วันเวลาปัจจุบัน 18 เม.ย. 2024, 18:37  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.พ. 2009, 05:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ปปัญจธรรม

ปปัญจธรรม แปลว่า สิ่งที่ทำให้เนิ่นช้า
หมายถึงอกุศลธรรม 3 อย่างคือ ตัณหา มานะ ทิฏฐิ
ที่ว่า “เนิ่นช้า” นั้นคือ ทำให้ถึงนิพพานช้า สิ่งอันเป็นอุปสรรคต่อการบรรลุนิพพาน

ถ้าในความหมายต่ำลงมา หมายถึงสิ่งที่ทำให้จิตใจฟุ้งซ่านสับสน (Mental Difusion)
ไม่อาจแก้ปัญหาให้ตรงตามความเป็นจริงได้ ทำให้ยถาภูตญาณทรรศนะเสียไป

ยถาภูตญาณทรรศนะ คือความรู้เห็นตาม เป็นจริงเหมือนคนตาดี
มีความรู้ มองสิ่งต่างๆ ในที่แจ้ง ย่อมเห็นสิ่งนั้นๆ ตามที่มันเป็น
แต่ถ้าตาไม่ดีหรืออยู่ในที่มืดย่อมเห็นผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง

ตัณหา มานะ และทิฏฐิ 3 ตัวนี้ ก็เช่นเดียวกัน
ทำให้จิตใจสับสนวุ่นวาย ยึดมั่นถือมั่น ถือเอาสิ่งผิดว่าเป็นสิ่งถูก
ทำนองเห็นกงจักรเป็นดอกบัว หรือเหมือนคนแบกของหนักไว้ ทำให้เนิ่นช้าในการเดินทาง

สังสารวัฏนั้นเป็นสิ่งยาวไกลสำหรับคนพาลผู้ไม่รู้พระสัทธรรม
(ทีโฆ พาลาน สํสาโร สทฺธมฺมํ อวิชานตํ 25/23/15)

คนพาลหรือคนเขลาชอบแบกเอาก้อนหินใหญ่
คือ ปปัญจธรรม นี้เองไว้แล้วร้องว่าหนักจริงหนอๆ
แต่พอท่านผู้รู้บอกว่าให้วางก้อนหินลงเสียเถิดแล้วท่านจะเบา
เขากลับค้อนนิดหนึ่งแล้วตอบว่า “ฉันแบกของฉันมานานแล้ว จะวางทำไม”
แล้วเขาก็แบกไปร้องไปต่อไป ช่วยไม่ได้จริงๆ

มนุษย์เราจะมีความสุขขึ้นอีกมากทั้งส่วนตัวและผู้ที่เกี่ยวข้อง
ถ้าเขาตั้งใจจริงที่จะลดละตัณหา มานะและทิฏฐิ
อันเป็นตัวมารร้ายคอยทำลายความสุขและเพิ่มทุกข์ให้เขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

ข้าพเจ้าขอพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า ศัตรูหมายเลข 1 ของมนุษย์คือกิเลส
มันเป็นส่าเชื้อของความทุกข์ทั้งมวล (ทุกขสมุทัย)
แต่มนุษย์ไม่ค่อยตระหนักในเรื่องนี้
มัวสาละวนแก้ปัญหาอันไม่ตรงเงื่อนปม จึงแก้ปัญหาไม่ได้

มนุษย์ส่วนมากอวดดีเกินไป ไม่คอยฟังคำของนักปราชญ์
ไม่ค่อยยอมเดินตามรอยของพระอริยะ มีพระพุทธเจ้า เป็นต้น
จึงระหกระเหินหลงทางในป่าดงดิบอันเต็มไปด้วยอันตราย
กล่าวคือ ตัณหา มานะและทิฏฐิของตนๆ
เมื่อรวมเข้าด้วยกันจึงกลายรกชัฏ ยากที่จะสางได้
นอกจากท่านผู้ดำรงอยู่ในศีล สมาธิและปัญญา ดังพระพุทธพจน์ที่ว่า

“สีเล ปติฏฺฐาย นโร สปญฺโ จิตฺตํ ปญฺ ญฺจ ภาวยํ อาตาปี นิปโก ภิกฺขุ โส อิมํ วิชฏเย ชฏํ”
แปลว่า “นรชนผู้มีปัญญา ตั้งมั่นอยู่ในศีลแล้ว อบรมจิต (สมาธิ)
และปัญญาให้เจริญ เป็นผู้มีความเพียรมีปัญญารักษาตน
เห็นภัยในวัฏฏะ ย่อมสางรกชัฏ (มีตัณหา เป็นต้น) เสียได้” (15/20)

ปปัญจธรรมเล่มนี้ สำเร็จลงด้วยดี จากการที่คณะศิษย์ได้ทำเทปคำบรรยายทางวิทยุ
ถอดเทปทำต้นฉบับและพิมพ์ออกเผยแพร่อย่างที่ท่านเห็นอยู่นี้
ทำให้พระสัทธรรมของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแพร่หลายออกไปสู่มวลชนน่า
อนุโมทนาต่อศรัทธา วิริยะและปัญญาของพวกเธอยิ่งนัก
ขอให้พวกเธอได้รับการคุ้มครองโดยธรรม เป็นผู้แตกฉานในธรรม
ประสบความสำเร็จในธรรมตามประสงค์จงทุกประการ

ขอท่านผู้อ่านจงพ้นจากทุกข์ โศกโรคภัย
เย็นกายสบายใจในที่ทุกสถาน ในกาลทุกเมื่อเทอญ

วศิน อินทสระ
4 กุมภาพันธ์ 2546

อ่านเต็มๆ ได้ที่นี่
http://www.ruendham.com/book_detail.php ... ey_run=719


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 17 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร