วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 06:56  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 30 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2010, 20:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 09:31
โพสต์: 639

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การจะเห็นผีนั้นไม่ใช่แบบที่เราๆคิดกันนะคะว่าดวงตกวิญญาณอาฆาต เมื่อตายแล้วจิตจะออกจากร่างทันทีและไม่มีจิตไหนคงรูปเดิมไว้ได้ ดังนั้นไม่มีทางที่วิญญาณใดๆจะมาหาหรือปรากฏให้คนเห็นได้ วิญญาณอาจยึดติดกับรูปร่างเดิมแต่ไม่มีทางที่จะใช้มันได้อีก

การที่คนๆนึงจะเห็นผีได้นั้นเพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านมาให้สัญญาณ ผีที่เห็นต้องเกี่ยวข้องกันกับกรรมของเขาเท่านั้น ท่านจะเสกให้เห็นเป็นรูปร่างคนธรรมดาเลยค่ะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตามากเกินกว่าจะดลให้เห็นเป็นรูปร่างน่าเกลียด เห็นในระยะไม่ใกล้ด้วยคือไม่ให้เห็นหน้าตาน่ะค่ะ เห็นในสถานที่ที่เกี่ยวเนื่องกันในปัจจุบันเท่านั้นด้วย ส่วนจะรู้หรือเปล่าว่าเป็นสัญญาณอะไรก็แล้วแต่ปัญญาค่ะ


แก้ไขล่าสุดโดย chulapinan เมื่อ 17 เม.ย. 2010, 13:11, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2010, 13:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
การจะเห็นผีนั้นไม่ใช่แบบที่เราๆคิดกันนะคะว่าดวงตกวิญญาณอาฆาต เมื่อตายแล้วจิตจะออกจากร่างทันทีและไม่มีจิตไหนคงรูปเดิมไว้ได้ ดังนั้นไม่มีทางที่วิญญาณใดๆจะมาหาหรือปรากฏให้คนเห็นได้ วิญญาณอาจยึดติดกับรูปร่างเดิมแต่ไม่มีทางที่จะใช้มันได้อีก

การที่คนๆนึงจะเห็นผีได้นั้นเพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านมาให้สัญญาณ ผีที่เห็นต้องเกี่ยวข้องกันกับกรรมของเราเท่านั้น ท่านจะเสกให้เห็นเป็นรูปร่างคนธรรมดาเลยค่ะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตามากเกินกว่าจะดลให้เห็นเป็นรูปร่างน่าเกลียด เห็นในระยะไม่ใกล้ด้วยคือไม่ให้เห็นหน้าตาน่ะค่ะ เห็นในสถานที่ที่เกี่ยวเนื่องกันในปัจจุบันเท่านั้น ส่วนจะรู้หรือเปล่าว่าเป็นสัญญาณอะไรก็แล้วแต่ปัญญาค่ะ คนที่เข้าถึงธรรมเท่านั้นที่จะเห็นผีเป็นรูปเป็นร่างด้วยตาเปล่า คนที่ยังเข้าไม่ถึงธรรมก็สามารถเห็นแต่ในฝันเท่านั้น สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้ดลให้เป็นไปไม่ใช่วิญญาณทำเอง

คนเข้าถึงธรรมและไม่เข้าถึงธรรมวัดกันที่ความเข้าใจในธรรมที่แท้ค่ะ ธรรมที่แท้ไม่สามารถโต้เถียงหรือถกกันได้ ปัญญาธรรมจะเป็นตัวบอกค่ะว่าธรรมที่แท้แล้วคืออะไร สรุปคือคนที่ได้ปัญญาธรรมเท่านั้นที่จะเข้าถึงธรรมที่แท้

แชร์ประสบการณ์กันได้นะคะ




ขอแชร์ประสบการณ์ด้วยคนน่ะค่ะ คือเราสงสัยตรงข้อนี้ค่ะ
(ผีที่เห็นต้องเกี่ยวข้องกันกับกรรมของเราเท่านั้น)

เราเคยเห็นค่ะ เราเคยpostไว้ที่กะทู้อาหารเจ2
เราเห็นพวกเค้าเป็นรูปร่างคนนี่แหละค่ะ เห็นถึง2วันโดย
ที่เราไม่รู้ว่าบ้านหลังนี้ไม่มีคนอยู่

เค้ากับเรามีกรรมร่วมกันแบบไหนเหรอค่ะ

ทุกวันนี้ เวลาที่เราทำบุญหรือทำทาน หรือนั่งสมาธิเราจะเอ่ยถึงเค้าทุกครั้งค่ะ
แต่ ! บางครั้งจะยังนึกถึงภาพของเค้าอยู่ค่ะ
เรามีความรู้สึกว่า เหมือนเค้าต้องการจะพูดอะไร

ส่วนในความคิดของเรา เหมือนเราคิดว่า สิ่งที่เราทำให้เค้าเรายังทำไม่ถูก
ทุกวันนี้ เราก็ไม่ค่อยจะสบายใจเรื่องนี้เลยค่ะ

คุณchulapinanค่ะ ตอนเราเริ่มสนใจเรื่องการนั่งสมาธิใหม่ๆ
เราก็เริ่มมีความสนใจ กับสิ่งที่เราไม่สามารถจะเห็นได้
ก็มีเพื่อนๆแล้วก็ญาติที่เมืองไทยเตือน ก็ยิ่งทำให้เราอยากจะลอง

ตอนแรกๆน่ะค่ะ ก็รู้สึกว่าสนุกดี คืออยากจะรู้อะไรก็ได้รู้
แต่ ณ.ปัจจุบัน เราไม่กล้าแล้วค่ะ
แล้วเราจะค่อยๆเล่าให้ฟังน่ะค่ะ
แต่ตอนนี้ เราขอคำตอบตรงที่เราสงสัยก่อนน่ะค่ะ :b41: :b45: :b38:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2010, 16:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 09:31
โพสต์: 639

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ขอแชร์ประสบการณ์ด้วยคนน่ะค่ะ คือเราสงสัยตรงข้อนี้ค่ะ
(ผีที่เห็นต้องเกี่ยวข้องกันกับกรรมของเรา เท่านั้น)

เราเคยเห็นค่ะ เราเคยpostไว้ที่กะทู้อาหารเจ2
เรา เห็นพวกเค้าเป็นรูปร่างคนนี่แหละค่ะ เห็นถึง2วันโดย
ที่เราไม่รู้ว่า บ้านหลังนี้ไม่มีคนอยู่

เค้า กับเรามีกรรมร่วมกันแบบไหนเหรอค่ะ


อันนี้ต้องแล้วแต่ปัญญาใครปัญญามันค่ะว่ามีกรรมแบบไหนมากับเขา


อ้างคำพูด:
ทุกวันนี้ เวลาที่เราทำบุญหรือทำทาน หรือนั่งสมาธิเราจะเอ่ยถึงเค้าทุกครั้งค่ะ
แต่ ! บางครั้งจะยังนึกถึงภาพของเค้าอยู่ค่ะ
เรามีความรู้สึกว่า เหมือนเค้าต้องการจะพูดอะไร

ส่วนในความคิดของเรา เหมือนเราคิดว่า สิ่งที่เราทำให้เค้าเรายังทำไม่ถูก
ทุกวันนี้ เราก็ไม่ค่อยจะสบายใจเรื่องนี้เลยค่ะ


ไม่ต้องเอ่ยถึงเขาค่ะ หลังจากนั่งสมาธิแล้วก็สวดแผ่เมตตาแผ่ส่วนกุศลให้เขา

อ้างคำพูด:
คุณchulapinanค่ะ ตอนเราเริ่มสนใจเรื่องการนั่งสมาธิใหม่ๆ
เราก็เริ่มมีความสนใจ กับสิ่งที่เราไม่สามารถจะเห็นได้
ก็มีเพื่อนๆแล้วก็ญาติที่เมืองไทยเตือน ก็ยิ่งทำให้เราอยากจะลอง

ตอนแรกๆน่ะค่ะ ก็รู้สึกว่าสนุกดี คืออยากจะรู้อะไรก็ได้รู้
แต่ ณ.ปัจจุบัน เราไม่กล้าแล้วค่ะ
แล้ว เราจะค่อยๆเล่าให้ฟังน่ะค่ะ
แต่ตอนนี้ เราขอคำตอบตรงที่เราสงสัยก่อนน่ะค่ะ


การทำสมาธิไม่ได้ทำให้เห็นพวกนั้นหรอกค่ะแต่เพื่อให้เข้าถึงธรรม มันมีรูปแบบของการเข้าถึงซึ่งปฏิบัติไปเรื่อยๆจะหายกลัวเอง ที่หายกลัวเพราะเข้าใจว่าสิ่งต่างๆเหล่านั้นไม่มีจริง

จุฬาภินันท์จะเข้ามาอ่านคอมเม้นท์เรื่อยๆค่ะ รออ่านเรื่องราวของคุณ bbby นะคะเผื่อจะช่วยอธิบายอะไรให้กระจ่างมากขึ้นตามกำลังปัญญาค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2010, 18:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2010, 13:35
โพสต์: 355

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้าว! อย่างนี้ผมเห็นทั้งผี และผีมาสัมผัส (เสียวสันหลัง หรือขุนลุกที่หลัง ฯลฯ) แม้ว่าบางครั้งไม่เห็นและไม่ได้สัมผัส แต่รู้ว่ามีผีอยู่จุดนั้น เลยแผ่เมตตาให้เขา เขาเลยมาเข้าฝันเพื่อขอบคุณ .... ตกลงผมบ้า หรือคนที่ไม่รู้ไม่เห็นเรื่องผี..บ้ากันแน่ครับ

ขำจริงๆ....คนที่ไม่รู้ไม่เห็นเรื่องผี เขาเรียกคนที่รู้เห็นเรื่องผีว่า "จิตหลอน"

ศาสดาของศาสนาพุทธ ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม และเกือบทุกศาสนา พวกเขาเจอผีมาทั้งนั้น พวกท่านบ้าและจิตหลอนหรืออย่างไร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2010, 18:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2010, 13:35
โพสต์: 355

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณchulapinanครับ


ผมขอค้านที่คุณพูดว่า " การทำสมาธิไม่ได้ทำให้เห็นพวกนั้นหรอกค่ะแต่เพื่อให้เข้าถึงธรรม "

พระพุทธเจ้ารวมทั้งสาวกในทุกยุคทุกสมัย ทำสมาธิแล้วจะพบเห็นพวกผีประจำ ไม่ว่าจะเป็นหลวงปู่มั่น หลวงปู่ชอบ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงพ่อสด ฯลฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2010, 20:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณchulapinanค่ะ เราไม่ใช่ใช้วิธีนั่งสมาธิ
แล้วไปเห็นอะไรๆหรอกค่ะ คือตอนเราเริ่มศึกษาเรื่องธรรมะใหม่ๆ
เรายังไม่ได้สมัครเป็นสมาชิกในเวบนี้ แล้วเราก็เข้ามาอ่านบ้าง

แต่เราไปอ่านเจอข้อความอยู่ข้อความหนึ่ง
ในเวบอะไรเราก็จำไม่ได้แล้วน่ะค่ะ
ไม่ทราบว่า คุณchulapinan หรือคนอื่น
เคยอ่านเจอบ้างหรือปล่าวค่ะ ที่เป็นคำสอนของหลวงพ่อองค์หนึ่งค่ะ
ท่านพูดว่า

(การนั่งสมาธิ ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ท่านั่งอย่างเดียวก็ได้
ถ้าเรานอนอยู่ ก็สามารถทำได้ โดยใช้หลักเดียวกับท่านั่งสมาธิ
แต่มือให้อยู่ที่ช่วงระหว่างท้อง ถ้าหากว่าอยากจะหลับแล้วฝันดี
ฝันถึงเทวดาหรือฝันเห็นสวรรค์ ก็ให้ทำช่วง2-3ทุ่มเราก็จะฝันดี)



แต่ช่วงนั้นพอดี เรามีปัญหาทางครอบครัว
เราก็เลยเก่งเกินไป เราไปตั้งจิตให้เราได้รู้อะไรต่ออะไร
ซึ่งตอนแรกๆก็ดีค่ะ ซึ่งไม่ใช่เรื่องเพ้อเจ้อหรืองมงาย
ตอนนี้เราพูดแค่นี้ก่อนน่ะค่ะ

เพราะเรากลัวว่า คุณคนดีที่โลกลืม
จะพาเราพายเรือแล้วหาฝั่งไม่เจอ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2010, 20:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

bbby เขียน:
เพราะเรากลัวว่า คุณคนดีที่โลกลืม
จะพาเราพายเรือแล้วหาฝั่งไม่เจอ


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 เม.ย. 2010, 12:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 09:31
โพสต์: 639

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณคนดีที่โลกลืม สิ่งที่พระพุทธองค์และอริยบุคคลทั้งหลายเจอน่ะเรียกว่ามารค่ะ ไม่เห็นแต่รู้สึกถึงมันได้ค่ะ ผีไม่มีจริงนอกจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลให้เห็นค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 เม.ย. 2010, 12:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 09:31
โพสต์: 639

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
คุณchulapinanค่ะ เราไม่ใช่ใช้วิธีนั่งสมาธิแล้ว ไปเห็นอะไรๆหรอกค่ะ คือตอนเราเริ่มศึกษาเรื่องธรรมะใหม่ๆเรายังไม่ได้ สมัครเป็นสมาชิกในเวบนี้ แล้วเราก็เข้ามาอ่านบ้าง


ค่ะดีแล้วค่ะที่ไม่ทำสมาธิเพื่อให้เห็นอะไร อ่านความเห็นในเว็บนี้ก็ทำให้ได้ศึกษาอะไรหลายอย่าง แต่จุฬาภินันท์ไม่ค่อยอ่านความเห็นอื่นเพราะตั้งใจตอบเจ้าของกระทู้ นอกจากกระทู้ตัวเองก็จะตอบค่ะ

อ้างคำพูด:
แต่เราไปอ่าน เจอข้อความอยู่ข้อความหนึ่งในเวบอะไรเราก็จำไม่ได้แล้วน่ะค่ะไม่ ทราบว่า คุณchulapinan หรือคนอื่นเคยอ่านเจอบ้างหรือปล่าวค่ะ ที่เป็นคำสอนของหลวงพ่อองค์หนึ่งค่ะ
ท่านพูดว่า

(การนั่งสมาธิ ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ท่านั่งอย่างเดียวก็ได้
ถ้าเรานอนอยู่ ก็สามารถทำได้ โดยใช้หลักเดียวกับท่านั่งสมาธิ
แต่มือให้อยู่ที่ช่วง ระหว่างท้อง ถ้าหากว่าอยากจะหลับแล้วฝันดี
ฝันถึงเทวดาหรือฝันเห็น สวรรค์ ก็ให้ทำช่วง2-3ทุ่มเราก็จะฝันดี)


ค่ะ การทำสมาธิไม่จำเป็นต้องนั่งอย่างเดียวแต่ทำได้ทุกขณะจิตเลยค่ะ แค่มีใจจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำก็เรียกว่าทำสมาธิแล้ว สมาธิมีส่วนช่วยให้หลับได้อย่างสนิทค่ะะแต่จะไม่ฝันถ้าไม่มีเหตุ


อ้างคำพูด:
แต่ช่วงนั้น พอดี เรามีปัญหาทางครอบครัว
เราก็เลยเก่งเกินไป เราไปตั้งจิตให้เราได้รู้อะไรต่ออะไร
ซึ่งตอนแรกๆก็ดีค่ะ ซึ่งไม่ใช่เรื่องเพ้อเจ้อหรืองมงาย
ตอนนี้เราพูดแค่นี้ก่อนน่ะค่ะ


ค่ะ แล้วจะเข้ามาอ่านอีกค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 เม.ย. 2010, 13:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ธ.ค. 2009, 15:33
โพสต์: 98

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
การที่คนๆนึงจะเห็นผีได้นั้นเพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านมาให้สัญญาณ ผีที่เห็นต้องเกี่ยวข้องกันกับกรรมของเขาเท่านั้น ท่านจะเสกให้เห็นเป็นรูปร่างคนธรรมดาเลยค่ะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมตตามากเกินกว่าจะดลให้เห็นเป็นรูปร่างน่าเกลียด เห็นในระยะไม่ใกล้ด้วยคือไม่ให้เห็นหน้าตาน่ะค่ะ เห็นในสถานที่ที่เกี่ยวเนื่องกันในปัจจุบันเท่านั้นด้วย ส่วนจะรู้หรือเปล่าว่าเป็นสัญญาณอะไรก็แล้วแต่ปัญญาค่ะ


อะไรคือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์... :b6:

คำ ๆ นี้ ไม่น่าจะมาใช้กับผู้ที่เรียนธรรมะ ....ของพระพุทธเจ้าสมณโดดมได้ เลย...

เห็นผี เห็นเปรต เห็นชาวโลกทิพย์......เขาสามารถเห็นกันด้วยแรงปรารถนา...แรงอธิฐาน
หมายความว่า เคยปรารถนาไว้แต่ชาติ ภพ ก่อน....โน้น นาน ๆ โน้น.....จึงมาเห็นในชาตินี้ด้วยตาเปล่ากันเลย ........มิต้องใช้กล้อง......วิเศษของนักวิทยาศาสตร์...

และมิใช่เห็นด้วยเพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์........บันดาล........ให้เห็น....

สิ่งศักดิ์สิทธิ์คืออะไร และจะบันดาลอะไรได้......พระพุทธเจ้าเคยสอนไว้ที่ไหนเนี๋ย...

เฮ้อ.....
:b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 เม.ย. 2010, 15:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
แต่ช่วงนั้นพอดี เรามีปัญหาทางครอบครัว
เราก็เลยเก่งเกินไป เราไปตั้งจิตให้เราได้รู้อะไรต่ออะไร
ซึ่งตอนแรกๆก็ดีค่ะ ซึ่งไม่ใช่เรื่องเพ้อเจ้อหรืองมงาย
ตอนนี้เราพูดแค่นี้ก่อนน่ะค่ะ



ขอเล่าต่อจากตรงนี้น่ะค่ะ
ช่วงนั้นนี่ ขอบอกว่าเรามีความทุกข์มากๆเลยค่ะ
ปัญหาไม่ได้เกิด จากการมีบุคคลที่3หรอกค่ะ แต่เกิดจากการที่
เรามีความคิดเห็นไปกันคนล่ะทาง

แล้วเราก็ใช้วิธีนี้ค่ะ แต่ก่อนที่เราจะทำ เราก็ตั้งจิตว่า
ขอให้ผลบุญที่เราทำมา ขอให้เราได้รู้ได้เห็น
เวรกรรมในอดีตชาติด้วย


แล้วเราก็สวดสัมมาอรหัง จนเราก็ไม่รู้ว่าเราหลับไปตอนไหน
ตอนที่เราหลับ เราก็เห็นเป็นเหมือนเงาน่ะค่ะ สีดำเราก็ไม่รู้ว่าหน้าตาเค้าเป็นยังไง
เค้าเดินมาที่ข้างเตียงแล้วพูดว่า "ปะไปด้วยกันจะพาไปดู"

วิญญาณของเราก็ตามเค้าไป เค้าก็พาเราไปที่ป่าแห่งหนึ่งค่ะ
มีแต่ต้นไม้ต้นใหญ่ทั้งนั้นเลย แล้วเราก็ไปเห็นผู้ชาย2คน
ใส่กางเกงขาก๊วย อีกคนหนึ่งใส่เสื้อ อีกคนหนึ่งไม่ใส่เสื้อ
ลากผู้หญิงมา ผู้หญิงคนนั้น แต่งตัวแบบผู้หญิงเหนือสมัยโบราณน่ะค่ะ
แล้วเค้าก็เหวี่ยงผู้หญิงคนนั้นที่พื้น

พอผู้หญิงคนนั้นเงยหน้าขึ้นมา เราก็พูดกับเงาดำนั้นว่า "เอ๊ะนั่นเรานี่นา"

เงาดำก็บอกว่า ใช่นั่นล่ะคือตัวเธอเมื่อชาติที่แล้ว
เราก็ถามว่า ผู้ชาย2คนนั้นเค้าพาเรามาฆ่าทำไม

เงาดำก็บอกว่า ผู้ชาย2คนนี้ เค้าไม่ได้คิดจะฆ่าเธอหรอก
แต่มีผู้หญิงคนหนึ่ง สั่งให้เค้าพาเธอมาฆ่า


เราก็ถามว่า เราทำอะไรผิดเค้าถึงต้องฆ่าเรา
แล้วเราก็เห็นผู้ชาย2คนนั้นเอาไม้ทุบตีผู้หญิงค่ะ

เงาดำก็บอกว่า " เธอไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก เพราะเธอไม่ได้ทำอะไรผิดนี่แหละ
คำสาปแช่งและคำอาฆาตของเธอ เมื่อชาติที่แล้วถึงแรง"

(ถ้าตอนกลางคืนเราว่างเราค่อยเล่าต่อน่ะค่ะ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 เม.ย. 2010, 16:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


keaksim เขียน:
สิ่งศักดิ์สิทธิ์คืออะไร และจะบันดาลอะไรได้......พระพุทธเจ้าเคยสอนไว้ที่ไหนเนี๋ย...

ในพุทธศาสนา หรือศาสนาอื่นก็ตาม การทำบุญกุศลใดก็แล้วแต่ สาธุชนส่วนมากหรือเกือบทุกคน จะขาดเสียมิได้ที่จะอธิษฐาน กล่าวขอ ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และดลบันดาลต่างๆ นาๆ ให้เขาสมปรารถนา
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในที่นี้ เขาอาจจะ หมายถึง พระพุทธเจ้า,พระเจ้า,.หรือ บรมศาสดาลัทธิอื่นๆที่เขาศรัทธา ดังเราจะได้ยินในคำ อธิษฐาน ทั่วไป ตีความหมายให้ถูกครับ
ส่วนเรื่องการเห็นผีนั้น...มันน่าจะเป็น นิมิต..ซึ่งเนื่องมาจาก ผล เวร กรรม ที่ได้กระทำแต่ปางก่อน นิมิตนี้อาจจะจริงก็ได้ หรือไม่จริงก็ได้ ในพุทธศาสนาของเราเชื่อในภพ ชาติ..นรก,สวรรค์
นรก(อบายภูมิ) ผีเปรต..อสูรกาย ฯลฯ มีจริงแน่นอน เพียงแต่ว่าตาเนื้อของปุถุชน คนธรรมดาอย่างเรามองไม่เห็น ซึ่งรวมทั้งกระผมด้วยที่ไม่เคยเห็นผีเป็นตัวซะที่....ต้องคนที่มีบุญกุศลแรงจริงหรือผู้ที่ได้ฌาน.เนื่องจากการเจริญสมาธิถึงขึ้นถึงที่สุดถึงจะเห็นได้ (ตาทิพย์)
ผิดถูกต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
ขอทุกท่านจงเจริญในธรรม :b8: :b8: :b8:


แก้ไขล่าสุดโดย อมิตาพุทธ เมื่อ 18 เม.ย. 2010, 00:53, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 เม.ย. 2010, 16:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอโทษนะครับ คำอ้างอิงที่ตอบกระทู้ข้างบนไม่ใช่คุณ จุฬาฯเขียนนะครับ แต่เป็นคุณkesksim
ขออภัยอย่างแรงนะครับ :b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 เม.ย. 2010, 20:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เงาดำก็บอกว่า " เธอไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก เพราะเธอไม่ได้ทำอะไรผิดนี่แหละ
คำสาปแช่งและคำอาฆาตของเธอ เมื่อชาติที่แล้วถึงแรง




ต่อน่ะค่ะ แล้วเงาดำก็พูดว่า
เหตุที่ตอนนี้เธอมีความทุกข์ ก็มาจากเหตุนี้แหละ เพราะว่าเมื่อชาติที่แล้วเธอตาย
เธอสาปแช่งผู้ที่ฆ่าเธอ เวรกรรมนั้นก็ตามเธอมาถึงชาตินี้
แล้วตอนนี้คน3คนที่ฆ่าเธอนั้น ตอนนี้พวกเค้าทั้ง3คน
ยังตกนรกอยู่ เพราะการฆ่าคน ถ้าตายไปต้องตกนรกอย่างเดียว
โดยเฉพาะฆ่าคนที่ไม่มีความผิดอะไร เป็นบาปที่แรงมาก

ตอนนี้พวกเค้าทั้ง3คน ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในนรก
แต่เธอได้มาเกิด ซึ่งจริงๆแล้ว เธอจะต้องลำบากมากกว่านี้
แต่เมื่อชาติที่แล้ว เธอทำบุญไว้เยอะ ก็เลยทำให้เธอไม่ลำบาก
แต่เธอก็ไม่มีความสุขในชีวิตเช่นกัน

แล้วก็ผลจากการที่ เมื่อชาติที่แล้วเธอตาย โดยที่เธอไม่ได้ทำผิดอะไร
พอมาชาตินี้ เวลาที่ใครมาทำอะไรเธอ โดยที่เธอไม่ผิด
แล้วเธอก็ไปสาปแช่งเค้า คำสาปแช่งของเธอก็เป็นจริง

ขอให้เธอหยุดซะ เพราะมันจะเป็นเวรเป็นกรรม
ติดตัวเธอไปชาติหน้าอีก แล้วถ้าเธอกลับไปแล้วนั่งสมาธิ
ก็ขอให้เธออโหสิกรรม ให้กับพวกเค้าทั้ง3คนซะ
พวกเค้าจะได้หลุดพ้นจากการทรมาน ไม่ต้องเป็นเวรเป็นกรรมต่อไปในชาติหน้าอีก
ตอนนี้เธอคงรู้แล้วน่ะ ว่าทำไมชีวิตของเธอถึงต้องเป็นแบบนี้
แล้วเงาดำก็พาเรากลับมาค่ะ



ตอนแรกเราไม่คิดจะเล่าเรื่องนี้หรอกค่ะ เราตั้งใจว่าจะเล่าครั้งสุดท้าย
ที่เราไปแล้ว ทำให้เราไม่กล้าที่จะใช้วิธีนี้อีกเลย

พอดีช่วงบ่ายเราไปอ่านกะทู้ของคุณญี่ปุ่น
เราก็เลยมีความรู้สึกว่า สิ่งที่คุณญี่ปุ่นคิด
คล้ายๆกับเรื่องที่เราเจอมา เราก็เลยเอาเรื่องนี้มาเล่าให้ฟังค่ะ :b41: :b45:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 เม.ย. 2010, 21:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 09:31
โพสต์: 639

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ keaksim คะ

หัวข้อกระทู้ว่าด้วยเห็นผีคือผีอย่างที่เราๆเข้าใจกันค่ะ จุฬาภินันท์เจอกับตัวเองและมันไม่ใช่สัมผัสที่หก ได้รู้เพราะได้ปัญญาธรรมตัวที่เรียกว่าสุตตมยปัญญา ปัญญาธรรมตัวนี้ลึกกว่าแค่ที่คนทั่วไปเข้าใจค่ะ ได้มาตามกำหนดเวลาด้วยการถือศีลทำสมาธิ และ...กระทู้นี้ขอบเขตอยู่ที่โลกมนุษย์ระดับจิตสำนึกเองค่ะ

พระนิพพานนั่นแหละค่ะที่จุฬาภินันท์เรียกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 30 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 48 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร