วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 08:30  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 59 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2015, 05:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


:b20: ธรรมดาจิตจะเกิดขึ้นได้ต้องมีอารมณ์จึงจะเกิดขึ้นได้ ถึงแม้ว่าในขณะที่หลับ
จิตก็ยังต้องมีอารมณ์อยู่ ที่เรียกว่าภวังคจิต (ยกเว้นผู้ที่เข้านิโรธสมาบัติ)
ในหลาย ๆ แห่งในหลายๆ ที่ได้อธิบายไว้ว่าควรทำให้จิตว่าง :b35: แต่ก็ดูเหมือนว่าพอเป็นที่เข้าใจกันได้
:b28: แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเข้าใจกันได้อย่างไร กลัวแต่ว่าก็เข้าใจตามที่พูดตามๆกันมาเท่านั้น
โดยขาดหลักความจริง

ใครเข้าใจเรื่องจิตว่างอย่างไร :b20: หรือทำให้จิตว่างอย่างไร :b33: ขอได้ช่วยอธิบายให้รู้บ้าง

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2015, 06:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


โดยทั่วไป...จิตว่าง...ก็ให้ว่างจากอาการฟุ้งซ่าน...ว่างจากอารมณ์โลภ..อารมณ์โกรธ...ไม่ได้ว่างจากการรับรู้...เป็นใบ้..เป็นคนหลับ...เป็นคนไม่มีสติ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2015, 07:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
โดยทั่วไป...จิตว่าง...ก็ให้ว่างจากอาการฟุ้งซ่าน...ว่างจากอารมณ์โลภ..อารมณ์โกรธ...ไม่ได้ว่างจากการรับรู้...เป็นใบ้..เป็นคนหลับ...เป็นคนไม่มีสติ


อย่างนี้ก็หมายความว่าทำจิตให้เป็นกุศล :b17: แล้วทำไมจะต้องบอกว่าทำจิตให้ว่าง

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2015, 07:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ไปทางกุศลมากไป....ก็ไม่ว่างได้...นะ :b32:
เช่น..ดีใจมากๆ..ปิติมาก ๆ....

ทำจิตใจว่างๆ..กระผมเข้าใจว่า...ทำใจพอดีๆ กลางๆ...ซึ่งมันน่าจะเหมาะสมต่อการเจริญสติปัญญา...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2015, 07:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ไปทางกุศลมากไป....ก็ไม่ว่างได้...นะ :b32:
เช่น..ดีใจมากๆ..ปิติมาก ๆ....

ทำจิตใจว่างๆ..กระผมเข้าใจว่า...ทำใจพอดีๆ กลางๆ...ซึ่งมันน่าจะเหมาะสมต่อการเจริญสติปัญญา...


เมื่อกิ้ว่าว่างจากกิเลส มีความฟุ้งซ่าน โลภะ โทสะ ไหงกลับเป็นว่าทำกุศลไม่ว่างอีก
แล้วตรงกลางคิดยังไง อะไรเป็นอารมณ์

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2015, 07:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


ก็พูดกันไป เรื่องจิตว่าง

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2015, 07:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ไปทางกุศลมากไป....ก็ไม่ว่างได้...นะ :b32:
เช่น..ดีใจมากๆ..ปิติมาก ๆ....

ทำจิตใจว่างๆ..กระผมเข้าใจว่า...ทำใจพอดีๆ กลางๆ...ซึ่งมันน่าจะเหมาะสมต่อการเจริญสติปัญญา...


คิดเรื่องกุศลก็ไม่ว่าง คิดเรื่องอกุศลก็ไม่ว่าง
พอเจริญสติเจริญปัญญามันก็คิดกุศลอีก

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2015, 07:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ไปทางกุศลมากไป....ก็ไม่ว่างได้...นะ :b32:
เช่น..ดีใจมากๆ..ปิติมาก ๆ....

ทำจิตใจว่างๆ..กระผมเข้าใจว่า...ทำใจพอดีๆ กลางๆ...ซึ่งมันน่าจะเหมาะสมต่อการเจริญสติปัญญา...


คิดเรื่องกุศลก็ไม่ว่าง คิดเรื่องอกุศลก็ไม่ว่าง
พอเจริญสติเจริญปัญญามันก็คิดกุศลอีก
กายคตาสติศิ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2015, 07:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
ก็พูดกันไป เรื่องจิตว่าง


ใช่ อย่างบิ๊กทูพูด...
ที่พูดว่าทำใจให้ว่างดูเหมือนดี ที่จริงมันไม่มีไครทำได้หลอก

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2015, 07:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
ลุงหมาน เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ไปทางกุศลมากไป....ก็ไม่ว่างได้...นะ :b32:
เช่น..ดีใจมากๆ..ปิติมาก ๆ....

ทำจิตใจว่างๆ..กระผมเข้าใจว่า...ทำใจพอดีๆ กลางๆ...ซึ่งมันน่าจะเหมาะสมต่อการเจริญสติปัญญา...


คิดเรื่องกุศลก็ไม่ว่าง คิดเรื่องอกุศลก็ไม่ว่าง
พอเจริญสติเจริญปัญญามันก็คิดกุศลอีก
กายคตาสติศิ

ยังไง

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2015, 07:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
bigtoo เขียน:
ลุงหมาน เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ไปทางกุศลมากไป....ก็ไม่ว่างได้...นะ :b32:
เช่น..ดีใจมากๆ..ปิติมาก ๆ....

ทำจิตใจว่างๆ..กระผมเข้าใจว่า...ทำใจพอดีๆ กลางๆ...ซึ่งมันน่าจะเหมาะสมต่อการเจริญสติปัญญา...


คิดเรื่องกุศลก็ไม่ว่าง คิดเรื่องอกุศลก็ไม่ว่าง
พอเจริญสติเจริญปัญญามันก็คิดกุศลอีก
กายคตาสติศิ

ยังไง
ก็อย่างที่บอกน่ะครับ ก็พูดกันไปจิตว่าง มันว่างไม่ได้หรอกครับถ้าไม่ใชสภาวะนิพพาน การที่เรามีสติระลึกอยู่ที่กายเห็นการเกิดดับเห็นการเปลี่ยนแปลงเห็นสิ่งนั้นไม่ใช่เราไม่ใชตัวตนเราเขาเท่ากับเราละนันทิ ละทั้งกุศลอกุศลมีจิตสภาพเป็นกลางอยู่กับอุเบกขานั้นแหล่ะครับ เรากำลังบริโภคอมตะ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2015, 07:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ไปทางกุศลมากไป....ก็ไม่ว่างได้...นะ :b32:
เช่น..ดีใจมากๆ..ปิติมาก ๆ....

ทำจิตใจว่างๆ..กระผมเข้าใจว่า...ทำใจพอดีๆ กลางๆ...ซึ่งมันน่าจะเหมาะสมต่อการเจริญสติปัญญา...


คิดเรื่องกุศลก็ไม่ว่าง คิดเรื่องอกุศลก็ไม่ว่าง
พอเจริญสติเจริญปัญญามันก็คิดกุศลอีก


:b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2015, 08:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
ลุงหมาน เขียน:
bigtoo เขียน:
ลุงหมาน เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ไปทางกุศลมากไป....ก็ไม่ว่างได้...นะ :b32:
เช่น..ดีใจมากๆ..ปิติมาก ๆ....

ทำจิตใจว่างๆ..กระผมเข้าใจว่า...ทำใจพอดีๆ กลางๆ...ซึ่งมันน่าจะเหมาะสมต่อการเจริญสติปัญญา...


คิดเรื่องกุศลก็ไม่ว่าง คิดเรื่องอกุศลก็ไม่ว่าง
พอเจริญสติเจริญปัญญามันก็คิดกุศลอีก
กายคตาสติศิ

ยังไง
ก็อย่างที่บอกน่ะครับ ก็พูดกันไปจิตว่าง มันว่างไม่ได้หรอกครับถ้าไม่ใชสภาวะนิพพาน การที่เรามีสติระลึกอยู่ที่กายเห็นการเกิดดับเห็นการเปลี่ยนแปลงเห็นสิ่งนั้นไม่ใช่เราไม่ใชตัวตนเราเขาเท่ากับเราละนันทิ ละทั้งกุศลอกุศลมีจิตสภาพเป็นกลางอยู่กับอุเบกขานั้นแหล่ะครับ เรากำลังบริโภคอมตะ


ก็มาตรงอุเบกขาอีกแหละ อุเบกขามันเป็นเวทนา มันก็ต้องมีกุศลกับอกุศลอีก
เช่น คิดทำบาปก็เฉยๆ คิดทำบุญก็เฉยๆ ไม่รู้อีโหน่อีเหน่เลยเอาอุเบกขาเวทนาเป็นของว่างไป
พอพูดไปก็เหมือนคัดคอ ไม่่พูดก็ไม่รู้ เลยเข้าใจนี่แหละตัวจิตว่าง

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2015, 10:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ธ.ค. 2012, 16:46
โพสต์: 412

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จะว่าง หรือไม่ว่าง แท้จริงแล้ว ก็มีค่าเท่ากัน

เพราะอยู่ภายใต้กฎไตรลักษณ์ นั้นเอง :b4:

ต้องอยู่เหนือ ว่างและไม่ว่าง ละมั้ง ทีนี้

เอ หรือการอยู่เหนือว่าง และไม่ว่าง ก็เป็น ไตรลักษณ์ s002


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2015, 10:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ธรรมดาจิตจะเกิดขึ้นได้ต้องมีอารมณ์จึงจะเกิดขึ้นได้ ถึงแม้ว่าในขณะที่หลับ
จิตก็ยังต้องมีอารมณ์อยู่ ที่เรียกว่าภวังคจิต (ยกเว้นผู้ที่เข้านิโรธสมาบัติ)
ในหลาย ๆ แห่งในหลายๆ ที่ได้อธิบายไว้ว่าควรทำให้จิตว่าง  แต่ก็ดูเหมือนว่าพอเป็นที่เข้าใจกันได้
 แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเข้าใจกันได้อย่างไร กลัวแต่ว่าก็เข้าใจตามที่พูดตามๆกันมาเท่านั้น
โดยขาดหลักความจริง 

ใครเข้าใจเรื่องจิตว่างอย่างไร  หรือทำให้จิตว่างอย่างไร  ขอได้ช่วยอธิบายให้รู้บ้าง



สงสัยอยู่ค่ะ
เวลากำหนด..ความไม่มีอะไรเลย
ตอนนั้นมีอารมณ์ใหม?
มีจิตเกิดใหม?
แล้วเรียกว่า..จิตว่างได้ใหมคะ?..ว่างจากอารมณ์นั้นๆนี้ๆ :b9: :b9:


:b44: ตามที่คุณลุงหมานศึกษามา
นิพพานแล้ว..ยังมีจิต..ใหมคะ
พระอรหันต์ที่มีชีวิตอยู่..เข้านิพพานแล้ว..ยังมีจิตใหมคะ
จิตท่านว่างใหมคะ..หรือยังไม่ว่างจริง
แล้วที่เห็นท่านแสดงอารมณ์..มันเกิดขึ้นจากอะไร
งงๆเหมือนกันค่ะ s006
ชี้แนะด้วยค่ะ^0^
:b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 59 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 62 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร