วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 21:33  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 35 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2008, 12:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




207455.jpg
207455.jpg [ 74.16 KiB | เปิดดู 6214 ครั้ง ]
อ้างคำพูด:
เมื่อวานนั่งพิจารณาอยู่ถึงผัสสะที่เกิด เห็นอยู่ว่ามันมีอยู่ตลอดเวลา เหมือนเวทนาที่จองจำเราอยู่ทุกอิริยาบท ตอนที่ไม่ได้นั่งปฏิบัติอยู่ก็มี (เมื่อก่อนไม่ยักรู้สึกแบบนี้ ) เลยคิดได้ว่ามันเป็นธรรมดาของมันอย่างนี้นี่เอง ทีนี้พอตอนปฏิบัติก็เริ่มต้นเหมือนปกติ กำหนดลมหายใจ ภาวนาพุทธโธไปเรื่อย แต่ทีนี้เอาจิตมาจ่ออยู่ที่ลมที่ไหลเข้า ไหลออก แล้วก็ภาวนาไปเรื่อยๆ ผัสสะมันก็มีอยู่เหมือนเดิม เวทนาก็มีอยู่เหมือนเดิม คือรู้สึกอยู่ว่ามันมีแต่ทีนี้ไม่สนใจมันปล่อยมันเป็นไปตามธรรมดาของมัน สักพักนึงก็เริ่มรู้สึกเหมือนลมที่จ่ออยู่มันหายไป แต่พอรู้สึกแบบนี้ปั๊ป มันก็กลับมาอีก เหมือนตอนเริ่มเลย แต่ก่อนจะกลับมานี่มันรู้สึกเหมือนหล่นลงมาจากที่นั่ง(เหมือนกับว่าพื้นมันหายไป...ตกใจเลย )
แล้วทีนี้ก็เอาใหม่ แต่ยังไม่เท่าไหร่เลย เช้าอีกแล้ว เลยต้องเลิกก่อน วันออกพรรษาด้วยตั้งใจจะไปวัดทำบุญ...

รบกวนท่านช่วยวิเคราะห์ทีครับ แล้วก็กรุณาแนะนำให้ด้วยนะครับว่ากระผมควรจะต้องทำยังไงต่อ.
http://www.dhammajak.net/board/viewtopi ... 3897#83897



วันนี้ฉลองบอร์ดใหม่ดิว่ามีอะไรใหม่-ดีกว่าของเก่า ด้วยการนำคำถามของคุณnatdanai บอร์ดเดิมมาสนทนากันที่นี่ :b31:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 02 ต.ค. 2009, 10:41, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2008, 13:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีครับ.... :b8:
บอร์ดใหม่นี่ งงๆนิดหน่อยครับ

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2008, 13:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
สวัสดีครับ....
บอร์ดใหม่นี่ งงๆนิดหน่อยครับ


ใช้ครั้งแรกๆก็งงๆงี้่แหละครับ เรียนรู้สิ่งใหม่ ใช้สักระยะหนึ่งก็น่าจะคล่องไปเอง :b31:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 14 ต.ค. 2008, 14:10, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2008, 14:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เมื่อวานนั่งพิจารณาอยู่ถึงผัสสะที่เกิด เห็นอยู่ว่ามันมีอยู่ตลอดเวลา เหมือนเวทนาที่จองจำเราอยู่ทุกอิริยาบถ ตอนที่ไม่ได้นั่งปฏิบัติอยู่ก็มี (เมื่อก่อนไม่ยักรู้สึกแบบนี้ ) เลยคิดได้ว่ามันเป็นธรรมดาของมันอย่างนี้นี่เอง


ขอคำจำกัดความ ผัสสะ ที่คุณ natdanai พิจารณาหน่อยครับ ได้แก่อะไร คือมันเป็นยังไง หรือรู้สึกยังไงครับ ที่ว่ามันเหมือนเวทนาที่จองจำ

แต่ตามหลักการปฏิบัติ กรัชกายบอกเสมอว่า ขณะนั้นรู้สึกอย่างไร รู้สึกอาการที่กระทบเป็นอย่างไร ให้กำหนดรู้ตามนั้น ยกตัวอย่างของตัวเองนะครับ ขณะนั้น รู้สึกเย็น ร้อน ฯลฯ เป็นต้น กำหนดจิตลงไปที่อาการนั้น เย็นหนอๆๆๆๆ หรือ ร้อนหนอๆๆๆ
กำหนดตามนั้นแล้วละอารมณ์ไป คือ รู้แล้ววาง โน้มนำจิตมาที่กรรมฐานหลัก คือ พอง-ยุบต่อ ฯลฯ เมื่อเห็น เป็นอะไร แทรกขึ้นมา ก็ละพอง-ยุบ กำหนดสิ่งที่เห็น ที่เป็นนั้น เห็นหนอๆๆๆๆ คันหนอๆๆๆ เป็นต้น กำหนดตามนั้นแล้วละวางอารมณ์ที่เห็นที่เป็น
มาที่พอง-ยุบต่อ กรณีตัวอย่างครับ
อ้างคำพูด:
ทีนี้พอตอนปฏิบัติก็เริ่มต้นเหมือนปกติ กำหนดลมหายใจ ภาวนาพุทธโธไปเรื่อย แต่ทีนี้เอาจิตมาจ่ออยู่ที่ลมที่ไหลเข้า ไหลออก แล้วก็ภาวนาไปเรื่อยๆ ผัสสะมันก็มีอยู่เหมือนเดิม เวทนาก็มีอยู่เหมือนเดิม คือรู้สึกอยู่ว่ามันมี แต่ทีนี้ไม่สนใจมันปล่อยมันเป็นไปตามธรรมดาของมัน สักพักนึงก็เริ่มรู้สึกเหมือนลมที่จ่ออยู่มันหายไป แต่พอรู้สึกแบบนี้ปั๊ป มันก็กลับมาอีก เหมือนตอนเริ่มเลย แต่ก่อนจะกลับมานี่ มันรู้สึกเหมือนหล่นลงมาจากที่นั่ง (เหมือนกับว่าพื้นมันหายไป...ตกใจเลย )


โดยภาพรวมแล้ว คุณปล่อยสิ่งที่เกิดขึ้นให้ผ่านไปโดยไม่กำหนดจิตลงที่ความรู้สึกนั้น ขณะที่รับรู้สิ่งนั้นๆ นี่คือจุดบกพร่องของการปฏิบัติกรรมฐาน กำหนดเลยครับ เช่นตัวอย่าง รู้สึกเหมือนหล่นจากที่นั่ง กำหนดตามอาการ หล่น (หนอ) มิใช่ปล่อยให้ความคิดปรุงไป
รู้สึกว่าพื้นหาย หาย (หนอ) ๆๆ
รู้สึกตกใจ ตกใจ (หนอ)
นี่คือการกำหนดนามธรรม กำหนดจิตตามนั้นแล้วปล่อย ไปที่ลมหายใจต่อ อย่างนี้แหละ
"หนอ" ในวงเล็บ เมื่อคุณไม่ถนัด ก็เปลี่ยนเป็นคำอื่นได้ แต่สภาวะจริงดังกล่าวปล่อยเฉยๆไม่ได้ครับ จะต้องกำหนดรู้หรือทำปริญญาในทุกขสัจจะครับ :b41:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2008, 14:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ค. 2008, 14:11
โพสต์: 839

ที่อยู่: สงขลา

 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านกรัชกายเรียนจากไหน ครับ :b4: :b23:

.....................................................
ทำดีทุกทุกวัน เมื่อโอกาสมา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2008, 15:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ขอคำจำกัดความ ผัสสะ ที่คุณ natdanai พิจารณาหน่อยครับ ได้แก่อะไร คือมันเป็นยังไง หรือรู้สึกยังไงครับ ที่ว่ามันเหมือนเวทนาที่จองจำ

ผัสสะที่ว่ามันกระทบอยู่ตลอดก็เช่นว่ามีบางอย่างมาตอมที่หน้าบ้าง มีเสียงยุงมาบินอยู่ทีใกล้ๆหูบ้าง เป็นต้นครับ ส่วนเวทนาก็ประมาณว่ารำคาญ หรือคัน อะไรประมาณนี้น่ะครับ ร้อนอบอ้าวแล้วรู้สึกไม่สบายตัว ประมาณนี้น่ะครับ คือว่าผัสสะกับเวทนานั้นมันต่อเนื่องกันอยู่น่ะครับ
อ้างคำพูด:
ขณะนั้นรู้สึกอย่างไร รู้สึกอาการที่กระทบเป็นอย่างไร ให้กำหนดรู้ตามนั้น ยกตัวอย่างของตัวเองนะครับ ขณะนั้น รู้สึกเย็น ร้อน ฯลฯ เป็นต้น กำหนดจิตลงไปที่อาการนั้น เย็นหนอๆๆๆๆ หรือ ร้อนหนอๆๆๆ

กระผมเองก็คิดอยู่ประมาณๆนั้นล่ะครับ(แต่ไม่ได้ย้ำ(หนอๆ)ลงตรงนั้นน่ะครับ)คือมีอะไรมาตอมแล้วรู้สึกรำคาญก็รู้อยู่ว่ามันตอมแล้วรำคาญแต่ก็ช่างมันครับ หรือมันร้อนอบอ้าวแล้วไม่สบายตัว ก็รู้อยู่ว่ามันเป็นอยู่อย่างนั้น แต่ก็ช่างมันครับ
อ้างคำพูด:
กำหนดเลยครับ เช่นตัวอย่าง รู้สึกเหมือนหล่นจากที่นั่ง กำหนดตามอาการ หล่น (หนอ) มิใช่ปล่อยให้ความคิดปรุงไป
รู้สึกว่าพื้นหาย หาย (หนอ) ๆๆ
รู้สึกตกใจ ตกใจ (หนอ)
นี่คือการกำหนดนามธรรม กำหนดจิตตามนั้นแล้วปล่อย ไปที่ลมหายใจต่อ อย่างนี้แหละ
"หนอ" ในวงเล็บ เมื่อคุณไม่ถนัด ก็เปลี่ยนเป็นคำอื่นได้ แต่สภาวะจริงดังกล่าวปล่อยเฉยๆไม่ได้ครับ จะต้องกำหนดรู้หรือทำปริญญาในทุกขสัจจะครับ

ครับกระผมจะพยายามดูใหม่.... :b12: :b12:
ขอบคุณมากครับกับคำแนะนำ... :b8:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2008, 18:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ผัสสะที่ว่ามันกระทบอยู่ตลอดก็เช่นว่ามีบางอย่างมาตอมที่หน้าบ้าง มีเสียงยุงมาบินอยู่ทีใกล้ๆหูบ้าง เป็นต้นครับ


อ้อ มายาจิต คุณกำลังถูกรูปนามลวงให้หลง :b1:
คุณเคยพิสูจน์ไหมที่ว่า เหมือนมีมดไต่ตัวไรตอมตามเนื้อตามตัวตามใบหน้าตาหู ยิบๆ จากจุดนั้นไปตรงนั้น เดี๋ยวหายเดี๋ยวโผล่ มีจริงๆไหม เคยเอามือลูบๆดูไหม หรือเคยลืมตาดูไหม
แล้วที่ว่ามียุงบินกระซิบใกล้ๆหู ยุงจริงไหม ในห้องนอนมียุงอาศัยอยู่หรือไม่
เคยเปิดไฟดูไหมครับ

อ้างคำพูด:
ส่วนเวทนาก็ประมาณว่ารำคาญ หรือคัน อะไรประมาณนี้น่ะครับ ร้อนอบอ้าวแล้วรู้สึกไม่สบายตัว ประมาณนี้น่ะครับ คือว่าผัสสะกับเวทนานั้นมันต่อเนื่องกันอยู่น่ะครับ


สภาวะที่ปรากฏเราพึงกำหนดด้วยวิธีที่บอก ก็เพื่อให้เห็นต้นเหตุของมัน เพื่อให้ผู้ปฏิบัติเห็นต้นเหตุของสภาวะที่เกิดขึ้นด้วยตนเอง ร้องอ๋อด้วยตน เมื่อเห็นต้นเหตุ อุปาทานก็คลาย
กำหนดดตามที่มันเป็นครับ

แต่ที่เกิดข้องขัด เพราะผู้ปฏิบัติมุ่งแต่จะพองหนอ ยุบหนอ อย่างเดียว
หรือ พุทโธๆ เท่านั้น เมื่อเรามุ่งประสงค์อย่างนั้น ต้องการอย่างนั้น สภาพธรรมเกิดตามเหตุปัจจัยของมัน แต่ขัดกับความรู้สึกของเรา ก็รำคาญ หงุดหงิด เป็นต้น

หากฉุกคิดว่า ธรรมชาติมันเป็นอย่างนั้น แล้วกำหนดตามที่มันเป็นเสีย ก็เอวัง จบ เพราะไม่ฝืนสภาพความเ็ป็นจริง
ตัวอย่าง รู้สึกรำคาญ “รำคาญหนอๆๆ” “ร้อนหนอๆๆ” “ไม่สบายหนอๆๆ” ฯลฯ
มิใช่ปล่อยให้ผ่านไปอย่างนั้น หรือแค่คิดว่าช่างมัน ไม่ใช่ครับ แบบนี้โมหะ
อ้างคำพูด:
กระผมเองก็คิดอยู่ประมาณๆนั้นล่ะครับ (แต่ไม่ได้ย้ำ(หนอๆ)ลงตรงนั้นน่ะครับ) คือมีอะไรมาตอมแล้ว รู้สึกรำคาญก็รู้อยู่ว่ามันตอมแล้วรำคาญ แต่ก็ช่างมันครับ หรือมันร้อนอบอ้าวแล้วไม่สบายตัว ก็รู้อยู่ว่ามันเป็นอยู่อย่างนั้น แต่ก็ช่างมันครับ


โมหะแฝงความคิดช่างมัน วนไม่รู้จบ
คุณปฏิบัติอย่างที่กรัชกายแนะนำกรรมฐานจะก้าวไป เพราะจิตคลายความยึดสภาพนั้นๆ จึงหลุดก้าวต่อได้ สภาพเดิมดับไป

แต่อาจประสบสภาวะอื่นใหุ้คุณแก้ปัญหาอีก
ขอบอกว่า การปฏิบัติกรรมฐานคือการเรียนรู้ชีวิต ฝึกแก้ทุกข์แก้ปัญหาที่เกิดแก่ชีวิตซึ่งก็คือสมุทัยนั่นเอง กำหนดรู้รู้ตามวิธีที่บอกนั้นแหละ วิชชาเกิดแล้ว

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2008, 08:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ค. 2008, 14:11
โพสต์: 839

ที่อยู่: สงขลา

 ข้อมูลส่วนตัว


สติ ตั้งอยู่เจริญทุกขณะ ชื่อว่า ได้เจริญไว้สมบูรณ์แล้ว
มีขึ้นแล้วซึ่ง กรรมฐาน..วิปัสสนา

.....................................................
ทำดีทุกทุกวัน เมื่อโอกาสมา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ต.ค. 2008, 05:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


บุญชัย เขียน:
ท่านกรัชกายเรียนจากไหน ครับ :b4: :b23:

ท่านกรัชกายเรียนจากไหน ครับ

เรียนกรรมฐานใช้ไหมครับคุณบุญชัย :b8:

ถ้างั้นก็ตอบว่า เรียนจากกายจากใจ (รูปนามหรื่อชีวิต) นี่เอง เพราะสภาวธรรมที่ปรากฏไม่ว่าสุขหรือทุกข์ ชอบใจขัดใจ หรือ อื่นๆในขณะที่ปฏิบัติกรรมฐาน มีต้นสายปลายเหตุมาจากกายใจนี้เอง เหตุอยู่ตรงนี้ ถ้าจะดับต้องดับที่นี่ เราแก้สภาวะสุขทุกข์เป็นต้นได้ แปลว่าเราได้เรียนรู้ชีวิตจบไปหนึ่งอย่าง เข้าใจกายใจข้อหนึ่งแล้วครับ

แต่ที่นักปฏิบัติภาวนาฝึกฝนอบรมแล้วติดนั่นติดนี่ดูข้องขัดสับสนไปหมด เพราะเขาเหล่านั้นมองหาธรรมะ
ไกลตัว หรือไม่ก็มองหาชื่อธรรมว่า อาการอย่างนี้เป็นสติไหม หรือเป็นปีติใช่ไม่ใช่ หรือเป็นอะไร ฯลฯ จึงกลายเป็นปรุงแต่งจิตฟุ้งซ่านคิดพล่านไป

แต่ก็อย่างว่าครับ เบื้องต้นเราต้องมีต้องได้กัลยาณมิตรหรือครูบาอาจารย์ที่รู้เข้าใจการปฏิบัติกรรมฐานถูกต้องตามหลักของพุทธะก่อน ว่าอย่างไหนเป็นแก่นที่พระพุทธเจ้าแสดงแบบธรรมชาติล้วนๆ (มัชเฌนธรรมเทศนา)
อย่างไหนข้อใดพระองค์แสดงอิงจริยธรม (โลกียธรรม) ให้ได้เป็นเบื้องต้นก่อน
หากไม่เข้าใจประเด็นนี้ คงยากที่จะเข้าใจกรรมฐานถูกต้องตามแบบของพระพุทธศาสนาได้ ยิ่งปฏิบัติยิ่งเข้ารกเข้าพงครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ต.ค. 2008, 08:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมะหรือธรรมชาติเกิดตลอดเวลาที่ที่อายตนะภายใน คือ ตา หู จมูก ฯลฯ กระทบกับอายตนะภายนอกคือรูป เสียง กลิ่น ฯลฯ แต่มนุษย์ขาดมนสิการใส่ใจที่จะรู้ธรรม ต่อเมื่อมามนสิการกรรมฐานโดยใช้กายใจนี้เป็นที่ตั้งธรรมะจึงปรากฏชัด เช่นตัวอย่างที่ปรากฏแก่คุณ natdanai (ขออภัยคุณnatdanai ที่นำตัวอย่างมาอธิบายภาพการปฏิบัติให้คุณบุญชัยพิจารณา) ที่ท่านเล่าว่า
อ้างคำพูด:
ผัสสะที่ว่ามันกระทบอยู่ตลอด ก็เช่นว่ามีบางอย่างมาตอมที่หน้าบ้าง มีเสียงยุงมาบินอยู่ทีใกล้ๆหูบ้าง เป็นต้นครับ
ส่วนเวทนาก็ประมาณว่ารำคาญ หรือคัน อะไรประมาณนี้น่ะครับ ร้อนอบอ้าวแล้วรู้สึกไม่สบายตัว ประมาณนี้น่ะครับ คือว่าผัสสะกับเวทนานั้นมันต่อเนื่องกันอยู่น่ะครับ


สภาวธรรมที่กระทบความรู้สึกซึ่งทำความขัดใจให้ (เช่นว่ามีบางอย่างมาตอมที่หน้าบ้าง มีเสียงยุงมาบินอยู่ที่ใกล้ๆหูบ้างเป็นต้นครับ)

นั่นคือความจริงที่โยคีหรือผู้ปฏิบัติควรเรียนให้รู้ด้วยตนแต่ละขณะๆ วิธีปฏิบัติคือกำหนดรู้สภาพที่ปรากฏนั้น ตามเป็นจริง หรือตามที่มันเป็น แบบนี้ใช่เลย
เพราะขณะนั้นไม่ใช่คิดตามแนวปริยัติ นี่คือจุดบอดของนักปฏิบัติจริงโดยทั่วๆไป

ที่รู้สึกว่ามดไต่ตัวไรตอมตามหน้าตาเนื้อตัว ฯลฯ หรือเหมือนมีแมลงบินรบกวน มีจริงหรือไม่หรือเป็นเพียงอุปาทาน
ตัวอย่างนี้ ไม่มีมดแมงตอมดอก เกิดจากสังขารปรุงแต่งขึ้นตามธรรมดาของมัน
แต่เราปฏิเสธจึงไม่รู้ เมื่อไม่รู้เห็นความจริงก็จึงตกเป็นทาสความทุกข์เป็นทาสกิเลสตัณหาอุปาทาน ได้แก่ความชอบใจบ้างไม่ชอบใจบ้าง กิเลสวัฏฏ์จึงเกิดวน :b48: อยู่อย่างนั้นมิรู้จบ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ต.ค. 2008, 09:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีครับ..ท่านกรัชกาย :b8:
เมื่อวานไปทำงาน ตจว. เลยไม่ได้มาสนทนาด้วยเลย :b12:
มาสนทนากันต่อเลยละกันนะครับ :b1:

อ้างคำพูด:
คุณเคยพิสูจน์ไหมที่ว่า เหมือนมีมดไต่ตัวไรตอมตามเนื้อตามตัวตามใบหน้าตาหู ยิบๆ จากจุดนั้นไปตรงนั้น เดี๋ยวหายเดี๋ยวโผล่ มีจริงๆไหม เคยเอามือลูบๆดูไหม หรือเคยลืมตาดูไหม
แล้วที่ว่ามียุงบินกระซิบใกล้ๆหู ยุงจริงไหม ในห้องนอนมียุงอาศัยอยู่หรือไม่
เคยเปิดไฟดูไหมครับ

ก็เคยพิสูจน์เหมือนกันนะครับ แต่บางทีมันก็ไม่มีจริงครับ แต่ยุงนี่มีจริงๆอยู่ครับ โดนกัดเป็นประจำครับ :b12:
อ้างคำพูด:
สภาวะที่ปรากฏเราพึงกำหนดด้วยวิธีที่บอก ก็เพื่อให้เห็นต้นเหตุของมัน เพื่อให้ผู้ปฏิบัติเห็นต้นเหตุของสภาวะที่เกิดขึ้นด้วยตนเอง ร้องอ๋อด้วยตน เมื่อเห็นต้นเหตุ อุปาทานก็คลาย
กำหนดดตามที่มันเป็นครับ

แต่ที่เกิดข้องขัด เพราะผู้ปฏิบัติมุ่งแต่จะพองหนอ ยุบหนอ อย่างเดียว
หรือ พุทโธๆ เท่านั้น เมื่อเรามุ่งประสงค์อย่างนั้น ต้องการอย่างนั้น สภาพธรรมเกิดตามเหตุปัจจัยของมัน แต่ขัดกับความรู้สึกของเรา ก็รำคาญ หงุดหงิด เป็นต้น

:b6: :b6:
อ้างคำพูด:
หากฉุกคิดว่า ธรรมชาติมันเป็นอย่างนั้น แล้วกำหนดตามที่มันเป็นเสีย ก็เอวัง จบ เพราะไม่ฝืนสภาพความเ็ป็นจริง
ตัวอย่าง รู้สึกรำคาญ “รำคาญหนอๆๆ” “ร้อนหนอๆๆ” “ไม่สบายหนอๆๆ” ฯลฯ
มิใช่ปล่อยให้ผ่านไปอย่างนั้น หรือแค่คิดว่าช่างมัน ไม่ใช่ครับ แบบนี้โมหะ

เมื่อวานลองกำหนดย้ำลงไปดูครับ แต่เวทนามันกลับมากขึ้นอีก(รู้สึกว่ามันหนักกว่าตอนที่ไม่ได้จ่อไว้)เช่นว่า นั่งไปสักพักนึงเริ่มรู้สึกว่าขาชาๆปวดๆ ก็จ่อลงไปตรงที่ปวดเลยครับ เออมันปวดนะๆๆๆ แล้วมันก็ปวดมากขึ้นๆๆ จนทนไม่ไหวก็เลยขยับซะ เออทีนี้ก็สบายขึ้นแฮะ แต่วันก่อนนี้ที่ไม่ได้จ่อลงไปตรงนั้นมันปวดก็ไม่สนใจมันช่างมันก็ไม่ยักจะปวดหนักแบบนี้ ไอ้อย่างนี้มันเป็นเพราะอะไรครับ :b10:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ต.ค. 2008, 09:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ขออภัยคุณnatdanai ที่นำตัวอย่างมาอธิบายภาพการปฏิบัติให้คุณบุญชัยพิจารณา


ไม่เป็นไรหรอกครับ ได้เป็นกรณีศึกษาก็น่าภูมิใจอยู่นะครับ.... :b12: :b12:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ต.ค. 2008, 09:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ค. 2008, 14:11
โพสต์: 839

ที่อยู่: สงขลา

 ข้อมูลส่วนตัว


เวลา เกิดเหตุการณ์เช่น ถูก รถเฉี่ยว ปาด หน้า ฝนตกเปียก เมื่อวาน
ตอนกลับบ้าน ทำไมผมตามอารมณ์ ตอนนั้นไม่ทัน เกิดฉุนขึ้นมา กว่าจะ ระลึกได้ ว่าโกรธๆๆแล้ก็ ปาไป หลาย
นาที กว่าจะ จับได้ว่าโกรธแล้ว ท่าน กรัชกาย พอแนะได้ มะ ผม ทำสมาธิ มาก็3....4ปีแล้วคุมไม่อยู่ งะ :b33: :b24: :b10: :b30:

.....................................................
ทำดีทุกทุกวัน เมื่อโอกาสมา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ต.ค. 2008, 09:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ค. 2008, 14:11
โพสต์: 839

ที่อยู่: สงขลา

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b20: แจ่มแจ้งครับ :b35:

.....................................................
ทำดีทุกทุกวัน เมื่อโอกาสมา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ต.ค. 2008, 09:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.ค. 2008, 14:47
โพสต์: 1562

อายุ: 0
ที่อยู่: หิมพานต์

 ข้อมูลส่วนตัว www


อ้างคำพูด:
เวลา เกิดเหตุการณ์เช่น ถูก รถเฉี่ยว ปาด หน้า ฝนตกเปียก เมื่อวาน
ตอนกลับบ้าน ทำไมผมตามอารมณ์ ตอนนั้นไม่ทัน เกิดฉุนขึ้นมา กว่าจะ ระลึกได้ ว่าโกรธๆๆแล้ก็ ปาไป หลาย
นาที กว่าจะ จับได้ว่าโกรธแล้ว ท่าน กรัชกาย พอแนะได้ มะ ผม ทำสมาธิ มาก็3....4ปีแล้วคุมไม่อยู่ งะ


ขอแจมด้วยนะครับ ผมก็เป็นบ่อย ร่วมฟังคำตอบด้วยครับ :b10: :b10: :b10:

.....................................................
อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจจะชามิฯ
ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าขอมอบกายถวายชีวิต แด่พระพุทธเจ้า แด่พระธรรม แด่พระสงฆ์ นับแต่บัดนี้ตราบจนเข้าสู่พระนิพพาน


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 35 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 18 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร