วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 21:08  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มี.ค. 2009, 14:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ม.ค. 2009, 21:03
โพสต์: 26


 ข้อมูลส่วนตัว


เรียนถามทุกท่านขอรับ

การเห็นธรรมนั้น เราต้องมีทุกข์ก่อนใช่ไหมขอรับ
เพราะสังเกตุคนส่วนใหญ่ เวลามีทุกข์จึงเข้าหาธรรมะ

มีบ้างไหมครับ คนที่ไม่เห็นทุกข์เลย แต่เห็นธรรมก่อนขอรับ

ขอบพระคุณขอรับที่ให้ความกระจ่าง :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มี.ค. 2009, 15:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


ทุกขังอริยสัจจัง ทุกข์คือความจริงอันประเสริฐ
คือ อริยสัจจ์สี่ ข้อประการแรกสุด

เห็นทุกข์ อย่างไร?....
เห็นว่า อุปาทานขันธ์๕เป็นทุกข์
คือ เห็นว่าขันธ์ทั้งห้าที่ถูกยึดมั่นถือหมายเป็นทุกข์
เพราะขันธ์ทั้งหลายล้วนปรวนแปรวิบัติพัดพรากทั้งสิ้น
ถ้ายึดล่ะก็ทุกข์ ถ้าไม่ยึดก็หมดทุกข์

ส่วน เห็นทุกข์ แล้วจะถือว่า เห็นธรรม ไหม?

ก็ขึ้นกับว่า เป็นการเห็นทุกข์ที่ชัดเจนจนสามารถถอดถอนอุปาทานในขันธ์ ๕ ได้
ในระดับที่ละสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพัตรปรมาศ ได้ไหม?
ถ้าได้ ก็เรียกว่า ได้ธรรมจักษุ (ดวงตาเห็นธรรม) เป็นอริยบุคคลชั้นต้นสุด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มี.ค. 2009, 08:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2009, 04:12
โพสต์: 1067


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b16: เป็นกระทู้ที่น่าพิจารณาอันหนึ่งค่ะ
ขอเสนอความเห็นนิดหนึ่ง
ส่วนใหญ่ หลายๆท่าน
เจอะทุกข์ก่อน
แล้วเจอธรรม แต่อาจจะมีบางท่าน
ที่มีบารมี กระทำมาแล้วแต่หนหลัง
อาจเจอธรรม มองทะลุสมมุติ
เห็นสภาวะ ปรมัถต์
ถ้าผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยค่ะ

มีข้อความหนึ่ง ของพระอาจารย์ปราโมทย์
มาบอกต่อค่ะ


ทุกข์ ให้รู้ สมุทัยให้้ละ นิโรธทำให้แจ้ง
มรรค ควรเจริญ


.....................................................
...นฺตถิตัณหา สมานที...
ห้วงน้ำใหญ่โต เสมอด้วยตัณหาไม่มี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มี.ค. 2009, 08:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 มี.ค. 2009, 16:53
โพสต์: 113

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


มีค่ะ มีอยู่ท่านนึงแต่จำชื่อไม่ได้แล้วค่ะ เคยอ่านเจอในนิตยาสาร ซีเครท ของสำนักพิมพ์อัมรินทร์ เป็นบทสัมภาษณ์ ท่านนี้รู้สึกว่าจะเป็นผู้ที่ก่อตั้ง บ้านอารีย์น่ะค่ะ เรื่องย่อๆเลยก็คือ ท่านทำธุรกิจ แล้วธุรกิจท่านก็ประสบความสำเร็จทุกด้าน
จนถึงวิกฤติปี 42 ธุรกิจของท่านก็ยังไม่ล้ม ยังดีอยู่ วันนั้นท่านรู้สึกมีความสุข ภาคภูมิใจในความสำเร็จมาก มากจนรู้สึกได้ถึงก้อนของความสุขที่มันเกิดขึ้นมาในใจ
แล้วก้อนความสุขที่ท่านรู้สึกนั้นท่านก็เห็นมันตั้งอยู่ แต่แล้วเวลาแห่งความสุขที่ท่านเห็นเนี้ยก็อยู่ได้ไม่นาน
ไม่ถึงครึ่งวัน มันก็ดับลง เมื่อก้อนความสุขที่มันเกิดขึ้นดับลง ท่านรู้สึกและตั้งข้อสังเกตุว่า
แม้กระทั้งความสุขที่มันเกิดขึ้นเนี้ย มันยังไม่คงอยู่ถาวรเลย
แล้วอะไรล่ะคือแก่นสารของชีวิต หลังจากนั้นท่านก็คิดก็ค้นหาจนเห็นธรรม
และการเห็นธรรมในครั้งนั้นของท่านก็ทำให้เราๆท่านๆหลายๆคนได้มีมูลนิธิและก็เวปไซน์ดีๆไว้เผยแพร่ธรรมะ
(หากรายละเอียดผิดพลาดไปบ้างก็ต้องขออภัยด้วยค่ะ)
เมื่อก่อนดิฉันก็คิดเหมือนคุณว่าหากใครประสบทุกข์ก็จะเห็นธรรม
แต่จากเรื่องที่เล่ามานี้คงเป็นตัวอย่างที่ดีให้เรารู้ว่าจริงๆแล้ว
หากมีสติมากพบแล้วเห็นไตรลักษณ์เมื่อนั้นเราก็เห็นธรรมได้เหมือนกันค่ะ :b4:

.....................................................
คำของหลวงพ่อชา
“ทุกอย่างในโลกนี้มันถูกอยู่แล้ว มีแต่ความเห็นของเราเท่านั้นที่ผิด”


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มี.ค. 2009, 11:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.พ. 2009, 01:02
โพสต์: 337


 ข้อมูลส่วนตัว




11-1.jpg
11-1.jpg [ 21.22 KiB | เปิดดู 4705 ครั้ง ]
:b41: :b41: :b41: :b42: :b42: :b42: :b41: :b41: :b41:

...ในความเห็นของผม (ส่วนตัว) ธรรมในพระพุทธศาสนานั้นต้องรู้จักทุกข์ (ความจริงอันประเสริฐ) ก่อน พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนเรื่องของความทุกข์ และความดับทุกข์เท่านั้น ในเมื่อการเกิดก็เป็นทุกข์แล้ว (ไตรลักษณ์- อนิจจตา ทุกขตา อนัตตตา…เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป คงอยู่อย่างเดิมไม่ได้ ไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวตน ) มนุษย์ปุถุชนอย่างเรา ๆ คงไม่สามารถเห็นธรรม โดยไม่เห็นทุกข์ก่อนได้ ทุกข์ คือข้อแรกในอริยสัจ ๔ ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ ซึ่งเป็นเรื่องของความทุกข์ทางจิตใจเป็นหลัก การรู้จักเรื่องของความทุกข์ จะทำให้รู้สาเหตุของ ความทุกข์ (สมุทัย) วิธีดับของความทุกข์ (มรรค) ว่ากันโดยสัจธรรมแล้ว เมื่อเกิดมาแล้วก็ต้องมีทุกข์ด้วยกันทั้งนั้น มากบ้าง น้อยบ้าง แตกต่างกันไป ชีวิตหนีไม่พ้นบ่วงแห่งความทุกข์อยู่แล้ว

พระพุทธเจ้า ทรงเห็นทุกข์ ทรงกลัวทุกข์อันยาวนานในสังสารวัฏร์ จึงได้สละความสุขในปัจจุบัน และทรงดำเนินปฏิปทาจนได้บรรลุสู่ความดับทุกข์ เพื่อรับความสุขนิรันดร คือพระนิพพาน ในที่สุด
รู้จักพอเพียง รู้จักความสุข รู้จักความทุกข์ ก็รู้จักธรรม ครับ...เห็นทุกข์ก่อนแล้วจึงเห็นธรรม

เจริญในธรรมครับ :b8: :b8:


"ทุกข์เท่านั้นเกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นตั้งอยู่ และทุกข์เท่านั้นดับไป
นอกจากทุกข์ ไม่มีอะไรเกิด ไม่มีอะไรดับ"


:b41: :b41: :b41: :b42: :b42: :b42: :b41: :b41: :b41:

.....................................................
ราตรีของผู้ตื่นอยู่นาน...โยชน์ของผู้ล้าแล้วไกล
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มี.ค. 2009, 18:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรม 84,000 พระธรรมขันธ์ กล่าวถึงแต่ทุกข์

พระพุทธเจ้าก็เช่นกันนะครับ....พระองค์ทรงเห็นถึงทุกข์ จึงตัดสินใจออกบวชเพื่อแสวงหาพระโมกธรรม

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มี.ค. 2009, 18:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


di_dee เขียน:
มีค่ะ มีอยู่ท่านนึงแต่จำชื่อไม่ได้แล้วค่ะ เคยอ่านเจอในนิตยาสาร ซีเครท ของสำนักพิมพ์อัมรินทร์ เป็นบทสัมภาษณ์ ท่านนี้รู้สึกว่าจะเป็นผู้ที่ก่อตั้ง บ้านอารีย์น่ะค่ะ เรื่องย่อๆเลยก็คือ ท่านทำธุรกิจ แล้วธุรกิจท่านก็ประสบความสำเร็จทุกด้าน
จนถึงวิกฤติปี 42 ธุรกิจของท่านก็ยังไม่ล้ม ยังดีอยู่ วันนั้นท่านรู้สึกมีความสุข ภาคภูมิใจในความสำเร็จมาก มากจนรู้สึกได้ถึงก้อนของความสุขที่มันเกิดขึ้นมาในใจ
แล้วก้อนความสุขที่ท่านรู้สึกนั้นท่านก็เห็นมันตั้งอยู่ แต่แล้วเวลาแห่งความสุขที่ท่านเห็นเนี้ยก็อยู่ได้ไม่นาน
ไม่ถึงครึ่งวัน มันก็ดับลง เมื่อก้อนความสุขที่มันเกิดขึ้นดับลง ท่านรู้สึกและตั้งข้อสังเกตุว่า
แม้กระทั้งความสุขที่มันเกิดขึ้นเนี้ย มันยังไม่คงอยู่ถาวรเลย
แล้วอะไรล่ะคือแก่นสารของชีวิต หลังจากนั้นท่านก็คิดก็ค้นหาจนเห็นธรรม
และการเห็นธรรมในครั้งนั้นของท่านก็ทำให้เราๆท่านๆหลายๆคนได้มีมูลนิธิและก็เวปไซน์ดีๆไว้เผยแพร่ธรรมะ
(หากรายละเอียดผิดพลาดไปบ้างก็ต้องขออภัยด้วยค่ะ)
เมื่อก่อนดิฉันก็คิดเหมือนคุณว่าหากใครประสบทุกข์ก็จะเห็นธรรม
แต่จากเรื่องที่เล่ามานี้คงเป็นตัวอย่างที่ดีให้เรารู้ว่าจริงๆแล้ว
หากมีสติมากพบแล้วเห็นไตรลักษณ์เมื่อนั้นเราก็เห็นธรรมได้เหมือนกันค่ะ :b4:


แท้จริงแล้วเขาก็เห็นทุกข์ก่อนครับ ความทุกข์ที่เขาเห็นก็คือ การพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ที่พอใจ เป็นทุกข์ "ปิเยหิวิปโยโคทุกโข"

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2009, 08:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ต.ค. 2008, 18:05
โพสต์: 136


 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้ใดเห็นเรา ผู้นั้นเห็นธรรม
ผู้ใดเห็นปฏิจจสมุทปบาท ผู้นั้นเห็นธรรม...

ปฏิจจฯ คือการอธิบายที่มาแห่งทุกข์

ทุกข์คือความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย

มีความปรารถนาสิ่งใดๆ ๆไม่ได้สิ่งนั้นๆ ก็เป็นทุกข์
ความประสพกับสิ่งอันไม่เป็นที่รักที่พอใจ ก็เป็นทุกข์
ความพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักที่พอใจ ก็เป็นทุกข์
ความคับแค้นใจ ความขัดข้อง ความพยาบาทอาฆาตเบียดเบียน

ว่าโดยย่ออุปาทานขันธ์ทั้งห้าเป็นตัวทุกข์

ขันธ์ทั้งห้า คือกายและใจ
กายและใจ เป็นทุกข์ตามธรรมชาติของมันเองอยู่แล้ว ระดับหนึ่ง
การเข้าไปยึดถือกายและใจว่าเป็นตัวเราของเรา
ก็เป็นการเข้าไปซ้ำเติมทุกข์ให้หนักยิ่งขึ้นเพิ่มเข้าไปอีก...


เพราะได้รับรู้ทุกข์ ได้รับผลแห่งทุกข์
จึงมีการคิดค้นแสวงหาการดับทุกข์ หาทางออกไปจากทุกข์
ถ้าความหมายของคำว่า"ธรรม" คือหนทาง คือเครื่องมือในการดับทุกข์

ดังนั้นคำที่ควรกล่าวคือ
เพราะทุกข์นั้นแลเป็นเหตุทำให้ธรรมอันเป็นเครื่องกำจัดทุกข์เกิดมีขึ้น

เพราะถ้าทุกข์ไม่มี ไฉนเลยธรรมอันเป็นเครื่องกำจัดทุกข์จะถูกค้นหา...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2009, 09:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2007, 10:44
โพสต์: 8

ที่อยู่: ชลบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: เจริญๆ ถามได้แซ่บหลายๆ

อิๆ จาเห็นทุกข์ ก่อนเห็นธรรม หรือเห็นธรรมก่อน
ว่ากันว่า ธรรม นั่น คือธรรมชาติ ของตนเอง ธรรมอันอยู่รอบๆ ตน
ไม่มีวันเห็นธรรมหรือ ทุกข์ หรอก ว่ามาก่อนหรือหลัง ถ้ามะรู้ตัวเอง

มาฝึกสติ ให้เข้าทาง ก่อง จารู้เองว่า ธรรมมา ก่อนทุกข์ หรือทุกข์มาก่องธรรม

แต่ ถ้า ถาม ว่า มีศรัทธาก่อง จึงจาเห็น หละก็ โอเคเลย เพราะ.........

มีคำที่พุทธองค์ตรัสไว้สั้นๆว่า สัพเพ สังขารา ทุกขาติ ยะถาปัญญายะปัสสติ อะถะ นิพินทะติ ทุกเข เอสะมรรคโควิสุทธิยา

เมื่อเห็นปัญญาอันชอบ ว่า สังขารทั้งหลายนี้เป็นทุกข์ นั่นแหละเป็นทางแห่งพระนิพพาน อันหมจรด

เห็นทุกข์ นี่เพียง แค่เห็นทางเองเน้อ
ธรรม มานเป็นการประกอบ กันอันหลากหลาย ของทั้งตัวเราและสถาณการณ์รอบข้าง

มานก็เหมือนการเรียนหนังสือ ครูสอน ก็ท่องจำ ว่า ธรรมะ แต่ ธรรม นั้น ทุกข์นั้นเรา เท่านั้นที่รู้

:b9:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 31 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร