วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 23:46  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=25



กลับไปยังกระทู้  [ 22 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2008, 14:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

ก า ร กู้ พ ร ะ ศ า ส น า
ข อ ง พ ร ะ เ จ้ า ต า ก สิ น ม ห า ร า ช

อาจารย์สมพร เทพสิทธา
ประธานสภายุวพุทธิกสมาคมแห่งชาติฯ
และนายกสมาคมส่งเสริมเอกลักษณ์ของชาติ



• ความเสื่อมโทรมของพระพุทธศาสนา

พระเจ้าตากสินมหาราช ได้ทรงกอบกู้เอกราชของชาติไทยจากพม่า
ด้วยความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวและความเสียสละอย่างสูง

หลังจากที่กรุงศรีอยุธยาได้พ่ายแพ่แก่พม่าอย่างยับเยิน
และสูญสิ้นอิสรภาพ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๐

พระเจ้าตากสินมหาราช
ได้ทรงใช้พระเวลาเพียง ๗ เดือนในการกู้เอกราชของชาติ
ได้ขจัดทัพพม่าซึ่งตั้งรักษาการอยู่ ณ ค่ายโพธิ์สามต้น แขวงกรุงศรีอยุธยา
ให้แตกพ่ายหนีออกไปนอกราชอาณาจักร

นอกจากการกอบกู้เอกราชของชาติไทยแล้ว
พระเจ้าตากสินมหาราช ยังได้ทรงกอบกู้พระพุทธศาสนา
ซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติไทยให้กลับฟื้นคืนดีจนมีความมั่นคงสถาพร

ในวันที่ ๗ เมษายน ๒๓๑๐ ทหารพม่าได้เข้ายึดกรุงศรีอยุธยา
ได้ฆ่าฟันราษฎร พระสงฆ์ รวมทั้งเด็กๆ อย่างโหดเหี้ยม
ไปปล้นทรัพย์สินของราษฎร ได้เผาปราสาทราชวัง วัดวาอาราม
พระประธานศอพระเศียรกลิ้งลงกับดิน ทองที่ปิดองค์พระพุทธรูป
เช่น หลวงพ่อมงคลบพิตร ก็ถูกพม่าเอาไฟลนลอกเอาทองออกไปหมด

รูปภาพ
[สภาพปรักหักพังของพระวิหาร วัดมงคลบพิตร จ.พระนครศรีอยุธยา
(ก่อนการบูรณะ) หลังกรุงศรีอยุธยาพ่ายแพ้แก่ข้าศึก]



การเสียกรุงศรีอยุธยา ใน พ.ศ. ๒๓๑๐
ทำให้พระพุทธศาสนาในราชอาณาจักรไทยได้รับความกระทบกระเทือน
และความเสื่อมโทรมอย่างหนักอย่างไม่เคยประสบมาก่อน


วัดวาอาราม พระพุทธรูป พระสถูปเจดีย์ ปูชนียสถาน ปูชนียวัตถุ
ตลอดจนพระไตรปิฎก พระธรรมคัมภีร์ต่างๆ
ต้องวิบัติสูญเสียไปด้วยน้ำมือของข้าศึกมากมายก่ายกอง

พระสงฆ์องค์เจ้าถูกฆ่า ถูกข้าศึกจับต้อนไปเป็นเชลยจำนวนไม่น้อย
ที่เหลืออยู่ก็ต้องซัดเซพเนจร กระจัดกระจายหลบซ่อนไปอยู่ตามที่ต่างๆ

(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2008, 15:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ
[พระบรมราชานุสาวรีย์ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ในท่าประทับนั่งมีพระแสงดาบพาดอยู่ที่พระเพลา
ประดิษฐานอยู่หน้าพระอุโบสถ (หลังใหม่) วัดอินทาราม กรุงเทพฯ]



• ทรงเอาพระทัยใส่ในการทำนุบำรุงพระศาสนา

ในรัชสมัย พระเจ้าตากสินมหาราช
เป็นยุคสมัยที่บ้านเมืองในภาวะบ้านแตกสาแหรกขาด
มีแต่ความพินาศย่อยยับอยู่ทั่วไป

เป็นสมัยของการกู้ชาติกู้แผ่นดิน
เป็นสมัยที่ พระเจ้าตากสินมหาราช ต้องทรงเหน็ดเหนื่อยตรากตรำ
คร่ำเคร่งอยู่กับการรบทัพจับศึกตลอดเวลา

แม้พระเจ้าตากสินมหาราช
จะทรงกรำศึกสงครามเกือบตลอดรัชสมัย
แต่พระองค์ก็ทรงเอาพระทัยใส่ในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา
ด้วยพระราชศรัทธาปสาทะในพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคง


พระเจ้าตากสินมหาราช ได้ทรงพระราชดำรัส
เมื่อครั้งที่ทรงยกทัพไปปราบเมืองพุทไธมาศ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๔ มีข้อความดังนี้

“เป็นความสัจแห่งข้า ข้าทำความเพียรมิได้เห็นแก่กายและชีวิต
ทั้งนี้จะปรารถนาสมบัติพัสถานอันใดหามิได้
ปรารถนาจะให้แต่สมถชีพราหมณ์สัตว์โลกเป็นสุข
อย่าให้เบียดเบียนกัน ให้อยู่ในธรรมปฏิบัติ
เพื่อที่จะเป็นปัจจัยแก้โพธิญาณสิ่งเดียว

ถ้าแลผู้ใดสามารถอยู่ในราชสมบัติให้สมณชีพราหมณ์ประชาราฎร์เป็นสุขใด้
จะยกสมบัตินี้เพื่อบุคคลนั้น แล้วข้าจะไปสร้างสมณธรรมแต่ผู้เดียว
ถ้ามิฉะนั้นปรารถนาศีรษะและหทัย วัตถุสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็จะให้แก่ผู้นั้น”


พระราชดำรัสที่อัญเชิญมา
แสดงให้เห็นถึงพระราชปณิธานอันแน่วแน่ของ พระเจ้าตากสินมหาราช
ว่าไม่ได้ทรงปรารถนาราชสมบัติ และสมบัติพัสถานแต่อย่างใด

ความปรารถนาของพระองค์คือ
ให้สมณชีพราหมณ์และประชาชนได้อยู่เป็นสุข
อย่าได้เบียดเบียนกัน ให้อยู่ในธรรมปฏิบัติ
ความปรารถนาอันสูงสุดของพระองค์ คือ พระโพธิญาณ

หากมีผู้ใดที่สามารถครองราชสมบัติ
ให้สมณชีพราหมณ์และประชาชนอยู่เป็นสขใด้
ก็ทรงยินดีจะยกราชสมบัติให้บุคคลนั้น
เพื่อพระองค์จะได้ไปเจริญสมณธรรมแต่ผู้เดียว
หากต้องการศีรษะและดวงพระหฤทัยของพระองค์ ก็ยินดีจะมอบให้

พระราชปรารถและน้ำพระทัยของ พระเจ้าตากสินมหาราช
ที่จารึกในศาลสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี วัดอรุณราชวราราม
และในพระวิหารสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช วัดอินทาราม ธนบุรี มีข้อความดังนี้


รูปภาพ
[ภาพระยะไกลของพระบรมราชานุสาวรีย์ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ในท่าประทับนั่งมีพระแสงดาบพาดอยู่ที่พระเพลา
ประดิษฐานอยู่หน้าพระอุโบสถ (หลังใหม่) วัดอินทาราม กรุงเทพฯ]



อันตัวพ่อ...................นี้ชื่อ.............พระยาตาก
ทนทุกข์ยาก...............กู้ชาติ...........พระศาสนา
ถวายแผ่นดิน.............ให้เป็น...........พุทธบูชา
แก่ศาสดา...................สมณะ...........พระพุทธโคดม


ให้ยืนยง.....................คงถ้วน..........ห้าพันปี
สมณะพราหมณ์ชี.........ปฏิบัติ..........ให้พอสม
เจริญสมถะ..................วิปัสสนา........พ่อชื่นชม
ถวายบังคม.................รอยบาท........พระศาสดา


คิดถึงพ่อ....................พ่ออยู่.............คู่กับเจ้า
ชาติของเรา.................คงอยู่.............คู่ศาสนา
พระศาสนา..................ยืนยงคู่..........องค์กษัตรา
พระศาสดา..................ฝากไว้...........ให้คู่กัน


(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2008, 15:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

• การจัดระเบียบสังฆมณฑล

แม้ต้องเสียกรุงศรีอยุธยาไปในปี พ.ศ. ๒๓๑๐
การสังฆมณฑลในประเทศไทยได้ประสบกับความพินาศยับเยิน
หลังจากที่ พระเจ้าตากสินมหาราช ได้สถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานีแล้ว
ก็ทรงโปรดให้ดำเนินการจัดระเบียบสังฆมณฑลทันที ใน พ.ศ. ๒๓๑๑

พระเจ้าตากสินมหาราช ได้ทรงรับสั่งให้
ออกสืบเสาะหาพระสงฆ์ที่ทรงคุณธรรมจากทุกหนทุกแห่ง
แล้วนิมนต์ให้มาประชุมพร้อมกัน ณ วัดบางว้าใหญ่ (วัดระฆังโฆสิตาราม ในปัจจุบัน)

รูปภาพ
[พระอุโบสถ วัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพฯ]


แล้วเลือกตั้งพระเถระที่ทรงคุณธรรมและแก่พรรษาอายุ
ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช
เพื่อให้เป็นใหญ่ดูแลการพระศาสนาในสังฆมณฑลต่อไป

ต่อจากนั้นก็โปรดให้แต่งตั้งบรรดาพระเถรานุเถระ
เป็นพระราชาคณะฐานานุกรมใหญ่น้อยตามสมฐานันดรศักดิ์
เหมือนดังที่เคยมีมาแต่กาลก่อน

แล้วโปรดให้นิมนต์ไปประจำอยู่ตามอารามต่างในกรุงธนบุรี
ทำหน้าที่บังคับบัญชาสั่งสอนว่ากล่าวทั้งในฝ่ายคันธธุระ
และวิปัสสนาธุระแก่พระภิกษุสามเณรทั้งปวง
เพื่อให้เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาแก่มหาชน
และเพื่อให้พระพุทธศาสนา
ได้กลับบริสุทธิ์ผุดผ่องคืนกลับเข้าสู่สภาพเดิมต่อไป


ปรากฏว่าในครั้งนั้น คณะสงฆ์ได้พร้อมใจกันเลือก
พระอาจารย์ดี วัดประดู่ จากกรุงศรีอยุธยา
ให้รับตำแหน่ง สมเด็จพระสังฆราชเป็นพระองค์แรกในสมัยกรุงธนบุรี


การปกครองสงฆ์ในสมัยกรุงธนบุรี
จึงได้พ้นจากภาวะจราจลระส่ำระสาย
เริ่มเข้ารูปเป็นระเบียบเรียบร้อยนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา


(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2008, 15:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ
[ภาพเขียนสีน้ำมัน : พระปรางค์ วัดอรุณราชวราราม]


• การบรูณปฏิสังขรณ์วัดที่สำคัญ

พระเจ้าตากสินมหาราช
ได้ทรงให้มีการบูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอารามต่างๆ หลายพระอาราม


พระอารามที่ได้โปรดให้สถาปนาขึ้นในรัชกาลของพระองค์
คือ วัดบางยี่เรือเหนือ (วัดราชคฤห์)
พระอารามที่ทรงบูรณปฏิสังขรณ์ ได้แก่
วัดบางหว้าใหญ่ (วัดระฆังโฆสิตาราม) วัดแจ้ง (วัดอรุณราชวราราม)
วัดบางยี่เรือใต้ (วัดอินทาราม) วัดหงส์อาวาสวิหาร (วัดหงส์รัตนาราม)


วัดสำคัญที่สุดที่ พระเจ้าตากสินมหาราช
ทรงเอาพระทัยใส่บูรณปฏิสังขรณ์มากที่สุด คือ วัดอินทาราม
สมัยนั้นเรียกว่า วัดบางยี่เรือนอก หรือวัดบางยี่เรือใต้
เป็นวัดเก่าแก่สร้างตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา
วัดนี้โปรดให้ยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นพิเศษ ฝ่ายสมถะวิปัสสนา

เมื่อสมเด็จกรมพระเทพามาตย์ พระบรมราชชนนี เสด็จสวรรคต
ก็โปรดให้ถวายพระเพลิงพระบรมศพที่วัดนี้ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๘

รูปภาพ
[พระอุโบสถ (หลังใหม่) วัดอินทาราม กรุงเทพฯ]


พระเจ้าตากสินมหาราช
ทรงโปรดให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดบางยี่เรือนอกอย่างขนานใหญ่
สร้างกุฏิใหม่ถึง ๒๐ หลัง พร้อมทั้งบูรณะพระพุทธรูป
พระสถูปเจดีย์ พระอุโบสถ พระวิหาร ตลอดทั่วทั้งพระอาราม
เสร็จแล้วก็โปรดให้อาราธนาพระสงฆ์ฝ่ายวิปัสสนาธุระ
เข้าไปประจำอยู่ตามกุฏิซึ่งทรงสร้างขึ้นถวาย

พระเจ้าตากสินมหาราช
ได้เสด็จไปทรงเจริญวิปัสสนากรรมฐานอยู่ที่วัดบางยี่เรือนอกเป็นเวลาถึง ๕ วัน
เพื่ออุทิศพระราชกุศลถวายแด่พระบรมราชชนนี
พระแท่นที่บรรทมระหว่างที่ทรงประทับแรมที่วัดนี้
ยังคงเก็บรักษาไว้เป็นอนุสรณ์อยู่ในวิหารเล็กข้างพระอุโบสถจนตราบเท่าทุกวันนี้

อีกวัดหนึ่งที่ทรงโปรดให้ปฏิสังขรณ์เป็นการใหญ่
พร้อมกับการปฏิสังขรณ์วัดบางยี่เรือนอก คือ วัดหงส์รัตนาราม
ซึ่งมีชื่อเรียกเป็นทางการว่า “วัดหงส์อาวาสวิหาร”
แล้วเสร็จใน พ.ศ. ๒๓๑๙ ได้ทรงยกย่องขึ้นเป็นพระอารามชั้นเอกอีกวัดหนึ่ง
โดยให้เป็นวัดฝ่ายการศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรม


พระอารามหลวงที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งสมัยกรุงธนบุรี
คือ วัดอรุณราชวราราม ซึ่งสมัยนั้นมีชื่อเรียกว่า วัดแจ้ง


รูปภาพ
[พระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ประดิษฐานอยู่ภายในโบสถ์น้อย วัดอรุณราชวราราม กรุงเทพฯ]



พระเจ้าตากสินมหาราช ได้ทรงเอาพระทัยใส่บูรณะเป็นอย่างมาก
แต่เนื่องจากวัดนี้ในสมัยกรุงธนบุรีเป็นวัดอยู่ในเขตพระราชฐาน
จึงไม่มีพระสงฆ์อยู่อาศัย

ต่อมาในปลายรัชกาล เมื่อทรงได้พระแก้วมรกตมาจากเวียงจันทร์
ก็ได้โปรดให้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ในพระอารามแห่งนี้

(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2008, 15:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ
[พระบรมรูปหล่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ประดิษฐาน ณ วัดสมณโกฐ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา]



• ทรงส่งเสริมการศึกษาเล่าเรียนพระไตรปิฏก

พระเจ้าตากสินมหาราช ทรงมีพระราชดำริว่า
พระพุทธศาสนาจะดำรงอยู่ตลอดไปชั่วกาลนานได้
ก็เพราะพระภิกษุสามเณรเอาใจใส่ศึกษาเล่าเรียนพระไตรปิฏก
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สังฆการีธรรมการทำสารบัญชีสำรวจดูว่า

พระสงฆ์องค์ใดบ้างที่บอกเล่าเรียนไตรปิฎกได้มาก
ก็ทรงถวายไตรจีวรชนิดฝ้ายเทศเนื้อละเอียดให้เป็นพิเศษ
แล้วพระราชทานจตุปัจจัยแก่พระภิกษุสามเณรตามความรู้ที่ได้เล่าเรียนมา

การเสียกรุงศรีอยุธยา ใน พ.ศ. ๒๓๑๐
ได้ทำให้พระไตรปิฏกซึ่งเป็นคัมภีร์สำคัญ
ของพระพุทธศาสนาถูกไฟเผาผลาญหมดสิ้น


รูปภาพ
[ตู้พระไตรปิฎกลายรดน้ำขนาดใหญ่สมัยกรุงศรีอยุธยา]


เมื่อพระเจ้าตากสินมหาราชเสด็จขึ้นเสวยราชย์แล้ว
พระองค์ได้ทรงเอาพระทัยใส่สืบเสาะหา
ต้นฉบับพระไตรปิฏกตามบรรดาหัวเมืองต่างๆ
ที่ยังหลงเหลือรอดพ้นจากทำลายของข้าศึก แล้วนำมาคัดลอกจำลองไว้
เพื่อสร้างเป็นพระไตรปิฏกฉบับหลวง


เช่น เมื่อคราวที่เสด็จลงไปปราบชุมนุมเจ้านคร ในปี พ.ศ. ๒๓๑๒
ตอนเสด็จกลับก็โปรดให้ยืมคัมภีร์พระไตรปิฏกจากเมืองอุตรดิตถ์
เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๑๓ ก็โปรดให้นำพระไตรปิฎกจากมืองนั้นลงมา
เพื่อใช้สอบทาบกับฉบับที่ได้มาจากมืองนครศรีธรรมราช

เป็นที่น่าเสียดายที่การสร้างพระไตรปิฏกฉบับหลวง
ของ พระเจ้าตากสินมหาราช ยังไม่ทันที่จะสำเร็จเรียบร้อยสมบูรณ์
ก็มีเหตุที่ทำให้ต้องสิ้นรัชกาลเสียก่อน


(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2008, 17:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ
[พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ประดิษฐาน ณ ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช อ.เมือง จ.จันทบุรี]



• พระบรมราโชวาทที่พระราชทานแก่คณะสงฆ์

เมื่อ พระเจ้าตากสินมหาราช
ทรงโปรดให้ดำเนินการบูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม
เป็นการใหญ่ในปี พ.ศ. ๒๓๑๑

เมื่องานได้เสร็จสิ้นลงแล้ว
พระองค์ได้พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่คณะสงฆ์

ขอให้พระสงฆ์ยึดมั่นอยู่ในพระธรรมวินัย
อย่าให้พระพุทธศาสนาต้องเศร้าหมอง
ขัดข้องประการใดจะทรงรับเป็นพระราชธุระจัดหาให้โดยเต็มที่


พระราชดำรัสตอนหนึ่งมีข้อความว่า

“ถ้าพระผู้เป็นเจ้าทั้งปวง มีศีลคุณบริสุทธิ์ในพระศาสนาแล้ว
แม้จะปรารถนามังสะ (เนื้อ) รธิระ (เลือด) โยม
โยมก็จะสามารถเชือดเนื้อแลโลหิตออกบำเพ็ญทานได้”


รูปภาพ

พระเจ้าตากสินมหาราช ยังได้ทรงพระราชทานพระบรมราโชวาท
แก่พระญวนเป็นภาษาญวน ขอให้พระญวนตั้งอยู่ในวินัยสิกขา
อย่าคบหาส้องเสพด้วยสีกา ให้อุตสาหะทำนุบำรุงพระศาสนาให้รุ่งเรือง

พระเจ้าตากสินมหาราช
ทรงมีความคุ้นเคยกับชาวมุสลิมเป็นอันดี
โดยเฉพาะกับพวกโต๊ะครู

ถึงกับเคยทรงเข้าสมาธิให้ดูเป็นเวลานานถึง ๓๐ นาที
บางครั้งพวกโต๊ะครูก็นำหนังสือ
ที่เกี่ยวกับการปฏิบัติสมาธิของทางฝ่ายอิสลามเข้าไปอ่านถวาย

รูปภาพ

(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2008, 17:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ
[ภายในเขตพระราชฐาน พระราชวังเดิมของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช]


• ทรงมีธรรมสากัจฉาและพระราชปุจฉากับพระราชาคณะ

พระเจ้าตากสินมหาราช ไม่ได้ทรงอุปถัมภ์ค้ำชูพระพุทธศาสนา
ด้วยพระราชทรัพย์ตามโบราณราชประเพณีเท่านั้น
พระองค์ยังทรงขวนขวายค้นคว้าศึกษาพระธรรมของพระพุทธศาสนา
และทรงปฏิบัติตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัด


เมื่อว่างจากพระราชกิจ มีโอกาสเมื่อใด
พระเจ้าตากสินมหาราช จะโปรดให้นิมนต์สมเด็จพระสังฆราช
หรือพระราชาคณะที่ทรงคุณธรรมมีความรู้เข้าไปในพระราชฐาน
แล้วทรงมีธรรมสากัจฉาด้วย

บางครั้งจะพระราชทานพระราชปุจฉา
ให้วิสัชนาถวายเฉลยปัญหาถวายพระพรให้ทรงทราบเป็นเรื่องๆ ไป

ความหนึ่งในปี พ.ศ. ๒๓๒๐ ได้ทรงพระราชปุจฉา
กับสมเด็จพระสังฆราชถึงเรื่องผลของการบำเพ็ญทาน

อีกคราวหนึ่งในปีเดียวกัน ได้ทรงมีพระราชปุจฉากับพระราชาคณะ
เกี่ยวกับพุทธลักษณะเพื่อสร้างพระพุทธรูปฉลองพระองค์

(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2008, 17:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ
[พระบรมรูปทรงม้าสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ประดิษฐาน ณ วัดอินทาราม]


• พระราชกำหนดว่าด้วยศีลสิกขา

พระเจ้าตากสินมหาราช
ได้โปรดให้ตราพระราชกำหนดว่าด้วยศีลสิกขา
เมื่อปีมะเส็ง เบญจศก จุลศักราช ๑๑๓๕ ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๑๖
ซึ่งอยู่ระยะต้นรัชสมัย เพิ่งครองราชย์และสถาปนากรุงธนบุรีมาได้ ๖ ปี


ในขณะนั้นสถานการณ์บ้านเมืองยังไม่สู้จะเป็นปกติดี
บรรดาประเทศราชต่างๆ รวมทั้งเชียงใหม่
และหัวเมืองภาคเหนือทั้งหลาย ในขณะนั้น
ยังไม่ได้กลับมารวมอยู่ในพระราชอาณาจักร

และในปี พ.ศ. ๒๓๑๖ นี้
พม่าได้ยกทัพลงมาจากเมืองเชียงใหม่มาตีเมืองพิชัย

ในขณะนั้นกิจการคณะสงฆ์และสังฆมณฑลยังไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย
พระสงฆ์จำนวนมากประพฤติปฏิบัติยิ่งหย่อน
ไม่อยู่ในพระธรรมวินัยอันดี
ทำให้เป็นที่เสื่อมศรัทธาของประชาชน

รูปภาพ

หากปล่อยทิ้งไว้ต่อไป
จะมีผลเสียหายต่อความมั่นคงของชาติและพระศาสนา


พระเจ้าตากสินมหาราช
จึงได้โปรดให้ ตราพระราชกำหนดว่าด้วยศีลสิกขา ฉบับนี้ขึ้นมา
เพื่อบังคับให้พระสงฆ์ปฏิบัติตนให้อยู่ในพระธรรมวินัย
เพื่อดึงศรัทธาของประชาชนกลับคืนมา
และเพื่อให้พระพุทธศาสนาได้ยืนยงคงอยู่กับสังคมไทยสืบไป


อาจกล่าวได้ว่าพระราชกำหนดเกี่ยวกับศีลสิกขาฉบับนี้
เป็นกฏหมายเกี่ยวกับพระสงฆ์ฉบับแรกของประเทศไทย


พระราชกำหนดว่าด้วยศีลสิกขา จุลศักราช ๑๑๓๕
ของ พระเจ้าตากสินมหาราช
เป็นการแสดงถึงพระปรีชาสามารถทางด้านพระพุทธศาสนาของพระองค์
และยังเป็นการแสดงถึงความเอาพระทัยใส่ในคณะสงฆ์
และการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติ


(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2008, 18:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ
[พระบรมรูปของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ขณะทรงศีลในวัดอินทาราม]


• ทรงปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน

พระเจ้าตากสินมหาราชทรงใฝ่พระราชหฤทัย
ในการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อทรงว่างจากการราชกิจด้านอื่น
พระองค์จะประทับนั่งเจริญภาวนา ปฏิบัติกรรมฐานอยู่เป็นเนืองนิตย์


สถานที่ซึ่งทรงเจริญวิปัสสนากรรมฐานเป็นประจำ
เข้าใจว่าเป็นที่ พระตำหนักแพ หน้าวัดอรุณราชวราราม
ซึ่งในสมัยนั้นเรียกว่า วัดแจ้ง
หรือไม่ก็โบสถ์น้อยหน้าพระปรางค์ ซึ่งเป็นโบสถ์เดิมของวัด
ทั้งนี้เพราะวัดอรุณราชวรารามอยู่เขตพระราชฐาน ไม่มีพระสงฆ์ประจำ
จึงสะดวกต่อการเสด็จไปปฏิบัติธรรมเป็นเนืองนิตย์

รูปภาพ
[พระปรางค์วัดอรุณราชวราราม ในยามราตรี]


หลักฐานสำคัญที่เป็นอนุสรณ์แห่งการปฏิบัติธรรมของพระองค์
และยังคงเหลือเป็นประจักษ์พยานสืบมาจนบัดนี้ก็คือ
พระแท่นสำหรับทรงเจริญวิปัสสนากรรมฐาน
ซึ่งประดิษฐานอยู่ในโบสถ์น้อยหน้าพระปรางค์
เป็นพระแท่นทำด้วยไม้กระดานแผ่นเดียว
มีขนาดใหญ่โตกว่าไม้กระดานแผ่นใดใดที่เคยพบเห็นมา


นอกจากพระตำหนักแพหน้าวัดอรุณราชวรารามแล้ว
บางครั้งก็ยังทรงพระราชอุตสาหะเสด็จไปเจริญวิปัสสนากรรมฐานที่ วัดอินทาราม
(วัดบางยี่เรือนก หรือบางยี่เรือใต้) เป็นเวลานานติดต่อกันถึง ๕ วัน ๕ คืน
เพื่ออุทิศพระราชกุศลถวายแด่สมเด็จพระบรมราชชนนี
ที่วัดแห่งนี้ยังมีพระแท่นที่บรรทมเก็บรักษาไว้เป็นอนุสรณ์อยู่ในวิหารเล็กข้างพระอุโบสถ

รูปภาพ
[พระแท่นที่บรรทมของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
เก็บรักษาไว้เป็นอนุสรณ์อยู่ในพระวิหารเล็กข้างพระอุโบสถ วัดอินทาราม]


(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2008, 22:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

• ทรงพระสติวิปลาสจริงหรือ?

จากประวัติศาสตร์ที่เขียนไว้ และเขียนเป็นตำราใช้สอนนักเรียน

ในปลายรัชสมัย พระเจ้าตากสินมหาราช
เมื่อสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกไปราชการทัพเมืองเขมร
พระเจ้าตากสินมหาราช ทรงปฏิบัติกรรมฐานจนเสียพระสติ
กระทำการหลายอย่างที่ไม่เหมาะสม จึงเกิดการขบถขึ้นภายในพระนคร
พระยาสรรคหัวหน้าขบถได้จับพระเจ้าตากสินมหาราชไว้

ครั้น เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก กลับจากราชทัพถึงกรุงธนบุรี
ก็ให้สำเร็จโทษพระเจ้าตากสินมหาราชด้วยท่อนจันทร์

รูปภาพ

มีนักประวัติศาสตร์หลายคน
รวมทั้งพระเถระและประชาชนจำนวนมากไม่น้อยไม่เชื่อว่า
พระเจ้าตากสินมหาราชทรงพระสติวิปลาส


เพราะไม่น่าเป็นไปได้ที่พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นมหาราช
ที่ยิ่งด้วยพระบารมี และพระปรีชาสามารถอันสูงส่ง
ทรงกอบกู้เอกราชของชาติไทยได้ภายในเวลาเพียง ๗ เดือน
จะทรงพระสติวิปลาสเพราะการเจริญกรรมฐาน

และไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก
ซึ่งเป็นผู้มีคุณธรรม และยึดมั่นในหลักธรรมของพระพุทธศาสนา
เป็นทั้งพระสหายร่วมสาบานและทหารเอกที่ร่วมกันต่อสู้อริราชศัตรู
อย่างเคียงบ่าเคียงไหล่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา
ตลอดจนได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก พระเจ้าตากสินมหาราช
จะสั่งให้สำเร็จโทษ พระเจ้าตากสินมหาราช


(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ธ.ค. 2008, 22:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ
[พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ประดิษฐานบริเวณวงเวียนใหญ่ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ :
ออกแบบและสร้างสรรค์ โดยศาสตราจารย์ศิลป พีระศรี]



• ผลเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น

หลายคนเป็นห่วงถึงผลเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
เป็นห่วงว่าเยาวชนที่อ่านประวัติศาสตร์ตอนนี้
อาจจะเข้าใจไปว่าผู้ที่ปฏิบัติกรรมฐานมาก อาจจะเสียสติก็ได้

ทำให้เกิดทัศนคติที่ไม่ดีต่อพระพุทธศาสนา
นอกจากนี้อาจจะเกิดความรู้สึกที่ไม่ดีต่อสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก
ที่สั่งให้สำเร็จโทษ พระเจ้าตากสินมหาราช ด้วยท่อนจันทร์

ในเอกสารเรื่อง

“เหตุแห่งการปรารภสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์
สมเด็จพระเจ้าตากสินกรุงธนบุรีมหาราช
และพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช”


ซึ่งตีพิมพ์ไว้เป็นที่ระลึกในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงวางศิลาฤกษ์ พระมหามณฑปพระพุทธบาท ภปร. สก.
ณ วัดญาณสังวราราม ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี

ในวันที่ ๒๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๒๗ มีข้อความตอนหนึ่งว่า

“ในความเชื่อนั้น สมเด็จพระเจ้าตากสินกรุงธนบุรีมหาราช
ทรงเสียพระจริตเพราะทรงปฏิบัติพระกรรมฐานมาก
เป็นเหตุหนึ่งที่จะทำให้ผู้ที่ปฏิบัติกรรมฐานลังเลว่า
ตนเองจะเสียสติเช่นเดียวกับสมเด็จพระเจ้าตากสินกรุงธนบุรีมหาราช


ในความเชื่อนั้น พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
ซึ่งทรงเป็นทั้งทหารเอกและเป็นทั้งพระสหายร่วมสาบาน
ทรงโปรดให้ประหารสมเด็จพระเจ้าตากสินกรุงธนบุรีเสียด้วยท่อนจันทร์
พระองค์เองขึ้นเป็นกษัตริย์แทน
เป็นเหตุให้ยังมีผู้คนจำนวนไม่น้อยในปัจจุบัน
ผูกใจเพ่งโทษสมเด็จพระมหาราชองค์พระปฐมบรมราชวงศ์จักรี


ผู้เรียนหนังสือไทยทุกคนได้รับรู้เรื่องนี้ในสมัยที่มีอายุเพียงสิบกว่าขวบ
จิตใจที่กำลังบริสุทธิ์อ่อนไหว
เรื่องที่ได้รับรู้จึงเกิดเป็นจินตนาการที่กระทบกระเทือนใจอย่างรุนแรง
คนเป็นๆ ทั้งคนถูกจับยัดใส่กระสอบ
แล้วถูกทุบด้วยท่อนไม้จนตาย จะเจ็บปวดทรมานสักเพียงใด

และคนๆ นั้นเป็นถึงพระเจ้าแผ่นดินทีเดียว น่าสยดสยองยิ่งนัก
ความประหวั่นพรั่นพรึงของเด็กที่เรียนรู้เรื่องนี้นั้นรุนแรงเหลือจะพรรณนา
ฝังรากลึกเป็นอย่างยิ่งลงในจิตใจที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง

ขณะที่อเน็จอนาจใจเกี่ยวกับความบ้าคลั่งของพระเจ้าตากสินธนบุรีมหาราช
ความหวาดหวั่นพรั่นพรึงชิงชังรังเกียจ ความโหดเหี้ยมอำมหิต
ก็พุ่งตรงไปที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช”


รูปภาพ
[พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ประดิษฐาน ณ วัดอินทรวิหาร บางขุนพรหม กรุงเทพฯ]


(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2008, 12:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

• พระบรมราชกุศโลบายอันลึกซึ้ง

ในเอกสารเรื่อง
“สมเด็จพระเจ้าตากสินกรุงธนบุรีมหาราชกับพระบรมราชจักรีวงศ์”

ซึ่งพิมพ์เป็นที่ระลึกในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงวางศิลาฤกษ์ พระมหามณฑปพระพุทธบาท ภปร. สก.
ณ วัดญาณสังวราราม ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี

ในวันที่ ๒๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๒๗

มีข้อความเกี่ยวกับพระบรมราชกุศโลบายอันลึกซึ้งของพระเจ้าตากสินมหาราช
และพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ดังนี้

“เป็นที่รู้ทั่วไปแล้วว่า คนจีนได้ให้สมเด็จพระเจ้าตากสินกรุงธนบุรีมหาราช
ทรงยืมทรัพย์สินเงินทองมาจากเมืองจีนจำนวนมหาศาล
เพื่อทรงใช้จ่ายในการสร้างชาติไทยให้พ้นจากสภาพยับเยินเสียหาย
หลังจากทรงกอบกู้อิสรภาพของไทยคืนมาได้แล้ว

ความมุ่งหมายสำคัญของจีนในการแสดงน้ำใจ
ให้ความร่วมมืออันยิ่งใหญ่ครั้งนั้น จีนเองก็รู้ดี
และสมเด็จพระเจ้าตากสินกรุงธนบุรีมหาราช
ผู้ทรงมีพระชาติสูงส่งด้วยพระปรีชาญาณยิ่งนัก ก็ต้องทรงหยั่งรู้เช่นกัน


แต่ก็ทรงมั่นพระราชหฤทัยว่าจะทรงสามารถแก้ไขเหตุการณ์
ให้เป็นผลดีแก่ประเทศไทยของพระองค์ได้
จึงทรงรับความร่วมมือของจีนไว้อย่างเต็มที่
มีผลให้ทรงบูรณะสร้างสรรค์ทุกสิ่งทุกอย่างในขณะนั้น
จนไทยกลับคืนสู่ความเป็นประเทศเอกราชได้อย่างเต็มความสามารถ


รูปภาพ
[ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช อ.เมือง จ.จันทบุรี]


“ครั้นปรากฏผลสัมฤทธิ์ประจักษ์ว่า
สมเด็จพระเจ้าตากสินกรุงธนบุรีมหาราชทรงพระปรีชาสามารถยิ่งนัก
ในฐานะทรงเป็นพระมหากษัตรย์ไทย
จีนก็แสดงความจริงใจให้ชัดแจ้งต่อพระองค์
ยื่นคำขาดให้ทรงส่งทรัพย์สินเงินทองที่ทรงยืมมาใช้คืนให้หมดสิ้นในทันที
ไม่ยอมให้มีการผ่อนผัน หรือมิฉะนั้นก็จะถือเป็นเหตุให้ยกกำลังบุกไทยเข้าทวงหนี้


แม้จะเป็นหนี้ส่วนพระองค์
สมเด็จพระเจ้าตากสินกรุงธนบุรีมหาราช
ก็มิได้ทรงนำชาติเข้าไปเกี่ยวข้องให้เป็นหนี้ส่วนของไทยด้วยก็ตาม

น่าจะเป็นไปได้ด้วยว่า
ก่อนจะมีการยื่นคำขาดบีบบังคับให้ทรงใช้หนี้อย่างฉับพลันทันที
อาจจะมีการชังจูงโน้มน้าวพระราชหฤทัยให้ทรงเห็นดีเห็นงามว่า
สำหรับพระองค์ท่านนั้น จีนมีความสำคัญยิ่งกว่าไทย
จึงควรเห็นกับจีนยิ่งกว่าเห็นกับไทย และยกไทยให้ขึ้นกับจีนเสีย


แต่ทรงมีพระมหากรุณาต่อไทยพ้นที่จะรำพัน
ทั้งยังทรงมีพระขัตติยะมานะอันล้ำเลิศ ซึ่งเป็นพระมานะของขัตติยะไทย


เหตุด้วยทรงเป็นขัตติยะแห่งไทย มิใช่ทรงเป็นขัตติยะแห่งจีน
จึงไม่ทรงโอนอ่อนไปด้วยจีนแม้แต่น้อย
ทรงมีพระราชหฤทัยเด็ดเดี่ยวแน่วแน่มั่นคง
ว่าพระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ของไทยแล้ว
ทรงมีหน้าที่จะต้องปกป้องคุ้มครองไทยให้ดำรงความเป็นไทยอยู่ชั่วฟ้าดินสลาย
เหตุผลอื่นใดแม้ความตายก็ไม่อาจทำลายความเด็ดเดี่ยวแห่งน้ำพระราชหฤทัยได้


รูปภาพ
[สถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ณ วัดพลับ ต.บางกะจะ อ.เมือง จ.จันทบุรี]


(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2008, 12:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ
[พระเจดีย์บรรจุพระบรมอัฐิสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ณ วัดอินทาราม]


ดังนั้น แผนการใช้กำลังเข้ายึดครองไทยของจีน
โดยยกการทวงหนี้เป็นเหตุบังหน้าจึงเริ่มขึ้น

ควรเห็นพระราชหฤทัยสมเด็จพระเจ้าตากสินกรุงธนบุรีมหาราชยิ่งนัก
ไทยยังสะบักสะบอมเพราะสงครามกู้เอกราชที่เพิ่งจบสิ้น
จะให้ทำศึกกับจีนอีกในยามนั้น ย่อมทรงอัดอั้นพระราชหฤทัยเป็นที่สุด
เพราะย่อมทรงตระหนักดีว่าจะหาทางนำไทยให้ชนะทัพใหญ่ของจีนได้นั้นไม่มี


สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ในขณะนั้น
หรือพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
องค์ปฐมบรมจักรีวงศ์พระองค์เดียวเท่านั้น
ที่สมเด็จพระเจ้าตากสินกรุงธนบุรีมหาราชจะทรงพึงให้เป็นที่พึ่งของไทยได้

อันพระบรมราชกุศโลบายของสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าจอมสยาม
ที่ทรงร่วมรักษาความเป็นไทของไทยพระราชทานไว้ยั่งยืนสืบมาจนบัดนี้นั้น
เต็มไปด้วยความเสียสละใหญ่หลวงกินกว่าคนทั้งปวงจะทำได้


รูปภาพ
[พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช องค์ปฐมบรมจักรีวงศ์
ผู้ทรงเป็นพระปิยสหายของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช]



สมเด็จพระเจ้าตากสินกรุงธนบุรีมหาราช
ทรงมีพระราชหฤทัยมั่นสละพระชนม์ชีพพระองค์เอง


พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงมีพระราชหฤทัยแน่วแน่
สละแม้พระเกียรติศักดิ์ พระเกียรติยศ ปรากฏในประวัติศาสตร์ว่า
ทรงมีพระบรมราชโองการให้ประหาร
สมเด็จพระเจ้าตากสินกรุงธนบุรีมหาราช ผู้เป็นพระปิยสหาย
ผู้ทรงพระคุณยิ่งใหญ่ต่อชาติและต่อพระองค์
แล้วทรงปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินแทน

พระบรมราชกุศโลบายแสนแยบยลลึกซึ้งเกินกว่าใครทั้งนั้นจะตามทันเข้าใจถึง

จีนจึงตายใจสนิท แผนที่จะคิดจะยึดครองไทยพังทลายในพริบตา
ทัพที่จะกรีฑาเข้าทวงหนี้ทำไม่ได้
เพราะข่าวร้ายลือลั่นว่าสมเด็จพระเจ้าตากสินกรุงธนบุรีมหาราช
ลูกหนี้ใหญ่ของจีนนั้น ต้องพระราชอาญาสวรรคตเสียแล้ว”


(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2008, 13:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

• ความเห็นของหลวงวิจิตรวาทการ

หลวงวิจิตรวาทการ นักประวัติศาสตร์
ได้เขียนไว้ในคำนำเรื่อง “ใครฆ่าพระเจ้ากรุงธน” ว่า

ท่านผู้มีเกียรติผู้หนึ่งสืบเชื้อสายตรงจากสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี
และเป็นผู้ใหญ่มากพอที่จะไม่พูดอะไรเล่นๆ ได้ยืนยันพร้อมด้วยหลักฐาน
คำบอกเล่าที่ได้ยิน ได้ฟัง และจดจำสืบต่อๆ กันมาว่า

สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ไม่ได้ถูกประหารที่ป้อมวิชัยสิทธิ์
ในวันที่ ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๓๒๔ อย่างที่ปรากฏในพงศาวดาร
คนที่ถูกประหารที่ป้อมวิชัยสิทธิ์นั้นเป็นคนอื่น ที่มิใช่สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี


หลวงวิจิตรวาทการได้เขียนต่อไปว่า

เรื่องมีคนไปตายแทนสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีอาจจะเป็นจริงก็ได้
คิดดูเหตุผลแวดล้อมก็จูงใจให้เชื่อร่ำไป
เรื่องคนหน้าเหมือนกันปลอมตัวมาตายแทนกันนั้น
ไม่เป็นเรื่องประหลาดสำหรับสมัยโบราณเรื่องชนิดนี้มีถมไป


ไม่ต้องโบราณถึงไหน เพียงของฮิตเลอร์
ยังมีคนหน้าตารูปร่างเหมือนฮิตเลอร์ถึง ๔ คน
ซึ่งฮิตเลอร์เองก็ได้ให้คนเหล่านั้นแต่งกายไว้หนวดเหมือนฮิตเลอร์
แอบไปในที่ต่างๆ เพื่อให้คนทั้งหลายเข้าใจว่าฮิตเลอร์ไปเอง

รูปภาพ
[พระบรมรูปต่างๆ ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
บนพระแท่นที่บรรทมในพระวิหารเล็กข้างพระอุโบสถ วัดอินทาราม]


(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ธ.ค. 2008, 13:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ
[พระบรมสาทิสลักษณ์ที่วาดขึ้นจากนิมิต
: ซึ่งเชื่อกันว่าสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ได้เสด็จมาทรงผนวชเป็นพระภิกษุ
จำพรรษา ณ วัดเขาขุนพนม จ.นครศรีธรรมราช]



• ความเห็นของนักประวัติศาสตร์

ในเอกสารโบราณคดีทัศนาจรภาคใต้ของประเทศไทย
ของ ศาสตราจารย์ หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิสดุล เกี่ยวกับ
วัดเขาขุนพนม ตำบลบ้านเกาะ อำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช

มีข้อความตอนหนึ่งว่า

บางท่านเชื่อว่า สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี
ได้เสด็จมาจำพรรษา ณ วัดเขาขุนพนม นี้
โดยทรงผนวชเป็นพระภิกษุและเสด็จสวรรคตที่นี่


รูปภาพ
[อุโบสถมหาอุฒจ์ วัดเขาขุนพนม จ.นครศรีธรรมราช]


อาจารย์วิเชียร ณ นคร วิทยาลัยครูนครศรีธรรมราช
นักประวัติศาสตร์คนสำคัญของจังหวัดนครศรีธรรมราช
ก็ได้เขียนเรื่อง วัดเขาขุนพนม

เชื่อว่าสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีมิได้ถูกสำเร็จโทษตามพงศาวดาร
ทั้งนี้เพราะมีการสับเปลี่ยนตัว
โดยเอาพระญาติหรือทหารที่มีลักษณะคล้ายพระองค์ไปแทน
แล้วพาพระองค์ลงเรือหนีไปเมืองนครศรีธรรมราช
วิปัสสนากรรมฐานจนสวรรคต
เมื่อสวรรรคตแล้วพระอัฐิของพระองค์ถูกนำไปฝัง
ณ ฮวงซุ้ยทางด้านเหนือของเมืองนครศรีธรรมราช


รูปภาพ

(มีต่อ)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 22 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 2 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร