วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 17:10  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 42 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ส.ค. 2020, 11:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออีก กท.เถอะ เรื่อง "ไม่มีเรา" "ไม่มีตัวตน" ตามที่คุณโรสเข้าใจนี่


อ้างคำพูด:
ไม่เคยระลึกได้ว่า...ไม่มีเรา = สัญญาวิปลาสคลาดเคลื่อนจากความจริงตามคำสอน
แปลว่า ขาดสติไม่เคยคิดถูกตรงตามสัจจะตรงปัจจุบันธรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
จำแต่ว่าเวลามีคนถามความหมายคำไหนจำ และแปลได้หมดนั่นน่ะสัญญาแบบดิกชันนารี่555
จะเกิดสัมมาตามคำสอนก็ต้องตอนที่กำลังคิดตามตรงสัจจะแล้วรู้สึกที่ตัวตามคำนั้นว่าอะไรที่ปรากฏแล้ว
:b16:
การไปทำอย่างหนึ่งอย่างใดโดยไม่คิดไตร่ตรองตามคำสอน คือ ระลึกไม่ได้แล้วเป็นตัวตนคิดเอาเองแล้วค่ะ
ตถาคตตรัสรู้ความจริง และทรงแสดงความจริงทุกคำในพระไตรปิฏก คือ ความจริงตรงปัจจุบันธรรมทุกคำ
และที่มีการบัญญัติเป็นคำ และแปลความหมายเอาไว้เพื่อให้ศึกษาความจริงที่กำลังปรากฏว่ามีเป็นปัจจุบัน
เพื่อรู้สึกตัวได้ว่ากำลังคิดกำลังพูดทุกคำเพื่อความเข้าใจถูกตรงสัจจะตรงที่ร่างกายตัวมีตรงตามคำสอนได้
ไม่ใช่ไปอ่านไปท่องแล้วก็จำเป็นเรื่องราวเพื่อยกเอาเรื่องราวและคำต่างๆที่ยังไม่แปลความมาพูดเพื่อขอลาภ
:b32:
สวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบแล้ว ทุกคำในพระไตรปิฏกคือความจริงตรงปัจจุบันทุกคำ ซึ่งเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้
จากการฟังแล้วไตร่ตรองว่ากำลังมีอะไรที่กำลังปรากฏว่ามีที่กายและใจตรงกับคำไหนและจำได้ตอนที่ฟัง
พอหยุดฟังปุ๊บ555ตัวตนคิดปั๊บน่ะอะไรเพราะตถาคตบอกว่าจะเข้าใจถูกตัวตนตามคำของพระองค์ได้นั้น
ต้องหัดฟังผู้รู้กล่าวตรงสัจจะให้เข้าใจถูกตามได้ว่าที่ตัวตนกำลังปรากฏว่ามีอะไรหัดฟังคนอื่นพูดซะบ้างนะ
https://youtu.be/64cLZJPF4wk


ที่จริงต้องบอกว่า ตามความเข้าใจของแม่สุจินจึงจะถูก เพราะเมื่อคุณโรสถ่ายทอดแนวคิดแล้วก็แนบคลิปแม่สุจินด้วยทุกๆครั้ง :b32:

เบื้องต้นดูภาพรวมแนวคิดแนวฟุ้งซ่านเพ้อเจ้อนั่นแล้ว ก็จับแพะชนแกะ จบรถชนกับเรือดีๆนี่เอง :b32: ไม่มีอะไรในกอไผ่ นอกจากหน่อไม้ คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ส.ค. 2020, 11:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พูดแล้วต้องมีตัวอย่างให้คุณโรสตอบ "ไม่มีเรา" ถามนะ คุณโรสว่าไม่มีเรา ไม่มีตัวตน แล้วนี่ใครเขาเถียงกันอยู่นี่ (เอาตัวอย่างนี่ก่อน)

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

มีเราไหม

1. มี
2.ไม่มี

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ส.ค. 2020, 18:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่อง อัตตา – อนัตตา เป็นหลักที่สำคัญยิ่ง

ที่พระพุทธศาสนาสอนเรื่องนี้ไว้ ถ้าพูดเป็นภาษาธรรมดาก็ว่า อัตตาที่ไม่มีนั้น ใช้มันไปเถอะ ได้ประโยชน์ดีจริงๆ ท่านสอนให้พัฒนาไปจนถึงที่สุด แล้วจะประสบสิ่งที่เลิศประเสริฐยิ่ง แต่อัตตามีขึ้นเมื่อไรเป็นปัญหาทุกที เกิดอัตตาขึ้นมาเมื่อไรก็ยุ่งเมื่อนั้น มีปัญหา เกิดทุกข์ เกิดการกระทบกระทั่งอะไรต่างๆ

พระพุทธศาสนามีคำสอนว่าด้วยอัตตาหรือตัวตนนี้มากมาย เช่น

อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ - ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน

อตฺตทีปา อตฺตสรณา - จงมีตนเป็นเกาะ จงมีตนเป็นที่พึ่ง

อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺฑิตา - บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมฝึกตน

สุทฺธิ อสุทฺธิ ปจฺจตฺตํ - ความบริสุทธิ์ ไม่บริสุทธิ์ เป็นของเฉพาะตน

อตฺตานญฺเจ ปิยํ ชญฺญา น นํ ปาเปน สํยุเช - หากรู้ว่าตัวเป็นที่รัก ก็ไม่ควรเอาตัวนั้นไปเกลือกกลั้วกับความชั่ว

อตฺตา หิ กิร ทุทฺทโม - ได้ยินว่า ตนแล ฝึกได้ยาก

อตฺตนา โจทยตฺตานํ ปฏิมํเสตมตฺตนา - จงเตือนตนด้วยตน จงพิจารณาตนนั้นด้วยตน

อตฺตนา ว กตํ ปาปํ อตฺตนา สงฺกิลิสฺสติ - บาปอันผู้ใดทำแล้วด้วยตนเอง ผู้นั้นย่อมเศร้าหมองด้วยตน

อตฺตานํ อุปมํ กตฺวา น หเนยฺย น ฆาตเย - บุคคลทำตนให้เป็นตัวอย่างแล้ว ไม่ควรฆ่าเอง ไม่ควรใช้ให้คนอื่นฆ่า

น สิยา โลกวฑฺฒโน - ไม่พึงเป็นคนรกโลก

ฯลฯ

เรื่องตัวเรื่องตนนี้ พระพุทธศาสนาสอนไว้มากมาย ในระดับตัวตนสมมตินี่ ที่มันไม่มีนี่แหละ พระพุทธศาสนาพูดเต็มที่เลย ให้ใช้ ให้ปฏิบัติ ให้พัฒนามัน จะเป็นประโยชน์เหลือเกิน ท่านไม่มาเที่ยวพูดยุ่งในระดับสมมติ ว่าไม่มีอัตตา

แต่ในระดับปรมัตถ์ ท่านให้รู้เท่าทันว่าอัตตามันไม่ใช่เป็นของจริง ถ้ามันมีขึ้นเมื่อไร เกิดยึดถือขึ้นเมื่อไร เป็นเกิดโทษทุกที ปัญหาจะมา

จึงบอกว่า อัตตาที่ไม่มีนั้น พัฒนาไปเถิด จะประสบสิ่งที่เลิศประเสริฐยิ่ง แต่อัตตามีเมื่อไร เกิดปัญหาทุกที

อัตตาที่ไม่มีนั้น ให้ใช้มันไปเถิดอย่างรู้กันและรู้ทัน ส่วนอัตตาที่จะมีก็ให้รู้แจ้งรู้ทัน มันจะได้ไม่เกิดขึ้นมา

ยิ่งพัฒนาอัตตาที่ไม่มีขึ้นมา อัตตาที่จะมีก็ยิ่งไม่เกิดขึ้นมา อันนี้ก็ตีให้แตกด้วย
........

พิจารณากันดู :b13: คุณโรสแยกออกไหม ตีแตกไหม :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ส.ค. 2020, 19:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


งานงอกออกอีกหน่อย

อตฺตานํ อุปมํ กเร ก็ล้อมาจากคาถานั้น เพียงเปลี่ยน กตฺวา เป็น กเร

รูปภาพ

สพฺเพ ตสนฺติ ทณฺฑสฺส - สพฺเพ ภายนฺติ มจฺจุโน
อตฺตานํ อุปมํ กตฺวา - น หเนยฺย น ฆาตเย.


สัตว์ทั้งปวง ย่อมหวาดหวั่นต่ออาชญา สัตว์ทั้งปวง ย่อมกลัวต่อความตาย
บุคคลทำตนให้เป็นตัวอย่างแล้ว ไม่ควรฆ่าเอง ไม่ควรใช้ให้คนอื่นฆ่า.


สพฺเพ ตสนฺติ ทณฺฑสฺส - สพฺเพสํ ชีวิตํ ปิยํ
อตฺตานํ อุปมํ กตฺวา - น หเนยฺย น ฆาตเย.


สัตว์ทั้งหมด ย่อมหวาดหวั่นต่ออาชญา ชีวิตย่อมเป็นที่รักของสัตว์ทั้งหลาย
บุคคลทำตนให้เป็นตัวอย่างแล้ว ไม่ควรฆ่าเอง ไม่ควรใช้ให้คนอื่นฆ่า.

สองคาถานี่แหละ สาระแค่เอาใจเขามาใส่ใจเรา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ส.ค. 2020, 19:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขุดไปขุดมาไปเจอ กท.เก่า เมื่อ: 03 ธ.ค. 2015, 10:29

น สิยา โลกวฑฺฒโน - ซึ่งเป็นคติพจน์ประจำโรงเรียนเทพศิรินทร์

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=51532


หีนํ ธมฺมํ น เสเวยฺย - ปมาเทน น สํวเส
มิจฺฉาทิฏฺฐึ น เสเวยฺย - น สิยา โลกวฑฺฒโน .

บุคคลไม่พึงเสพธรรมอันเลว ไม่พึงอยู่ร่วมด้วยความประมาท
ไม่พึงเสพความเห็นผิด ไม่พึงเป็นคนรกโลก.



.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ส.ค. 2020, 22:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
พูดแล้วต้องมีตัวอย่างให้คุณโรสตอบ "ไม่มีเรา" ถามนะ คุณโรสว่าไม่มีเรา ไม่มีตัวตน แล้วนี่ใครเขาเถียงกันอยู่นี่ (เอาตัวอย่างนี่ก่อน)

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

มีเราไหม

1. มี
2.ไม่มี

:b12:
เนี่ย...เอาแค่ชื่อหัวข้อก่อนนะ
เข้าใจไหมที่เขียนเนี่ย...ไม่มีเรา ไม่มีตัวตน
เป็นคำที่โรสสอนหรือเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าแยกออกไหม
ไม่มีเรา=อนัตตา...มีเรา=อัตตา...ให้ทราบว่าที่รู้แล้วว่าเป็นคนเนี่ยคือมีเราถูกไหม
ในเมื่อคิดมาตลอดว่ามีเราแปลว่ามีความคิดผิดมาตลอดว่าเป็นตัวตนของเราคิดพูดทำทุกอย่างอยู่เนี่ย
มันเป็นไปได้ไหมที่จะเปลี่ยนความคิดของตัวเราที่มันผ่านไปแล้วที่คิดแบบมีตัวตนมาตลอดไม่เคยเปลี่ยนเลย
:b32:
คนเราเนี่ยนะเวลาจะเปลี่ยนความคิดได้เนี่ยต้องกำลังคิดและเข้าใจถูกตามได้ก่อนตอนที่กำลังฟังทันทีเลยค่ะ
ตอนที่ไปแล้วคือออกไปจากการฟังและเข้าใจถูกตามได้อยู่เนี่ยแสดงว่าคิดเองแบบเดิมที่เคยทำอยู่แล้วอ่ะค่ะ
แสดงว่าถึงจะไปไหนจะไปทำอะไรก็ตามถ้าไม่ได้ฟังและไม่ได้กำลังคิดถูกตามคำสอนของตถาคตก็ผิดทันที
ตกลงชาตินี้ก็คิดเองแบบที่คิดมาตลอดชีวิตนั่นแหละ...ไม่เคยเปลี่ยนความคิดผิดๆของตัวตนได้ทำอะไรได้รึ
:b12:
:b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ส.ค. 2020, 23:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ขออีก กท.เถอะ เรื่อง "ไม่มีเรา" "ไม่มีตัวตน" ตามที่คุณโรสเข้าใจนี่


อ้างคำพูด:
ไม่เคยระลึกได้ว่า...ไม่มีเรา = สัญญาวิปลาสคลาดเคลื่อนจากความจริงตามคำสอน
แปลว่า ขาดสติไม่เคยคิดถูกตรงตามสัจจะตรงปัจจุบันธรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
จำแต่ว่าเวลามีคนถามความหมายคำไหนจำ และแปลได้หมดนั่นน่ะสัญญาแบบดิกชันนารี่555
จะเกิดสัมมาตามคำสอนก็ต้องตอนที่กำลังคิดตามตรงสัจจะแล้วรู้สึกที่ตัวตามคำนั้นว่าอะไรที่ปรากฏแล้ว
:b16:
การไปทำอย่างหนึ่งอย่างใดโดยไม่คิดไตร่ตรองตามคำสอน คือ ระลึกไม่ได้แล้วเป็นตัวตนคิดเอาเองแล้วค่ะ
ตถาคตตรัสรู้ความจริง และทรงแสดงความจริงทุกคำในพระไตรปิฏก คือ ความจริงตรงปัจจุบันธรรมทุกคำ
และที่มีการบัญญัติเป็นคำ และแปลความหมายเอาไว้เพื่อให้ศึกษาความจริงที่กำลังปรากฏว่ามีเป็นปัจจุบัน
เพื่อรู้สึกตัวได้ว่ากำลังคิดกำลังพูดทุกคำเพื่อความเข้าใจถูกตรงสัจจะตรงที่ร่างกายตัวมีตรงตามคำสอนได้
ไม่ใช่ไปอ่านไปท่องแล้วก็จำเป็นเรื่องราวเพื่อยกเอาเรื่องราวและคำต่างๆที่ยังไม่แปลความมาพูดเพื่อขอลาภ
:b32:
สวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบแล้ว ทุกคำในพระไตรปิฏกคือความจริงตรงปัจจุบันทุกคำ ซึ่งเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้
จากการฟังแล้วไตร่ตรองว่ากำลังมีอะไรที่กำลังปรากฏว่ามีที่กายและใจตรงกับคำไหนและจำได้ตอนที่ฟัง
พอหยุดฟังปุ๊บ555ตัวตนคิดปั๊บน่ะอะไรเพราะตถาคตบอกว่าจะเข้าใจถูกตัวตนตามคำของพระองค์ได้นั้น
ต้องหัดฟังผู้รู้กล่าวตรงสัจจะให้เข้าใจถูกตามได้ว่าที่ตัวตนกำลังปรากฏว่ามีอะไรหัดฟังคนอื่นพูดซะบ้างนะ
https://youtu.be/64cLZJPF4wk


ที่จริงต้องบอกว่า ตามความเข้าใจของแม่สุจินจึงจะถูก เพราะเมื่อคุณโรสถ่ายทอดแนวคิดแล้วก็แนบคลิปแม่สุจินด้วยทุกๆครั้ง :b32:

เบื้องต้นดูภาพรวมแนวคิดแนวฟุ้งซ่านเพ้อเจ้อนั่นแล้ว ก็จับแพะชนแกะ จบรถชนกับเรือดีๆนี่เอง :b32: ไม่มีอะไรในกอไผ่ นอกจากหน่อไม้ คิกๆๆ

cool
ที่ผ่านมาแล้วเป็นอดีตไปแล้วนะ
เคยคิดได้ไหมว่าตัวเราไม่มีตรองดูสิ
เอาแต่ความเป็นตัวเองไปทำกรรมใหม่อ่ะ
บอกว่าการฟังคำสอนจะทำให้รู้สึกตัวก่อนไปทำ
ถ้าฟังแล้วยังเข้าใจผิดว่ามีตัวเราไปทำได้อยู่แปลว่าอวิชชาเยอะ555
:b12:
แล้วเมื่อไหร่จะคิดถูกตามคำสอนของพระพุทธเจ้าได้ว่าไม่มีเราคือไม่มีทั้งตัวของพระพุทธเจ้าและตัวคนฟัง
ฟังซะบ้างเถอะนะ...จะได้เริ่มทบทวนตัวตนที่ได้ทำอะไรไว้มากมายแล้ว...จะได้เว้นถูกรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด
https://youtu.be/BKDNZavM3Pw
:b12:
:b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ส.ค. 2020, 23:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เรื่อง อัตตา – อนัตตา เป็นหลักที่สำคัญยิ่ง

ที่พระพุทธศาสนาสอนเรื่องนี้ไว้ ถ้าพูดเป็นภาษาธรรมดาก็ว่า อัตตาที่ไม่มีนั้น ใช้มันไปเถอะ ได้ประโยชน์ดีจริงๆ ท่านสอนให้พัฒนาไปจนถึงที่สุด แล้วจะประสบสิ่งที่เลิศประเสริฐยิ่ง แต่อัตตามีขึ้นเมื่อไรเป็นปัญหาทุกที เกิดอัตตาขึ้นมาเมื่อไรก็ยุ่งเมื่อนั้น มีปัญหา เกิดทุกข์ เกิดการกระทบกระทั่งอะไรต่างๆ

พระพุทธศาสนามีคำสอนว่าด้วยอัตตาหรือตัวตนนี้มากมาย เช่น

อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ - ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน

อตฺตทีปา อตฺตสรณา - จงมีตนเป็นเกาะ จงมีตนเป็นที่พึ่ง

อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺฑิตา - บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมฝึกตน

สุทฺธิ อสุทฺธิ ปจฺจตฺตํ - ความบริสุทธิ์ ไม่บริสุทธิ์ เป็นของเฉพาะตน

อตฺตานญฺเจ ปิยํ ชญฺญา น นํ ปาเปน สํยุเช - หากรู้ว่าตัวเป็นที่รัก ก็ไม่ควรเอาตัวนั้นไปเกลือกกลั้วกับความชั่ว

อตฺตา หิ กิร ทุทฺทโม - ได้ยินว่า ตนแล ฝึกได้ยาก

อตฺตนา โจทยตฺตานํ ปฏิมํเสตมตฺตนา - จงเตือนตนด้วยตน จงพิจารณาตนนั้นด้วยตน

อตฺตนา ว กตํ ปาปํ อตฺตนา สงฺกิลิสฺสติ - บาปอันผู้ใดทำแล้วด้วยตนเอง ผู้นั้นย่อมเศร้าหมองด้วยตน

อตฺตานํ อุปมํ กตฺวา น หเนยฺย น ฆาตเย - บุคคลทำตนให้เป็นตัวอย่างแล้ว ไม่ควรฆ่าเอง ไม่ควรใช้ให้คนอื่นฆ่า

น สิยา โลกวฑฺฒโน - ไม่พึงเป็นคนรกโลก

ฯลฯ

เรื่องตัวเรื่องตนนี้ พระพุทธศาสนาสอนไว้มากมาย ในระดับตัวตนสมมตินี่ ที่มันไม่มีนี่แหละ พระพุทธศาสนาพูดเต็มที่เลย ให้ใช้ ให้ปฏิบัติ ให้พัฒนามัน จะเป็นประโยชน์เหลือเกิน ท่านไม่มาเที่ยวพูดยุ่งในระดับสมมติ ว่าไม่มีอัตตา

แต่ในระดับปรมัตถ์ ท่านให้รู้เท่าทันว่าอัตตามันไม่ใช่เป็นของจริง ถ้ามันมีขึ้นเมื่อไร เกิดยึดถือขึ้นเมื่อไร เป็นเกิดโทษทุกที ปัญหาจะมา

จึงบอกว่า อัตตาที่ไม่มีนั้น พัฒนาไปเถิด จะประสบสิ่งที่เลิศประเสริฐยิ่ง แต่อัตตามีเมื่อไร เกิดปัญหาทุกที

อัตตาที่ไม่มีนั้น ให้ใช้มันไปเถิดอย่างรู้กันและรู้ทัน ส่วนอัตตาที่จะมีก็ให้รู้แจ้งรู้ทัน มันจะได้ไม่เกิดขึ้นมา

ยิ่งพัฒนาอัตตาที่ไม่มีขึ้นมา อัตตาที่จะมีก็ยิ่งไม่เกิดขึ้นมา อันนี้ก็ตีให้แตกด้วย
........

พิจารณากันดู :b13: คุณโรสแยกออกไหม ตีแตกไหม :b10:

:b32:
บอกว่าตัดคำอื่นออกจากความคิดไปได้เลย
เอาคำนี้คำเดียวให้เข้าใจถูกทั้งชาตินี้แหละ
เมื่อไหร่จะคิดได้สักทีล่ะว่า...ไม่มีเรา...
ที่เป็นตัวเราทำก็ผิดมาตลอดแล้ว555
คิดว่าฉลาดมากไหมที่เอาบัญญัติคำ
ที่เป็นปัญญาของพระพุทธเจ้า
ไปพูดแอบอ้างว่าตัวเองรู้แล้ว
ตถาคตตรัสรู้สิ่งนี้คนเดียว
ในจักรวาลนี้ไม่มีใครรู้
นอกจากฟังแล้วคิด
แล้วรู้สึกตัวตามได้
ไม่มีเรา...นะคะ
:b32:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ส.ค. 2020, 23:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ขุดไปขุดมาไปเจอ กท.เก่า เมื่อ: 03 ธ.ค. 2015, 10:29

น สิยา โลกวฑฺฒโน - ซึ่งเป็นคติพจน์ประจำโรงเรียนเทพศิรินทร์

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=51532


หีนํ ธมฺมํ น เสเวยฺย - ปมาเทน น สํวเส
มิจฺฉาทิฏฺฐึ น เสเวยฺย - น สิยา โลกวฑฺฒโน .

บุคคลไม่พึงเสพธรรมอันเลว ไม่พึงอยู่ร่วมด้วยความประมาท
ไม่พึงเสพความเห็นผิด ไม่พึงเป็นคนรกโลก.



:b12:
ถ้ายังคิดว่าตัวเองเป็นคน
และฝึกคิดตามคำสอนได้
กรุณา คิดตามๆๆๆ เท่านั้น
สังขารขันธ์จะปรุงแต่งจิตเองไม่ได้ทำ...แค่เงี่ยโสตลงสดับ...
ฟังพระพุทธพจน์ให้เข้าใจก่อนตายจากอัตภาพคนคือฟังที่ไหนก็ได้ก่อนจิตออกจากร่างกายนี้ที่ได้มาแล้วค่ะ
ไม่มีใครรู้ความจริงอย่างพระพุทธเจ้าแม้พระอรหันต์สาวกยังต้องฟังเพื่อดำรงคำของตถาคตแล้วเราน่ะใคร
https://youtu.be/QSLNHelgWfw
:b12:
:b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ส.ค. 2020, 03:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เรื่อง อัตตา – อนัตตา เป็นหลักที่สำคัญยิ่ง

ที่พระพุทธศาสนาสอนเรื่องนี้ไว้ ถ้าพูดเป็นภาษาธรรมดาก็ว่า อัตตาที่ไม่มีนั้น ใช้มันไปเถอะ ได้ประโยชน์ดีจริงๆ ท่านสอนให้พัฒนาไปจนถึงที่สุด แล้วจะประสบสิ่งที่เลิศประเสริฐยิ่ง แต่อัตตามีขึ้นเมื่อไรเป็นปัญหาทุกที เกิดอัตตาขึ้นมาเมื่อไรก็ยุ่งเมื่อนั้น มีปัญหา เกิดทุกข์ เกิดการกระทบกระทั่งอะไรต่างๆ

พระพุทธศาสนามีคำสอนว่าด้วยอัตตาหรือตัวตนนี้มากมาย เช่น

อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ - ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน

อตฺตทีปา อตฺตสรณา - จงมีตนเป็นเกาะ จงมีตนเป็นที่พึ่ง

อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺฑิตา - บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมฝึกตน

สุทฺธิ อสุทฺธิ ปจฺจตฺตํ - ความบริสุทธิ์ ไม่บริสุทธิ์ เป็นของเฉพาะตน

อตฺตานญฺเจ ปิยํ ชญฺญา น นํ ปาเปน สํยุเช - หากรู้ว่าตัวเป็นที่รัก ก็ไม่ควรเอาตัวนั้นไปเกลือกกลั้วกับความชั่ว

อตฺตา หิ กิร ทุทฺทโม - ได้ยินว่า ตนแล ฝึกได้ยาก

อตฺตนา โจทยตฺตานํ ปฏิมํเสตมตฺตนา - จงเตือนตนด้วยตน จงพิจารณาตนนั้นด้วยตน

อตฺตนา ว กตํ ปาปํ อตฺตนา สงฺกิลิสฺสติ - บาปอันผู้ใดทำแล้วด้วยตนเอง ผู้นั้นย่อมเศร้าหมองด้วยตน

อตฺตานํ อุปมํ กตฺวา น หเนยฺย น ฆาตเย - บุคคลทำตนให้เป็นตัวอย่างแล้ว ไม่ควรฆ่าเอง ไม่ควรใช้ให้คนอื่นฆ่า

น สิยา โลกวฑฺฒโน - ไม่พึงเป็นคนรกโลก

ฯลฯ

เรื่องตัวเรื่องตนนี้ พระพุทธศาสนาสอนไว้มากมาย ในระดับตัวตนสมมตินี่ ที่มันไม่มีนี่แหละ พระพุทธศาสนาพูดเต็มที่เลย ให้ใช้ ให้ปฏิบัติ ให้พัฒนามัน จะเป็นประโยชน์เหลือเกิน ท่านไม่มาเที่ยวพูดยุ่งในระดับสมมติ ว่าไม่มีอัตตา

แต่ในระดับปรมัตถ์ ท่านให้รู้เท่าทันว่าอัตตามันไม่ใช่เป็นของจริง ถ้ามันมีขึ้นเมื่อไร เกิดยึดถือขึ้นเมื่อไร เป็นเกิดโทษทุกที ปัญหาจะมา

จึงบอกว่า อัตตาที่ไม่มีนั้น พัฒนาไปเถิด จะประสบสิ่งที่เลิศประเสริฐยิ่ง แต่อัตตามีเมื่อไร เกิดปัญหาทุกที

อัตตาที่ไม่มีนั้น ให้ใช้มันไปเถิดอย่างรู้กันและรู้ทัน ส่วนอัตตาที่จะมีก็ให้รู้แจ้งรู้ทัน มันจะได้ไม่เกิดขึ้นมา

ยิ่งพัฒนาอัตตาที่ไม่มีขึ้นมา อัตตาที่จะมีก็ยิ่งไม่เกิดขึ้นมา อันนี้ก็ตีให้แตกด้วย
........

พิจารณากันดู :b13: คุณโรสแยกออกไหม ตีแตกไหม :b10:

:b32:
บอกว่าตัดคำอื่นออกจากความคิดไปได้เลย
เอาคำนี้คำเดียวให้เข้าใจถูกทั้งชาตินี้แหละ
เมื่อไหร่จะคิดได้สักทีล่ะว่า...ไม่มีเรา...
ที่เป็นตัวเราทำก็ผิดมาตลอดแล้ว555
คิดว่าฉลาดมากไหมที่เอาบัญญัติคำ
ที่เป็นปัญญาของพระพุทธเจ้า
ไปพูดแอบอ้างว่าตัวเองรู้แล้ว
ตถาคตตรัสรู้สิ่งนี้คนเดียว
ในจักรวาลนี้ไม่มีใครรู้
นอกจากฟังแล้วคิด
แล้วรู้สึกตัวตามได้
ไม่มีเรา...นะคะ
:b32:
:b32: :b32:

:b12:
ตถาคตสอนตรงไปตรงมา
คิดสิสัจจะคือไม่มีเรา
แต่มีคำวาจาสัจจะ
ที่พอคิดถูกตัว
จะรู้สึกทันที
ตอนนี้มีตัว
ไม่มีเราคือไม่มีตัวนะ
รู้สึกใช่ม๊ะว่ามีตัวอยู่
:b32:
ทีนี้คิดตามไปก่อนนะ
ศาสนาแปลว่าคำสอน
ศาสดาแปลว่าเจ้าของศาสนา
เจ้าของศาสนาคือเจ้าของคำสอน
เจ้าของคำสอนคือพระพุทธเจ้าถูกใช่ม๊ะ
พระพุทธคือพระพุทธเจ้าพระองค์เดียวเท่านั้นนะ
พระพุทธศาสนา=คำสอนของพระพุทธเจ้าคนเดียวเท่านั้นถูกม๊ะ
:b12:
ในเมื่อเจ้าของคำสอนพูดบอกกล่าวอะไรเอาไว้นั่นคือความจริงที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ตรงๆนะ
ไม่มีเราเปลี่ยนเป็นคิดอยู่เนี่ยว่ามีเรา...ผิดไหมคะ...จะคิดเองต่อไปไหมในเมื่อคิดเองผิดๆ
คำสอนของพระพุทธเจ้าแม้1คำก็คิดเองไม่ได้...แล้วที่ไปอ่านท่องจำเป็นดิกชันนารี่จะรู้ตัวม๊ะว่าคิดผิด555
เอาชัดๆเลยนะ...ไม่มีเราคือไม่มีตัวเรา...จับแขนดูสิรู้สึกยังไง...แขนไม่กระทบตาแน่นอนเพราะใช้กายสัมผัส
ทางตาทางเดียวที่เกิดพร้อมมีแสงสว่าง...มองแขนสิคิดว่าเห็นแขนใช่ม๊ะ...คิดผิดเลย...กายสัมผัสเกิดในมืด
จับแขนทุกๆวันแล้วก็มองดูแขนให้ชัดแล้วดูสิว่าลืมตาดูแขนกะหลับตาจับแขนอันไหนหลงคิดผิดมากกว่ากัน
ที่แน่นอนที่สุดคือจะลืมตาจับแขนหรือหลับตาจับแขน...กูก็ยังมีตัวอยู่อ่ะ...คำสอนคิดถูกตรงตัวที่มีตามได้น๊า
:b12:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ส.ค. 2020, 04:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แบแบบ แล้วก็จะเห็นมโนของคน อันแรกเลยเราไปตีความคำว่า ดี ผิด

สวากขาตธรรม ธรรมที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ดีแล้ว

สวากขาตนิยยานิกธรรม ธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว อันนำผู้ประพฤติตามออกไปจากทุกข์

สฺวากฺขาโต (พระธรรมอันพระผู้มีพระภาค) ตรัสดีแล้ว คือ ตรัสไว้เป็นความจริง ไม่วิปริต งามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง และงามในที่สุด สัมพันธ์สอดคล้องกันทั่วตลอด ประกาศพรหมจริยะ คือ ทางดำเนินชีวิตอันประเสริฐ พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ส.ค. 2020, 04:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ต่อไปวิปลาส

วิปลาส, วิปัลลาส กิริยาที่ถือโดยอาการวิปริตผิดจากความเป็นจริง, ความเห็นหรือความเข้าใจคลาดเคลื่อนจากสภาพที่เป็นจริง มีดังนี้

ก. วิปลาสด้วยอำนาจจิตต์และเจตสิก ๓ ประการ คือ

๑. วิปลาสด้วยอำนาจสำคัญผิด เรียกว่า สัญญาวิปลาส
๒. วิปลาสด้วยคิดผิด เรียกว่า จิตวิปลาส
๓. วิปลาสด้วยอำนาจเห็นผิด เรียกว่า ทิฏฐิวิปลาส

ข. วิปลาสด้วยสามารถวัตถุเป็นที่ตั้ง ๔ ประการ คือ

๑. วิปลาสในของที่ไม่เที่ยง ว่า เที่ยง
๒. วิปลาสในของที่เป็นทุกข์ ว่า เป็นสุข
๓.วิปลาสในของที่ไม่ใช่ตน ว่า ตน
๔.วิปลาสในของที่ไม่งาม ว่า งาม

(เขียนว่า พิปลาส ก็มี)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ส.ค. 2020, 05:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เรื่อง อัตตา – อนัตตา เป็นหลักที่สำคัญยิ่ง

ที่พระพุทธศาสนาสอนเรื่องนี้ไว้ ถ้าพูดเป็นภาษาธรรมดาก็ว่า อัตตาที่ไม่มีนั้น ใช้มันไปเถอะ ได้ประโยชน์ดีจริงๆ ท่านสอนให้พัฒนาไปจนถึงที่สุด แล้วจะประสบสิ่งที่เลิศประเสริฐยิ่ง แต่อัตตามีขึ้นเมื่อไรเป็นปัญหาทุกที เกิดอัตตาขึ้นมาเมื่อไรก็ยุ่งเมื่อนั้น มีปัญหา เกิดทุกข์ เกิดการกระทบกระทั่งอะไรต่างๆ

พระพุทธศาสนามีคำสอนว่าด้วยอัตตาหรือตัวตนนี้มากมาย เช่น

อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ - ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน

อตฺตทีปา อตฺตสรณา - จงมีตนเป็นเกาะ จงมีตนเป็นที่พึ่ง

อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺฑิตา - บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมฝึกตน

สุทฺธิ อสุทฺธิ ปจฺจตฺตํ - ความบริสุทธิ์ ไม่บริสุทธิ์ เป็นของเฉพาะตน

อตฺตานญฺเจ ปิยํ ชญฺญา น นํ ปาเปน สํยุเช - หากรู้ว่าตัวเป็นที่รัก ก็ไม่ควรเอาตัวนั้นไปเกลือกกลั้วกับความชั่ว

อตฺตา หิ กิร ทุทฺทโม - ได้ยินว่า ตนแล ฝึกได้ยาก

อตฺตนา โจทยตฺตานํ ปฏิมํเสตมตฺตนา - จงเตือนตนด้วยตน จงพิจารณาตนนั้นด้วยตน

อตฺตนา ว กตํ ปาปํ อตฺตนา สงฺกิลิสฺสติ - บาปอันผู้ใดทำแล้วด้วยตนเอง ผู้นั้นย่อมเศร้าหมองด้วยตน

อตฺตานํ อุปมํ กตฺวา น หเนยฺย น ฆาตเย - บุคคลทำตนให้เป็นตัวอย่างแล้ว ไม่ควรฆ่าเอง ไม่ควรใช้ให้คนอื่นฆ่า

น สิยา โลกวฑฺฒโน - ไม่พึงเป็นคนรกโลก

ฯลฯ

เรื่องตัวเรื่องตนนี้ พระพุทธศาสนาสอนไว้มากมาย ในระดับตัวตนสมมตินี่ ที่มันไม่มีนี่แหละ พระพุทธศาสนาพูดเต็มที่เลย ให้ใช้ ให้ปฏิบัติ ให้พัฒนามัน จะเป็นประโยชน์เหลือเกิน ท่านไม่มาเที่ยวพูดยุ่งในระดับสมมติ ว่าไม่มีอัตตา

แต่ในระดับปรมัตถ์ ท่านให้รู้เท่าทันว่าอัตตามันไม่ใช่เป็นของจริง ถ้ามันมีขึ้นเมื่อไร เกิดยึดถือขึ้นเมื่อไร เป็นเกิดโทษทุกที ปัญหาจะมา

จึงบอกว่า อัตตาที่ไม่มีนั้น พัฒนาไปเถิด จะประสบสิ่งที่เลิศประเสริฐยิ่ง แต่อัตตามีเมื่อไร เกิดปัญหาทุกที

อัตตาที่ไม่มีนั้น ให้ใช้มันไปเถิดอย่างรู้กันและรู้ทัน ส่วนอัตตาที่จะมีก็ให้รู้แจ้งรู้ทัน มันจะได้ไม่เกิดขึ้นมา

ยิ่งพัฒนาอัตตาที่ไม่มีขึ้นมา อัตตาที่จะมีก็ยิ่งไม่เกิดขึ้นมา อันนี้ก็ตีให้แตกด้วย
........

พิจารณากันดู :b13: คุณโรสแยกออกไหม ตีแตกไหม :b10:

:b32:
บอกว่าตัดคำอื่นออกจากความคิดไปได้เลย
เอาคำนี้คำเดียวให้เข้าใจถูกทั้งชาตินี้แหละ
เมื่อไหร่จะคิดได้สักทีล่ะว่า...ไม่มีเรา...
ที่เป็นตัวเราทำก็ผิดมาตลอดแล้ว555
คิดว่าฉลาดมากไหมที่เอาบัญญัติคำ
ที่เป็นปัญญาของพระพุทธเจ้า
ไปพูดแอบอ้างว่าตัวเองรู้แล้ว
ตถาคตตรัสรู้สิ่งนี้คนเดียว
ในจักรวาลนี้ไม่มีใครรู้
นอกจากฟังแล้วคิด
แล้วรู้สึกตัวตามได้
ไม่มีเรา...นะคะ
:b32:
:b32: :b32:

:b12:
ตถาคตสอนตรงไปตรงมา
คิดสิสัจจะคือไม่มีเรา
แต่มีคำวาจาสัจจะ
ที่พอคิดถูกตัว
จะรู้สึกทันที
ตอนนี้มีตัว
ไม่มีเราคือไม่มีตัวนะ
รู้สึกใช่ม๊ะว่ามีตัวอยู่
:b32:
ทีนี้คิดตามไปก่อนนะ
ศาสนาแปลว่าคำสอน
ศาสดาแปลว่าเจ้าของศาสนา
เจ้าของศาสนาคือเจ้าของคำสอน
เจ้าของคำสอนคือพระพุทธเจ้าถูกใช่ม๊ะ
พระพุทธคือพระพุทธเจ้าพระองค์เดียวเท่านั้นนะ
พระพุทธศาสนา=คำสอนของพระพุทธเจ้าคนเดียวเท่านั้นถูกม๊ะ
:b12:
ในเมื่อเจ้าของคำสอนพูดบอกกล่าวอะไรเอาไว้นั่นคือความจริงที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ตรงๆนะ
ไม่มีเราเปลี่ยนเป็นคิดอยู่เนี่ยว่ามีเรา...ผิดไหมคะ...จะคิดเองต่อไปไหมในเมื่อคิดเองผิดๆ
คำสอนของพระพุทธเจ้าแม้1คำก็คิดเองไม่ได้...แล้วที่ไปอ่านท่องจำเป็นดิกชันนารี่จะรู้ตัวม๊ะว่าคิดผิด555
เอาชัดๆเลยนะ...ไม่มีเราคือไม่มีตัวเรา...จับแขนดูสิรู้สึกยังไง...แขนไม่กระทบตาแน่นอนเพราะใช้กายสัมผัส
ทางตาทางเดียวที่เกิดพร้อมมีแสงสว่าง...มองแขนสิคิดว่าเห็นแขนใช่ม๊ะ...คิดผิดเลย...กายสัมผัสเกิดในมืด
จับแขนทุกๆวันแล้วก็มองดูแขนให้ชัดแล้วดูสิว่าลืมตาดูแขนกะหลับตาจับแขนอันไหนหลงคิดผิดมากกว่ากัน
ที่แน่นอนที่สุดคือจะลืมตาจับแขนหรือหลับตาจับแขน...กูก็ยังมีตัวอยู่อ่ะ...คำสอนคิดถูกตรงตัวที่มีตามได้น๊า



เพ้อไปคนละเรื่อง :b32:

อ้างคำพูด:
ศาสนาแปลว่าคำสอน
ศาสดาแปลว่าเจ้าของศาสนา
เจ้าของศาสนาคือเจ้าของคำสอน
เจ้าของคำสอนคือพระพุทธเจ้าถูกใช่ม๊ะ
พระพุทธคือพระพุทธเจ้าพระองค์เดียวเท่านั้นนะ
พระพุทธศาสนา=คำสอนของพระพุทธเจ้าคนเดียวเท่านั้นถูกม๊ะ


อัตตา หิ อัตตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้าไหม ตอบ

1.ใช่
2.ไม่ใช่

ตอบข้อ 1 หรือ 2 เอาชัดๆสักทีเถอะ กรัชกายจะนอนตายตาหลับ :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ส.ค. 2020, 10:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
แบแบบ แล้วก็จะเห็นมโนของคน อันแรกเลยเราไปตีความคำว่า ดี ผิด

สวากขาตธรรม ธรรมที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ดีแล้ว

สวากขาตนิยยานิกธรรม ธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว อันนำผู้ประพฤติตามออกไปจากทุกข์

สฺวากฺขาโต (พระธรรมอันพระผู้มีพระภาค) ตรัสดีแล้ว คือ ตรัสไว้เป็นความจริง ไม่วิปริต งามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง และงามในที่สุด สัมพันธ์สอดคล้องกันทั่วตลอด ประกาศพรหมจริยะ คือ ทางดำเนินชีวิตอันประเสริฐ พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง

:b12:
เออนะคนเราเนี่ยเลือกให้ถูกว่าจะเป็นเพศไหน
เพราะประเภทของชาวพุทธมีแค่2แบบเท่านั้นคือ
แบบที่1คฤหัสถ์หรือชาวบ้านแบ่งเป็น2ฝ่ายคือชายและหญิง
แบบที่2บรรพชิตหรือนักบวชตามอุปสมบทแบ่งเป็น2ฝ่ายคือชายและหญิง
แบบที่1รับเงินทองค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าได้ตามปกติเลี้ยงดูปูเสื่อทำสังคมสงเคราห์ได้ไม่มีอาบัติ
แบบที่2ไม่ทำแบบที่1เพราะลาขาดจากเพศคฤหัสถ์ตัดขาดญาติไม่เลี้ยงดูใครเพราะไม่มีเงินห้ามขอด้วย
ที่ทำตามๆกันไปอยู่นั่นน่ะถ้านุ่งห่มจีวรแล้วรับเงินเรี่ยไรและขอรับบริจาคมันทำไม่ได้มันอาบัติรอไปอบายภูมิ
:b32: :b32:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 16 ส.ค. 2020, 10:15, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ส.ค. 2020, 10:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ต่อไปวิปลาส

วิปลาส, วิปัลลาส กิริยาที่ถือโดยอาการวิปริตผิดจากความเป็นจริง, ความเห็นหรือความเข้าใจคลาดเคลื่อนจากสภาพที่เป็นจริง มีดังนี้

ก. วิปลาสด้วยอำนาจจิตต์และเจตสิก ๓ ประการ คือ

๑. วิปลาสด้วยอำนาจสำคัญผิด เรียกว่า สัญญาวิปลาส
๒. วิปลาสด้วยคิดผิด เรียกว่า จิตวิปลาส
๓. วิปลาสด้วยอำนาจเห็นผิด เรียกว่า ทิฏฐิวิปลาส

ข. วิปลาสด้วยสามารถวัตถุเป็นที่ตั้ง ๔ ประการ คือ

๑. วิปลาสในของที่ไม่เที่ยง ว่า เที่ยง
๒. วิปลาสในของที่เป็นทุกข์ ว่า เป็นสุข
๓.วิปลาสในของที่ไม่ใช่ตน ว่า ตน
๔.วิปลาสในของที่ไม่งาม ว่า งาม

(เขียนว่า พิปลาส ก็มี)

:b32:
พระพุทธเจ้าบอกความจริงว่า...ไม่มีเรา...มีแต่ธัมมะ...ไม่เข้าใจเหรอ...มีแต่ธัมมะที่เกิดโดยอนัตตา(ไม่มีตัวตน)
เราน่ะ...เรานั่นแหละคิดยังไงก็ไม่พ้นมีวิธีจะทำให้หมดตัวกู...ก็ตัวกูไม่มี...มีแต่หลงผิดในอัตตา..วิปลาสมั๊ยล่ะ
:b32: :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 42 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 49 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร