เห็นที่อื่นนะ เห็นในอาการ ๓๒ ของเรามันจึงถูก ดูน้ำเลือด น้ำหนอง เสลด น้ำลาย น้ำขี้ น้ำเยี่ยว ไส้ใหญ่ ไส้น้อย ตับ ไต ม้าม เอ็น กระดูก



หลวงปู่จันทา ถาวโร
ปฐมเหตุแห่งพระพุทธเจ้าห้าพระองค์
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ

ทานัง เทติ สุโข ปุญญสะ อุจจโยติ

ณ. โอกาสบัดนี้ อาตมาภาพจะได้ชี้แจงแสดงธรรมะของพระพุทธเจ้า เผื่อว่าจะได้ชี้ช่องทางในการที่ประพฤติปฏิบัติ ฝึกหัดจิตใจของตนแต่ละท่าน เผื่อหวังความพ้นทุกข์ต่อไปเบื้องหน้า

ณ. กาลบัดนี้เป็นวันที่ 13 เมษายน เป็นวันที่นักปราชญ์ท่านผู้รู้ทั้งหลายทั้งชายทั้งหญิงนับตั้งแต่บรรพบุรุษเมืองไทยมาต้นแรก เป็นวันที่สำคัญเกี่ยวกับการสะสมบุญทางพระพุทธศาสนา ฉะนั้นศาสนาพุุทธจะสัมประยุทธ์อุบัติบังเกิดขึ้นบนโลกครั้งแรกทำอย่างไร พระพุทธเจ้าอุบัติ ตรัสรู้เข้าพระนิพพานแล้วนั้น 3,584,292 พระพุทธเจ้า หลายเท่าไหร่ เข้าพระนิพพานแล้วนั้น แต่จะมาอีกข้างหน้า 10 พระองค์ นับตั้งแต่ พระศรีอริยเมตตรัย ไปจนถึง ช้างป่าเลไลย์ เป็นองค์ที่ 10 จะมาอีกข้างหน้า เป็นครูสอนมวลมนุษย์ นาค ครุฑ อินทร์ พรหม โลกสาม

ฉะนั้น เรื่องศาสนาพุทธจะอุบัติเกิดขึ้นในโลกนั้นทำอย่างไร กัลป์นี้เป็นปัญจกัลป์ กัลป์ห้า ห้าพระเจ้า ต้นแรกในศาสนาพระเจ้ากอออ

เริ่มแรกมีเจ้า ไก่ป่า เห็น พระเจ้า กอออ ก็เลื่อมใสว่าเป็นใหญ่ในโลกสาม ไม่มีใครที่จะเสมอเหมือน ก็อยากเป็นใหญ่ในโลกสาม โดยไปกราบไหว้พระเจ้ากอออนั้น

"ข้าพเจ้าอยากเป็นใหญ่ในโลกสามเหมือนพระองค์เจ้า ต่อไปจะทำอย่างไร" ไก่ป่า ถาม พระเจ้ากอออ ก็บอกว่า

"ก่อเจดีย์ทราบ บูชาแก้วทั้งสามประการ สำเร็จเสร็จสิ้น นั่นแหละได้บุญทุกเมล็ดทราย"พระเจ้าไก่ก็เลยมอบกายถวายชีวิต บูชา พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เผื่อว่าแลกเปลี่ยนเอาซึ่งบุญกุศล คุณงามความดีมาเป็นบันไดตรสรู้ข้างหน้า และขอปฏิญาณตนว่า สัตว์ เสือ เหยี่ยว หรือ เห็น ถ้าต้องการอยากได้เนื้อของข้าพเจ้ากินเป็นอาหาร ก็ เอาไปเถอะเป็นการบารมีอีก

"ขอเดชะบารมีธรรมนี้จงเป็นมหาเสน่ห์ เป็นมหานิยม ดึงดูดจิตใจ นาค ครุฑ อินทร์ พรหม มวลมนุษย์ทุกถ้วนหน้า เห็นแล้วจงดีใจ ไก่ ก็เลยตั้ง สัญญาธิษฐาน ตั้งใจมั่น ต่อหน้าพระเจ้า กอออ เสร็จแล้ เขี่ยดินทรายขึ้นเป็นโคน แล้วก็ขัน พุทโธ ธัมโม สังโฆ สรณังคัจฉามิ" เท่านั้นแหละ

ต่อแต่นั้น พระเจ้า เห็น ได้ยินเสียงไก่ขันก็มองมาตามป่า ได้ยินไก่ขันก็แปลกประหลาดใจไก่ตัวนี้ แต่ก่อนขันบนคอนไม้ หรอยืนบนพื้นขันบนแผ่นดินแต่ไก่ตัวนี้ ทั้งขัน ทั้งว่า พุทโธ ธัมโม สังโฆ ควรจะมีเหตุผลดีร้ายอย่างไร เราควรไปถามหาเหตุผลเสียก่อน ออกไปแล้วถามดูก่อนเพื่อน

"ท่านก่อพระเจดีย์ทรายขึ้นนี้เผื่อประโยชน์อะไรบ้าง เพื่อนดูก่อน เห็น เราก่อพระเจดีย์ทรายบูชาแก้วทั้ง 3 ดอกเพื่อน สร้างบารมีหนีสงสาร ไปพระนิพพาน เป็นที่แล้ว มันจะได้เป็นสัตว์เป็น เพื่อน"

พระพุทธเจ้ากล่าวว่า "เจตนาหัง ภิกขเว กัมมัง วทามิ" ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เจตนาทำกรรมสำเร็จความมุ่งหมายได้นั่นแหละขอเพื่อน อย่าเพิ่งเห็นแก่ปากแก่ท้องเรื่องการกินเขาเป็นอาหารนั้น แม้เขาและเราก็มีความรักใคร่ในชีวิตที่ได้มาแล้ว ไม่อยากให้มันฉิบหาย เพื่อนจงมาช่วยกันสร้างบารมีเถิดดีมาก เห็นเลยไปช่วยกันสร้างก่อเจดีย์ทรายขึ้นที่ฝั้งแม่น้ำเนรัญชรา

ในขณะนั้น เต่า ก็หากินเห็ดตามป่า มา เห็นสัตว์ทั้ง 2 จำพวก โอ้แปลกประหลาดใจมาก สัตว์เคยเป็นศัตรูกินกันเป็นอาหาร แต่แล้วก็มีความจงรักภักดี สามัคคีกันฉันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ควรเราไปตามดูหาเหตุผลต้นปลายเสียก่อน ออกถามมาดูเพื่อน

ก่อพระเจดีย์ทรายเผื่อประโยชน์อะไรเพื่อน ไก่ก็ตอบว่า "ดูก่อนเพื่อน เราสร้างบารมีหนีสงสารดอกเพื่อน ก่อเจดีย์ทรายบูชา แก้ว 3 ประการ แก้วพุทโธ แก้วธัมโม แก้วสังโฆ" หรอกเพื่อน แลกเอาบุญกุศลเผื่อว่าตรัสรู้ รื้อถอนสัตว์ทั้งหลายในภพเบื้องหน้า มันจะได้หนีเราเป็นสัตว์ได้ พระพุทธเจ้า ไม่ว่า สตว์ หรือ มนุษย์สร้างบุญกุศลได้ดีทั้งนั้น ศาสนาธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่มีคติธรรมใดๆใครสร้างใครได้ ใครได้ใครรวย ขอเพื่อนจงมาสร้างบารมีร่วมกัน โอ้เพื่อน โอดีมาก

เต่า ก็เลย ออกมาสร้างด้วย บอกว่า "เพื่อนผมขาสั้น ผมจะอกดันให้ ได้ ตามปัจจัยเหตุผลนั้น"

ต่อแต่นั้น โคป่า ศาสนานี้เป็นศาสนาพระเจ้าโคนะ นั่นแหละ หนีตายมาเป็นโคป่า นายพรานมาล่าเนื้อ ไปเห็นโค หมายมั่นปั้นใจว่าจะยิงแล้ว โคเห็นก่อนก็วิ่งหนีตายวิ่งมาเห็นสัตว์สามจำพวก ก่อพระเจดีย์ทรายอยู่ ฮึดถามว่า

"ดูก่อนเพื่อน ทั้งสามท่านก่อพระเจดีย์ทรายเผื่อประโยชน์อะไรบ้าง อ๋อ เพื่อนโค เราก่อเจดีย์ทรายสร้างบุญสรางกุศล แลกคุณงามความดี เผื่อว่า ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าข้างหน้า แล้วจะได้รื้อสัตว์ ขนสัตว์ ออกจากวัตตทุกข์ ข้างหน้าดอกเพื่อน อย่าเพิ่งหนีตายเพื่อน โลก เกิดมาแล้วก็ต้องตาย ไม่ตายเร็ว ตายช้า แน่นอน เสือไม่กิน หมาในก็กินนะ พญามัจจุราชต้องฆ่า สิ่งที่จะหนีความตาย มีแต่สร้างบารมีหนีสงสาร ไประนิพพานเป็นที่แล้ว ในขณะนั้นๆไม่มี เออดี โคก็เลยตัดสินจ ถ้านายพรานตามมาทัน มอบให้ทานเลย

ในขณะนั้น นายพราน ตามมาเห็น โอ้แปลกประหลาดใจสัตว์ 4 จำพวก ตะเกียก ตะกาย ขวนขวาย ก่อเจดีย์ทรายเป็นโคนขึ้น นายพรานก็เลยเอาปืนซุกพุ่มไม้ไว้ออกมาตาม"

"ดูก่อนเพื่อนทั้ง 4 ท่านพากันก่อพระเจดีย์ทรายเผื่อประโยชน์อะไรบ้าง"ดูก่อนเพื่อนมนุษญ์ภพชาติสูงสุด ข้าพเจ้า เพื่อนทั้ง 4 มีจิตแก้วทั้ง 3 ประการ อยากเป็นใหญ่ ใฝ่สูงในเบื้องหน้า ถามพระเจ้า กอออ แล้วว่า สร้างบารมีเป็นพระพุทธเจ้าก่อพระเจดีย์ทรายได้บุญทุกเมล็ดทรายนะเพื่อน

เต่าว่า "ข้าพเจ้าสร้างคนที่ 3 เมื่ออินทรีย์แก่ บารีเต็มแล้วขอให้ตรัสรู้ครังที่ 3 ขอมีอายุ 20,000 ปี"นะเพื่อน

โค เลยว่า "ข้าพเจ้ามาสร้างเป็นอันดับ 4 นะเพื่อน เมื่ออินทรีย์แก่แล้ว บารมีเต็มแล้ว ขอให้ได้ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาฯขึ้นในโลก อายุ ไม่ปรารถนาดอกเพื่อน ภารหเว ปัญญจักขันธา ขันธ์ทั้งหลายเป็นภาระหนัก นะเพื่อน หนักเพราะมันแก่ หนักเพราะมันเจ็บ หนักเพราะมันตสย หนักเพราะไปเกี่ยว หนักเพราะเป็นทุกข์ หนักเพราะอนัตตานะเพื่อน ไม่เอา ขอใหได้ตรัสรู้ รื้อสัตว์ ขนสัตว์ออกจากทุกข์เป็นพอนะเพื่อน"ทีนี้โคก็ปรารถนา 80 ปี เท่านั้นแหละ

นายพราน ว่า "เพื่อน ขาพเจ้ามาสร้างครั้งที่ 5 นะเพื่อน สำเร็จเพราะข้าพเจ้านะ พาถวายทานก็ข้าพเจ้าทุกอย่าง นั่นแหละ สวยงามก็เพราะข้าพเจ้า ข้าพเจ้าปรารถนาเมื่ออินทรีย์แก่แล้ว บารมีเต็มแล้ว ขอให้ได้ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณข้ามสงสารเบื้องหน้า"

ข้อที่ 1 ขอให้แผ่นดินราบเป็นหน้ากลองทรายนะ ไม่สูงไม่ต่ำ

ข้อที่ 2 มีแม่น้ำ 2 สาย สายหนึ่งไหลขึ้นนอีกสายหนึ่งไหลลง

ข้อที่ 3 ฝนตกเดือนละ 4 ครั้ง ไม่มีแล้ง ไม่มีฝน

ข้อที่ 4 พืชพันธุ์ ธัญญาหารข้าวปลาอาหาร ผ้าผ่อนถ่อนสไบ เกิดเอง เกิดเป็นต้นกัลปพฤกษ์กลางเมือง สนุกสนาน เลือกใช้สนุกสนาน

ข้อที่ 5 มนุษย์ทั้งหลายค้างโลกสาม ผู้ถือพุทธศานา จึงให้ไปประสบพบปะศาสนาข้าพเจ้าทั้งนั้น นอกนั้นศาสนาอื่นไม่เอา ให้ไปอยู่โลกอื่น

ข้อที่ 6 ขอให้ร่างกายของ้าพเจ้าและสัตว์สูฃ 80 ศอก หมดทั้งสิ้น

ข้อที่ 7 ขอให้มีอายุมั่นขวัญยืน 80,000 ปี หมดเสียสิ้น ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย สนุก สลาย ร่างกายข้าพเจ้าขอให้สูง 88 ศอก

เมื่อปรารถนาเสร้จสิ้นลงแล้ว ต่อแต่นั้นพระเจ้าไก่ สร้าง ศรัทธาธิกะ 8 อสงไขย ตรัสรู้ไปแล้ว เข้านิพพาน

พระเจ้าเห็น สร้างศรัทธาธิกะ 8 อสงไขย ตรัสรู้ไปแล้ว เข้านิพพาน

พระเจ้าเต่า สร้างศรัทธาธิกะ 8 อสงไขย ตรัสรู้ไปแล้ว เข้านิพพาน

พระเจ้าโค สร้างบารมีปัญญาธิกะ 4 อสงไขย ที่พระเจ้าทีปังกรทำนายแล้ว ครั้งนั้น 4 อสงไขย กำไลแสนมหากัลป์

ยังแต่นายพราน จะมาข้างหน้าคือ พระศรีอริยเมตตรั ครั้นพุทธกาลโน้น พระศรีฯไปเกิดเป็นลูกพระเจ้าอาชาตศัตรู ออกบวชใหม่ พระพุทธเจ้าอยู่ในเวฬุวัน สมัยกาลครั้งนั้น แม่เจ้าโคตรมี แม่น้า ทำผ้ากำพล แล้วด้วยไหมทั้งนั้น 2 คู่ นำไปถวายพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็เลย อุบายอยากให้คนรู้ว่าพระศรีอริยเมตตรัยมาสร้างบารมีด้วยกันเลยให้ไปถวายพระสงฆ์ต่อๆไปถึงองค์สุดท้าย ก็ไม่รับ "อาตมาเพิ่งบวชใหม่ ไม่ได้อะไร "ที่นี้พระพุทธเจ้าอธิษฐานบาตรปลิวขึ้นไปบนอากาศหายวับ บอกให้สงฆ์ 500 องค์เหาะขึ้นไปตามบาตรให้ คราวนี้ก็เหาะไปบนฟ้าไม่เห็นบาตรนั้นอยู่ใกล้ๆ พระศรีอริยเมตตรัย คือ พระอชิตะ นั้น พระพุทธเจ้าถามว่า องค์นั้นทำไมไม่ไปเล่า โอ้ ข้าพระองค์เพิ่งบวชใหม่ไม่มีฌาณ ไม่มีญาณ เหาะเหิน เดินฟ้าไม่ได้เพราะญาณนั้นเกิดขึ้นเพราะบุญทั้งสิ้น พระพุทธเจ้าว่าท่านสร้างบารมีมากับเราสมัยนั้นแล้วไซร้นั่นแหละ นึกถึงบารมีธรรมแป๊บเดียวก็ได้หรอก โอ้อย่างนั้น ก็ สาธุ บุญกรรม ที่สะสมมาแล้วแต่ครั้งก่อนจนถึงวันนี้ ขอบาตรนั้นจงมาเข้ามือ อธิษฐานจบบาตรนั้นก็มาอยู่ในมือปั๊บนะ บาตรอยู่ใกล้ๆ พุทธนิมิตให้เห็น นั่นแหละต่อแต่นั้นแม่เจ้าโคตรมีถวายให้พระอชิตะ พระพุทธเจ้าก็กล่าว ดูก่อนสงฆ์ทั้งหลายนี่แหละพระอชิตะผู้จะมาตรัสรู้ข้างหน้า ทรงพระนามว่า พระศรีอริยเมตตรัย ผู้จะเป็นพระพุทธเจ้าต่อจากนั้น พระพุทธเจ้าได้พยากรณ์ว่า พระอชิตะ ท่านสร้างบารมี วิริยะธิกะ นะ ความเพียรกล้า ก่อพระเจดีย์ทรายสำเร็จเพราะท่าน แล้วต่อแต่นี้ไป 10 อสงไขย กำไลแสนมหากัลป์นะ จะมาตรัสรู้ข้างหน้า ทรงพระนามว่า พระศรีอริยเมตตรัย บรมโพธิสัตว์องค์เลิศ ประเสริฐแท้ นั่นแหละนี่ข้อสำคัญจำไว้นะทุกท่าน สงฆ์ทั้งหลายก็ทราบสมัยนั้น

ต่อแต่นั้นมาก็ปราชญ์ทั้งหลายภาคนี้ก็ดี ภาคอีสานก็ดี ภาคไหนก็ดี ถึงกาลสมัย ตรุษสงกรานต์ สรงพระเนาเสร็จแล้วก็บอกลูกบอกหลาย ขนทรายเข้าวัด ยึดสถานที่ต่างๆไต้ร่มโพธิ์ ก่อเจดีย์ทรายนะ บูชาแก้วทั้ง 3 ประการ การทำบุญของพระพุทธเจ้าทั้งหลายสร้างมาอย่างนั้นเป็นนิจ นั้นแหละ ต่อแต่นั้นมาพระพุทธเจ้าทั้งหลายสร้างบารมีมาได้ตรัสรู้พ้นทุกข์ไปแล้ว ยังแต่พระศรีอริยเมตตรัย ที่จะมาข้างหน้า ฉะนั้นพระอชิตะก็เลยมอบศาสนาพุทธไว้กับพระเจ้า

วันเนาว์ วันสงกรานต์ นั่นแหละ ศาสนาของพระศรีอริยเมตตรัยเป็นอย่างนี้ ไม่ได้ ทำไร ทำนา ค้าขาย ลำบากทุกข์ยาก เหมือนยุคอื่น สมัยอื่น เพราะบุญกรรมที่สะสมมามากเป็นอย่างนั้น

นั่นแหละ ข้อ 1 ข้อ 2 สรงน้ำนี่เป็นศาสนาของพระโมคคัลลาน์เถระเจ้า ครั้งก่อนโน้น พระเจ้ากัสสะโปโน้น ท่านเป็นเศรษฐีมีเงิน 80 โกฐ สร้างที่เก็บน้ำไว้ข้างบน ฤดูเดือน 5 เมษา ปีใหม่ ท่านก็นิมนต์ พระเจ้ากัสสโปและเหล่าพระสงฆ์ ไปฉันบิณฑบาตรที่บ้าน เสร็จแล้ว ก็ฟังธรรมะ ธัมโมเสร็จแล้วถวายผ้าอาบน้ำ เสร็จแล้วท่านก็ปล่อยน้ำลงมานะไหลรดพระเจ้า พระสงฆ์ในครั้งนั้น เห็นน้ำไหลไม่ขาดสาย ปิติ เอิบอิ่ม ร่าเริงเกิดขึ้นที่จิต ศรัทธาเกิดขึ้น "สาธุ เดขะผลบุญ ที่ข้าพเจ้า ทำ ณ ครั้งนั้น ครั้งไหนก็ดี ขอจงเป็นบุญกุศลยิ่งใหญ่ บันดาลให้ข้าพเจ้า ได้ตรัสรู้เป็นอริยสาวก ซ้ายของพระพุทธเจ้าโคดมในอนาคตข้างหน้าโน้น และขอให้มีฤิทธิ์มาก ไปนรก ไฟนรกก็ดับ ไปสวรรค์ พักเดียว มีฤทธิ์เลิศประเสริฐสุด เพราะท่านสรงน้ำ"

นั่นแหละวันเนาว์ ไปเสวยสุขสบายเป็นศาสนาพระศรีอริยเมตตรัย มาฝากไว้กับพระโค

อันนี้เราท่านทั้งหลายพึงจำไว้ จำไว้นะจงนำไปใคร่ในธรรม สรงน้ำพระเสร็จแล้วก็ ก่อพระเจดีย์ทรายอีก ตามได้ตามมี ได้ทรายมาทุกกระป๋องเดียวเท่านั้นแหละ ทราย สวยๆงามๆออกไปวัดขออนุญาติพระแล้วก็ก่อขึ้นไว้แค่ศอกเดียวเท่านั้นแหละ แล้วจุดธูป เทียนบูชา

"อิมินาสักกาเรนะ เจติยัง ขอบูชาแก้วทั้ง 3 ประการ แก้วพุทโธ แก้วธัมโม แก้วสังโฆ จงบังเกิดเป็นบุญ เป็นกุศลแก่ข้าพเจ้า" ทำทุกปี นี่ได้บุญมากได้ศึกษามาอย่างนี้ได้เฮ็ดได้ทำมาตั้งแต่อายุ 6 - 7 ปี ตลอดจนถึง 70 นะเจ้าสังขารร่วงโรย 70 แล้วนั่นแหละ ทำมาอย่างนี้ไม่บดบะ นี่ข้อสำคัญมั่นหมาย

นี่แหละจากการสะสมบุญในศาสนา ฉะนั้นพระอานนท์ ทูลถามพระพุทธเจ้าว่า สร้างเจดีย์ทรายก็ดีทำบุญสุญทานต่างๆนาๆทุกประเภทนั้น อานิสงส์จะน้อยมากเท่าไหร่ พระพุทธเจ้าแถลงไข ว่ามี 4 ข้อ

1 . ทานังเทติ จะทานอะไรก็ตาม (ทานัง คือ การทาน เทติ คือ การให้) คนใดให้คนนั้นชนะหมด รวยอะไร ทุกข์ทั้งหลายทั้งปวงชนะหมด รวยอะไร รวยบุญ รวยกุศล รวยมรรครวยผล พ้นทุกข์ โลกสงสารมีพระนิพพานเป็นที่ไปเบื้องหน้า

2 . ทานังโหตุ หานิกัง ผลทานกำจัดซึ่งความยากไร้ เข็ญใจ ไร้ทรัพย์ อับปัญญา อนาถา เหมือนในชาตินี้ มิได้ติดตามบุคคลผู้นั้นไปยังโลกหน้าเป็นอันขาด มีแต่สุขคติ โลกสวรรค์เป็นที่ไปเบื้องหน้า

3 . ทานัง สัพพะ ปาปัง ผลทานกำจัดเสียซึ่งบาปกระทำทั้งปวงนั้น บาปจะน้อยมาก กำจัดหมดเสียสิ้น ไม่เหลือเศษได้

4 . ทานัง พุทธา นะโม จรัง ขึ้นชื่อว่า ทาน กาลกุศล บุคคลใดให้แล้วไม่ขาดวัน คืน ปี เดือน ล้วน ให้ภาวนา ให้กราบไหว้ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เอาบุญอันนี้เป็นบุญกุศลดีเลิศทั้งนั้น เป็นที่ดำเนิน สรรเสริญแห่งพระพุทธเจ้า 4 ทั้งหลาย 3,584,292 พระพุทธเจ้า ล้วนแต่บำเพ็ญ ทานามัย ให้เต็มเปี่ยมดูทุกพระพุทธเจ้าเสียก่อน แล้วจึงตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ข้ามโอฆะ สงสาร รื้อสัตว์ ขนสัตว์ไปพระนิพพานเป็นที่แล้ว ขึ้นจากทานทั้งนั้น

ศาสนาพุทธสุดท้ายพระเจ้าเป็นพระเวชสันดร ให้ทานข้าวของเงินทางหมดวันละ 7 แสนบาท ทานช้างปัจจัยนาเคนทร์ก็ ถูกพระเจ้าพ่อเนรเทศ ก็ออกไปบวชฤาษี ชูชกพราหมณ์ก็ไปขอลูกรัก ชาลี กัณหา แล้ว ณอินทร์พราหมณ์แปลงลงมาขอพระนางมัทรี พระองค์ก็ทานหมด อันนี้เป็นปรมัตถทาน ทานเลิศประเสริฐแท้ จนแผ่นดินไหวนะเจ้า มาทุกวันนี้ เอาบุญพระเวสสันดรกันเถิดเจ้าอันนี้ จึงเรียกว่า ทานัง เทติ ทานัง คอ การทาน ,เทติ คือ การให้ คนไหนให้คนนั้นชนะ คนไหลละ คนนั้น รวย รวยบุญ รวยกุศล รวยมรรค รวยผล พ้นทุกข์ สงสาร ทุกท่านเมื่อได้ยินได้ฟังแล้ว จงโอปนายิโก น้อมไว้ที่ใจ ใคร่ธรรมะ

วันนี้เป็นวันสรงพระ วันที่ 13 เมษายน ท่านทั้งหลายได้ยึดคติธรรมไว้ ฉะนั้น เมื่อทำลงไปแล้ว จึงเรียกว่า "สุขโข ปุญญสอุจโย" การสั่งสมซึ่งบุญนำสุข ความเจริญมาให้

ต่อแต่นี้ ทุกท่านตั้งใจบำเพ็ญ กุศลน้อยมากนั้น อุทิศส่วนบุญให้ผู้บังเกิดเหล้า เหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลาย บิดา มารดา ผู้บังเกิดเกล้า ปู่ย่า ตา ยาย สามี ภรรยา ญาติมิตร สายโลหิต สรรพสัตว์ทั้งหลาย เทพเจ้า เหล่าเทวาตลอดตั้งแต่ บรรพบุรุษมาต้นแรก ผู้ที่กอบโกยซึ่งแผ่นดินไทยเราไว้ให้เราเป็นลูกเป็นหลาน มาอยู่กินสบายแสนสบาย ท่านทั้งหลายนั้นเอาชีวิตเป็นแดนกอบโกยแผ่นดินไว้ เห็นว่าลูกหลานเกิดมาสุดท้ายภายหลังจะไม่มีแผ่นดินอยู่น่าอับอายขายหน้า ท่านไปด้วยความลำบากแสนกันดาร แต่ท่านก็ไม่หวั่นไหวเพราะกลัวว่าลูกหลานคือเรา นี่แหละ เกิดมาสุดท้ายภายหลังจะไม่มีที่อยู่นะ จะถูกคนอื่นเขามายึดเอาไปหมดเท่านั้น ไม่หวั่นไหวไปเลย นับว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้นเป็นผู้มีอุปการคุณ แก่เราอย่างยิ่ง หาสิ่งใดเสมอเหมือนไม่มี ฉะนั้นทุกท่าน เวทิตาธรรม บำเพ็ญ ทาน ศีล ภาวนา อย่าลดละ แล้วอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล ให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้นได้รับส่วนบุญแล้ว ท่านก็พ้นทุกข์มีความสุขสำราญ เบิกบานใจ เราเป็นผู้ให้ เราเป็นผู้ชนะ เราเป็นผู้รวย สวยงามทุกอย่าง ดีเลิศ ประเสริฐแท้ อันนี้ข้อสำคัญมั่นหมาย

ต่อแต่นั้นไปทุกท่านเมื่อได้ยินได้ฟังแล้ว จงโอปานายิโกน้อมไว้ที่ใจนำไปปฏิบัติ ฝึกหัดวาจาใจ ของตนให้เรียบร้อย ตรงต่อ พุทธวัจนะ คำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว ต่อแต่นั้นก็จะเป็นผู้งอกงามไพบูลย์พูนสุข ในศาสนาคำสอนของพรุพุทธเจ้า ทุกทิวาราตรีกาล

นัย ดังรับประทานวิสัชชนา ก็สมคววรแก่กาลเวลา ขอยุติ แต่เพียงนี้ พุทธานุภาเวนะ ธรรมนุภาเวนะ สังฆานุภาเวนะ ขอพลานุภาพแห่งคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ จงเป็นปฏิโณบาย บำบัดซึ่งอันตรายทั้งหลายทั้งปวง ของพวกท่านทั้งหลาย จงได้ประสบแต่ความสุขความเจริญทุกทิวาราตรีกาลเทอญ เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ย. 2015, 06:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2015, 07:18 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2876


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 105 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร