วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 05:49  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 117 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 8  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ค. 2009, 07:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2009, 19:25
โพสต์: 579

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีครับ มีครั้งหนึ่งเคยได้ไปฟังธรรมจากพระอาจารย์ท่านหนึ่ง
ท่านเทศน์จบ ก็มีคำถามเบาๆ ถามพวกเราทั้งหลายว่า

มีชายคนหนึ่งวิ่งหนีเสือหิวโซทั้งฝูง ตรงมายังหน้าผาโดยไม่รู้ทิศทาง
พอมาถึงก็เห็นต้นไม้ใหญ่ริมผาแผ่กิ่งสยายเกือบถึงฝั่งตรงข้าม

และด้วยความรีบเขาจึงกระโดดคว้าจับเถาวัลย์ เพื่อดีดตัวไปฝั่งตรงข้าม
ที่อยู่ไม่ไกล

ขณะที่เขากำลังจะโยนตัวข้ามไปอีกฝั่ง สายตาก็มองเห็นสิงโต
ฝูงใหญ่ กำลังจ้อง และเดินตรงเข้ามายังริมผาอีกฝั่งหนึ่ง

ชายคนนั้นจึงมองลงไปทางด้านล่าง ก็มองเห็นบึงน้ำใหญ่
และมีจรเข้ฝูงใหญ่ กำลังส่งสายตา อ้าปากรอเขาอยู่

ชายคนนั้นจึงคิดจะไต่เถาวัลย์ขึ้นไปพักหลบบนต้นไม้ใหญ่
แต่พอเงยหน้าขึ้นไป ก็เห็นงูเหลือมขนาดยักษ์ กำลัง
ค่อยๆเลื้อย แลบลิ้น ไต่เถาวัลย์ลงมา

ขณะที่เขากำลังมีภัยรุมล้อมอยู่รอบด้าน เขาก็รู้สึกถึง
เถาวัลย์ที่เขาเกาะกำลังจะขาด


คำถามจึงมีอยู่ว่าหากคุณเป็นชายหนุ่มคนนั้น
และกำลังห้อยตัวอยู่อย่างนั้น คุณจะทำยังไง

ฝั่งหนึ่งก็เสือ ฝั่งหนึ่งก็สิงโต
ด้านล่างจรเข้ ข้างบนก็งูเหลือมยักษ์
และเถาวัลย์ ก็กำลังจะขาด

ขอบคุณมากครับ :b16: :b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ค. 2009, 07:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 มี.ค. 2009, 13:42
โพสต์: 25


 ข้อมูลส่วนตัว


:b18:ฟังแล้วหาที่รอดไม่เจอเลยนะคะ ก็คงต้องยอมตายค่ะ แต่จะตายแบบไหนดี ถ้าเป็นดิฉันก็ขอหนีตายให้ถึงที่สุดก่อน ให้จรเข้กินก็แล้วกัน ตอบแล้วเฉลยด้วยนะคะ อยากรู้คำตอบ ?? :b41:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ค. 2009, 09:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3836

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


patidta เขียน:
:b18:[color=#FF80BF][b]ฟังแล้วหาที่รอดไม่เจอเลยนะคะ ก็คงต้องยอมตายค่ะ


นั่นน่ะดิคับ :b2: :b2:

ถ้าเป็นหลวงปู่หลวงพ่อพระเถระนะ
ท่านจะ "วางใจไว้ในที่เหมาะสม" แล้วก็ยอมรับความตาย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ค. 2009, 09:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 เม.ย. 2009, 19:55
โพสต์: 548

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อิ อิ หลวงตา น่ะ
อยู่ดี ๆ มาชี้โพรงให้กระรอก ออกมาซน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ค. 2009, 13:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ม.ค. 2009, 02:20
โพสต์: 1387

ที่อยู่: สัพพะโลก

 ข้อมูลส่วนตัว


ท่าทางจะรอดยาก :b12:
อะไรมันจะรันทด และโหดร้ายปานนั้นหนอ...... :b14:
ถ้าอยู่ในเหตุการณ์ก็คงจะเกาะเถาวัลย์อยู่แบบนั้น ในใจคงต้องบอกตัวเองว่า ปล่อยวาง...ปล่อยว่าง...และปล่อยวาง (แต่ยังไม่ปล่อยเถาวัลย์ :b12: ) อะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิด....แล้วแต่บุญแต่กรรม :b12: :b12: :b12:

.....................................................
ผู้มีจิตเมตตาจะไม่มีศัตรู ผู้มีสติปัญญาจะไม่เกิดทุกข์.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ค. 2009, 13:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2009, 15:36
โพสต์: 435

ที่อยู่: malaysia

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอให้ความคิดเห็นด้วยคนค่ะ น่ากลัวจังเลยหนอ ขอตั้งสติก่อน นึกถึง พุทธโธ ธรรมโม สังโฆ
ยอมตายค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ค. 2009, 14:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.พ. 2009, 11:53
โพสต์: 39


 ข้อมูลส่วนตัว


:b23: ถ้าให้เลือกคงเลือกให้ฝูงเสือหิวโซกินค่ะ(โอกาสทำบุญครั้งสุดท้าย) :b20:
แต่...พอนึกถึงคมเขี้ยวแล้ว :b2: :b2: :b2:




"ถ้าละก็ว่าง ถ้าวางก็เบา ถ้าเอาก็หนัก"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ค. 2009, 15:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าเป็นผม ผมก็จะลุกขึ้นมา บิดตัวสองรอบ
แล้วก็กราบนมัสการ ลาอะครับ
ดีจัง ท่านยังถามเบาๆ ถามดังๆ คงตกใจสะดุ้งตื่น ๕๕๕


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ค. 2009, 16:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.ค. 2008, 14:47
โพสต์: 1562

อายุ: 0
ที่อยู่: หิมพานต์

 ข้อมูลส่วนตัว www


เปรียบดั่งชีวิตคนเรา มีความตายไล่ตามมาอยู่ตลอดเวลาทุกลมหายใจ เราย่อมหนีความตายไปไม่พ้น
ไม่ว่านั่งอยู่ เดินอยู่ ยืนอยู่ แต่เราทำไม่รู้ ไม่เห็นเสมอ จะเริ่มตระหนักเมื่อเห็นภัยมาจริงๆเท่านั้น


“เราจะเห็นตัวเองมีความสำคัญได้อย่างไร ในเมื่อเรารู้ว่าความตายกำลังล่าเราอยู่”

“ความตายเป็นสหายของเราตลอดไป...มันอยู่ทางซ้ายมือของเราตลอดเวลา ความตายเฝ้าคุณอยู่ขณะที่คุณรอคอย...ความตายกระซิบที่หูของคุณ และคุณรู้สึกถึงความเย็นยะเยียบอย่างที่คุณรู้สึกในวันนี้ ความตายกำลังเฝ้าดูคุณอยู่เสมอไป มันเฝ้าคุณไม่ห่างไปไหนจนกระทั่งวันนี้ มันจะยื่นมือของมันออกมาแตะที่ตัวของคุณ”

โอ้หนอชีวิตสัตว์โลก แขวนตนอยู่กับความตายตลอดเวลาทุกวินาที

ยกตัวอย่าง

หญิงผู้หนึ่งขับรถบนทางด่วนด้วยความเร็วสูง สักพักก็เห็นรถติดเป็นแพยาวเหยียดอยู่ข้างหน้า เธอจึงชะลอรถแต่ไกล แต่เมื่อรถใกล้ต่อท้ายคันหน้า เธอเหลือบมองกระจกหลัง ก็เห็นรถคันหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็วสูง ไม่มีทีท่าชะลอเลยทั้ง ๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากรถของเธอ ชั่วขณะนั้นเองเธอรู้ว่ารถของเธอต้องถูกชนแน่ ซึ่งหมายความว่าเธอต้องถูกอัดกระแทกทั้งจากคันหน้าและคันหลัง และเธออาจไม่รอด

วินาทีที่รู้ว่าเธอจะต้องตาย เธอก้มดูมือทั้งสองซึ่งกำพวงมาลัยไว้แน่น เห็นได้ชัดว่าใจของเธอกำลังเครียดเกร็ง เธอเพิ่งรู้ว่านี่คือสิ่งที่เธอเป็นมาตลอดชีวิต เธอตั้งใจว่าถ้าจะต้องตายก็ต้องไม่ตายในอาการแบบนี้ เธอจึงหลับตา หายใจเข้าลึกๆ และปล่อยมือลงข้างตัว ยอมรับทุกอย่างที่เกิดขึ้น วินาทีต่อมารถคันหลังก็พุ่งชนรถของเธออย่างแรง ส่งเสียงดังสนั่น

รถทั้งสองคันพังยับเยิน แต่เธอกลับไม่เป็นอะไรเลย ตำรวจบอกว่าเธอโชคดีที่ปล่อยตัวตามสบาย ถ้าเธอเกร็งตัว ก็อาจบาดเจ็บสาหัสหรือถึงกับคอหักตายได้เพราะแรงกระแทก



แม้ทำใจพร้อมตาย ก็อาจหนีความตายไม่พ้น แต่หากใครก็ตามสามารถทำใจถึงขั้นว่าไม่อาลัยในชีวิต และปล่อยวางทุกสิ่งแม้กระทั่งความยึดถือในตัวตน จน "ตัวกู" ไม่มีที่ตั้ง กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ "ตายก่อนตาย" ดังคำของท่านอาจารย์พุทธทาส บุคคลเช่นนี้ย่อมอยู่เหนือความตาย เมื่อความตายมาถึงก็มีแต่นามรูปเท่านั้นที่แตกดับไป แต่หามี "ผู้ตาย" ไม่

การอยู่อย่างปล่อยวางทุกสิ่ง ไม่อาลัยในชีวิต อีกทั้งไร้ความทะยานอยาก ไม่ยินดียินร้ายในโลกธรรม จะอยู่หรือตายก็มีความรู้สึกเท่ากัน ผู้ที่วางใจได้เช่นนี้ความตายย่อมทำอะไรไม่ได้

สำหรับคนทั่วไปไม่มีอะไรน่ากลัวเท่ากับความตาย แต่ความจริงแล้วสิ่งที่น่ากลัวกว่าความตายก็คือความกลัวตายต่างหาก คนเรากลัวตายด้วยหลายสาเหตุ เช่น กลัวพลัดพรากจากคนรัก ห่วงใยลูกเมียที่ยังอยู่ มีงานการที่ยังสะสางไม่เสร็จ กล่าวโดยสรุป ใจที่ยังยึดติดผูกพัน ปล่อยวางไม่ได้ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เรากลัวตาย ดังนั้นจึงต่อสู้ขัดขืนกับโรคร้ายและความตาย ยิ่งต่อสู้ขัดขืนใจก็ยิ่งทุกข์ เพราะโรคไม่ยอมหาย และยิ่งใจทุกข์ โรคก็ยิ่งกำเริบ ซึ่งก็ทำให้ทุกข์ใจมากขึ้น เป็นวงจรเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกายและใจทรุดหนักเกินกว่าที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้

ใน “ภัทเทกรัตตสูตร” พระพุทธเจ้าได้ตรัสถึงการระลึกถึงความตายเพื่อเป็นการเร่งเร้าให้ลงมือกระทำ มีใจความว่า

“บุคคลไม่ควรคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงแล้ว ไม่ควรมุ่งหวังสิ่งที่ยังไม่มาถึง สิ่งใดล่วงไปแล้ว สิ่งนั้นก็เป็นอันละไปแล้ว และสิ่งที่ยังไม่มาถึง ก็เป็นอันยังไม่ถึง ก็บุคคลใดเห็นแจ้งธรรมปัจจุบัน ไม่ง่อนแง่น ไม่คลอนแคลนในธรรมนั้นๆ ได้ บุคคลนั้นพึงเจริญธรรมนั้นเนืองๆ ให้ปรุโปร่งเถิด พึงทำความเพียรเสียในวันนี้แหละ ใครเล่าจะรู้ความตายในวันพรุ่ง เพราะว่าความผัดเพี้ยนกับมัจจุราชผู้มีเสนาใหญ่นั้นย่อมไม่มีแก่เราทั้งหลาย พระมุนีผู้สงบย่อมเรียกบุคคลผู้มีปรกติอยู่อย่างนี้ มีความเพียรไม่เกียจคร้านทั้งกลางวันและกลางคืน นั้นแลว่าผู้มีราตรีหนึ่งเจริญ ฯ”

.....................................................
อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจจะชามิฯ
ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าขอมอบกายถวายชีวิต แด่พระพุทธเจ้า แด่พระธรรม แด่พระสงฆ์ นับแต่บัดนี้ตราบจนเข้าสู่พระนิพพาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ค. 2009, 16:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ม.ค. 2009, 02:20
โพสต์: 1387

ที่อยู่: สัพพะโลก

 ข้อมูลส่วนตัว


k.ฌาณ หายไปไหนหลายวันเลยนะครับ :b16: :b16: :b16:

.....................................................
ผู้มีจิตเมตตาจะไม่มีศัตรู ผู้มีสติปัญญาจะไม่เกิดทุกข์.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ค. 2009, 17:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2009, 19:25
โพสต์: 579

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุโมทนาสาธุ กับทุกคำตอบ ด้วยครับ
เนื่องด้วยคำถาม เป็นคำถามที่ผมก็ไม่รู้คำตอบครับ
เพราะท่านอาจารย์ท่านให้ไปคิดเอง

ตอนนั้นผมก็มีคำตอบอยู่ในใจบ้างแล้วหละครับ
แต่ผมกลัวเสียฟอร์ม เลยเก็บไว้ในใจไม่ยอมตอบ

เข้ามาในเว็บนี้เห็นมีหลายท่านตอบคำถามได้ดี
เลยลองเอามาถามดูหนะครับ เผื่อคำตอบในใจผม
จะไปตรงกับคำตอบของใครเขาบ้าง


และรู้สึกว่าคำตอบคุณฌาณ จะเฉี่ยวเข้ามาหน่อยหนึ่งด้วยหละ

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ค. 2009, 18:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

จริง ๆ แล้วเหตุการณ์เช่นนี้มันไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เลยครับ
แต่ถึงยังไง ก้อขอร่วมตอบด้วยละกัน
สิ่งใดเกิดแต่เหตุ เราต้องดับที่เหตุเกิดนั้น
ก้อถ้าวันนั้นชายหิวโซ ไม่เข้าไปในป่าให้เจอเสือ
เหตุการณ์เหล่านี้มันก้อไม่เกิดขึ้นใช่ใหม่ละครับ


ถูถผิดขออภัยด้วยครับ

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ค. 2009, 22:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


บัวศกล เขียน:
คำถามจึงมีอยู่ว่าหากคุณเป็นชายหนุ่มคนนั้น
และกำลังห้อยตัวอยู่อย่างนั้น คุณจะทำยังไง

ฝั่งหนึ่งก็เสือ ฝั่งหนึ่งก็สิงโต
ด้านล่างจรเข้ ข้างบนก็งูเหลือมยักษ์
และเถาวัลย์ ก็กำลังจะขาด
:b16: :b16: :b16:

กระผมว่าเป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบครับ...
แต่กลับเป็นคำถามที่คนฟัง(อ่าน)ต้องตอบ....ตัวเอง....ให้ได้ครับ

กระผมตอบตัวเองอย่างนี้ครับ
เสือ...ผ่านมาแล้ว เป็นอดีตไปแล้ว
เถาวัลย์...ปัจจุบัน กำลังจะขาด
จรเข้...งูเหลือมยักษ์...สิงโต...อนาคตยังไม่มาถึง

ตอนนี้ความทุกข์ใกล้ตัวเราคือเถาวัลย์ครับ...แต่อนาคตเรารู้แล้วครับว่าจะมี จรเข้(เบื้องต่ำ)งูเหลือมยักษ์(เบื้องสูง)และสิงโต(ข้ามฟาก)....อุปมาดังนี้แล้วก็ไม่ต้องคิดถึงจรเข้แล้วครับ...เหวี่ยงตัวข้ามฟากให้ได้ยอมเป็นเหยื่อสิงโตดีที่สุด(อย่างน้อยก็เป็นสุกสัมภาวะเหมือนกัน)ถ้าไม่ทันงูก็กรรมของเราแล้วครับ ไว้รอมาวิ่งหนีเสือใหม่อีกรอบ :b32: :b32:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2009, 00:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


ตั้งสติไว้ในปัจจุบันขณะ เจริญอนุสติหรือวิปัสนาที่ถนัด ไม่ใส่ใจกับสิ่งที่ผ่านไปแล้วและที่ยังมาไม่ถึง ตายอย่างมีสติ อย่างน้อยได้ไปสุคติภูมิ ดีกว่าตายแบบสติแตกแล้วต้องไปอบาย...แล้วอะไรจะเกิดย่อมไม่หวั่นไหว ....เมื่อไม่ดิ้นรนก็ย่อมนิ่ง ..เมื่อนิ่งก็ไม่เป็นเป้าที่สะดุดตาของสัตว์ร้ายทั้งหลายรอบตัว สัตว์อาจหมดความสนใจแยกย้ายกันไปหาอาหารอื่น ส่วนเถาวัลย์ เมื่อไม่มีอาการเหวี่ยง อัตราการถูกขัดสีให้ขาดก็ลดลง ทำให้ยังไม่ขาดโดยเร็ว.....บางที...อาจจะรอดตายเพราะ การทำ"เหตุดี"ในปัจจุบัน "ผลดี"ย่อมเป็นที่หวังได้ในอนาคต..

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ค. 2009, 09:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 เม.ย. 2009, 19:55
โพสต์: 548

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทำไม หลวงตาถึงได้เอาเรื่องธรรม มาปนกับเกม survivor น้อ...
หลวงตายิ้มอย่างมีเลศนัย... :b22: :b22: :b22:
อันนี้จะตอบตามแบบฉบับ Survivor นะ
นู๋มะลิ - ว่าแต่ไอ้บ้านั้นมันไปทำอะไรในป่า จนโดนเสือไล่กระเจิดกระเจิง เสียสติ
- มันเสียสติมาตั้งแต่ตอนเจอเสือ และคงก่อนเจอเสือ แล้วอยู่ดี ๆ จะกลับมามีสติตอนอยู่ปลายเชือกเนี่ยนะ
ผู้ปฏิบัติธรรมก็ช่างคิดกันไปได้...สติปัญญา มันไม่มีมาตั้งแต่ต้นแล้ว มันทำอะไรไม่ได้มาตั้งแต่ต้น
มันจึงหัวซุกหัวซุนตะเกียดตะกายอย่างไร้สติ จนเอาตัวเองไปอยู่ในจุดอับยิ่งขึ้น
แล้วอะร๊าย อยู่ ๆ วิญญาณผู้บรรลุธรรมมาเข้าสิงเหร๋อ...
- ณ เวลาแค่ก่อนเชือกขาด สิ่งเดียวไอ้โง่นั้นจะรอด คือ สัญชาตญาณของ survivor
ช๊อคจัด ความคิดดับ ความกลัวดับ ก่อนที่เชือกจะขาด กระโจนพรวดเข้าบีบคองูให้ตาย
รีบโหนตัวไปบนกิ่ง หาที่ปลอดภัย พักให้สติกลับคืนมา
ตรวจตราดูสภาพแวดล้อมรอบตัวให้ละเอียด ทั้งภัยที่มี และโอกาสที่จะรอด
ถลกหนังงู มาสวมใส่ เพื่อดับกลิ่น เอาเนื้อกับเลือดงูไว้ เผื่อประทังชีวิต
ซ่อมเชือก หากิ่งไม้มาทำเป็นอาวุธ อุปกรณ์ป้องกันตัว และอุปกรณ์ช่วยในการหนี
ยังไงไอ้พวกที่อยู่บนหน้าผา กับที่แม่น้ำ มันต้องกินต้องนอนเหมือนเรา
เอ็งเผลอ ข้าสอย .... เอ็งหลับ ข้าเผ่น
เมื่อนู๋มะลิ รอดกลับมาถึงบ้าน ด้วยจิตที่ยังแค้น ยังแค้น
ไอ้เสือ / สิงห์ / จระเข้เวร บังอาจไล่ฟัดตู แถมจะงาบตู
นู๋มะลิตัดสินใจเข้าคอร์สฝึก combat มาใหม่
ช่วงที่ฝึก ก็ค่อย ๆ แอบเข้าไปวางกับดัก กระจายไปทั่วตามช่องทางต่าง ๆ
เมื่อแข็งแรง คล่องตัว ไหวพริบดี ก็เริ่มออกลุยเด็ดมาทีละตัวสองตัว
จนเสือ / สิงห์ / จระเข้ เองอย่าว่าแต่เห็นเลย
แค่ได้ยินเสียงฝีเท้า ได้กลิ่นนู๋มะลิ ลอยมา ก็รีบสลายตัวหาที่หลบ
แต่หลบยังไง ก็จะเห็นนู๋มะลิไปยืนถือหน้าไม้ดักตรงปากโพร่ง
จนสัตว์ร้ายแทบจะหมอบราบคาบ นอนสงบเชื่องขอความเมตตาไม่ทัน
"อย่าทำพวกเราเลย ปล่อยเราไปเถอะ จะไม่ทำร้ายนู๋มะลิแล้ว สันตินะ สันติเถอะ"
- ป่า มันไม่ใช่ที่สำหรับนักวิชาการ
ป่า มันเป็นที่สำหรับผู้ที่มีสัญชาตญาณในการเอาตัวรอด
หลวงตา - โยมนู๋มะลิ ฆ่าสัตว์มันเป็นบาปนะ โยมนู๋มะลิ ไหง๋เหี้ยมโหดอย่างนั้น...
นู๋มะลิ - อ้าว....ที่หลวงตายังสอนให้ฆ่ากิเลสตัณหาทุกว๊าน ทุกวัน


แก้ไขล่าสุดโดย yahoo เมื่อ 05 พ.ค. 2009, 10:48, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 117 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 8  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 42 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร