วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 18:32  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 48 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2008, 14:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


เนื่องจาก กระทู้ธรรมะของผมโดนลบกระทู้ไปหลายครั้งโดยพวกที่ไม่เข้าใจธรรมะของพระพุทธองค์ คนที่ลบกระทู้ของผมทิ้งไป ใช้ระบอบเผด็จการทางความคิด นิยมการล้างสมองผู้คน ตนเองมีมิจฉาทิฏฐิในเรื่องศาสนา พอเห็นคนที่มีสัมมาทิฏฐิมาแสดงธรรมะ กลับใช้วิธีสกปรกของพวกมาร คือ ใช้อำนาจเผด็จการลบกระทู้เขาทิ้งไป โดยบอกไม่ได้ด้วยว่า กระทู้ของผมผิดกฎกติกาเรื่องอะไร

เราอยู่ในระบอบประชาธิปไตยนะครับ มนุษย์ทุกคนย่อมมีสิทธิเสรีภาพในการคิด แต่การที่ท่านพยายามปิดกั้นสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น ที่มีความคิดความเห็นไม่เหมือนท่าน แล้วไปลบกระทู้ของเขาทิ้ง ไม่ยอมให้มีการถกกันในกระทู้ ท่านก็แสดงเหตุผลได้ ผมก็แสดงเหตุผลได้ ความเชื่อเป็นของผู้อ่าน นี่ท่านดันทะลึ่งไปล้างสมองผู้อ่านให้เชื่อเฉพาะที่ท่านเชื่อ และสอน ...... มันไม่ถูกแล้วนะครับ

ผมจึงเขียนกระทู้นี้ขึ้น เพื่อขอให้ผู้ดูแลเว็บตอบด้วยว่า ท่านอยู่ฝ่ายพระ หรือฝ่ายมาร มารย่อมใช้วิธีเผด็จการ ส่วนพระ เช่น พระพุทธเจ้าท่านใชวิธีประชาธิปไตยสูงสุด ที่เรียกว่า ธรรมาธิปไตย ท่านสอนไว้ในกาลามสูตรเลยว่า

1. อย่าเชื่อถือโดยได้ฟังตามกันมา
2. อย่าเชื่อถือโดยได้ทำหรือพูดตามลำดับสืบๆกันมา
ฯลฯ ที่สำคัญคือ
- อย่าเชื่อถือโดยอ้างตำรา โดยนึกเดาเอาเอง หรือโดยชอบใจว่าเขามีความเห็นเหมือนกับตน
สำคัญที่สุดคือ
- อย่าเชื่อถือโดยเชื่อว่าผู้พูดน่าเชื่อถือ และเป็นอาจารย์ของเรา


เขาจะเป็นเว็บมาสเตอร์ เป็นผู้สอนธรรมะในเว็บนี้ เราก็อย่าไปเชื่อถือ เราต้องใช้ปัญญาพิจารณาว่า สิงที่เขาพูดนั้นน่าจะถูกต้องไหน

แต่การใช้วิธีเผด็จการทางความคิด และล้างสมองผู้คนให้เชื่อไปในทางเดียวกับท่านผู้แดเว็บ หาใช่กาลามสูตรไม่ และยิ่งไม่ใช่ระบอบธรรมาธิปไตยด้วย

ผมพูดและสั่งสอนท่านผู้ดูแลเว็บด้วยความจริงใจ

พลศักดิ์ วังวิวัฒน์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2008, 14:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


กระทู้นี้ท่านลบไปเพราะอะไรครับ?????


ตบยุงไม่บาปครับ ฉีดยาฆ่ายุงตายยิ่งไม่บาปใหญ่ ....... ฟันธง!!!


ตบยุงบาป และฉีดยาฆ่ายุงตายเป็นบาป เฉพาะผู้ที่เกาะยึดในคัมภีร์ ท่องจำแบบนกแก้วนกขุนทอง พวกนี้แหละบาปที่สุด ตายไปแล้วอาจต้องเกิดเป็นยุง 500 ชาติ ฐานโง่นัก ไม่น่าเกิดเป็นมนุษย์เลย

ตบยุงไม่บาป เพราะตอนที่เราตบยุงไปทุกครั้ง จะต้องมีการคัน พอมีการคัน เราก็ต้องเกา ปัด หรือตบ เป็นธรรมชาติ และสัญชาติญานของมนุษย์

ในครั้งพุทธกาล มี่ภิกษุถามพระพุทธเจ้าถึงเรื่องข้อพระวินัยต่างๆ เมื่อเกิดเรื่องราวใดๆ ขึ้นมา พระพุทธองค์จะทรงตรัสถามตัวเจ้าของกรณีว่า

"เธอมีเจตนาอย่างไร" ในการกระทำนั้นๆ

ทรงถามเช่นนี้ ก็เพราะว่า เจตนาหํ ภิกฺขเว กมฺมํ วทามิ "ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวเจตนาว่าเป็นกรรม บุคคลคิดแล้วจึงกระทำกรรมด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ"

คนที่ตบยุงตายส่วนใหญ่เป็นการป้องกันตัว และทำการสัญชาติญานของมนุษย์ เจตนาเห็นได้ชัดว่า ถ้ายุงไม่กัดเรา สัญชาติญานของมนุษย์ในการป้องกันตัว ก็จะไม่เกิด ในกรณีนี้ ยุงกับเราก็จะอยู่ร่วมโลกกันได้โดยสันติ....ใช่ไหมครับ?

ส่วนคนที่ฉีดยาฆ่ายุง นอกจากไม่บาปแล้ว ผมคิดว่า ยังเป็นมหากุศลด้วย เนื่องจากเขาเห็นว่าคนในบ้าน ลูกเมียพ่อแม่พี่น้อง กำลังโดนทำร้ายจากยุง และยุงอาจนำพาไข้เลือดออกมาด้วย คนผู้นี้จึงเสียสละ แม้จะรู้ว่าผิดศีล เขาก็ยังทำ จุดมุ่งหมายเพื่อช่วยคนในบ้าน ลูกเมียพ่อแม่พี่น้อง

การเสียสละเป็นบุญ การเห็นแก่ตัว กลัวผิดศีลข้อปาณา นั้นเป็นบาป การเห็นแก่ตัวในกรณีนี้น่าจะเป็นบาปและโง่อย่างที่สุดด้วย ขนาดคนในบ้าน ลูกเมียพ่อแม่พี่น้อง ยังไม่รัก ยังไม่ช่วยเหลือ จะไปช่วยเหลือใคร ไม่สมควรเกิดเป็นมนุษย์เลย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2008, 14:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


คามินธรรม เขียน:
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ เขียน:
อย่างเช่น คนที่ลบกระทู้นี้ผม เจตนาเขาเป็นกุศล หรืออกุศล เขาย่อมรู้ด้วยตัวเอง

เจตนาเขาเป็นอกุศล


แต่ถ้าเขาเชื่อว่าเป็นกุศล มีเจตนากุศล เขาก็ได้กุศลนี่ครับคุณพลศักดิ์
เพราะบุญบาปนั้นเป้นสังขตธรรม คือถูกปรุงขึ้น
ขึ้นอยู่กับผู้ปรุงว่าจะปรุงไปทางใด
บาปหรือบุญนี้เป็นเรื่องของการปรุงขึ้นทั้งสิ้น มิใช่หรือครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2008, 14:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณคามินธรรมครับ



ถูกแล้วครับ แต่ถ้าเขาเชื่อว่าเป็นกุศล มีเจตนากุศล เขาก็ได้กุศลนี่ครับคุณพลศักดิ์

แต่ผิดตรงที่คุณพยายามรักษาสัทธรรมปฏิรูปของปลอมของมาร ไม่รักษาพระสัทธรรมของพระพุทธเจ้า เผด็จการไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้าแม้แต่น้อย

แล้วเว็นนี้เป็นเว็บมารจักร หรือธรรมจักร ล่ะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2008, 14:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


กระทู้นี้ด้วย ลบไปเพราะเหตุใด เพราะท่านสนับสนุนมารใช่หรือไม่


เราเป็นผู้เลือกเอาเองว่า จะอยู่ในธรรมชาติแบบอนัตตาหรืออัตตา


ในศาสนาพุทธ ธรรม หรือ ธรรมชาติ มี 2 ชนิด



1. ธรรมชาติใน 3 ภพ ในจักรวาล ตัวนี้เป็นสังขตธาตุ(ธรรม) มีการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย หรือ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ธรรมชาติของสังขตธรรม พระพุทธเจ้าเรียกว่า อนัตตา


ลักษณะแห่งสังขตธรรม คือ

- ปรากฏความเกิด ๑

- ปรากฏความเสื่อมสลาย ๑

- เมื่อตั้งอยู่ ปรากฏความแปรปรวน ๑


2. ธรรมชาติในนิพพาน หรือนอกสามภพ ตัวนี้เป็นอสังขตธาตุ(ธรรม) ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย หรือ ไม่เกิดขึ้น ไม่ตั้งอยู่ ไม่ดับไป นั่นเอง ธรรมชาติในนิพพานตัวนี้ พระพุทธเจ้าเรียกว่า อัตตา(อสังขตธรรม)


องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดง อสังขตะลักษณะ ไว้ว่า

- ไม่ปรากฏความเกิด ๑

- ไม่ปรากฏความเสื่อมสลาย ๑

- เมื่อตั้งอยู่ไม่ปรากฏความแปรปรวน ๑


จุดใหญ่ที่สุดของศาสนาพุทธ คือ ให้ทิ้งธรรมชาติของสังขตธรรม ที่เป็น อนัตตา แล้วกลับไปสู่ ธรรมชาติของอสังขตธรรม ที่เป็น อัตตา



*** หลักฐานที่ 1 ในอนัตตลักขณะสูตร ***


ผมได้อธิบายอย่างละเอียดในกระทู้ สุดยอดแห่งสุดยอดความลับของฟ้าในพระพุทธศาสนา http://www.dhammakaya.org/forum/index.php?topic=71.0 และhttp://board.palungjit.com/showthread.php?t=160609


พระพุทธองค์ชี้ให้เห็นว่า ขันธ์ 5 เป็นอนัตตา และพระองค์ยังบอกถึงสิ่งที่เป็นอัตตาเอาไว้ด้วยว่า สิ่งที่จะเป็นอัตตาได้ สิ่งนั้นต้องไม่อาพาธ (เสื่อม เจ็บไข้ ความแปรปรวน) และสามารถบังคับบัญชาสิ่งนั้นได้ตามปรารถนา


ในท่อนสุดท้ายของอนัตตลักขณะสูตร


ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตน(อัตตา)ของเรา?


ป. ข้อนั้นไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า


ตอนนี้ ผมจะลองถามใหม่ว่า


ก็สิ่งใดเที่ยง ไม่เป็นทุกข์ ไม่มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตน(อัตตา)ของเรา?



คุณจะตอบว่าอะไรครับ



ข้อนั้นควรเลย พระพุทธเจ้าข้า = อัตตา




*** หลักฐานที่ 2 ชี้ว่า ตน(อัตตา) และธรรม เป็นสิ่งเดียวกัน ***


ใน จักกวัตติสูตร ๑๑/๘๔ ขันธสังยุต ๑๗/๕๓๓๓๓. มหาปรินิพพานสูตร ๑๐ :


(๑) “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! พวกเธอจงมีตนเป็นที่พึ่งเถิด อย่ามีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งเลย จงมีธรรมเป็นที่พึงเถิด อย่างมีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งเลย


ย้ำ! ! พวกเธอจงมี ตน เป็นที่พึ่งเถิด อย่ามีสิ่งอื่นเป็นที่ถึงเลย จงมี ธรรม เป็นที่พึงเถิด อย่างมีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งเลย


หลักฐานนี้ขัดครับ


อัตตา = ตน ที่พระพุทธเจ้าหมายถึง คือ ธรรม ตน(อัตตา) กับ ธรรม จึงเป็นสิ่งเดียวกัน


เบญจขันธ์ = อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

ธรรมขันธ์ = นิจจัง สุขขัง อัตตา



*** หลักฐานที่ 3 จากพระโอษฐ์ของพระผู้มีพระภาคเจ้า ***


๑๘. ธรรมชาติที่ไม่เกิด ไม่ถูกปรุงแต่ง มีอยู่



"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมชาติที่ไม่เกิด ไม่เป็น ไม่มีใครทำ ไม่มีอะไรปรุงแต่ง มีอยู่ ถ้าไม่มีธรรมชาติที่ไม่เกิด ไม่เป็น ไม่มีใครทำ ไม่มีอะไรปรุงแต่ง ความพ้นไปจากธรรมชาติที่เกิด ที่เป็น ที่มีใครทำ ที่มีอะไรปรุงแต่ง ก็จะปรากฏไม่ได้ เพราะเหตุที่มีธรรมชาติที่ไม่เกิด ไม่เป็น ไม่มีใครทำ ไม่มีอะไรปรุงแต่ง ความพ้นไปจากธรรมชาติที่เกิด ที่เป็น ที่มีใครทำ ที่มีอะไรปรุงแต่ง จึงปรากฏได้."


อิติวุตตก ๒๕/๒๕๗



สรุปพระสูตรบทนี้ ก็เหมือนกับที่ผมบอกไว้นั่นแหละว่า

ธรรมชาติมี 2 อย่าง

1. ธรรมชาติที่เกิด ที่เป็น ที่มีใครทำ ที่มีปัจจัยปรุงแต่ง = สังขตธาตุ(นามรูป)

2. ธรรมชาติที่ไม่เกิด ไม่เป็น ไม่มีใครทำ ไม่มีอะไรปรุงแต่ง = อสังขตธาต(นิพพาน)


พวกเราเป็นผู้เลือกเองว่า จะอยู่ในธรรมชาติแบบไหน จะอยู่แบบอนัตตา หรือจะอยู่แบบอัตตา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2008, 15:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ธ.ค. 2008, 22:07
โพสต์: 30


 ข้อมูลส่วนตัว


มานะใน ธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2008, 16:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านเวปมาสเตอร์มีเจตนาที่ดี ย่อมเป็นฝ่ายพระ

ถึงแม้คุณพลศักดิ์พยายามยัดเหยียดปรุ่งแต่งความเป็นมารให้กับท่าน

ลองชั่งใจคิดสักนิด

ท่านเวปมาสเตอร์ไม่มีเมตตา

พลศักดิ์ วังวิวัฒน์จะมีโอกาสมาด่าท่านป่าวๆอย่างนี้ได้ไหม

ไม่ใช่จะประจบท่านเวปมาสเตอร์

แต่คนทำถูกต้องสนับสนุน

หากทำผิดเมื่อไหร่ ค่อยว่ากันใหม่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2008, 17:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3836

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


popopo เขียน:
มานะใน ธรรม


:b4:
:b2: :b2: :b2: :b2: :b2: :b2:
:b2: :b2: :b2: :b2: :b2: :b2:
:b2: :b2: :b2: :b2: :b2: :b2:
:b2: :b2: :b2: :b2: :b2: :b2:

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2008, 18:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


:b6: :b6: :b6:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2008, 19:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


mes เขียน:
ท่านเวปมาสเตอร์มีเจตนาที่ดี ย่อมเป็นฝ่ายพระ

ถึงแม้คุณพลศักดิ์พยายามยัดเหยียดปรุ่งแต่งความเป็นมารให้กับท่าน

ลองชั่งใจคิดสักนิด

ท่านเวปมาสเตอร์ไม่มีเมตตา

พลศักดิ์ วังวิวัฒน์จะมีโอกาสมาด่าท่านป่าวๆอย่างนี้ได้ไหม

ไม่ใช่จะประจบท่านเวปมาสเตอร์

แต่คนทำถูกต้องสนับสนุน

หากทำผิดเมื่อไหร่ ค่อยว่ากันใหม่



ทำไมไม่มองว่าผมมีจิตเจตนาที่ดี เป็นฝ่ายพระ ผมอุตส่าห์เสี่ยงประณามการกระทำอันเป็นเผด็จการ โดนมารสิงใจของเว็ปมาสเตอร์ เขาจะได้รู้สำนึก ไม่ใช่ใช้อำนาจแบบเหิมเกริมอย่างนี้ กติกาบ้าๆบอๆก็ร่างมาแล้ว ดันฉีกทิ้งใช้อำนาจเผด็จการอีก

อำนาจเป็นของร้อน ผมก็เคยพูดเตือนแบบนี้กับทีมงานเว็บมาสเตอร์เว็บพลังจิต แล้วเขาก็ไล่ผมออกจากเว็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนวันหนึ่งเขาสำนึกบาปมาขออภัย และขออโหสิกรรมผม ผมก็บอกเขาไปว่า ผมให้อภัยและอโหสิกรรมให้ท่านทุกครั้ง ที่ท่านไล่ผมออกจากเว็บ เพราะทำกรรมกับผู้ที่มีจิตบริสุทธิ์มีผลรุนแรงกว่าทำกรรมกับปถุชนมากมายมหาศาล


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2008, 21:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านพลศักดิ์...สู้ๆ :b17: :b17:
ท่านmes...สู้ตาย :b19: :b19:
เวปมาสเตอร์...บ๊ายบาย
ไปรอลบกระทู้นี้...... :b21: :b21:

:b12: :b12: แซวเล่นๆครับอย่าโกรธกันน๊ะ

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2008, 23:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ค. 2008, 23:37
โพสต์: 449

ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณพลศักดิ์เขียนหนังสือขายดีกว่าครับ ไม่ถูกลบและเผยแพร่ได้กว้างขวางกว่าด้วย

.....................................................
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2008, 23:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


ฟ้าวางแผนให้ผมอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ฟ้าให้ผมมาเกิดเพื่อฟื้นฟูพุทธศาสนา ต้านทานกับมารที่ปกครองพุทธศาสนาของเรามานาน มารพวกนี้ย่ำยีพุทธศาสนาของเรา จนวันนี้ของจริงเหลืออยู่ไม่มาก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ธ.ค. 2008, 11:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2006, 20:52
โพสต์: 1210

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พลศักดิ์นี่ มองตัวเองในแง่ดีมากๆเลย ความรู้ก็ท่วมหัวดี ขอให้ฟ้ารีบๆเร่งกำหนดการให้ไวๆนะ
จริงๆอยากให้มีเว็บพลศักดิ์มากกว่า จะได้ไม่ต้องอาศัยร่มเงาเว็บผู้อื่น แล้วทำให้เว็บมาสเตอร์เป็นบาปด้วยจริงไม้จ๊ะ
ถ้ามีคนคิดได้อย่างพลศักดิ์ ทำผิดศีลแบบฉลาดๆรู้จักคิด อย่างที่พลศักดิ์แนะนำ คงแฮปปี้กันถ้วนหน้า มีหลายผัว หลายเมียได้แค่ขออนุญาตก่อนจากมากชู้กลายเป็นซูปเปอร์เต็กกอเลย คิดได้ไงเจ๋งจริงๆ ถ้าไม่ใช่สติปัญญาอย่างพลศักดิ์นี่ คงอีกนานกว่าจะแก้ทางได้ ....โถ...นรกยังตกงาน..เลยนะนี่ :b2: :b2:

:b41: :b41: :b41: ท่านเว็บมาสเตอร์ลบได้นะคะ กลัวเด็กๆอ่านเจอแล้ว บางท่อนไปทำ แย่แน่เลยค่ะ แบบฟังไม่ศัพท์ จับไปกระเดียดอ่ะค่ะ นกแก้วตัวแม่ค่ะ

.....................................................
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธรรมา อนัตตา...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ธ.ค. 2008, 12:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


แมวขาวมณี เขียน:
ถ้ามีคนคิดได้อย่างพลศักดิ์ ทำผิดศีลแบบฉลาดๆรู้จักคิด อย่างที่พลศักดิ์แนะนำ คงแฮป*กันถ้วนหน้า มีหลายผัว หลายเมียได้แค่ขออนุญาตก่อนจากมากชู้กลายเป็นซูปเปอร์เต็กกอเลย คิดได้ไงเจ๋งจริงๆ ถ้าไม่ใช่สติปัญญาอย่างพลศักดิ์นี่ คงอีกนานกว่าจะแก้ทางได้ ....โถ...นรกยังตกงาน..เลยนะนี่ :b2: :b2:




ผมไม่เคยกล่าวแม้แต่ครั้งเหนึ่งเลยว่า มีหลายผัว หลายเมียได้ คนที่มีหลายผัว หลายเมียได้ สามีและภรรยาคนแรกต้องอนุมัติก่อนเท่านั้น จึงจะไม่เกิดการละเมิดหรือเป็นบาป

คนที่มั่วกามกัน ถ้าเขายังเป็นโสดก็ไม่บาป เพราะไม่มีการละเมิดใคร เหมือนๆกับชายหญิงที่สำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง เขาก็ไม่ได้ทำบาป เพราะไม่มีการละเมิดใคร

กรุณาอย่านำคำพูดของผมแค่ครึ่งท่อนมาพูดว่าผมบอกแบบนั้น ทุกครั้งโปรดนำคำพูดเต็มๆของผมมาลง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 48 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 51 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร