วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 19:11  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 17 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ย. 2008, 13:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b48: ได้อ่านกระทู้ของคุณ maruko รู้สึกอยากถามคุณผู้ปฏิบัติธรรม คือเป็นลูกที่ขาดแม่มาแต่เล็ก พ่อแต่งงานใหม่ ไม่มีปัญหาครอบครัว ตอนนี้อายุ40กว่าแล้ว 10ปีมานี้ทำธุระกิจล้ม หนี้สินมากมาย แต่ก็ผ่านแบบกระท่อนกระแท่นมาได้จนทุกวันนี้ เชื่อไม๊บางวันเรากับสามีมีเงินติดกระเป๋าไม่ถึง 100 บาบแต่เราก็มีสิ่งที่ช่วยให้เราผ่านมาได้เสมอ เราเป็นคนที่รักครอบครัวมาก จะทุกข์ใจมากถ้าเห็นพี่น้องลำบาก อยากที่จะช่วยเหลือพวกเค้าตลอด และพยายามที่จะช่วยให้ได้ ทุกคนมีครอบครัวหมดแล้ว ตอนนี้ก็จะมีหลานหลายคนโตๆวัยรุ่นกันหมด เรามีลูกสาว 2 คน สามีเป็นคนที่ดีมาก และลูกสาวก็เป็นเด็กดี สวย เรียนเก่งทั้งคู่อายุก็15-16ปี คนชมว่าเราเกิดมาดี มีพร้อมทุกอย่างเราก็คิดว่าตัวเองเป็นคนโชคดี แต่ที่เราทุกข์เพราะตอนเราทำธุระกิจเราเอาสมบัติ ของครอบครัวไปลงทุน พอมันพลาดมา :b48: พี่น้องก็เหมือนให้อภัยและไม่มีใครทวงถาม และเราก็จดไว้หมดว่าเราจะต้องชดใช้เมื่อเรามี ใจเราคิดแต่ว่าเราจะคืนให้หลานให้หมด แต่เราก็ถูกผลักภาระต่างๆมาให้เรามากมาย เดี๋ยวให้หลานมาขอ เราสงสารเราก็ปันให้เสมอ ซึ่งบางครั้งเราแทบไม่มีเลย แต่ถ้าเราไม่ให้มันก็จะเป็นทุกข์ในใจเรามากๆ ครั้งเราให้ไปมันก็จะสุขปนทุกข์ แต่จะสุขใจมากกว่า เราจะดูแลพ่อเราดีมาก(เราคิดเองนะ ) พ่อเลี้ยงพวกเรามา เราจะเห็นพ่อทำบุญตักบาตรเสมอ พาเราไปวัด สอนการทำบุญในแต่ละเทศกาล แต่ในความดีที่เราถูกสอนมา เราก็ทุกข์เพราะหลายปีตั้งแต่เราเป็นหนี้ ไม่มีใครค่อยให้เงินพ่อใช้ เราก็จะคอยเบียดบังจากสามี โกหกบ้าง บางครั้งก็เล่าให้ลูกฟังและให้ลูกต้องโกหกไปด้วย มันผิดศีล เพราะเราเป็นคนสวดมนต์ เราจะผิดศีลข้อมุสา..มาตลอด เราคุยกับลูกว่าแม่ถือศีล5ไม่ครบเพราะแม่ขาดข้อนี้ ลูกก็จะให้กำลังใจ เราอยากรู้ว่า เราจะยังได้บุญอยู่ไม๊ ที่เราปฏิบัติเช่นนี้
:b48: เราต้องโกหกพ่ออยู่เสมอว่าเรามีเงิน ไม่ลำบาก บางครั้งพ่อก็จะมาขอเราไปให้น้องๆบ้าง เพราะความเป็นพ่อ เราก็เข้าใจนะ บางครั้งเราถามด้วยความโกรธว่า เมื่อไหร่พ่อจะเลิกช่วยเหลือคนอื่นๆ เค้าโตมีครอบครัวแล้วเราก็ยังลำบาก และเราก็จะไม่ให้แล้ว พ่อก็จะตอบว่าพ่อตายเมื่อไหร่พ่อถึงจะเลิก และพี่น้องเราก็จะไม่สนใจดูแลพ่อเลย เราจะแวะไปหาพ่อเกือบทุกวัน ด้วยความที่เจอกันบ่อยเลยจนบางครั้งเราก็ต้องมีเถียง หรือพูดให้แกต้องเสียใจ เรารู้นะบางครั้งเรากลับออกมาด้วยน้ำตานะ แต่ก็เหมือนพ่อ มีความรู้สึกว่าเราเป็นลูกที่แกหวังพึ่งได้คนเดียว :b39: ทุกวันเราจะต้องแวะเอาอาหารไปฝาก ห่วงกลัวพ่อเราจะไม่ได้กินของดีๆหมั่นพาแกหาหมอ จัดการเรื่องยา ทุกครั้งที่เราไปเที่ยว หรือได้กินอะไรดีๆ สิ่งแรกที่เรานึกถึงคือ อยากพาพ่อมา อยากให้พ่อกิน ตอนนี้พ่ออายุมากไปไหนไกลไม่ค่อยได้ แต่ถ้ามีโอกาสเราก็จะพาไปทะเล ไปกินข้าวนอกบ้าน และเราก็ต้องโกหกสามีเพื่อจะได้มีเงินพาพ่อไป สามีเราโกรธครอบครัวเราที่เราไปทุ่มเทให้มากเกินไป แต่ไม่ใช่ทะเลาะกันนะ เพียงแต่พยายามหลบเลี่ยงในการเจอ แต่ถ้าต้องเจอก็ไม่ได้แสดงอะไร ไม่มีใครในครอบครัวเรารู้เลยว่าสามีเราโกรธ ทุกวันนี้เราไม่รู้ว่าเรามีบุญเก่า หรือเราอยู่ได้ด้วยความดีในใจ ที่เราคิดอยู่ตลอดเวลา หรือเราต้องชดใช้กรรมเก่ากับพี่น้อง มันสับสน เราสวดมนต์ทุกวัน อุทิศส่วนกุศล แผ่เมตตา แต่ก็ไม่รู้ว่ามันเป็นบุญ หรือบาป หรือกรรมที่ต้องชดใช้
:b39: ไม่รู้จะมีใครอ่านข้อความของเราหรือเปล่า มันวกวน สับสน นั่นแหละคือจิตใจเราตอนนี้ เราควรทำอย่างไรดี ควรโกหก เบียดบังเงินของสามี เพื่อให้พ่อที่เราได้อยู่สุขสบายในชีวิตที่เหลืออยู่นี้ ถ้าบอกพี่ๆน้องๆให้มาดูแลพ่อเราว่า สิ่งพวกนี้ทุกคนน่าที่จะต้องคิดได้เราเลยไม่เคยคิดจะบอก และสุดท้ายที่เราอยากถาม การทำบุญไม่ควรหวังผล แต่เราหวังนะ เราจะพูดกับลูกทั้ง 2 คนว่า :b48: แม่อยากให้หนูดูแม่เป็นตัวอย่าง พ่อ แม่เป็นพระที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แม่ไม่อยากถูกทอดทิ้งตอนแก่ ลูกทำกับแม่แบบที่แม่ทำกับคุณตานะ :b39: นี่คือผลที่เราหวังไว้ รบกวนท่านผู้รู้ช่วย แนะนำเราด้วยว่าเราทำถูกหรือผิด ถ้ามีอะไรที่เราควรทำให้ถูกหรือดีกว่า แนะนำบุญนั้นให้เราด้วย ธรรมะขอบคุณค่ะ

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ย. 2008, 19:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ค. 2008, 08:42
โพสต์: 67

ที่อยู่: สังขตธาตุ

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอบคุณ o.wan :b18:

ก็ขอโมทนาก่อนกับความกตัญญูกตเวทีของคุณต่อคุณพ่อ ที่คุณเป็นลูกที่ดี
และเป็นพี่น้องที่ดี เป็นที่พึ่งของพี่น้องและหลานๆ ทำดีแล้วกับหน้าที่ความเป็นลูกครับ

แต่หน้าที่ของคุณอีกหนึ่งอย่างคือหน้าที่ภรรยาที่ดีต่อสามี ควรบอกความจริงนะครับ
ซื่อสัตย์ต่อกันทุกเรื่อง เรื่องปิดบังเงินเพื่อเอาไปให้คุณพ่อนั้น เป็นเรื่องเล็กๆน้อยที่สามีคุณอาจจะยินดีด้วยซ้ำในการกระทำของคุณ

ช่วยทุกฝ่ายตามกำลังของคุณ อย่าให้การช่วยของคุณทำความเดือดร้อนต่อครอบครัวและตัวคุณเอง ทำด้วยใจบริสุทธิ์ไม่หวังผลตอบแทน


โชคดีและยินดีกับความดีของคุณครับ :b35: :b35: :b35:

ความกตัญญูจึงเป็นคุณธรรมที่สำคัญยิ่ง ที่จะประคองใจของเราให้ดำรงมั่นอยู่ในคุณธรรมอันยิ่งๆ ขึ้นไป


รูปภาพ

ก า ร มี ค ว า ม ก ตั ญ ญู :b50: :b49: :b50: :b49: :b50: :b49: :b50:

ทำให้รักษาคุณความดีเดิมไว้ได้

ทำให้สร้างคุณความดีใหม่เพิ่มได้อีก

ทำให้เกิดสติ ไม่ประมาท

ทำให้เกิดหิริโอตตัปปะ

ทำให้เกิดขันติ

ทำให้จิตใจผ่องใส มองโลกในแง่ดี

ทำให้เป็นที่สรรเสริญของคนดี

ทำให้มีคนอยากคบหาสมาคม

ทำให้ทั้งมนุษย์และเทวดาอยากช่วยเหลือ

ทำให้ไม่มีเวรไม่มีภัย

ทำให้ลาภผลทั้งหลายเกิดขึ้นโดยง่าย

ทำให้บรรลุมรรคผลนิพพานโดยง่าย

ฯลฯ


“บุคคลผู้อกตัญญู ย่อมถึงอนิฏฐผล มีนินทาเป็นต้น ส่วนบุคคลผู้กตัญญู แม้พระ ศาสดา ก็ทรงสรรเสริญ”

.....................................................
เราคือใจที่บริสุทธิ์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ย. 2008, 20:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
สุดท้ายที่เราอยากถาม การทำบุญไม่ควรหวังผล แต่เราหวังนะ เราจะพูดกับลูกทั้ง 2 คนว่า แม่อยากให้หนูดูแม่เป็นตัวอย่าง พ่อ แม่เป็นพระที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แม่ไม่อยากถูกทอดทิ้งตอนแก่ ลูกทำกับแม่แบบที่แม่ทำกับคุณตานะ นี่คือผลที่เราหวังไว้ รบกวนท่านผู้รู้ช่วย แนะนำเราด้วยว่าเราทำถูกหรือผิด



หวังด้วยการทำตนเป็นตัวอย่างอย่างนั้นไม่เสียหาย ทั้งต่อตนเองและผู้เกี่ยวข้องโดยเฉพาะลูกเราครับ คือว่า เราเองทำตนเป็นแบบเป็นแม่พิมพ์ให้เขาเห็นให้เขาดู แล้วพูดให้เขาฟัง อย่างนี้ลูกจะซึมซับสิ่งนั้นๆจากเรา
ทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทำต่อไปครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2008, 00:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


สิ่งต่างๆที่เราประสพมาในชีวิต ล้วนเป็นบทเรียนสอนเราให้รู้ว่า ทุกอย่างในโลกเป็นอนิจจัง
ทุกขัง อนัตตา ทั้งสิ้น และเป็นบทเรียนสอนให้เรารู้ว่า ความทุกข์ล้วนเกิดจากจิตไปคิดปรุงแต่งทั้งนั้น

ผมถามคุณว่า ถ้าคุณไม่คิดปรุงแต่งในประสพการณ์ที่ตนเองไม่ชอบ มันก็ไม่เป็นทุกข์ใช่ไหมครับ
นั่นแหละพระพุทธองค์จึงสอนให้เรารู้ก็สักแต่ว่ารู้ เห็นก็สักแต่ว่าเห็น อะไรก็สักแต่ว่าอย่างนั้น ไม่ต้อง
นำมันเขามาปรุงแต่งในจิต ความทุกข์มันก็จะไม่มี ยิ่งปรุงแต่งน้อยลงเท่าไร ความทุกข์ก็ลดลงเท่านั้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2008, 08:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b17: ธรรมะขอบคุณ k.thammathai :b48: k.กรัชกาย :b48:k.พลศักดิ์ คำแนะนำดีๆแบบนี้ ช่วยให้เรา มีกำลังใจมากๆค่ะ :b39:
แต่รบกวนถามค่ะ :b52: สิ่งต่างๆที่เราประสพมาในชีวิต ล้วนเป็นบทเรียนสอนเราให้รู้ว่า ทุกอย่างในโลกเป็นอนิจจัง
ทุกขัง อนัตตา ทั้งสิ้น และเป็นบทเรียนสอนให้เรารู้ว่า ความทุกข์ล้วนเกิดจากจิตไปคิดปรุงแต่งทั้งนั้น

ผมถามคุณว่า ถ้าคุณไม่คิดปรุงแต่งในประสพการณ์ที่ตนเองไม่ชอบ มันก็ไม่เป็นทุกข์ใช่ไหมครับ
นั่นแหละพระพุทธองค์จึงสอนให้เรารู้ก็สักแต่ว่ารู้ เห็นก็สักแต่ว่าเห็น อะไรก็สักแต่ว่าอย่างนั้น ไม่ต้อง
นำมันเขามาปรุงแต่งในจิต ความทุกข์มันก็จะไม่มี ยิ่งปรุงแต่งน้อยลงเท่าไร ความทุกข์ก็ลดลงเท่านั้น :b8: ถ้าเราไม่เข้าไปมีส่วนร่วม เรามีความรู้สึกว่า ทุกข์ต่างๆมันจะไม่หมด เพราะเราคิดว่า มันเป็นกรรมเก่าที่เราเคยทำไว้หรือเปล่า เหมือนกับเราเกิดมาต้องใช้หนี้กรรม เราเคยไปฝืกกรรมฐาน 3 วัน
โดยไม่ติดต่อกับครอบครัวเลย เราสุขมากเลย เหมือนเราตัดสมองส่วนทุกข์ที่มันหนักอยู่ออกไปเลย แต่ในความจริง เราก็ต้องกลับมาสู่โลกนี้อีก ที่ว่าเราไม่นำเข้ามาปรุงแต่งในจิต ทุกข์ก็จะไม่มี ช่วยแนะนำในเรื่องวิธีทางที่เราควรปฏิบัติ เราได้อ่านคำแนะนำของK.กรัชกาย และK.พลศักดิ์ ต่อเรื่องต่างๆ มากมาย แต่รู้สึกว่า เราเป็นสมาชิกใหม่ บางครั้งเหมือนเด็กอนุบาล ที่ยังอยากถามต่ออีก บางครั้งก็ยังไม่ค่อยเข้าใจค่ะ คงไม่ทำให้ k :b48: k เบื่อก่อนนะคะ ธรรมะขอบคุณค่ะ :b8:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2008, 17:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ที่ว่าเราไม่นำเข้ามาปรุงแต่งในจิต ทุกข์ก็จะไม่มี ช่วยแนะนำในเรื่องวิธีทางที่เราควรปฏิบัติ

เราได้อ่านคำแนะนำของ K.กรัชกาย และK.พลศักดิ์ ต่อเรื่องต่างๆ มากมาย แต่รู้สึกว่า เราเป็นสมาชิกใหม่ บางครั้งเหมือนเด็กอนุบาล ที่ยังอยากถามต่ออีก บางครั้งก็ยังไม่ค่อยเข้าใจค่ะ คงไม่ทำให้เบื่อก่อนนะคะ


คำถามต่อเนื่องคุณ O.wan ที่ว่า (ที่ว่าเราไม่นำเข้ามาปรุงแต่งในจิต ทุกข์ก็จะไม่มี ช่วยแนะนำในเรื่องวิธีทางที่เราควรปฏิบัติ)

คุณO.wan ไม่ได้ถามกรัชกายใช่ไหมครับ ที่กรัชกายตอบข้างบน ไม่มีคำว่าอนิจจังทุกขังอนัตตา
หรือว่าการปรุงแต่งจิตเป็นต้นเลย ตอบพื้นๆธรรมดาๆนะครับ :b12: :b42: :b41:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2008, 18:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เราเคยไปฝืกกรรมฐาน 3 วัน

โดยไม่ติดต่อกับครอบครัวเลย เราสุขมากเลย เหมือนเราตัดสมองส่วนทุกข์ที่มันหนักอยู่ออกไปเลย
แต่ในความจริง เราก็ต้องกลับมาสู่โลกนี้อีก


แต่กรัชกายจะขอถามคุณ O.wan ว่าเคยไปฝึกกรรมฐานที่ไหนมาหรอ เล่าวิธีการฝึกให้ฟังบ้างสิครับ ว่าเค้าสอนวิธีปฏิบัติอย่างไร ?

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2008, 19:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


K.กรัชกาย :b41: ที่ถามต่อนั้นมิได้เจาะจงคนตอบค่ะ เพียงแต่อยากรู้เพื่อเราจะได้ปฏิบัติได้ถูกต้อง เราไปปฏิบัติธรรมที่วัดปัญญานันทาราม เรียกว่า เนขัมมะบารมี เป็นการปฏิบัติธรรม ถือศีล8 ใช้เวลา 3 วัน 2 คืน จะมีทุกวันศุกร์ แต่ต้องจองล่วงหน้า เพราะทางวัดรับแค่ 60 คนต่อครั้ง เราคิดว่าเหมาะกับผู้เริ่มอยากเข้ามาศึกษา ธรรมะ จะมีการสวดมนต์ สอนการหัดนั่งสมาธิ การสนทนาธรรม เป็นการตัดจากโลกภาย เพื่อให้เข้ามาหาความสงบโดยใช้ธรรมะเป็นตัวช่วย เราว่า k.กรัชกายน่าจะรู้มากกว่าเรานะ เปิดเข้าไปดูในเวป์วัดได้เลยค่ะ :b43:
เราไปเมื่อวันที่10-12ต.ค ที่ผ่านมาถ้าเปิดดูจะมีรูปถ่ายด้วย วันนั้นทางวัดจะถ่ายวีดีโอพอดี เดินจนเราต้องกินยาแก้เมื่อยเลย เราคิดว่าจะไปอีกนะ :b34: ที่เรามีคำถามต่อเราไม่ได้เจาะจง แต่เรายังไม่ค่อยเข้าใจความหมายในประโยคนั้น เผื่อมีคำอธิบายที่มากกว่านี้ บางทีคำภาษาธรรมมันก็ฟังยากสำหรับคนอนุบาลธรรมอย่างเราค่ะ

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2008, 20:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
K.กรัชกาย ที่ถามต่อนั้นมิได้เจาะจงคนตอบค่ะ เพียงแต่อยากรู้ เพื่อเราจะได้ปฏิบัติได้ถูกต้อง

ที่เรามีคำถามต่อเราไม่ได้เจาะจง แต่เรายังไม่ค่อยเข้าใจความหมายในประโยคนั้น เผื่อมีคำอธิบายที่มากกว่านี้ บางทีคำภาษาธรรมมันก็ฟังยากสำหรับคนอนุบาลธรรมอย่างเราค่ะ



ถ้าอย่างนั้นพึงให้คุณพลศักดิ์ตอบครับ :b31: เพราะท่านพูดประโยคนั้นไว้ กรัชกายไม่รู้ใจท่านว่าต้องอธิบายอย่างไร จึงจะตรงกับความต้องการของท่าน กลัวอธิบายผิดครับ

คุณพลศักดิ์บอกวิธีปฏิบัติคุณ o.wan ที่ว่า (ที่ว่าเราไม่นำเข้ามาปรุงแต่งในจิต ทุกข์ก็จะไม่มี ช่วยแนะนำในเรื่องวิธีทางที่เราควรปฏิบัติ)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2008, 21:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เราไปปฏิบัติธรรมที่วัดปัญญานันทาราม เรียกว่า เนขัมมะบารมี เป็นการปฏิบัติธรรม ถือศีล8 ใช้เวลา 3 วัน 2 คืน จะมีทุกวันศุกร์ แต่ต้องจองล่วงหน้า เพราะทางวัดรับแค่ 60 คนต่อครั้ง เราคิดว่าเหมาะกับผู้เริ่มอยากเข้ามาศึกษา ธรรมะ จะมีการสวดมนต์ สอนการหัดนั่งสมาธิ การสนทนาธรรม


อ้อ...วัดหลวงพ่อปัญญา สาธุครับ ถูกต้องแล้วพาลูกๆไปเริ่มต้นเรียนรู้ชีวิตหรือธรรมะที่นั่น :b12: :b41:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ย. 2008, 10:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ค. 2008, 23:37
โพสต์: 449

ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


บางทีการแก้ปัญหาด้วยอารมณ์ขัน ก็อาจจะทำให้เราสบายใจขึ้นก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น บ่ายอันอบอ้าว
ในฤดูร้อนวันหนึ่ง ห้องรับแขกที่ไฟดับนานแล้ว ทุกคนเหงื่อไหลไคลย้อย ร้อนจนทนไม่ไหว
ทำให้หงุดหงิดอารมณ์เสียกันไปหมด
หลานสาววัยสามขวบคนหนึ่ง อยู่ ๆ ก็เดินมาหาคุณปู่ ทำปากจู่แล้วเป่าลมใส่คอคุณปู่
คุณปู่ตกใจกับพฤติกรรมประหลาดที่เกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัวของหลานจึงถามด้วยความรำคาญว่า
"ทำอะไรน่ะ" หลานสาวที่น่ารักน่าชังไม่หยุดเป่าลม พลางตอบว่า "หนูเป็นพัดลม หนูจะเป่าลมให้คุณปู่เย็น ๆ ..."
คุณปู่ที่กำลังหงุดหงิด เมื่อได้ยินคำตอบของหลานสาวก็ถึงกับหัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออก อดไม่ได้จึงเขก
หัวหลานสาวเบา ๆ อย่างเอ็นดูหนึ่งครั้ง
ปรากฏว่าเจ้าหนูน้อยยังคงเป่าลมไปพลาง ศีรษะของเธอก็เริ่มโยกซ้ายป่ายขวา โยกซ้ายป่ายขวาไปเรื่อย ๆ
เหมือนกับพัดลมแบบตั้งที่กำลังหมุนซ้ายหมุนขวาไม่มีผิด
การแสดงขำขันของหลานสาว ทำให้ทุกคนในห้องรับแขกหัวเราะยกใหญ่ บ่ายอันอบอ้าวของฤดูร้อน
ก็ดูเหมือนจะเย็นโล่งขึ้นในทันใด หลานสาวตัวน้อยไร้เดียงสา ก็ยิ่งน่ารักน่าเอ็นดูเข้าไปอีก !
หัวโดนมะเหงก จึงทำทีเป็นว่าพัดลมโดนกดปุ่ม ก็เลยหมุนไปหมุนมา
เค้าเล่าว่า....
- ผู้หญิงเก่งมักชอบบงการ
- ผู้หญิงเก่งที่ไม่ชอบบงการ มักเสแสร้งเฉพาะช่วงแรก ๆ
- ผู้หญิงสวยมักจะโง่ แต่ผู้หญิงโง่ ๆมักจะรวย
- ผู้หญิงที่ไม่โง่ และรวย มักไม่ยอมแต่งาน
- ผู้หญิงที่ไม่โง่ ไม่รวย และไม่ยอมแต่งงานมักชอบคนมีครอบครัวแล้ว
ใครทีกำลังเครียดหรือทุกข์ได้อ่าน 2 เรื่องนี้แล้ว ขอให้หายนะครับ

.....................................................
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ย. 2008, 19:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขณะที่คุณo.wan รอคำตอบจากพลศักดิ์อยู่ :b12:

หากมีเวลาลองเข้าศึกษาความหมายอนัตตาลิงค์นี้ครับ

viewtopic.php?f=2&t=18883

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2008, 16:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


1. ผมไม่มีอาจารย์ที่อยู่ในโลกใบนี้ครับ อาจารย์ของผมอยู่ในพระนิพพาน พระองค์ท่านเสด็จมาสอน
ธรรมผม เพราะผมบังเอิญเข้าไปในนิพพานได้โดยไม่ได้ตั้งใจ

วันนั้นผมทำสมาธิ และก็เดินสมาธิอยู่ พอผมนั่งพัก มันก็รู้สึกหนักอะไรในหัวสมองของ
วิญญาณของผม ผู้รู้เองว่า มันหนักผลบุญ เพราะตลอดชีวิตผมทำบุญมาก ผมเลยตัดสินใจ
ยกผลบุญเหล่านั้นให้สรรพวิญญาณต่างๆ ซึ่งผมรู้และเห็นของจริงว่า มีมากมายมหาศาล
การยกผลบุญทั้งหมดไปนั้น ผมเต็มใจและไม่เสียดาย วิญญาณดวงไหนมาคืนบุญให้ผม
ผมก็ไม่เอา

เท่านั้นแหละครับ ผมบรรลุภาวะนิพพานเลย นิพพานมันอยู่แค่เอื้อมนี่เอง คือ เราต้อง
ไม่เอาทุกสิ่งในโลก ละมันให้หมด บุญอะไรก็ไม่เอา แล้วเราจะพบนิพพาน นิพพานเป็น
สุขประเสริฐ ที่ไม่เหมือนสุขใดๆในโลก สุชในโลกมาจากการให้ หรือไม่ก็การรับ แต่
นิพานคือละวางทั้งหมด

2. วันที่ผมเจอนิพพานนั้น มีแสงประหลาดมาหาผมตอนผมกึ่งหลับกึ่งตื่น แสงนั้นเต็ม
ไปด้วยความสุขอันประเสริฐ ผู้ที่อยู่ในแสงถามผมว่า มีอะไรจะให้ช่วยไหม ผมตอบว่าไม่มี
ท่านก็ถามผมว่า เข้าใจไหม ผมก็บอกเข้าใจ ฯลฯ สุดท้ายท่านก็ไป

3. ท่านมาสอนในจิตผมตั้งแต่วันนั้น ถ้าคุณจะถามว่าสอนอะไร ผมก็ต้องบอกว่า ก็สอนเหมือน
ที่คุณรู้นั่นแหละ คือ การทำสมถะและวิปัสสนา ปัญหาคือ คุณต้องเพียรพยายามทำ พยายามละ
วางจากสรรพสิ่งภายนอกที่มารบกวนจิตของคุณ มันต้องใช้เวลา กว่าจิตคุณจะหยุดฟุ้งซ่าน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2008, 17:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
วันนั้นผมทำสมาธิ และก็เดินสมาธิอยู่ พอผมนั่งพัก มันก็รู้สึกหนักอะไรในหัวสมอง
ของวิญญาณของผม


คุณเดินสมาธิยังไงครับ ช่วยบอกวิธีเดินให้หน่อย แล้วทุกวันนี้ยังเดินสมาธิอยู่ไหม เป็นยังไงบ้าง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2008, 19:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว



ไปพบเห็นการเดินสมาธิของนักปฏิบัติท่านหนึ่ง เดินสมาธิ เดินไปเดินมา เกิดเห็นสิ่งเหล่านี้ขึ้น คุณพลศักดิ์ว่าเป็นไงครับ ช่วยแนะนำทีว่าเดินถูกไหม เดินเหมือนหรือคล้ายกับที่คุณเดินไหม
ดูครับ


จุดหักเหครั้งหนึ่งในชีวิต ทำให้ผมเริ่มค้นหาสัจธรรม หลังจากนั้นมีสิ่งเกิดขึ้นกับผม 2 อย่างคือ

1)ในช่วงที่ผมมีความกังวลเรื่องงานและมีการศึกษาธรรมด้วยนั้น ก็นำธรรมมะมาเข้าใจเหตุและผลของงาน ด้วยเหตุนี้จึงเกิดเหตุนี้ คิดอยู่เป็นลูกโซ่ จนถึงที่สุด และเห็นว่าเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อยู่ตลอดเวลาจนถึงนอน เมื่อตื่นขึ้นแต่ยังไม่ลืมตาแต่ก็มีสติรู้อยู่ แต่เกิดภาพ 3 ภาพตามลำดับ ดังนี้
1.1 เห็นเศียรพระพุทธองค์มีชฎาใสคล้ายแก้วแต่ก็ไม่ใช่ คือใสแบบมีน้ำสายเล็กๆมากมาย
สวยมาก 3-5 วินาทีแล้วหายไป
1.2 ต่อมาเห็นพระพุทธองค์สีเหลืองทองเดินจากซ้ายไปขวา 3-5 วินาทีแล้วหายไป
1.3 ต่อมาเห็นพระพุทธองค์กำลังทอดกายในท่านอนเท้าแขนหัวอยู่ซ้าย

2) อย่างทีสองคือปัจจุบันเมื่อมองที่อากาศจะเห็นเป็นอนุภาคเล็กใสจำนวนมากวิ่งไปมา
อย่างไม่เป็นระเบียบความเร็วไม่เท่ากัน ไม่มีทิศทางแน่นอน นานๆทีจะมีเม็ดใหญ่โผล่เข้ามา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 17 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 57 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร