วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 12:16  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 16 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ส.ค. 2015, 07:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b37:
สาระสำคัญของธัมจักกัปปวัตนสูตร ในอีกทัศนะหนึ่งที่ไม่ค่อยได้ยินได้ฟังกัน ลองพิจารณาดูนะครับ

ธัมจักกัปปวัตนสูตร = บทว่าด้วยเรื่อง "ขอบเขตแห่งธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบแล้วนำมาสอน

ธรรมจักรกัปปวัตนสูตร = บทว่าด้วยกงล้อแห่งธรรม การเขียนบัญญัติอย่างนี้น่าจะไม่ตรงกับความหมายที่แท้จริงของพระสูตรอันเป็นปฐมเทศนาของพระสมณโคดมพุทธเจ้า
s004
ธัมจักกัปปวัตนสูตร = บทว่าด้วยเรื่อง "ขอบเขตแห่งธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบแล้วนำมาสอน

จักกัปปวัตน คำนี้แปลว่า ขอบ ดังเช่นขอบเหล็กที่รัดรอบล้อไม้ของเกวียน

ธัมจักกัปปวัตน จึงควรมีความหมายว่า ขอบเขตแห่งธรรม ขยายความว่า "ขอบเขตแห่งธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบและนำมาสอน"

พระพุทธเจ้าทรงเป็น บรมครู คือครูผู้ยิ่งใหญ่เหนือครูใดๆในจักรวาล จึงทรงมีหลักการสอนที่ยิ่งใหญ่และเป็นสากลใช้รูปแบบนี้กันมาจนถึงทุกวันนี้คือ

ครูดีครูเก่งทุกท่านเมื่อเริ่มต้สั่งสอนศิษย์ท่านจะบอกขอบเขตของวิชาที่สอนไว้เป็นเหมือนสรุปย่อและหัวข้อคำสอนทั้งหมดที่จะสอน อย่างทางฝรั่งเขาก็เรียก Scope ของวิชา

ขอบเขตของวิชาที่พระพุทธเจ้าจะทรงสอนนั้นเริ่มต้นและดำเนินไปเป็นข้อๆตามลำดับดังในธัมจักกัปปวัตนสูตรดังนี้

๑.ทางสุดโต่ง ๒ ทางที่ไม่พึงเดินคือ
๑.๑ กามสุขัลลิกานุโยโค ทางสายหย่อน ได้แก่การบำรุงบำเรอตนเองด้วยกาม ในทางปฏิบัตินั้นหมายถึงผู้ที่เจริญแต่ศีลแต่ทานหรือแต่การสะสมทรัพย์สมบัติด้วยความโลภโกรธหลง โดยมุ่งหวังในมนุษย์และ สวรรค์สมบัติเป็นที่สุด

๑.๒ อัตตกิลมฐานุโยโค ทางสายตึง ได้แก่ผู้ที่หวังพรหมสมบัติ จึงประกอบการสมถะภาวนา ทรมาณกายด้วยวิธีการต่างๆเพื่อให้เกิดสมาธิและฌาณไปดับความรับรู้ทุกข์ต่างๆ

๒.ทางสายกลางที่พึงเดิน คือการเจริญมรรคมีองค์ ๘ อันเป็นเหตุสุขถาวร ดังมีในอริยสัจ ๔ ที่พระพุทธองค์จะทรงแสดงต่อไป

(จบตอนที่๑)
:b36:
:b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ส.ค. 2015, 08:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าไม่ใช่คำที่อโสกะคิดเอง..รึบางส่วนเอามาที่อื่น....อ้างอิงที่มาด้วยนะครับ...ให้เครดิตคนคิดหน่อย

แต่ถ้า..อโสกะคิดวิเคราะห์เอง....ก็ไม่เป็นไร
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ส.ค. 2015, 08:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ถ้าไม่ใช่คำที่อโสกะคิดเอง..รึบางส่วนเอามาที่อื่น....อ้างอิงที่มาด้วยนะครับ...ให้เครดิตคนคิดหน่อย

แต่ถ้า..อโสกะคิดวิเคราะห์เอง....ก็ไม่เป็นไร
:b8:

:b12:
วิจิกิจฉาหรือครับ กบ
s004
ที่เขียนมานั้นกลั่นไหลออกมาจากใจของผมตรงๆเลยครับ ต้นเงื่อนนั้นเป็นหลวงพ่อเคยสะกิดและอรรถาธิบายให้ฟังครับ
:b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ส.ค. 2015, 08:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


งั้นก็ต่อเลยคับ..จะยังไม่ขัดคอ....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ส.ค. 2015, 20:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




อริยสัจ 4_resize.jpg
อริยสัจ 4_resize.jpg [ 58.29 KiB | เปิดดู 4054 ครั้ง ]
:b8:
ขยายความทางสายกลาง

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ปฏิปทาสายกลางที่ตถาคตได้ตรัสรู้แล้วด้วยปัญญาอันยิ่ง

        ทำดวงตาให้เกิด ทำญาณให้เกิด ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพานนั้น เป็นไฉน?

        ปฏิปทาสายกลางนั้น ได้แก่อริยมรรค มีองค์ ๘ นี้แหละคือ  

                ปัญญาอันเห็นชอบ(สัมมาทิฏฐิ) ๑,   

                ความดำริชอบ(สัมมาสังกัปปะ) ๑,   

                เจรจาชอบ(สัมมาวาจา) ๑,   

                กระทำชอบ(สัมมากัมมันตะ) ๑,   

                เลี้ยงชีวิตชอบ(สัมมาอาชีวะ) ๑,   

                พยายามชอบ(สัมมาวายามะ) ๑,  

                ระลึกชอบ(สัมมาสติ) ๑,   

                ตั้งจิตชอบ(สัมมาสมาธิ) ๑  

        ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้แลคือปฏิปทาสายกลางนั้น ที่ตถาคตได้ตรัสรู้แล้วด้วยปัญญาอันยิ่ง ทำดวงตาให้เกิด ทำญาณให้เกิด ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้เพื่อนิพพาน.

๔.อริยสัจ ๔ ความจริงอันประเสริฐ ๔ ประการอันเป็นหัวใจการค้นพบและเป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงนำมาสอนตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์

        [๑๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้แลเป็นทุกขอริยสัจ คือ ความเกิดก็เป็นทุกข์   ความแก่ก็เป็นทุกข์   ความเจ็บไข้ก็เป็นทุกข์   ความตายก็เป็นทุกข์   ความประจวบด้วยสิ่งที่ไม่เป็นที่รักก็เป็นทุกข์   ความพลัดพรากจากสิ่งเป็นที่รักก็เป็นทุกข์   ปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้นก็เป็นทุกข์   โดยย่นย่อ อุปาทานขันธ์ ๕ เป็นทุกข์

        ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้แลเป็นทุกขอริยสัจ คือตัณหาอันทำให้เกิดอีก  ประกอบด้วยความกำหนัดด้วยอำนาจความเพลิน(นันทิ)  มีปกติเพลิดเพลิน(นันทิ)ในอารมณ์นั้นๆ คือ กามตัณหา  ภวตัณหา  วิภวตัณหา.  

        ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้แลเป็นทุกขอริยสัจ คือ ตัณหานั่นแลดับโดยไม่เหลือ  ด้วยมรรคคือ วิราคะ  สละ  สละคืน  ปล่อยไป  ไม่พัวพัน.

        ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้แลเป็นทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ คืออริยมีองค์ ๘นี้แหละ คือ ปัญญาเห็นชอบ ๑ ............. ตั้งจิตชอบ ๑.

๕.ญาณทัสนะ อันประกอบด้วย ปริวัฏ ๓ มีอาการ ๑๒

        [๑๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า นี้อริยสัจ.(ญาณทัสสนะที่ ๑)

        ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขอริยสัจนี้นั้นแล (ญาณทัสสนะที่ ๒)

        ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขอริยสัจนี้นั้นแล (ญาณทัสสนะที่ ๓)

        ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า นี้อริยสัจ.(ญาณทัสสนะที่ ๔)

        ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขอริยสัจนี้นั้นแล (ญาณทัสสนะที่ ๕)

        ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขอริยสัจนี้นั้นแล (ญาณทัสสนะที่ ๖)

        ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า นี้อริยสัจ.(ญาณทัสสนะที่ ๗)

        ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขอริยสัจนี้นั้นแล (ญาณทัสสนะที่ ๘)

        ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขอริยสัจนี้นั้นแล (ญาณทัสสนะที่ ๙)

        ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า นี้ (ญาณทัสสนะที่ ๑๐)

        ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจนี้นั้นแล (ญาณทัสสนะที่ ๑๑)

        ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ(มรรค)นี้นั้นแล (ญาณทัสสนะที่ ๑๒)    (แสดงสรุปญาณทัสสนะทั้ง ๑๒ อาการ ในบทอริยสัจ ๔)

 ญาณทัสสนะ มีรอบ ๓  มีอาการ ๑๒

        [๑๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปัญญาอันรู้เห็นตามเป็นจริงของเราในอริยสัจ ๔ นี้ มีรอบ ๓  มีอาการ ๑๒ อย่างนี้ ยังไม่หมดจดดีแล้วเพียงใด  ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรายังยืนยันไม่ได้ว่า  เป็นผู้ตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณ อันยอดเยี่ยมในโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะ พราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ เพียงนั้น.  

        ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เมื่อใดแล ปัญญาอันรู้เห็นตามเป็นจริงของเรา ในอริยสัจ ๔ นี้ มีรอบ ๓ มีอาการ ๑๒ อย่างนี้ หมดจดดีแล้ว  ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อนั้น เราจึงยืนยันได้ว่า เป็นผู้ตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณ อันยอดเยี่ยมในโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลกในหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะ พราหมณ์ เทวดาและมนุษย์.

         อนึ่ง ปัญญาอันรู้เห็นได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราว่า ความพ้นวิเศษของเราไม่กลับกำเริบ ชาตินี้เป็นที่สุด ภพใหม่ไม่มีต่อไป.

         ก็แลเมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสไวยากรณภาษิตนี้อยู่   ดวงตาเห็นธรรม  ปราศจากธุลี ปราศจากมลทิน ได้เกิดขึ้นแก่ท่านพระโกณฑัญญะ
:b27:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ส.ค. 2015, 06:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b8:

....................
๕.ญาณทัสนะ อันประกอบด้วย ปริวัฏ ๓ มีอาการ ๑๒

        [๑๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า นี้อริยสัจ.(ญาณทัสสนะที่ ๑)

        ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขอริยสัจนี้นั้นแล (ญาณทัสสนะที่ ๒)

        ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขอริยสัจนี้นั้นแล (ญาณทัสสนะที่ ๓)

        ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า นี้อริยสัจ.(ญาณทัสสนะที่ ๔)

        ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขอริยสัจนี้นั้นแล (ญาณทัสสนะที่ ๕)

        ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขอริยสัจนี้นั้นแล (ญาณทัสสนะที่ ๖)

        ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า นี้อริยสัจ.(ญาณทัสสนะที่ ๗)

        ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขอริยสัจนี้นั้นแล (ญาณทัสสนะที่ ๘)

        ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขอริยสัจนี้นั้นแล (ญาณทัสสนะที่ ๙)

        ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า นี้ (ญาณทัสสนะที่ ๑๐)

        ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจนี้นั้นแล (ญาณทัสสนะที่ ๑๑)

        ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ(มรรค)นี้นั้นแล (ญาณทัสสนะที่ ๑๒)    (แสดงสรุปญาณทัสสนะทั้ง ๑๒ อาการ ในบทอริยสัจ ๔)


:b27:


ผมว่าแปลก ๆ นะครับ อโสกะ...

มันขาดอะไรไปสักอย่างแน่....ไม่ครบ..

อโสกะ..ดูให้หน่อยซิครับ....ขาดอะไรไปรึเปล่า? :b10: :b10: :b10:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ส.ค. 2015, 13:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


s004
คุณกบช่วยหามาเติมหน่อยครับ
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ส.ค. 2015, 21:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้าว..อโสกะ..ก๊อปมาหมดรึเปล่าละคับ...ผมว่ามันน่าจะขาดตกบกพร่องไปนะ..นะครับ

ลองอ่านทวนดูซิคับ....มันแปลก ๆ หน่า..ซ้ำๆกันบ้าง..ขาดไปบ้าง...ไม่ครบบ้าง.เช่น..

ซ้ำกัน...แต่กลับเป็นญาณทัสสนะคนละตัว..คือ..ตัวที่ 8 กับตัวที่ 9
อ้างคำพูด:
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขอริยสัจนี้นั้นแล (ญาณทัสสนะที่ ๘)

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขอริยสัจนี้นั้นแล (ญาณทัสสนะที่ ๙)


เป็นต้น

ตรวจดูที่ต้นฉบับที่อโสกะก๊อปมาซิครับ..

s006

บอกไปแล้วว่าให้ฝากลิงค์ที่ไปก๊อปมาด้วย...ถ้าไม่ได้เขียนเอง..นะครับ
:b7: :b7:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ส.ค. 2015, 23:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน, ท่านเช่นนั้น,เอกอน, ท่านwalaiporn, ว่าอย่างไรครับกับพระสูตร อริยสัจ4และทางสายกลาง

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ส.ค. 2015, 02:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
[๑๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้ว
แก่เรา ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า นี้ทุกขอริยสัจ.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขอริยสัจนี้นั้นแล ควรกำหนดรู้.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขอริยสัจนี้นั้นแล เราก็ได้กำหนดรู้แล้ว.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า นี้ทุกขสมุทัยอริยสัจ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขสมุทัยอริยสัจนี้นั้นแล ควรละเสีย.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขสมุทัยอริยสัจนี้นั้นแล เราได้ละแล้ว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า นี้ทุกขนิโรธอริยสัจ.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขนิโรธอริยสัจนี้นั้นแล ควรทำให้แจ้ง.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขนิโรธอริยสัจนี้นั้นแล เราทำให้แจ้งแล้ว.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจนี้นั้นแล ควรให้เจริญ.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดวงตา ญาณ ปัญญา วิทยา แสงสว่าง ได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
ในธรรมทั้งหลายที่เราไม่เคยฟังมาก่อนว่า ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจนี้นั้นแล เราให้เจริญแล้ว.
ญาณทัสสนะ มีรอบ ๓ มีอาการ ๑๒
[๑๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปัญญาอันรู้เห็นตามเป็นจริงของเราในอริยสัจ ๔ นี้ มีรอบ ๓
มีอาการ ๑๒ อย่างนี้ ยังไม่หมดจดดีแล้ว เพียงใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรายังยืนยันไม่ได้ว่า
เป็นผู้ตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณ อันยอดเยี่ยมในโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ใน
หมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะ พราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ เพียงนั้น.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เมื่อใดแล ปัญญาอันรู้เห็นตามเป็นจริงของเรา ในอริยสัจ ๔ นี้
มีรอบ ๓ มีอาการ ๑๒ อย่างนี้ หมดจดดีแล้ว ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อนั้น เราจึงยืนยันได้ว่า
เป็นผู้ตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณ อันยอดเยี่ยมในโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก
ในหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะ พราหมณ์ เทวดาและมนุษย์.
อนึ่ง ปัญญาอันรู้เห็นได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราว่า ความพ้นวิเศษของเราไม่กลับกำเริบ ชาติ
นี้เป็นที่สุด ภพใหม่ไม่มีต่อไป.
ก็แลเมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสไวยากรณภาษิตนี้อยู่ ดวงตาเห็นธรรม ปราศจากธุลี
ปราศจากมลทิน ได้เกิดขึ้นแก่ท่านพระโกณฑัญญะว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
สิ่งนั้นทั้งมวล มีความดับเป็นธรรมดา.


http://84000.org/tipitaka/pitaka1/v.php?B=4&A=355&Z=445&pagebreak=0

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ส.ค. 2015, 22:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

อโสกะ..คงเห็นจุดที่แตกต่างแล้วนะครับผม..

:b16: :b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2015, 10:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


สงสัย..อโศกะ..ติดภาระกิจ..อยู่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2015, 16:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
ขอบคุณๆกบ

ขอบคุณๆเช่นนั้น

ผมก้อปมาผิด แล้วมิได้อ่านตรวจทานเลย
ขออภัยทุกท่าน

สาระของปริวัฏ 3 และอาการ 12 คือ

ก?สัจจะทั้ง 4 นี้มีอยู่

ข.สัจจะนี้ 1.ทุกข์ควรกำหนดรู้ 2.สมุทัยควรละ 3.นิโรธ ควรทำให้แจ้ง 4.มรรค ควรเจริญ

ค.1.ได้กำหนดรู้แล้ว 2.ได้ละแล้ว 3.ได้ทำให้แจ้งแล้ว 4.ได้เจริญแล้ว

3×4=12
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2015, 20:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

ไปต่อได้เลยคับ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ส.ค. 2015, 21:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ก่อนไปต่อ...มาฟังเล่น ๆ ก็เพลินดีนะครับ

ต้องขอบคุณอโสกะ..ที่ก๊อปมาผิด...ทำให้กระผมหันมาฟังบทสวดนี้จริง ๆ จัง ๆ

:b17: :b17:



ทำให้รู้สึกชอบ....
:b20:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 16 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 118 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร