วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 03:57  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.พ. 2021, 05:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


...เวลาเจอมารมาผจญนี้
“จะต้องพยายามสร้างความอดทน
สร้างความเมตตาสู้กับมารต่างๆ”
ถึงจะเอาชนะได้

.ถ้าไม่มีความเมตตา ไม่มีความอดทน
“เดี๋ยวก็..กลายเป็นมารด้วยกัน”
เขามารมา เราก็มารไป
แต่ถ้ามีเมตตา มีขันติ มีปัญญา ก็จะ
ใช้คุณธรรมใช้บารมีต่อสู้เอาชนะมาร

.ด้วยการ
”แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร”
ยอมแพ้ ..
แต่การแพ้นี้ ไม่ได้แพ้

.แพ้ผู้ที่มาเป็นมาร
“แต่ชนะมาร..ที่มีอยู่ภายในใจ”
มารที่จะมาฉุดลากให้จิตต้องติดอยู่ใน
กองทุกข์แห่งการเวียนว่ายตายเกิดนั่นเอง

.เพราะเมื่อไปทำบาป
“ก็จะต้องไปเกิดในอบายต่อไป”.

........................................
ธรรมะบนเขา
6/10/2562 ณ จุลศาลา
เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาชีโอน
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี









#จำไว้นะทุกอย่างบนโลกล้วนเกิดขึ้นตามวาสนาบารมีที่เคยบำเพ็ญมา
#หาใช่สิ่งที่มันปรุงแต่งขึ้นมาเองไม่

บนโลกนี้สิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความผิดหวังก็ดี สมหวังก็ดี การพลัดพรากก็ดี การไม่ได้ในสิ่งที่ตนปรารถนาก็ดี ทุกอย่างเกิดขึ้นตามกระแสแห่งกรรม ที่ผู้รับนั้นได้เคยกระทำไว้ในกาลหนหลัง ไม่มีสิ่งใดที่จะมาหักล้างกันได้

จะไปบนบานที่ใดก็ตามแต่ ถ้าสิ่งที่เรากำลังเจอนั้นเป็นวิบากของกรรมแล้ว เทพองค์ใดก็ไม่สามารถช่วยได้....

#สิ่งที่ช่วยได้คือการมีสติและเผชิญหน้ากับมัน
#การทำกุศลให้ถึงพร้อมนี่แหละวิธีการรับมือกับวิบากกระแสแห่งกรรม"

โอวาทธรรมคำสอนพ่อแม่ครูอาจารย์
หลวงปู่สุธัมม์ ธัมปาโล
วัดเทพกัญญาราม อ.เมือง จ.สกลนคร









"...ไม่ว่าพระว่าโยม ถ้ามีกิเลสหลาย ความอยากมันเกิดขึ้น มันก็เป็นทุกข์ทั้งนั้น..."

โอวาทธรรม
หลวงปู่ปั่น สมาหิโต
วัดป่าศิริดำรงวนาราม อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร

#หลวงปู่ปั่นสมาหิโต











"จิตที่มีเมตตาแล้ว..แผ่คลุมไปถึงสัตว์ทุกจำพวก เขาเห็นเป็นมิตรไปในที่ทุกสถาน สัตว์ที่เป็นศัตรูก็เป็นมิตร ถ้าใครคิดอิจฉาในผู้ที่มีเมตตาเช่นนั้นย่อมถึงความวินาศ เรื่องเหล่านี้ย่อมเห็นประจักษ์อยู่ทั่วไป”

หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี







#ทำดีแล้วทำไมยังทุกข์อยู่
ธรรมะจากพระญาณวิสาลเถร (หลวงปู่หา สุภโร)
หรือหลวงปู่ไดโนเสาร์

โยม. หลวงปู่ครับเวลาผมทำความดี
แล้วทำไมทุกข์ไหนว่าทำบุญ
แล้วสุขหล่ะครับผม
หลวงปู่.แล้วทำไมคุณถึงทุกข์หล่ะ
โยม.เวลาผมทำบุญหรือทำความดี
แล้วผมก็สบายใจดีอยู่หรอกครับ
แต่เวลาโดนคนเขานินทาเรื่องที่ผมทำ
ทีไรก็อดทุกข์ไม่ได้
หลวงปู่.คุณมีใครบ้างไม่โดนนินทา
โยม.ไม่มีครับผม
หลวงปู่.คนทำดีหรือทำชั่วเขาถูกนินทาไหม
โยม.ถูกเหมือนกันครับผม
หลวงปู่.เราจะทำดี
หรือทำชั่วก็โดนนินทาทั้งนั้น ขนาดผม
ยังโดนเลย เขาไม่นินทาเรื่องดีก็นินทาเรื่องไม่ดี
แสดงว่าเราล้วนโดนทั้งหมด
ให้ทำใจเหมือนพระอาทิตย์พระอาทิตย์ขึ้น
ทางตะวันออกโคจรข้ามท้องฟ้าไปตก
ทางตะวันตกทุกวัน
บางคนชอบบางคนไม่ชอบคนตากผ้าชอบ
คนทำงานกลางแดดไม่ชอบ
เวลาฝนตกคนทำนาชอบคนตากผ้า
ไม่ชอบ พระอาทิตย์ก็ยังโคจรไป
ตรงตามหน้าที่ไม่เห็นพระอาทิตย์หมดกำลัง
แล้วเลิกโคจรไป
คุณทำความดีหน่ะมันดีแล้ว
เป็นเรื่องน่าอนุโมทนา แต่ให้คุณทำใจ
ให้เหมือนพระอาทิตย์ ใครจะว่าหรือ
จะชมก็ยังทำหน้าที่ของตนเสมอ
ไม่หยุดหย่อน เข้าใจนะ

หลวงปู่หา สุภโร










#โลกนี้เต็มไปด้วยความพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้นไป

.... จะพิจารณาไปในวัตถุสิ่งใดก็ตามในโลกนี้ มันเต็มอยู่ด้วยกองอนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา หาความจีรังถาวรไม่ได้ อาศัยสิ่งนั้นก็จะพังลงไป วัตถุสิ่งใดก็ตามขึ้นชื่อว่ามีอยู่ในโลกนี้ล้วนแล้วแต่สิ่งที่จะต้องพังทลาย เขาไม่พัง เราก็พัง เขาไม่แตก เราก็แตก เขาไม่พลัดพราก เราก็พลัดพราก เขาไม่จาก เราก็จาก

เพราะโลกนี้เต็มไปด้วยความจาก ความพลัดพรากกันอยู่แล้วโดยหลักธรรมชาติ

ให้พิจารณาอย่างนี้ด้วยปัญญาให้ชัดเจนก่อนหน้าที่สิ่งเหล่านั้นจะพลัดพรากจากเรา หรือเราจะพลัดพรากจากสิ่งเหล่านั้น แล้วปล่อยวางไว้ตามเป็นจริง เมื่อเป็นเช่นนั้นจิตใจก็มีความสุข .

#หลวงตามหาบัว #ญาณสมฺปนฺโน







อะไรที่ทำให้เราต้องกระทบ

ไม่ว่าทางโลกหรือทางธรรม
มันล้วนแต่กฎของกรรมทั้งนั้น

ไปพบชาวโลกเขาด่า
เขานินทา เขาสรรเสริญ
เขาใช้เราทำโน่นทำนี่
ก็ต้องถือว่าพบพอดี

เราทำเขาไว้ก่อน
ถ้าไม่ทำไม่เจอหรอก
พอดีอย่างนั้น

.#หลวงปู่บุดดา #ถาวโร







อานิสงส์การทำบุญให้ทาน. แล้วก็รักษาศีล. ด้วยความบริสุทธิ์บริบูรณ์. มันเลยกินไม่หมด.

หลวงปู่ไม อินทสิริ








"พึงเพ่งดูใจตนเองให้เห็นกิเลสที่ใจตนเอง
ขณะเดียวกัน จะสามารถเห็นความสุขความทุกข์
ในใจตนเองได้ด้วย

สำคัญอยู่ที่ว่า ต้องใช้สติปัญญาให้ดี ให้ถูก
ให้เห็นหน้าตาของกิเลส ที่ใจตนให้ได้
อย่าเห็นกิเลสที่ใจตน แล้วหลงเข้าใจผิด
ว่าเป็นกิเลสของผู้อื่น มุ่งไปแก้ที่ผู้อื่น เช่นนี้
จักไม่มีวันได้พบความสุข

เพราะจักไม่มีเวลาที่กิเลสที่ใจตนถูกกำจัด
ให้ลดน้อยลง ความทุกข์จึงย่อมไม่หมดไป
เพราะความทุกข์ทั้งหลาย เกิดจากกิเลส"

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ










"ในเรื่องของกรรมนั้น พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า
ถ้าเราไม่ทำกับเขา เขาย่อมไม่ทำกับเรา
เพราะเราเคยได้เบียดเบียนเขาไว้ก่อน
เราจึงต้องได้รับผลแห่งกรรมนั้นจากเขาบ้าง"

ท่านพ่อลี ธมฺมธโร









#คำสอนของท่านเทวธัมมี ((พระอาจารย์องค์แรกของหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล))

ท่านสอนให้มีเหตุมีผล อย่าเชื่ออะไรโดยไม่พิจารณาด้วยปัญญา อย่าเชื่อโดยความหลงงมงาย หลงผิดในลัทธิประเพณีบางอย่างที่ขัดต่อหลักการของพระพุทธศาสนา

ท่านสอนให้เลิกละประเพณีบางอย่างที่ขัดต่อคำสอน ให้ประพฤติในสิ่งที่ถูกต้องดีงาม ได้แก่ การแสดงตนเข้าถึงพระไตรสรณคมน์กันใหม่ ให้ยืดเอาสามรัตนะ คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งที่ระลึกอันเกษม ที่จะนำพาให้พ้นทุกข์

สอนให้เลิกละกินของดิบของดาย งดบริโภคเนื้อสัตว์ ๑๐ อย่างตามที่พระองค์ทรงห้าม ไม่กราบไหว้ศาลผีปู่ตา ให้เลิกการเซ่นไหว้บูชาถือผีถือสาง เพราะสิ่งเหล่านั้นไม่ใช่สรณะที่พึ่งอันแท้จริง ไม่ช่วยให้คนพ้นทุกข์ได้ มันเป็นเพียงมายาหลอกให้เราหลงเชื่อ ให้งมงาย

การบวงสรวงผีอาจช่วยด้านกำลังใจได้บ้าง ถ้าหากผีดีจริงมันจะไปเป็นเปรตเวทนา รอรับเครื่องเซ่นสรวงสังเวยบูชาของเราอยู่อย่างนั้นหรือ ถ้ามันดีจริง ทำไมจึงต้องเป็นอยู่อย่างอดอยากปากแห้งอยู่อย่างนั้น ทำไมไม่ไปเกิดไปขานกับเขาสักที

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะผีก็คือความชั่ว บุคคลเคยประกอบกรรมทำชั่วร้ายเอาไว้ เมื่อตายไปจึงไปเป็นผีตกนรกหมกไหม้ พอพ้นขึ้นมา ก็ยังกลายเป็นเปรตเวทนาอีก จนกว่าพวกมันจะหมดเวรหมดกรรมมีคุณงามความดีขึ้นมาใหม่ จึงจะได้กลับมาเกิดเป็นคนกับเขาได้อีก

เมื่อความเป็นมาของผีเป็นอย่างนี้ พวกเรายังจะไปนับถือพวกที่เคยทำชั่วมาแล้วเช่นนั้นหรือ ดังนั้น ผู้ที่นับถือผี ก็คือผู้ที่นับถือผู้ที่ทำความชั่วนั่นเอง เมื่อตายไปต้องไปเป็นลูกน้องผี ไปอยู่กับผี คอยรอรับเครื่องสังเวยจากพวกมนุษย์

เมื่อมนุษย์ไม่นำไปให้ก็ต้องอยู่อย่างอดๆ อยากๆ ความหิวกระหายกดดันบังคับ จนทำให้ต้องเข้าสิงกายมนุษย์ หรือต้อง “ซูน” ให้เจ็บให้ป่วยเพื่อขออาหาร ให้เขาสังเวยเซ่นสรวงไปให้กิน ต้องอดอยากปากแห้งอยู่อย่างนั้น จนกว่าจะได้ไปผุดไปเกิด

ส่วนเราเป็นมนุษย์ผู้มีใจสูงแล้ว เพราะสามารถที่จะทำให้มรรคผลนิพพานให้เกิดให้มีขึ้นได้ แล้วคิดจะพากันมาหลงงมงายนับถือผีกันอยู่ทำไม

พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ นำพาพวกเราสู่อารยธรรมแนวใหม่ที่พระองค์ท่านค้นพบ ที่สมบูรณ์ด้วยเหตุผล แล้วพวกเรายังจะพากันหูหนาตาเถื่อนอยู่อีกหรือ

การนับถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คือการทำความดีด้วยกาย วาจา ใจ เมื่อเราทำดี ตายไปก็จะไปสู่สิ่งที่ดีคือ สุคติ ไม่ต้องไปเกิดทนทุกข์ทรมานเป็นเปรตเวทนาต่อไป

ท่านเทวธมฺมี ยังสอนต่อไปว่า เรื่อง กรรม นี้ คือพระญาณที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ในยามที่สอง ในจำนวนทั้งหมด ๔ ญาณ

กรรม คือการกระทำประกอบด้วยเจตนา ความตั้งใจ จงใจ ไม่ว่าดีหรือชั่ว กรรมนั้นจะตามสนองผู้กระทำไม่ช้าก็เร็ว ไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้า เพราะเรา มีกรรมเป็นของของตน มีกรรมเป็นผู้ให้ผล มีกรรมเป็นทายาท มีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย

ดังนั้น พวกที่ไปหลงในพิธีกรรมต่างๆ เช่น หักไม้ใส่มอ ดูหมอสังเวย เซ่นสรวงบูชา ถือฤกษ์งามยามดี วันจมวันฟู วันดีวันร้าย ถือผีถือสาง จึงเป็นลัทธิของคนโง่เขลา ไกลจากอารยธรรม ไกลจากแสงสว่างคือ พระธรรม เพราะเป็นการถือปฏิบัตินอกรีตนอกรอยของพระพุทธศาสนาไปแล้ว

เมื่อเป็นเช่นนั้น อย่าหวังเลยว่า จะทำมรรคผล นิพพานให้บังเกิดขึ้นได้

พวกเชื่อดวงชะตา หาว่าพระพรหมลิขิตขีดเส้นชีวิตให้เป็นไปจึงเป็นอารยธรรมของคนยุคหิน เพราะชีวิตของมนุษย์สัตว์โลกจะเป็นไปอย่างไรนั้น จะดีจะชั่ว จะสุขจะทุกข์ ก็ด้วยผลแห่งกรรมเท่านั้นที่ตามสนอง ทั้งในอดีต ปัจจุบันและอนาคต

พระพุทธองค์ทรงเปรียบเทียบเวไนยสัตว์ เหมือนกับดอกบัวสี่เหล่า บุคคลที่หลงงมงายในสิ่งที่กล่าวมานี้คือเหล่าบัวที่ยังเป็นหน่อ จมปลักอยู่ในโคลนตม ไกลจากแสงสว่าง ไกลจากพระพุทธศาสนามาก

เป็นผู้อยู่นอกศาสนา

ศาสนา คือการปฏิบัติด้วยกาย วาจา ใจ เท่านั้น แม้ตัวจะกราบไหว้ทุกวี่ทุกวันก็ตาม พอออกจากวัดไปก็ไปไหว้ผีไหว้เจ้า สังเวยบวงสรวงศาลพระภูมิ ไตรสรณคมน์ ก็ขาดแล้ว เศร้าหมองแล้วการเข้าวัดก็ไม่มีความหมายอะไร

ท่านยังสอนต่อไปว่า เราแขวนพระ เราถือพระ ก็คือเราอาราธนาเอาคุณพระไตรสรณคมน์ หรือพระรัตนไตรมาไว้ในตัวเรา เพราะพระที่เราแขวนเราถือ ก็คือสัญลักษณ์คุณเครื่องของพระไตรสรณคมน์ เมื่อเราถือเอาพระไตรสรณคมน์ คือ พระพุทธ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ สรณะอันนั้นก็เต็มเปี่ยมอยู่ในตัวเรา

บุคคลที่แขวนพระห้อยพระอยู่ในคออยู่ที่ตัว เมื่อพระไตรสรณคมน์ที่ท่านสถิตอยู่ในวัตถุมงคลเหล่านั้น พอมนุษย์ไม่มีความเชื่อถือ ยังจะน้อมเอาคุณอันอื่นที่ไม่เป็นแก่นสารเข้าไปอีก ทั้งกินเหล้าเมายา ประพฤติผิดศีลธรรม ท่านจะอยู่ต่อไปในวัตถุมงคลนั้นได้อย่างไร

ในเมื่อท่าน ก็คือศีลธรรม ท่านก็เสด็จออกจากวัตถุ เหล็กทอง ปูน ดิน ว่าน เหลือเพียงเศษเหล็ก เศษทอง เศษปูน เศษดิน เศษว่านเท่านั้นเอง

เมื่อปฏิบัติไม่ถูกต้องแล้ว จะให้ท่านคุ้มครองรักษาเราได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ท่านเป็นผู้หนึ่งที่ยอมรับอยู่มิใช่หรือว่าพระเครื่อง เครื่องรางของขลังมีอยู่จริง ฯลฯ

หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 73 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron